Monday, 6 May 2024
สลากดิจิทัล

‘ทิพานัน’ โว ปชช.ตอบรับสลากดิจิทัล ลั่น ‘บิ๊กตู่’ ทำได้จริง แก้หวยแพงตรงจุด

‘ทิพานัน’ โว ปชช.ตอบรับสลากดิจิทัล ชี้ ‘บิ๊กตู่’ แก้หวยแพงตรงจุด เล็ง พัฒนาระบบตอบโจทย์ผู้ซื้อ - ผู้ค้ามากขึ้น

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 1 ก.ย. 2565 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยเพิ่มจำนวนเป็น 10.32 ล้านใบ สามารถขายได้หมดใน 5 วันเท่านั้น สะท้อนถึงผลตอบรับที่ดีของประชาชน ต่อสลากดิจิทัล สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับสังคม ที่ปฏิเสธการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการขายสลากเกินราคาจำหน่าย 80 บาท ที่สำคัญผู้ที่ซื้อสลากดิจิทัลยังมีสิทธิถูกรางวัลที่ 1 จากสลากชุด 9 ใบ ที่ได้รับรางวัลสูงถึง 54 ล้านบาท จึงตอกย้ำความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด โปร่งใสเป็นธรรม ตรวจสอบได้ 

'ชัยวุฒิ' รับคำร้องตรวจสอบระบบจองสลากบนตู้ ATM ลั่น!! เรื่องนี้สำคัญ จะเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด

'ชัยวุฒิ' รมว.ดีอีเอส รับคำร้องจากผู้ได้รับผลกระทบจากสลากออนไลน์ โดย ฟิล์ม-รัฐภูมิ และประธานชมรมผู้ค้าสลากรากหญ้าทั่วไทย นำทีมตัวแทนผู้ค้าสลากเกือบ 200 คน ยื่นหนังสือวอนตรวจสอบระบบจองคิวสลากจากตู้เอทีเอ็ม ข้องใจโควตาเต็มเร็วมาก ทำให้ไม่ได้รับสลากไปขาย เดือดร้อนหนักขาดรายได้หลักพันบาทต่องวด

วันนี้ (26 ก.ย. 65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการขายสลากออนไลน์ นำโดย นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ (ฟิล์ม) ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ และนายสำอางค์ ซ่อนกลิ่น ประธานชมรมผู้ค้าสลากรากหญ้าทั่วไทย พร้อมผู้ค้าสลากเกือบ 200 ราย เป็นตัวแทนประชาชนกลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาสลากดิจิทัล เข้ามาร้องเรียนเพื่อขอให้กระทรวงดิจิทัลฯ ช่วยประสานงานแก้ปัญหา

เนื่องจากล่าสุดผู้ที่ได้รับสิทธิขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกือบ 200,000 ราย เมื่อไปกดจองคิวสลากจากตู้เอทีเอ็ม พบปัญหาไม่ได้สลาก ทั้งที่หลายรายไปต่อคิวแต่เช้ามืดเพื่อให้ได้กดรับสิทธิเป็นลำดับต้น ๆ แต่ปรากฏว่าจำนวนกลับหมดเร็วมาก โดยตู้ขึ้นข้อความว่า “สิทธิจองคิวโควตาสลากฯ งวดนี้เต็มแล้ว” ทำให้ไม่ได้รับสลากไปขาย เกิดความเดือดร้อนเพราะทำให้ขาดรายได้หลายพันบาทต่องวด

“ในฐานะของ รมว.ดิจิทัลฯ จะลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากมองว่าอาจเป็นปัญหาจากระบบคอมพิวเตอร์ จากระบบของเอทีเอ็ม ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม บางคนไปกดแล้วไม่ได้ สลากที่เป็นโควตาหายไป ก็ต้องชี้แจงให้ได้ก่อน ว่าการทำงานของคอมพิวเตอร์มีการทำผิดระเบียบหรือผิดกฎหมายหรือไม่ มีการไปใช้ช่องว่างบางอย่างเพื่อหาประโยชน์หรือไม่ ซึ่งกระทรวงฯ ก็จะเข้าไปช่วยตรวจสอบ” นายชัยวุฒิกล่าว

'กองสลากฯ' ยัน ผลการออกรางวัลโปร่งใส ชี้!! ทุกหมายเลขมีโอกาสออกได้หมด

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวภายหลังการออกรางวัลงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ว่า สลากดิจิทัลงวดที่ผ่านมา มีรางวัลที่ 1 จำนวน 14 ใบ รวมเป็นเงิน 84 ล้านบาท โดยผู้ถูกรางวัลที่ 1 รายเดียว 10 ใบ ได้รับเงินรางวัล 60 ล้านบาท ส่วนอีก 4 ใบ เป็นของผู้โชคดี 2 ราย ถูกรางวัลรายละ 2 ใบ คนละ 12 ล้านบาท 

