Monday, 21 April 2025
สหรัฐอเมริกา

โรงเรียนในสหรัฐฯ ให้นักเรียนเลียเท้าแลกรับเงินบริจาค พอถูกวิจารณ์อย่างหนัก ก็รีบออกมาขอโทษผู้ปกครอง

เมื่อไม่นานมานี้ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐฯ ถูกสืบสวน หลังปรากฏคลิปไวรัลเป็นภาพเด็กนักเรียนทำชาเลนจ์ ดูดและเลียเท้ากัน ภายในงานระดมทุนที่ได้รับการอนุมัติจากโรงเรียน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งโหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด

วิดีโอที่ก่อความไม่สบายใจดังกล่าวเป็นภาพเด็กอย่างน้อย 4 คนของโรงเรียนมัธยมเดียร์ ครีก กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นของโรงยิมเนเซียม และจากนั้นก็ทั้งดูดและเลียเนยถั่วลิสง ที่ทาอยู่บนเท้าเปล่าของเพื่อนนักเรียน 

"เขากำลังกลืนมัน" เสียงนักเรียนรายหนึ่งพูดขึ้น ในขณะที่คนอื่น ๆ ในฉากหลังพากันส่งเสียงเชียร์ ในการแข่งขันที่แปลกประหลาดดังกล่าว

ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีผู้เข้าชมคลิปนี้บนสื่อสังคมออนไลน์เกือบ 50 ล้านวิว และนำมาซึ่งการเปิดสืบสวนอย่างเป็นทางการของกระทรวงศึกษาธิการรัฐโอคลาโฮมา 

"มันน่าสะอิดสะเอียนมาก เราจำเป็นต้องกำจัดสิ่งสกปรกโสโครกเหล่านี้ออกจากโรงเรียนต่าง ๆ ในโอคลาโฮมา หน่วยงานของเรากำลังทำการสืบสวน" ไรอัน วอลเตอร์ส ผู้รับผิดชอบด้านการบริหารการศึกษาสูงสุดของรัฐโอคลาโฮมากล่าว

คลิปนี้เป็นภาพเหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) ณ ที่ชุมนุม Clash of Classes ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานระดมทุนนานหนึ่งสัปดาห์ของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้

นักเรียนสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในนั้นรวมถึงทัวร์นาเมนต์การแข่งขันเลียเท้า และรายงานข่าวระบุว่า บางส่วนรู้สึกสนุกกับมัน แต่ครั้งที่วิดีโอเริ่มถูกส่งต่ออย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ บรรดาผู้ปกครองก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพบเห็น

ในตอนแรกคณะผู้บริหารโรงเรียนกล่าวชื่นชมเด็ก ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมงานระดมทุน Wonderful Week of Fundraising ซึ่งรวบรวมเงินได้ 152,830.38 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก็เริ่มคิดได้ ออกมาขอโทษองค์กรนักเรียน และพ่อแม่ผู้ปกครอง

ผู้ปกครองรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าไม่อยากเชื่อตอนที่ได้ยินคำบอกเล่าเกี่ยวกับกิจกรรมแข่งเลียเท้าในครั้งนี้ "ตอนที่ฉันได้ยินลูกบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ฉันจำเป็นต้องถามย้ำกลับไปอีกรอบ เดี๋ยวก่อน ว่าไงนะ พวกเขาให้เลียเนยถั่วลิสงออกจากเท้าเนี่ยนะ"

"ฉันสนับสนุนทุกการระดมทุนและทุกสิ่ง ๆ ที่เป็นเรื่องสนุก แต่คราวนี้ดูเหมือนว่ามันจะเลยเถิดจนเกินไป" ผู้ปกครองอีกคนกล่าว

เกมการแข่งขันที่แลกกับเงินบริจาคครั้งนี้ยังได้รับความสนใจจาก เทด ครูซ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันเช่นกัน ซึ่งถึงขั้นประณามการแข่งขันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่าเป็นการทำทารุณเด็ก

