Tuesday, 20 May 2025
สหราชอาณาจักร

Nyobolt พัฒนาแบตฯ ชาร์จเต็ม 100% ได้ภายใน 6 นาที  เร็วกว่าสองเท่าของการเติมน้ำมันในรถยนต์ที่ใช้เบนซิน

(4 ก.ค.67) เพจ ‘Salika’ ได้เผยแพร่บทความที่น่าสนใจเกี่ยวการพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในเวลา 6 นาที โดยระบุว่า… 

หนึ่งในข้อร้องเรียนที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าคือเวลาในการชาร์จที่นานเกินไป ในบางกรณี อาจใช้เวลานานถึง 40 ชั่วโมง หากชาร์จที่บ้าน และแม้แต่การใช้ Tesla Supercharger ก็จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยเฉลี่ย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ EV ยังไม่สามารถกินรวบตลาดรถยนต์ได้

อย่างไรก็ตาม Nyobolt สตาร์ทอัปที่ตั้งอยู่ในเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 กล่าวว่าได้พัฒนาแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในเวลา 6 นาที เร็วกว่าความเร็วของยานพาหนะที่ชาร์จเร็วที่สุดบนท้องถนนสองถนน หรือประมาณสองเท่าของระยะเวลาที่ใช้ในการเติมน้ำมันในรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน

Nyobolt ที่ชูจุดขาย “พลังมากขึ้นในเวลาที่น้อยลง แบตเตอรี่กำลังสูงพิเศษพร้อมเวลาในการชาร์จที่รวดเร็วเป็นพิเศษ” กล่าวว่าได้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 35kWh ซึ่งสามารถชาร์จจาก 10% เป็น 80% ในเวลาเพียงสี่นาทีครึ่งเท่านั้น และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 6 นาที นอกจากนี้ ระบุว่าแบตเตอรี่ไม่แสดงการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแต่อย่างใด

บริษัทกล่าวว่าแบตเตอรี่ดังกล่าวอ้างถึงการทดสอบโดย OEM อิสระ (แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้ทำการทดสอบ) สามารถชาร์จได้เร็วมากกว่า 4,000 รอบ ซึ่งครอบคลุมระยะทางประมาณ 600,000 ไมล์ (965,604 กิโลเมตร) โดยรักษาความจุของแบตเตอรี่ได้มากกว่า 80%

“การวิจัยอย่างกว้างขวางของเราในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาได้ปลดล็อกเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ที่มีความพร้อมและสามารถปรับขนาดได้ในขณะนี้” ดร. Sai Shivareddy ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Nyobolt กล่าวในแถลงการณ์ “เรากำลังทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปไม่ได้”

บริษัทกล่าวว่าแบตเตอรี่ใหม่ได้รับการทดสอบในต้นแบบ Nyobolt EV ซึ่งเป็นรถสปอร์ต EV ที่มีน้ำหนักเพียง 2,755 ปอนด์ (ราว 1,250 กิโลกรัม)ทำให้ไม่เพียงแต่สามารถปรับปรุงการควบคุมได้เท่านั้น แต่ยานพาหนะที่เบากว่าและแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่าจะมีราคาถูกกว่าในการสร้างและมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง

“ชุดแบตเตอรี่ขนาด 35kWh ในรถต้นแบบ Nyobolt EV ไม่เพียงแต่เพิ่มระยะทางได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ขนาดแบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัดยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตรถยนต์และผู้ขับขี่ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าประหยัดพลังงานมีราคาถูกกว่าและใช้ทรัพยากรในการผลิตน้อยลงอย่างมาก” Nyobolt ระบุในแถลงการณ์

มีรายงานว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ใหม่นี้จะเดินทางได้ประมาณ 155 ไมล์ (ราว 250 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถเพิ่มระยะทางได้ 120 ไมล์ หรือราว 193 กิโลเมตรในเวลาเพียง 4 นาที