สำหรับสลากดิจิทัล งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 มีจำนวน 14,929,000 ใบ โดยสลากทั้งหมด เป็นของตัวแทนจำหน่าย 29,858 ราย จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 เวลา 06.00 - 23.00 น. ทุกวัน จนกว่าสลากจะหมด

สำหรับการอำนวยความสะดวก ในการรับเงินให้เป็นไปด้วยความสะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก ด้วยการโอนเงินรางวัล ผ่าน G-Wallet ในแอปฯ เป๋าตัง ได้ภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งผู้ถูกรางวัลสามารถโอนต่อไปยังบัญชีของธนาคารอะไรก็ได้ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2566 อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ทางสำนักงานสลากฯ ยังได้แจงถึงการออกรางวัลของสำนักงานฯ งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใส และถูกต้องตามขั้นตอนทุกประการ 

กองสลากฯ ปลดล็อก!! ถูกรางวัลสลากดิจิทัล โอนเงินเข้าบัญชีทุกธนาคารได้ เริ่มงวด 16 ธ.ค.นี้

(24 พ.ย. 65) พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ผู้ถูกรางวัลสลากดิจิทัล ที่เลือกรับเงินรางวัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง สามารถที่จะให้โอนเงินรางวัลเข้าบัญชีใดๆ ของทุกธนาคารได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรับเงินรางวัลผ่านธนาคารกรุงไทยเท่านั้น และในอนาคตอันใกล้ หากผู้ถูกรางวัลที่ยังไม่ได้ทำรายการเลือกรับเงินรางวัล ภายในงวดนั้นๆ หากพ้น 15 วันไปแล้ว ระบบจะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีธนาคารของผู้ถูกรางวัลโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อสลากดิจิทัล ให้สามารถรับเงินรางวัลเข้าบัญชีต่างๆ ได้ทุกธนาคารไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะบัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกไว้เพียงอย่างเดียว

ปัจจุบันประชาชนสามารถซื้อสลากได้ทุกหมายเลขที่ต้องการ ในราคา 80 บาท หรือต่ำกว่า 80 บาท ผ่านแอปฯ เป๋าตัง งวดละ 16 ล้านฉบับ และจุดจำหน่ายสลาก 80 กระจายอยู่ทั่วประเทศอีก 1,047 จุด รวมมีสลากที่จำหน่ายไม่เกิน 80 บาท ตามราคาที่กำหนดอย่างน้อย 18.5 ล้านฉบับ ในขณะเดียวกัน ยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบการจำหน่ายสลากของตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองฯ ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำสลากไปจำหน่ายต่อให้กับแพลตฟอร์มเอกชนต่างๆ หรือไม่ได้จำหน่ายด้วยตนเอง ซึ่งจะมีการตรวจสอบสลากที่ถูกรางวัลจากการที่นำสลากนั้นมาขึ้นเงินรางวัล หากพบว่าเป็นสลากของตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ซื้อจองรายใด จะใช้มาตรการเด็ดขาดในการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายสลาก รวมถึงการเบิกสลากที่ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจำหน่ายสลากของสมาคม องค์กร ให้เป็นไปตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด

‘สลากดิจิทัล’ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง

🔍การจำหน่าย ‘สลากดิจิทัล’ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ดูจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควรและโดนใจประชาชนเอามาก ๆ เนื่องจากในแต่ละงวดสลากถูกขายหมด และบางงวดสลากดิจิทัลในระบบขายหมดภายใน 12 วัน

ปัจจัยหลักที่ทำให้การซื้อขายสลากดิจิทัลเป็นที่นิยม ก็คงเป็นเรื่องการควบคุมราคาอยู่ที่ใบละ 80 บาท และผู้ซื้อสามารถค้นหาเลขที่ต้องการซื้อได้อย่างง่ายดาย 

ดังนั้น เมื่อความต้องการซื้อพุ่งสูงขึ้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2566 มีสลากดิจิทัล 30 ล้านใบ สิ้นปี 2567 เพิ่มเป็น 40 ล้านใบ และสิ้นปี 2568 เพิ่มเป็น 50 ล้านใบ หรือครึ่งหนึ่งของสลากทั้งหมดต้องเป็นดิจิทัล
 

ครม.ไฟเขียว เห็นชอบร่างประกาศสลากฯ 3 ฉบับ คาด!! เริ่มจำหน่ายสลาก 3 หลักต้นปี 2567

(18 ก.ค. 66) พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 เห็นชอบร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศ รวม 3 ฉบับ ประกอบด้วย 

1.ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก (N3) พ.ศ. ….  
2.ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (L6) 
และ 3.ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3)

ตามมติ ครม. ที่เห็นชอบในหลักการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก และสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก ไปเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 66