'ทรัมป์' ลั่น!! แบน TikTok ไม่ง่ายและมีแต่จะช่วยให้ Facebook ได้อำนาจมากขึ้น เพราะเดิม Meta ก็มีปัญหาด้าน 'ความเป็นส่วนตัว-ความปลอดภัย' ไม่ต่างกัน

(12 มี.ค.67) CNBC รายงาน โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตของพรรครีพลับลิกัน กล่าวว่า เขามีความกังวลว่าการแบนแอปฯ จากจีนอย่าง TikTok จะทำให้แอปฯ อย่าง Facebook ของ Meta ซึ่งเปรียบเสมือนศัตรูของประชาชนได้ผลประโยชน์ไป และมีอำนาจมากขึ้นเป็นสองเท่า

ทรัมป์ กล่าวว่า การแบน TikTok มีผลที่ดี แต่ก็มีผลเสียออกมาเช่นกัน ทรัมป์บอกว่า มีผู้คนมากมายโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นอเมริกันที่ชอบ TikTok มาก และคงจะเป็นจะตายหากไม่มีมัน พร้อมทั้งกล่าวโจมตีว่ามีแต่ Meta ที่ได้ผลประโยชน์นี้ และ Meta ก็มีปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเหมือนกัน 

ปัจจุบัน แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นจากจีนโดยบริษัท ByteDance ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ อย่างมาก แต่กระนั้น ทางการสหรัฐฯ ก็มีความกังวลว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากกังวลว่าแอปได้ส่งข้อมูลกลับไปที่จีนและอาจแบ่งข้อมูลให้ทางการของจีน จึงมีการลงความเห็นจะแบบ TikTok ในไม่กี่เดือนหากบริษัทจีนไม่ถอนทุนออกไป ซึ่งทางประธานาธิบดีอย่าง โจ ไบเดนก็มีความเห็นที่จะลงดาบแอปฯ นี้เช่นกัน

‘จีน’ เตือน ‘สหรัฐ’ หลังตั้งกำแพงกดดันทุกทาง ชี้!! ผลลัพธ์ไม่สวย ซ้ำจะย้อนทำร้ายตัวเอง

ไม่นานมานี้ สหรัฐฯ ได้เพิ่มความพยายามในการต่อต้านและกดดันในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่การของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการ ‘แข่งขันกับจีน’ และเพิ่มการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับไต้หวัน ไปจนถึงการพยายามชักชวนให้ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียให้เข้าสู่ข้อตกลง เพื่อการจำกัดการส่งออกด้านเทคโนโลยีให้กับจีน 

โดยทางจีนได้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมระบุว่า ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลเสียต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กระทั่งลามไปทั่วโลก

Wang Wenbin โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน

ด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด ทำให้งบประมาณของสหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ 2025 ถูกนำไปจัดสรรใช้เป็นทุนเพื่อ ‘เอาชนะจีน’ และติดอาวุธให้กับภูมิภาคไต้หวันของจีน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 มี.ค.) Wang Wenbin โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ย้ำว่า การแข่งขันไม่ใช่ลักษณะที่แท้จริงของจีน ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และการแข่งขันระหว่างประเทศสำคัญ ๆ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่จีนและสหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะ ‘เอาชนะจีน’ ไม่ใช่การแข่งขันที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่เป็นการแข่งขันที่เลวร้าย โดยสหรัฐฯ วางกับดักคู่แข่งไว้ทุกดอก Wang 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวเสริมว่า “มันกลายเป็นการพนันที่ไม่มีข้อจำกัด ซึ่งทำให้ผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชนของทั้งสองประเทศและแม้แต่อนาคตของมนุษยชาติกลายเป็นเดิมพัน และมันจะผลักดันเฉพาะจีนและสหรัฐฯ ไปสู่การเผชิญหน้าและความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ”

คำของบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ 2025 ประกอบด้วยเงินทุนบังคับจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงห้าปี เพื่อ ‘ใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เราจัดการเพื่อเอาชนะจีนให้ได้’ คำของบประมาณยังรวมถึง ‘คำขอเงินทุนครั้งแรก’ จำนวน 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มเติมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะมอบให้กับไต้หวัน 