Nyobolt กล่าวว่ากำลังเจรจากับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 8 ราย เกี่ยวกับการขายนวัตกรรมแบตเตอรี่ของตน แต่ยังไม่น่าจะส่งออกไปที่สหรัฐอเมริกาได้ในระยะสั้น เนื่องจากแบตเตอรี่ขนาด 35 kWh นั้นเล็กกว่าแบตเตอรี่ขนาด 85 kWh ที่ใช้ในรถ EV ส่วนใหญ่ของอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด กระนั้นความก้าวหน้าครั้งนี้อาจเป็นส่วนสำคัญสำหรับการพัฒนาแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ในอนาคต

“Nyobolt EV แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ชาร์จเร็วและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ช่วยให้ความจุมีขนาดที่เหมาะสม ในขณะที่ยังคงให้ประสิทธิภาพตามที่ต้องการ เรากำลังขจัดอุปสรรคในการชาร์จที่ช้าและไม่สะดวก ทำให้การใช้พลังงานไฟฟ้าน่าดึงดูดและเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการชาร์จเป็นเวลานานหรือไม่มีพื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน” Shane Davies ผู้อำนวยการฝ่ายระบบแบตเตอรี่รถยนต์ของ Nyobolt กล่าว

บริษัทอ้างว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับการผลิตแล้ว โดยกล่าวว่าอาจมีการผลิตในปริมาณน้อยภายใน 1 ปี นับจากนี้ โดยจะเพิ่มเป็น 1,000 แพ็กในปี 2568 และด้วยรูปแบบการผลิตที่ยืดหยุ่นของ Nyobolt ทำให้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ได้มากถึง 2 ล้านเซลล์ต่อปี และแบตเตอรี่ของ Nyobolt จะปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบแบตเตอรี่ของสหภาพยุโรปเมื่อมีการผลิตจริงจัง

นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมของ Nyobolt EV ยังเน้นย้ำถึงวิธีการดัดแปลงเข้ากับแพลตฟอร์ม EV ที่มีอยู่ ส่งผลให้เวลาในการชาร์จและอายุการหมุนเวียนของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง โมดูลแบตเตอรี่ของ Nyobolt EV ถูกระบายความร้อนด้วยแผ่นเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำ/ไกลคอล วงจรแบตเตอรี่ใช้คอมเพรสเซอร์และคอนเดนเซอร์ AC และเครื่องทำความเย็นแบตเตอรี่ ซึ่งเข้ากันได้กับยานพาหนะสมรรถนะสูงอื่นๆ และส่งผลให้ได้โมดูลและชุดแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพใกล้เคียงมาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือ แบตเตอรี่ของ Nyobolt ขึ้นอยู่กับไนโอเบียม (โลหะที่มีความเหนียวและมันวาวซึ่งสามารถต้านทานการกัดกร่อนและรักษาคุณสมบัติทางกายภาพทั้งหมดไว้เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงมาก) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการขุดค้นมากนัก เมื่อเทียบกับระดับการผลิตของวัสดุที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

ทั้งนี้ Nyobolt เป็นเพียงหนึ่งในหลายบริษัทที่ทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อปรับปรุงแบตเตอรี่ EV เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทชื่อ 24M ได้จัดแสดงแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้มีระยะทางไกลถึง 1,000 ไมล์(ราว 1,609 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แบตเตอรี่นั้นใช้โลหะลิเทียมมากกว่าลิเทียมไอออน ซึ่ง 24M เป็นสปินเอาท์ของ MIT กล่าวว่าให้ความหนาแน่นของพลังงานมากกว่า อย่างไรก็ตาม อาจใช้เวลา 5 ปีก่อนที่เทคโนโลยีดังกล่าวจะออกสู่ท้องถนน

ขณะเดียวกัน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลกล่าวว่าพวกเขาได้สร้างแบตเตอรี่ลิเทียมที่มีความเสถียร ซึ่งสามารถชาร์จได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที และเมื่อปีที่แล้ว บริษัทชื่อ Gravity กล่าวว่าเครื่องชาร์จของบริษัทสามารถจ่ายไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการเดินทางระยะทาง 200 ไมล์ (ราว 322 กิโลเมตร) ได้ภายในเวลาเพียง 5 นาที แต่ปัญหาคือ EV บางตัวไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับพลังงานของเครื่องชาร์จที่ทรงประสิทธิภาพเหล่านี้