สำหรับขั้นตอนภายหลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบแล้ว สำนักงานสลากฯ เตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ เพื่อให้ ประธานกรรมการสลากรับทราบ และ ลงนามในประกาศ ให้มีผลบังคับใช้ โดยคาดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก จะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2566 ขณะที่สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 2567 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอน จัดเตรียมแนวทางดำเนินการให้มีความพร้อมมากที่สุด

“ที่ประชุม ครม. ไม่ได้มีความเห็นเพิ่มเติมจากร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศ เนื่องจากมีการสอบถามรายละเอียดเกือบทั้งหมดแล้ว ในคราวที่เห็นชอบเมื่อ วันที่ 14 มี.ค. 66 แต่ก็ได้เน้นย้ำให้ทำการสื่อสารกับสาธารณะให้ดี โดยเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แบบใหม่” พ.ท.หนุน กล่าว

พ.ท.หนุน กล่าวว่า การกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (L6) วิธีการจำหน่ายและการซื้อสลากยังเป็นรูปแบบเดิม ผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่ายสลากเดิม จะไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแต่เป็นการปรับกระบวนการทำงานให้คล่องตัวมากขึ้น เพื่อรองรับการจำหน่ายสลากดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป อีกทั้งไม่ต้องพิมพ์สลากเป็นแบบใบเพื่อมาสแกนเข้าระบบก่อน สามารถจำหน่ายสลากดิจิทัลได้ทันทีในจำนวนที่เหมาะสม โดยไม่มีกรอบดำเนินการ 100 ล้านใบเป็นตัวกำหนด เช่น ปัจจุบันขายสลากรูปแบบใบ 80.4 ล้านฉบับ และ ดิจิทัล 19.6 ล้านฉบับ ก็สามารถเพิ่มสลากดิจิทัลอีกได้ โดยไม่ต้องไปรอลดสัดส่วนสลากแบบใบอีกต่อไป

สำหรับการจำหน่ายสลากดิจิทัลจำหน่ายบนแอปพลิเคชันเป๋าตังในปี 2566 ยังเป็นไปตามแนวทางที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 66 ที่มีนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากฯ เป็นประธาน โดยคาดว่าจะจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า 25-30 ล้านใบต่องวด จากปัจจุบันอยู่ที่ 19.6 ล้านฉบับ ซึ่งจะพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อ และความต้องการขายให้เหมาะสม

คนไทยติดการพนันทุกรูปแบบกว่า 30 ล้านคน นักพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 6-7 แสนคนทุกปี

นักวิชาการเผยแต่ละปีคนไทยเล่นพนันทุกรูปแบบกว่า 30 ล้านคน เงินสะพัดปีละ 4-5 แสนล้าน มีผู้เล่นพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี 6-7แสนคน พร้อมฟันธงหวยเอ็น 3-แอล 6 แก้ปัญหาสลากขายเกินราคา-หวยใต้ดินไม่ได้!! ขณะที่คนรุ่นใหม่เมิน! เพราะชอบเล่นพนันออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่า

นายรัตพงษ์ สอนสุภาพ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า จากผลศึกษาของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบว่า แต่ละปีมีคนไทยเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันทุกรูปแบบ 30 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 300,000-400,000 ล้านบาทต่อปี และทุกปีมีผู้เล่นพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 600,000-700,000 คน โดยเล่นพนันที่หลากหลาย ไม่ได้เจาะลงที่สลากกินแบ่งฯ อย่างเดียว มีพนันฟุตบอล พนันออนไลน์

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกผลิตภัณฑ์สลากใหม่ ทั้งสลากเลขสามหลัก หรือเอ็น 3 และลอตเตอรี่ 6 หรือแอล 6 นั้น จะไม่สามารถแก้ปัญหาสลากเกินราคา และหวยใต้ดินให้หมดไปได้ เนื่องจากหวยใต้ดินอยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน ผู้ขายมีความคุ้นเคย กับผู้ซื้อมากกว่า หาซื้อได้ง่าย มีเครดิตและส่วนลดให้ผู้ซื้อได้ด้วย ขณะที่ประเมินว่าหากรัฐบาลออกสลากเอ็น 3 น่าจะมียอดขายราวปีละ 40,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับการทำหวยบนดินสมัยรัฐบาลในอดีต ส่วนผู้ซื้อน่าจะมีทั้งกลุ่มผู้ซื้อรายเดิม ๆ ที่ซื้อทั้งหวยใต้ดินและเอ็น 3 ส่วนผู้ซื้อรายใหม่อาจ ไม่มาก เพราะเอ็น 3 ไม่น่าถูกจริตกับคนรุ่นใหม่ โดยผลศึกษาพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมเล่นพนันออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่า