รายงานของสื่อแห่งหนึ่งระบุ เมื่อวันอังคาร (12 มี.ค.) ว่า Wang ยังกล่าวถึงการคัดค้านอย่างแข็งขันของจีนต่อความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาะไต้หวัน และความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะติดอาวุธให้กับเกาะแห่งนี้ 

“เราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ปฏิบัติตามหลักการจีนเดียว และหยุดแทรกแซงกิจการภายในของจีน จีนจะใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตนอย่างแน่วแน่และมั่นคง” เขากล่าว

Gina Raimondo รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ

นอกเหนือจากการของบประมาณแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เพิ่มความพยายามที่เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการปราบปรามทางเทคโนโลยีต่อจีนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ในขณะที่นำคณะผู้แทนธุรกิจของสหรัฐฯ ไปยังฟิลิปปินส์ Gina Raimondo รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ ‘จะทำทุกวิถีทาง’ เพื่อปราบปรามความสามารถทางเทคโนโลยีของจีน 

ตามรายงานของ Bloomberg โดย Raimondo ได้ประกาศที่ฟิลิปปินส์ว่า บริษัทสหรัฐฯ เตรียมประกาศการลงทุนมูลค่ารวมมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในฟิลิปปินส์ ตามรายงานของ Reuters รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการขยายการค้าและการลงทุนในฟิลิปปินส์ยังขยายไปถึง ‘ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ใหญ่กว่า’ อีกด้วย แม้ว่าเธอจะย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ได้พยายามแตกแยกกับจีนก็ตาม

“ภยันตรายต่อโลก การมีส่วนร่วมของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการแข่งขันประเทศใหญ่ เช่น จีน ซึ่งจะมีผลรวมเป็นศูนย์ นอกจากไม่เพียงที่เป็นการเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังดึงดูดประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคและทั่วโลกให้เข้าร่วมการเผชิญหน้าแบบกลุ่มมากขึ้น ในเวลาที่โลกต้องการความร่วมมือมากที่สุด” ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนตั้งข้อสังเกต 

นอกจากนี้ เพื่อเน้นย้ำการรณรงค์ที่เข้มข้นขึ้นของวอชิงตันเพื่อควบคุมจีนในการแข่งขันในประเทศใหญ่ ๆ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังผลักดันพันธมิตรของตน รวมถึงเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ให้เข้มงวดข้อจำกัดด้าน Chip คอมพิวเตอร์กับจีน และกำลังพิจารณาเพิ่มผู้ผลิต Chip ของจีนรายอื่น อาทิ ChangXin Memory Technologies Inc เข้าสู่รายการควบคุมตามที่ Bloomberg อ้าง 

ในขณะเดียวกัน สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกากำลังเร่งร่างกฎหมายที่จะบังคับให้บริษัท ByteDance ของจีนขาย TikTok ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยม หรือเผชิญกับการแบนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ผู้เชี่ยวชาญของจีนกล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวของวอชิงตันที่มีลักษณะเป็นการตีโพยตีพายอีกครั้งในการต่อต้านกดดันบริษัทจีน

Apple store ย่านใจกลางเมืองของนครเซี่ยงไฮ้

การต่อต้านและกดดันอย่างเข้มข้นของนักการเมืองสหรัฐฯ การรณรงค์เพื่อกดดันจีนสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นภายในสหรัฐฯ รวมถึงการครอบงำทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทั่วโลก ซึ่งประเทศนี้ไม่สามารถจัดการในลักษณะที่มีประสิทธิผลใด ๆ ได้ เนื่องจากการแบ่งพรรคแบ่งพวกและความผิดปกติของรัฐบาล ตามการระบุของนักวิเคราะห์ชาวจีน ที่สำคัญกว่านั้น ความพยายามดังกล่าวจะไม่ขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของจีน เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงบริษัทของสหรัฐฯ ที่ขับเคลื่อนโดยกลไกตลาด ไม่ใช่การเมือง จะยังคงลงทุนและดำเนินการในตลาดจีนต่อไป 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้บริหารธุรกิจสหรัฐฯ จำนวนมากเดินทางเยือนจีนและขยายการลงทุนในจีน ข้อจำกัดทางการเมืองต่อธุรกิจของสหรัฐฯ จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เท่านั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนของบริษัทสหรัฐฯ ที่ขยายการลงทุนในจีน เช่น Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันอังคารถึงแผนที่จะเปิดห้องปฏิบัติการวิจัยแห่งใหม่ในนครเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน และอัปเกรดห้องปฏิบัติการวิจัยในนครเซี่ยงไฮ้ เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่บริษัทเพิ่งประกาศเปิดร้านใหม่ในย่านใจกลางเมืองของนครเซี่ยงไฮ้
 