‘สสวท.’ ปลื้ม ‘6 หนุ่มเยาวชนไทย’ คว้ารางวัลใหญ่ ‘เหรียญ-เกียรติคุณประกาศ’ รายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ จากสหราชอาณาจักร

(22 ก.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้คัดเลือกและจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างวันที่ 11 - 22 กรกฎาคม 2567 ณ เมืองบาธ สหราชอาณาจักร ผลปรากฏว่านักเรียนไทยสามารถทำได้ 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง 2 เกียรติคุณประกาศ ดังนี้

๐ นายสิรภพ ขาวพลัด โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญเงิน
๐ นายกฤติธี นวลขาว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญเงิน
๐ นายพัฒนแสง พินิจพิชิตกุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญเงิน
๐ นายเอกกวิน วิศิษฎ์เกียรติชัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญทองแดง
๐ นายเกียรติภูมิ สิเจริญ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพฯ เกียรติคุณประกาศ
๐ นายสิรวิทย เฮงสุวนิช โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เกียรติคุณประกาศ 

การแข่งขันครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 609 คน จาก 108 ประเทศ โดยคณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีมไทยประกอบด้วย ดร.นิธิ รุ่งธนาภิรมย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าทีม ผศ.ดร.ธีระเดช กิตติภัสสร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองหัวหน้าทีม ดร.สริตา บุญย์ศุภา บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด ผู้ช่วยหัวหน้าทีม ผศ.ดร. ลี ศาสนพิทักษ์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ช่วยหัวหน้าทีม (ตัวแทนจากมูลนิธิ สอวน.) นายกฤษฏ์ บุญศิริเศรษฐ นักศึกษาปริญญาโท MIT ผู้ช่วยหัวหน้าทีม นายจเร ปานเมือง สสวท. ผู้จัดการทีม 

คณะผู้แทนคณิตศาสตร์โอลิมปิกจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567 เที่ยวบิน TG 917 เวลา 15.00 น. สสวท.จะมีพิธีแสดงความยินดีเวลา 16.00 น. ณ อาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ด้านใน ประตู 1 สนามบินสุวรรณภูมิ 

ร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้แทนประเทศไทยโอลิมปิกวิชาการที่เฟซบุ๊ก Olympic ipst

เมืองผู้ดีวิกฤต!! ‘คนไร้บ้าน’ พุ่งแตะ 7.9 หมื่นครัวเรือน แนวโน้มเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลยังไร้ทางแก้

คนไร้บ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และตอนนี้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ตามรายงานที่เผยแพร่โดยหน่วยงานอิสระด้านเฝ้าระวังการใช้จ่ายสาธารณะ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา

(26 ก.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของสหราชอาณาจักรเปิดเผยรายงานระบุว่า แม้มีกฎหมายลดคนเร่ร่อนในประเทศปี 2017 แต่สถานการณ์คนไร้บ้านยังคงเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น และคาดหมายว่าจะเสื่อมทรามลงไปมากกว่านี้อีก

รายงานพบว่าจากช่วง 3 ไตรมาสของปี 2018-2019 จนถึงช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023-24 จำนวนครัวเรือนที่ได้รับการรับรองจากทางการท้องถิ่นของพวกเขาในฐานะคนไร้บ้าน เพิ่มขึ้น 23% เป็น 78,980 ครัวเรือน ขณะที่จำนวนครัวเรือนที่ต้องพักอาศัยในที่พักพิงชั่วคราว เพิ่มขึ้น 35% เป็น 112,660 ครัวเรือน

ในรายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน บอกต่อว่า จำนวนคนเร่ร่อนที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงขาดแคลนที่พักอาศัยเพื่อสังคมหรือโครงการบ้านของทางรัฐ ต้นทุนค่าบ้านที่ค่อนข้างสูง และการระงับโครงการเงินสงเคราะห์ช่วยจ่ายค่าเช่าสำหรับผู้เช่าบ้าน

ทั้งนี้ ในรายงานยังพบด้วยว่า ทางการท้องถิ่นต้องใช้จ่ายเงินในด้านบริการคนเร่ร่อนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2010-11 แตะระดับ 2,440 ล้านปอนด์ในปี 2022-23