ทั้งนี้ สลากเอ็น 3 เหมือนจะมาแข่งหวยใต้ดิน แต่ต้องดูว่าจะกำหนดราคาเท่าไหร่ หากตั้งไว้ 50 บาท ก็ไม่ยืดหยุ่น แถมหวยใต้ดินยังมีระบบเครดิต ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง มีเจ้ามือเป็นคนในชุมชนหมู่บ้าน มีความสะดวกในการเข้าถึงผู้ซื้อมากกว่า แต่จุดแข็งของเอ็น 3 คือการขายผ่านระบบดิจิทัลอย่างเดียว จะลดความเสี่ยงของผู้ซื้อเพราะเป็นของรัฐ ถูกแล้วได้เงินแน่ มีความปลอดภัยทางข้อมูล ที่สำคัญระบบดิจิทัลยังช่วยคัดกรองไม่ให้เข้าถึงเยาวชนได้ แต่สุดท้ายเชื่อว่าหวยใต้ดินจะไม่หายไป และจะขายคู่ขนานไปกับเอ็น 3 เช่นเดิม

ส่วนสลากแอล 6 จะช่วยให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลที่ขายผ่านแอปเป๋าตังได้ง่ายขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขายเกินราคาได้หรือไม่ เนื่องจาก 1 ปีที่ผ่านมา ได้เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลมาตลอด แต่สลากยังขายเกินราคาเช่นเดิม เนื่องจากติดปัญหาเชิงโครงสร้าง คือ ตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ขายเอง มีการนำไปขายช่วง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้โควตาถาวรงวดละ 30 ล้านใบ มองว่าควรลดตัวแทนจำหน่ายแบบเก่าและหันไปเพิ่มส่วนของการซื้อจอง เพราะเป็นความต้องการของตลาดที่แท้จริง

เมื่อเสนอเรื่อง จัดสรรโควตาสลากใหม่ อาจทำให้บางหน่วยงานไม่พอใจ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ ส่วนจะเพิ่มจำนวนสลากเข้ามาในระบบเท่าไร ดูจากตัวเลขปี 64-65 มีปริมาณสลากที่น่าจะขาดอยู่ 50 ล้านใบ ปัจจุบันมีสลากดั้งเดิมงวดละ 100 ล้านใบ ถ้าปี 67 จะเพิ่มสลากดิจิทัลเป็น 30 ล้านใบ เชื่อว่าปัญหาขายเกินราคายังอยู่ ซึ่งโดยหลักการแล้วการเพิ่มจำนวนสลากจะทำให้ราคาลดลงเรื่อย ๆ แต่ต้องเพิ่มในปริมาณที่มากพอ ส่วนเพิ่มเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาหลายองค์ประกอบ

‘กองสลากฯ’ ประกาศ เพิ่มช่องทางการจำหน่าย แผงสลากดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวก เริ่มแล้ว ตั้งแต่งวดนี้

(23 มี.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ออกประกาศเรื่องการจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก แบบดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม

โดยใช้ช่องทางเว็บไซต์จำหน่ายสลาก ภายใต้ชื่อ www.glolotteryshop.com หรือ 'แผงสลากดิจิทัล' ให้กับร้านค้าของตัวแทนจำหน่าย ที่ทำสัญญาจำหน่ายสลากดิจิทัลกับสำนักงานสลากฯ และได้รับจัดสรรสลากตามจำนวนที่สำนักงานสลากฯกำหนด

โดยสามารถใช้ช่องทางเว็บไซต์จำหน่ายสลากได้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 67 หรือ งวดวันที่ 1 เม.ย.67 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลที่ทำสัญญาไว้กับสำนักงานสลากฯ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจำหน่ายสลากดิจิทัล ที่จะเข้าถึงพฤติกรรมผู้ซื้อสลากฯ มากขึ้น

นายคารม กล่าวว่า การซื้อสลากดิจิทัลผ่านแผงสลากดิจิทัล จะต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น ในราคาใบละไม่เกิน 80 บาท ผู้ซื้อสลากฯ เมื่อเลือกหมายเลขได้ตามที่ต้องการแล้ว ให้ตรวจสอบหมายเลขสลาก และสร้างคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน โดยเปิดแอปพลิเคชันเป๋าตัง และสแกนคิวอาร์โค้ด

หากผู้ซื้อไม่ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด สลากดิจิทัลที่เลือกไว้จะกลับเข้าสู่ร้านค้าของตัวแทนจำหน่ายสลากแบบดิจิทัลต่อไป หากชำระเงินสำเร็จ ผู้ซื้อจะได้รับสลากแบบดิจิทัลปรากฏในแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยกรรมสิทธิ์สลากแบบดิจิทัลดังกล่าวจะตกเป็นของผู้ซื้อสลากทันที และผู้ซื้อไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิในสลากแบบดิจิทัล ที่ได้ทำการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดแล้วนั้นไปยังบุคคลอื่นได้ ไม่ว่าวิธีการใด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top