'ทรัมป์' ลุยหาเสียง-ขึ้นเวทีปราศรัยในรัฐโอไฮโอ กร้าว!! หากตนพ่ายแพ้ 'สหรัฐฯ จะต้องนองเลือด'

(18 มี.ค.67) สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ปราศรัยหาเสียงให้กับเบอร์นี โมเรโน ผู้ลงสมัครวุฒิสภาของพรรครีพับลิกัน ในเมืองแวนดาเลีย รัฐโอไฮโอ และอ้างว่า ตนจะปกป้องความมั่นคงทางสังคม พร้อมเตือนว่า ประเทศจะนองเลือดถ้าเขาพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งเดือน พ.ย. นี้

ทั้งนี้ ในการปราศรัย ทรัมป์ได้กล่าวยกย่องโมเรโนว่าเป็น ‘แชมป์คนแรกของอเมริกา’ และเป็น ‘นักการเมืองคนนอก’ ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตพัฒนาชุมชนในโอไฮโอ

“เขาจะเป็นนักรบในวอชิงตัน” ทรัมป์กล่าว

ขณะเดียวกันทรัมป์ก็ใช้เวทีนี้ในการเผยแพร่คำกล่าวปราศรัยที่เต็มไปด้วยคำหยาบคายและดูหมิ่นตามสไตล์ของเขา ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า ประเทศจะล่มสลายอีกครั้ง หากปธน.ไบเดนชนะการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2

“ถ้าผมไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ประเทศจะต้องนองเลือด" ทรัมป์เตือน ขณะที่พูดถึงผลกระทบภายนอกต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และได้เผยแผนจ่อเพิ่มภาษีรถยนต์แบรนด์ต่างชาติ

หลังจากนั้น ทรัมป์ก็อ้างว่า “ถ้าผมไม่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ ผมไม่มั่นใจว่าพวกคุณจะมีโอกาสได้เลือกตั้งอีกครั้งในประเทศนี้หรือเปล่า”

ด้านรอยเตอร์ได้ถามเจมส์ ซิงเกอร์ โฆษกหาเสียงของไบเดน ถึงคำปราศรัยดังกล่าวของทรัมป์ ซิงเกอร์จึงประณาม ‘ลัทธิหัวรุนแรง’ ของทรัมป์ และว่านั่นเป็น ‘ความกระหายอยากแก้แค้น’ และเป็น ‘ภัยคุกคามจากความรุนแรงทางการเมือง’

'คนไทยในสหรัฐฯ' แชร์!! 6 สิ่งสำคัญที่ทำให้เมืองไทย มีดีกว่าอเมริกา 'อาหาร-สาธารณสุข-ขนส่งสาธารณะ-วัฒนธรรม-อากาศ-อินเทอร์เน็ต'

(21 มี.ค.67) จากช่องยูทูบ ‘Jason in USA’ ซึ่งเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา มาเกือบจะ 10 ปี ได้โพสต์คลิปแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว หลังตนรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ ‘ประเทศไทย’ ของเรา ทําไว้ดีกว่า ‘สหรัฐอเมริกา’ เป็นอย่างมาก โดยระบุว่า…