นอกจากนี้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินระบุด้วยว่า มีพบเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นบ้าง "แต่รัฐบาลยังคงไม่มียุทธศาสตร์และเป้าหมายสำหรับลดจำนวนคนเร่ร่อน" 

ขณะที่กระทรวงยกระดับบ้านและชุมชน (DLUHC) ล้มเหลวในการเพิ่มจำนวนอุปทานล้าน ทั้งนี้ ทางกระทรวง DLUHC ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงบ้าน ชุมชนและรัฐบาลท้องถิ่น เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

"งบประมาณยังคงกระจัดกระจายและโดยทั่วไปเป็นแบบระยะสั้น ขัดขวางการทำงานเพื่อป้องกันคนไร้บ้าน และมีการลงทุนอย่างจำกัดจำเขี่ยในด้านที่พักอาศัยชั่วคราวคุณภาพดีและรูปแบบบ้านอื่น ๆ" รายงานระบุ

"คนไร้บ้านในทุก ๆ เคส ล้วนแต่เป็นเรื่องเศร้าของมนุษย์" เกรซ วิลเลียมส์ สมาชิกระดับสูงของสภาลอนดอน ด้านที่อยู่อาศัยและการฟื้นฟู กล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการมีหนทางใหม่ ๆ ในการจัดการกับปัญหานี้

19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2400 พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) นำคณะราชทูตสยาม เชิญพระราชสาสน์และเครื่องราชบรรณาการ ถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย

ราชทูตสยามในคณะของพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) ได้เริ่มต้นการเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อเชิญพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษ

พระยามนตรีสุริยวงศ์ หรือที่มีนามเดิมว่า ชุ่ม บุนนาค เป็นบุตรคนที่ 9 ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) กับท่านผู้หญิงจันทร์ และน้องชายแท้ๆ ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยามนตรีสุริยวงศ์ได้รับมอบหมายให้เป็นราชทูตเดินทางไปยังราชสำนักอังกฤษเพื่อถวายพระราชสาส์นแก่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียในปี พ.ศ. 2400

ในการเดินทางครั้งนี้ หม่อมราโชทัย ล่ามของคณะทูต ได้ประพันธ์ "นิราศลอนดอน" ขึ้นเพื่อบันทึกเรื่องราวการเดินทาง ส่วนพระยามนตรีสุริยวงศ์มีบุตรชาย 18 คน และบุตรหญิง 10 คน

เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น คณะทูตตัดสินใจเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางบกผ่านฝรั่งเศส แทนที่จะเดินทางทางเรือจากอังกฤษกลับตรงเหมือนขาไป โดยในเชิงอรรถของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวว่า 

"การที่ราชทูตกลับทางฝรั่งเศสนั้น ปรากฏในจดหมายเหตุของรัฐบาลอังกฤษว่า แต่เดิมรัฐบาลจะจัดให้กลับมาเรือจากเมืองอังกฤษเหมือนเมื่อขาไป แต่เนื่องจากการเดินทางขาไปประสบปัญหาคลื่นใหญ่ที่อ่าวบิศเคำบากเต็มที ขากลับเป็นฤดูหนาวและคลื่นใหญ่ยิ่งกว่าขาไป จึงขอเปลี่ยนเส้นทางกลับทางประเทศฝรั่งเศส รัฐบาลจึงได้จัดการให้มาทางนั้น"

การเลือกเส้นทางผ่านฝรั่งเศสทำให้คณะทูตต้องเสียเวลาช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 2 สัปดาห์ และในช่วงนี้ คณะทูตได้มีโอกาสเข้าเฝ้าจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศสเป็นกรณีพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการแจ้งจุดมุ่งหมายล่วงหน้าอย่างเป็นทางการ

ครองแชมป์ชื่อเด็กชายยอดนิยมในอังกฤษ แซงหน้าชื่อสไตล์ผู้ดี ‘อเมเลีย-โอลิเวอร์’