1. เรื่องอาหารการกิน ซึ่งสิ่งนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าที่ไทยเราหาอาหารทานได้ค่อนข้างง่าย และมีราคาสบายกระเป๋า แถมอร่อยแล้วก็มีความหลากหลายมาก ๆ 
2. เรื่องระบบสาธารณสุข แน่นอนว่าที่สหรัฐอเมริกามีแพทย์และก็เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าระดับโลก แต่ที่นี่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วแห่งเดียว ที่ไม่มีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ผู้คนก็ต้องซื้อประกันสุขภาพเพื่อตัวเอง และการจะพบแพทย์ได้ครั้งนึงก็ต้องใช้เวลารอนานมาก
3. เรื่องระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งส่วนตัวมองว่าระบบขนส่งสาธารณะที่ไทย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือรถบัส มีความปลอดภัยและสะอาดมากกว่าที่สหรัฐอเมริกา

4. เรื่องวัฒนธรรม ซึ่งเอาจริง ๆ ไม่มีที่ไหนสู้วัฒนธรรมของไทยเราได้อีกแล้ว เพราะมันเป็นเอกลักษณ์จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
5. เรื่องสภาพอากาศ เพราะที่สหรัฐอเมริกาอากาศจะแปรปรวนกว่าที่ไทยบ่อยมาก 1 วันพันฤดูของจริง
6. เรื่องอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเน็ตมือถือ ที่นี่คือค่อนข้างช้ามาก ของไทยเร็วกว่าและดีกว่าสุด

'กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ' ยื่นฟ้อง Apple ปม 'ไอโฟน' ผูกขาดตลาดมือถือ ราคาแพง!! แถมสร้างความยุ่งยาก หากใครคิดเปลี่ยนไปใช้มือถือรายอื่น

(22 มี.ค. 67) เอเอฟพี รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกายื่นฟ้องร้อง แอปเปิล บริษัทคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติอเมริกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มี.ค. ในข้อกล่าวหาว่าไอโฟน ผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถืออย่างผิดกฎหมายด้วยการยับยั้งการแข่งขันและตั้งราคาสูงเกินไป

คดีดังกล่าวเป็นการฟ้องโดย 17 รัฐและพุ่งเป้าโจมตีไอโฟนซึ่งทำรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากการผูกขาดตลาด และทำให้ผู้ใช้งานต้องเผชิญกับความยุ่งยากเมื่อเปลี่ยนการใช้งานจากไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่า

ข้อมูลจากเอกสารฟ้องร้องบางส่วนระบุว่า ผู้ใช้งานอุปกรณ์ของบริษัทแอปเปิลถูกบีบบังคับให้อยู่ในระบบนิเวศของแอปเปิลและต้องซื้ออุปกรณ์ของแอปเปิลซึ่งมีราคาแพง

นายเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดกล่าวว่า “ผู้บริโภคไม่ควรต้องจ่ายราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากบริษัทฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาด หากปล่อยไว้โดยไม่มีใครทักท้วงแอปเปิลจะยังคงเดินหน้าการผูกขาดตลาดสมาร์ตโฟนต่อไป”

‘รัสเซีย’ แฉ!! 30 แล็บลับสหรัฐฯ ในยูเครน มุ่งพัฒนา 'อาวุธเชื้อโรค' ด้าน สหรัฐฯ ยัน!! มีจริง แต่ถูกกฎหมาย และไม่ได้พัฒนาเพื่อรบ

สหรัฐฯ ยังคงปฏิบัติการห้องปฏิบัติการทางชีวภาพ 30 แห่งในดินแดนยูเครน ส่วนหนึ่งในโครงการชีวภาพทางทหารที่ผิดกฎหมาย จากการเปิดเผยของ ‘เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเนเธอร์แลนด์’ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

“เป็นที่ทราบกันดีมานานแล้วว่ามีห้องปฏิบัติการของอเมริกาจำนวนหนึ่งในดินแดนยูเครน” วลาดิมีร์ ทาราบริน ซึ่งเป็นผู้แทนถาวรของรัสเซีย ประจำองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons) อีกตำแหน่ง ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิซเวสเตียเมื่อวันอาทิตย์ (24 มี.ค.)

นักการทูตรายนี้ยังได้เท้าความถึงคำพูดของ พล.ท.อิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ เคมีและชีวภาพของรัสเซีย ที่เคยอ้างในเดือนมีนาคม 2022 ว่ามีห้องแล็บดังกล่าวอยู่ราว 30 แห่ง 

“กองกำลังของเราพบเอกสารต่าง ๆ ที่ยืนยันว่ามีโครงการชีวภาพทางทหารอย่างกว้างขวางของสหรัฐฯ และบรรดาประเทศสมาชิกนาโต ในดินแดนของยูเครน และสาธารณรัฐต่างๆ ที่เป็นอดีตสหภาพโซเวียต” ทาราบริน กล่าว

แม้ รัฐบาลเคียฟ จะกล่าวว่า พวกเขาเริ่มทำลายเชื้อโรคอันตรายในห้องปฏิบัติการต่าง ๆ และระงับการวิจัยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครน แต่ทาง ทาราบริน กล่าวอ้างว่า โครงการต่างๆ เหล่านั้นได้กลับมาปฏิบัติการอีกรอบ เพียงแต่มีการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น

เมื่อถูกถามว่า ห้องปฏิบัติการชีวภาพของสหรัฐฯ ในยูเครน ยังมีจำนวนที่ 30 แห่งใช่หรือไม่? ทางเอกอัครราชทูตรายนี้ตอบว่า “จากข้อมูลของเรา คือ ใช่” พร้อมกล่าวเสริมด้วยว่า...

“มันไม่น่าประหลาดใจเลยที่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมานั้น ทำไมวอชิงตันถึงพยายามขัดขวางความคิดริเริ่มของรัสเซีย กับเป้าหมายเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธชีวภาพ (Biological Weapons Convention-BWC) และสร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจสอบประเทศผู้เข้าร่วมทั้งหมด ว่าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติต่าง ๆ ของอนุสัญญานี้หรือไม่”

ทั้งนี้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มอสโกได้หยิบยกความกังวลขึ้นมาซ้ำ ๆ ในเรื่องคำกล่าวหาเกี่ยวกับโครงข่ายห้องปฏิบัติการลับในยูเครน ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ โดยมอสโกได้เผยแพร่เอกสารต่าง ๆ ที่ยึดมาได้จากเจ้าหน้าที่เคียฟ ซึ่งกล่าวอ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับปฏิบัติการของห้องปฏิบัติการเหล่านั้น

เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว พล.ท.อิกอร์ คิริลลอฟ บอกว่า “รัสเซียไม่มีข้อสงสัยเลยว่า สหรัฐฯ ได้สวมหน้ากากในการรับประกันความมั่นคงทางชีวภาพโลกไว้ให้ชาวโลกเห็น แต่กลับกันพวกเขาได้ทำการวิจัย 2 ทาง (เพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์) ซึ่งในนั้นได้รวมถึง การสร้างองค์ประกอบของอาวุธชีวภาพใกล้ชายแดนรัสเซีย”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยืนยันเกี่ยวกับการมีอยู่ของห้องปฏิบัติการวิจัยทางชีวภาพในยูเครนจริง แต่ยืนยันว่ามันถูกกฎหมายทั้งหมด และไม่มีเจตนาสำหรับจุดประสงค์ด้านการทหาร แม้ส่วนใหญ่แล้วมันได้เงินทุนผ่านกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) ขณะที่วอชิงตันปฏิเสธคำกล่าวอ้างของมอสโก ที่ว่าห้องปฏิบัติการเหล่านี้ถูกใช้ทำงานสร้างอาวุธชีวภาพ โดยบอกว่ามันเป็นยุทธการบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายรัสเซีย

‘หนุ่มมะกัน’ เดินแทะขามนุษย์ริมถนนในแคลิฟอร์เนีย ฟาก ‘ตำรวจ’ เผย!! มีประวัติติดยาเสพติดขั้นรุนแรง