(9 ธ.ค. 67) สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (ONS) เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2024 ว่า ‘มูฮัมหมัด’ (Muhammed) กลายเป็นชื่อที่พ่อแม่ชาวอังกฤษและเวลส์นิยมตั้งให้เด็กผู้ชายแรกเกิดมากที่สุดในปี 2023 โดยมีเด็กชายชื่อมูฮัมหมัดถึง 4,661 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่มี 4,177 คน ส่งผลให้ชื่อดังกล่าวครองอันดับ 1 ของชื่อเด็กผู้ชายยอดนิยม แซงหน้า โนอาห์ (Noah) และ โอลิเวอร์ (Oliver) ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ  

สำหรับเด็กผู้หญิง ชื่อ โอลิเวีย (Olivia) ยังคงครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ตามมาด้วย อเมเลีย (Amelia) และ ไอยลา (Isla) ที่อยู่ในอันดับที่ 2 และ 3 เช่นเดิม  

เกร็ก ซีลีย์ (Greg Ceely) หัวหน้าศูนย์ติดตามสุขภาพประชากรของ ONS กล่าวว่าวัฒนธรรมป็อปมีอิทธิพลต่อการตั้งชื่อเด็กอย่างมาก โดยชื่อนักร้องชื่อดัง เช่น บิลลี (Billie), ลานา (Lana), ไมลีย์ (Miley), รีฮานนา (Rihanna) และเอลตัน (Elton) กลายเป็นชื่อที่พบได้บ่อยในหมู่เด็กเกิดใหม่  

ในทางกลับกัน ชื่อราชวงศ์อังกฤษ กลับได้รับความนิยมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยชื่อ จอร์จ (George)ตกไปอยู่อันดับที่ 4 มีเด็กเพียง 3,494 คนเท่านั้นที่ใช้ชื่อนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ตัวเลขลดลงต่ำกว่า 4,000 คน ขณะที่ วิลเลียม (William) และหลุยส์ (Louis) ตกไปอยู่อันดับที่ 29 และ 45 ตามลำดับ  

ชื่อจากภาษาอาหรับ เช่น อัยมาน (Ayman) และ ฮัสซัน (Hasan) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้นถึง 47% และ 43% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของชุมชนชาวเอเชียใต้และชาวมุสลิมในสหราชอาณาจักร  

ปัจจุบัน ชาวเอเชียใต้จากประเทศอินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ คิดเป็น 4.3% ของประชากรทั้งหมดในอังกฤษ โดยชาวอินเดียถือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษและเวลส์ มีจำนวนประชากรมากกว่า 1.5 ล้านคน หรือ 2.5% ของประชากรอังกฤษทั้งหมด

อังกฤษผุดไอเดียปรับเงินผู้ปกครอง หากนักเรียนทำพฤติกรรมแย่

(20 ธ.ค.67) สถาบันวิจัย Tony Blair Institute (TBI) ในอังกฤษเสนอไอเดียต่อรัฐบาลให้ครูมีอำนาจปรับเงินผู้ปกครองของนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในโรงเรียน โดยให้เหตุผลว่าครูควรมีอำนาจในเชิงกฎหมายที่คล้ายกันกับตำรวจปรับผู้ขับขี่ เพื่อบังคับให้ผู้ปกครองเข้าพบและจัดทำแผนปรับปรุงพฤติกรรมของบุตรหลาน

รายงานระบุว่า หากผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพฤติกรรมบุตรหลาน ครูสามารถแจ้งตำรวจหรือหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาได้ โดยชี้ว่าครูอยู่ในบทบาทที่สามารถสังเกตและปัญหาที่ลึกซึ้งและมีบทบาทสำคัญในการป้องกันปัญหาในระยะยาวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและลดวิกฤตการณ์ขาดแคลนครูได้

Alexander Iosad ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมของ TBI กล่าวว่า “ปัจจุบันครูไม่มีอำนาจและไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอในการรับมือกับพฤติกรรมที่ก่อกวนและอันตรายที่เพิ่มขึ้น” พร้อมเสนอให้ฟื้นฟูอำนาจและสนับสนุนครูอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้บริหารโรงเรียนบางรายแสดงความกังวลว่าการให้อำนาจนี้อาจเพิ่มภาระงานและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครองตึงเครียดมากขึ้น พร้อมเสนอให้เพิ่มงบประมาณสำหรับหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมและการสนับสนุนเด็กและครอบครัวที่มีปัญหาแทน

การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Edurio และ Opinium ระบุว่ากว่าครึ่งของครูในอังกฤษต้องเผชิญกับปัญหาการขาดการสนับสนุนในการจัดการพฤติกรรมนักเรียน และน้อยกว่า 10% เชื่อว่าโรงเรียนของตนบังคับใช้กฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ครูมากกว่า 2 ใน 3 ยอมรับว่าการเรียนการสอนในชั้นเรียนมักถูกรบกวนจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนบางคน

รายงานยังชี้ว่าการรบกวนที่ต่อเนื่องทำให้ครูหมดกำลังใจและส่งผลให้พวกเขาพิจารณาออกจากอาชีพ โดยครูที่เผชิญกับปัญหาพฤติกรรมรุนแรงมีแนวโน้มลาออกสูงเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีปัญหาดังกล่าว

Pepe Di’Iasio เลขาธิการสมาคมผู้บริหารโรงเรียนและวิทยาลัยในอังกฤษ กล่าวว่า ภาครัฐควรมุ่งเน้นการให้การสนับสนุนเด็กอย่างเหมาะสมตั้งแต่ระยะแรกและเพิ่มงบประมาณสำหรับการดูแลสวัสดิภาพนักเรียนในโรงเรียน แทนการเปลี่ยนไปลงโทษที่ผู้ปกครอง

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษกล่าวว่า “ที่ผ่านมากระทรวงทำงานร่วมกับครูอย่างใกล้ชิดเพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาและจัดการกับสาเหตุพื้นฐานของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อไป”

สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ทรงส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย และความห่วงใยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังแผ่นดินไหวในประเทศไทย

(1 เม.ย. 68) สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงส่งพระราชสาส์นถึงพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เมียนมา และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในพระราชสาส์น พระราชเจ้าชาลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ฝ่าพระบาท หม่อมฉันและพระราชินีรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศเมียนมา ประเทศไทย และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค หม่อมฉันรับทราบถึงความโศกเศร้าและความสูญเสียที่ประชาชนในประเทศไทยกำลังประสบอยู่ อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก”

พระราชสาส์นยังทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งพระองค์และพระราชินีขอแสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้งและร่วมปวดร้าวไปกับประชาชนไทยที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ 

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ยังทรงยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทางการบรรเทาภัยพิบัติแก่ประเทศไทยในทุกด้าน

พระราชสาส์นฉบับนี้เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและการแสดงออกถึงความห่วงใยระหว่างพระราชวงศ์แห่งสหราชอาณาจักรและราชวงศ์ไทยในยามที่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้น

เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา นำทีมพลังงานไทย สู่เวทีนานาชาติ IEA Summit 2568

เมื่อวันที่ (24 เม.ย. 68) พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ผู้แทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน เข้าร่วมประชุม IEA Summit on the Future of Energy Security ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 เมษายน 2568 โดยมี IEA / UK Government และผู้แทนกว่า 50 ประเทศ, 60 บริษัทพลังงาน และนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เข้าร่วมประชุม

‘เจ้าชายแฮรี่’ แพ้คดี!! ขอการรักษาความปลอดภัยใน สหราชอาณาจักร ‘พระเจ้าชาร์ลส์’ ทรงตัดขาดการสื่อสาร!! หลังข้อพิพาททางกฎหมาย

(3 พ.ค. 68) ศาลอุทธรณ์มีมติยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลสูง ปฏิเสธคำร้องของเจ้าชายแฮร์รี่ที่ทรงเรียกร้องให้ได้รับการคุ้มครองจากตำรวจ ขณะเสด็จฯ กลับสหราชอาณาจักร โดยศาลเห็นว่า “ความรู้สึกไม่พอใจ” ของพระองค์ไม่เพียงพอเป็นข้อกฎหมายในการท้าทายการตัดสินใจของคณะกรรมการ Ravec

การเปลี่ยนแปลงระดับการคุ้มครองเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2020 หลังจากเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสเมแกนประกาศลดบทบาทจากราชวงศ์ โดย Ravec ได้พิจารณาให้ความปลอดภัยในลักษณะเฉพาะกิจเป็นรายกรณี แทนที่จะเป็นการคุ้มครองแบบถาวรเหมือนสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง

ฝ่ายทนายความของเจ้าชายแฮร์รี่โต้แย้งว่าพระองค์ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่ผู้พิพากษาทั้งสามมีความเห็นสอดคล้องกันว่าไม่พบความผิดในกระบวนการตัดสินของ Ravec

แนวโน้มการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

นักกฎหมายชี้ว่า เจ้าชายแฮร์รี่อาจพิจารณายื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อน และมีแนวโน้มต่ำ เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากกว่าจะเป็นประเด็นผลประโยชน์สาธารณะ

พระเจ้าชาร์ลส์ “ไม่ตรัสกับเจ้าชายแฮร์รี่” หลังข้อพิพาทเรื่องความปลอดภัย
เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเผยว่าพระเจ้าชาร์ลส์ไม่ตรัสกับพระองค์อีกต่อไป โดยให้เหตุผลว่า “เพราะเรื่องความปลอดภัย” และทรงกล่าวว่าพระองค์ต้องการคืนดีกับราชวงศ์

“ผมมองไม่เห็นโลกที่ผมจะพาภรรยาและลูก ๆ กลับไปอยู่ที่สหราชอาณาจักรในตอนนี้ได้เลย” พระองค์ตรัสกับ BBC

หลังการพ่ายคดี เจ้าชายแฮร์รี่ต้องรับภาระค่ากฎหมาย กว่า 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งพระองค์ทรงระบุว่ารู้สึก “เสียใจมาก”

โฆษกพระราชวังบักกิงแฮมชี้แจงว่า คดีทั้งหมดได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนโดยศาลแล้วหลายครั้ง และมีข้อสรุปเดียวกันในทุกครั้ง

พระองค์ทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า มีความขัดแย้งและความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกับสมาชิกในครอบครัวหลายประเด็น และทรงยอมรับว่าไม่เห็นอนาคตที่ครอบครัวของพระองค์จะกลับไปใช้ชีวิตในสหราชอาณาจักรได้อีก

‘อังกฤษ’ อัปเดตแผนลับฉุกเฉินรับมือภัยคุกคาม ‘รัสเซีย’ เตรียมพร้อมทั้งอพยพราชวงศ์-ต้านขีปนาวุธ-การโจมตีทางไซเบอร์

(6 พ.ค. 68) สหราชอาณาจักรกำลังทบทวนและปรับปรุงแผนการป้องกันประเทศฉบับลับที่ไม่ได้อัปเดตมาตั้งแต่ปี 2005 ท่ามกลางความกังวลต่อความเป็นไปได้ของการโจมตีจากรัสเซีย โดยเฉพาะในรูปแบบของขีปนาวุธ นิวเคลียร์ และไซเบอร์ ตามรายงานของ The Telegraph

เอกสารแผนลับดังกล่าวระบุขั้นตอนฉุกเฉิน เช่น การอพยพรัฐบาลและราชวงศ์ไปยังหลุมหลบภัย การประสานการออกอากาศฉุกเฉิน และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างระบบขนส่งและการสื่อสาร เพื่อให้ประเทศสามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่องในภาวะวิกฤต

รายงานยังเปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดทำสถานการณ์จำลองการโจมตีแบบผสมผสาน ทั้งขีปนาวุธและไซเบอร์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรุนแรง รัฐมนตรีหลายรายแสดงความกังวลถึงความพร้อมของประเทศในการรับมือสงครามสมัยใหม่

ในอีกด้าน สหราชอาณาจักรยังตรวจพบเซ็นเซอร์สอดแนมของรัสเซียในน่านน้ำใกล้ชายฝั่ง ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอังกฤษ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ที่กำลังทวีความรุนแรงในภูมิภาค

แผนการทั้งหมดอยู่ภายใต้ความลับอย่างเข้มงวด และไม่น่าจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณะในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การสอดแนมและความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียยังคงเป็นประเด็นเฝ้าระวังหลักของรัฐบาลอังกฤษต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top