กลายเป็นเรื่องราวสยองขวัญทันที เมื่อวิดีโอในโซเชียลว่อนภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดิน พร้อมแทะขามนุษย์ไปด้วย โดยเว็บไซต์ people รายงานว่า ตามบันทึกของ Kern County ที่ people พบ ระบุว่า หนุ่มรายดังกล่าวคือ Resendo Tellez ถูกจับกุมเมื่อวันศุกร์ด้วยความผิดลหุโทษในข้อหา ‘นำศพมนุษย์ออกจากสุสาน’ ข้อหาลหุโทษในการครอบครองอุปกรณ์ควบคุมสารเสพติด และข้อหาทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดภาคทัณฑ์

มีรายงานว่า Tellez วัย 27 ปี ได้ถอดชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ออกจากที่เกิดเหตุรถไฟชนกันในเมือง Wasco รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายที่ไม่ปรากฏชื่อ ไม่ชัดเจนว่าขาดังกล่าวเป็นของบุคคลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่

ผู้เห็นเหตุการณ์ใกล้กับที่เกิดเหตุบอกว่า Tellez กำลังโบกสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นขามนุษย์ไปรอบ ๆ และถูกอ้างว่ากัดมัน

“ฉันไม่แน่ใจว่ามาจากไหน แต่เขาเดินไปมาทางนี้และโบกขาคนคนหนึ่ง และเขาก็เริ่มเคี้ยวมันตรงนั้น กัดมัน และเขาก็กระแทกมันเข้ากับกำแพงและทุกสิ่งทุกอย่าง” โฮเซ อิบาร์รา บอกกับ เคบีเอเค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมและสอบสวนพบว่าเขาติดยาเสพติดอย่างรุนแรง และจะขึ้นศาลในวันนี้ (26 มี.ค.)

จับตากฎใหม่ของจีน คาด!! สะเทือนวงการชิปโลก หลังแบน ‘Intel’ และ ‘AMD’ หนุนชิปเมดอินไชน่า

ทางการจีนออกแนวทาง โดยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาซีพียูจากสหรัฐอเมริกามีผลให้ทั้ง Intel และ AMD ตลอดจนครอบคลุมถึงระบบปฏิบัติการ Windows และโปรแกรมฐานข้อมูลที่ผลิตโดยบริษัทต่างชาติด้วย

ไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนประกาศแนวทางการปฏิบัติงานที่มีจุดประสงค์เพื่อหยุดการใช้ชิปประมวลผลความจำซึ่งผลิตโดยบริษัทอินเทล (Intel) และบริษัท AMD ของสหรัฐฯ ในคอมพิวเตอร์และระบบเซิร์ฟเวอร์ของรัฐ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยรัฐบาลจีน เผยว่า หน่วยงานรัฐบาลที่สูงกว่าระดับเมือง จะต้องระบุเงื่อนไขการจัดซื้อชิปประมวลผล รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ 'ปลอดภัยและไว้วางใจได้' ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่นี้ไปด้วย

ทั้งนี้ หากย้อนเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2023 กระทรวงอุตสาหกรรมจีนได้ออกแถลงการณ์พร้อมรายชื่อของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ระบบประมวลผลและระบบฐานข้อมูลส่วนกลาง ที่ถูกระบุว่า 'ปลอดภัยและไว้วางใจได้' เป็นระยะเวลานาน 3 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการเผยแพร่ออกมา โดยทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทจีนทั้งหมด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รอยเตอร์ได้ส่งแฟกซ์ไปยังสำนักงานสารสนเทศสภาแห่งรัฐ (State Council Information Office) ซึ่งรับผิดชอบการติดต่อของสื่อกับคณะรัฐมนตรีจีน เพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ขณะเดียวกัน ก็จัดทำรายงานข่าวนี้ ไปยัง Intel และ AMD ซึ่งก็ไม่ได้ตอบกลับคำขอความเห็นของผู้สื่อข่าวเช่นกัน

สำหรับพัฒนาการที่ทำให้จีนออกประกาศดังกล่าวขึ้นมานั้น เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ เดินหน้าความพยายามยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศและลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีนและไต้หวัน ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act ปี 2022 ที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผ่านออกมาบังคับใช้

อีกทั้งยัง สกัดกั้นการพัฒนาชิปเอไอของฝั่งจีน ด้วยการห้ามส่งออกชิปไฮเทคไปยังจีน ภายใต้เหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ

ขณะเดียวกัน ผลพวงแห่งความตึงเครียดในศึกเทคโนโลยีระหว่าง 'สหรัฐฯ' กับ 'จีน' ที่เข้มข้นขึ้น โดยก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งมีรายงานข่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนจะขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือข่ายของ 'หัวเว่ย เทคโนโลยีส์' นั้น

ก็ถือเป็นปมสำคัญที่เร่งให้เกิดการตอบโต้จากจีน ด้วยการแบนชิป Intel และ AMD เร็วขึ้นด้วย

สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทชิปอเมริกันอย่างหนัก โดยเฉพาะ Intel เนื่องจากจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของอินเทลด้วยสัดส่วนถึง 27% ของยอดขายทั้งหมด 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่ AMD มียอดขายในจีน 15% ของยอดขายทั้งหมด 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์  

ขณะเดียวกัน กรุงปักกิ่ง ก็หวังกำจัดระบบปฏิบัติการวินโดว์ส (Windows) ของบริษัทไมโครซอฟท์ รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่ผลิตโดยประเทศอื่น ๆ ออกไป เพื่อจะเปิดทางให้กับผลิตภัณฑ์ในประเทศมาเป็นตัวเลือกหลักแทนอีกด้วย

‘คริสปี้ครีม’ เตรียมขายโดนัทใน 'แมคโดนัลด์' ที่สหรัฐฯ พร้อมตั้งเป้าขยายร่วมทุกสาขาทั่วถิ่นมะกันภายในปี 69

(27 มี.ค.67) บริษัทแมคโดนัลด์ เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ว่า บริษัทมีแผนวางจำหน่ายโดนัทแบรนด์ ‘คริสปี้ครีม’ ในร้านแมคโดนัลด์ครบทุกสาขาทั่วสหรัฐภายในสิ้นปี 2569 โดยจะเริ่มจำหน่ายในบางสาขาตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งจะใช้เวลาขยับขยายประมาณ 2 ปีครึ่ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงความเป็นพันธมิตรด้านฟาสต์ฟู้ดระหว่าง 2 เชนร้านอาหารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ และการจับมือกับแมคโดนัลด์ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับคริสปี้ครีมในการขยายฐานลูกค้าด้วย

ข้อมูลนับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 คริสปี้ครีมจำหน่ายโดนัทให้กับร้านค้า third-party 6,800 แห่งในสหรัฐ ขณะที่แมคโดนัลด์มีสาขาราว 13,500 แห่งในสหรัฐและมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 900 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2570

“เราคิดว่าเราสามารถให้บริการร้านอาหารราว 6,000 สาขาด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เรามีอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านโดนัทที่มีกําลังการผลิตล้นเหลือ” นายจอช ชาร์ลสเวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คริสปี้ครีมกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี

นอกจากนี้ คริสปี้ครีมยังอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิต เพื่อให้สามารถจัดส่งโดนัทสดใหม่ให้กับร้านแมคโดนัลด์ราว 7,500 สาขา ที่คริสปี้ครีมยังไม่สามารถเข้าถึงได้ในปัจจุบัน

ซีอีโอคริสปี้ครีม ระบุว่า ถึงแม้แมคโดนัลด์เป็นเหตุผลหลักที่บริษัทต้องขยายเครือข่ายจัดจำหน่ายอย่างรวดเร็ว แต่คริสปี้ครีมจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าถึงร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อที่ต้องการซัพพลายเออร์ระดับประเทศมากกว่า

ส่วนในระยะยาว คริสปี้ครีมคาดว่าจะสามารถขยายจุดจำหน่ายโดนัทของตนได้มากกว่า 100,000 แห่งทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากแนวโน้มก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 75,000 แห่ง ขณะที่ในปัจจุบัน เครือข่ายคริสปี้ครีมมีจำนวนมากกว่า 14,100 แห่งใน 39 ประเทศ

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของคริสปี้ครีม (DNUT) ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กของสหรัฐ ร่วงไปแล้วราว 20% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงเหลือ 2,110 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 76,688 ล้านบาท 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top