คนไทยติดการพนันทุกรูปแบบกว่า 30 ล้านคน นักพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 6-7 แสนคนทุกปี

นักวิชาการเผยแต่ละปีคนไทยเล่นพนันทุกรูปแบบกว่า 30 ล้านคน เงินสะพัดปีละ 4-5 แสนล้าน มีผู้เล่นพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี 6-7แสนคน พร้อมฟันธงหวยเอ็น 3-แอล 6 แก้ปัญหาสลากขายเกินราคา-หวยใต้ดินไม่ได้!! ขณะที่คนรุ่นใหม่เมิน! เพราะชอบเล่นพนันออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่า

นายรัตพงษ์ สอนสุภาพ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า จากผลศึกษาของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบว่า แต่ละปีมีคนไทยเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันทุกรูปแบบ 30 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 300,000-400,000 ล้านบาทต่อปี และทุกปีมีผู้เล่นพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 600,000-700,000 คน โดยเล่นพนันที่หลากหลาย ไม่ได้เจาะลงที่สลากกินแบ่งฯ อย่างเดียว มีพนันฟุตบอล พนันออนไลน์

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกผลิตภัณฑ์สลากใหม่ ทั้งสลากเลขสามหลัก หรือเอ็น 3 และลอตเตอรี่ 6 หรือแอล 6 นั้น จะไม่สามารถแก้ปัญหาสลากเกินราคา และหวยใต้ดินให้หมดไปได้ เนื่องจากหวยใต้ดินอยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน ผู้ขายมีความคุ้นเคย กับผู้ซื้อมากกว่า หาซื้อได้ง่าย มีเครดิตและส่วนลดให้ผู้ซื้อได้ด้วย ขณะที่ประเมินว่าหากรัฐบาลออกสลากเอ็น 3 น่าจะมียอดขายราวปีละ 40,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับการทำหวยบนดินสมัยรัฐบาลในอดีต ส่วนผู้ซื้อน่าจะมีทั้งกลุ่มผู้ซื้อรายเดิม ๆ ที่ซื้อทั้งหวยใต้ดินและเอ็น 3 ส่วนผู้ซื้อรายใหม่อาจ ไม่มาก เพราะเอ็น 3 ไม่น่าถูกจริตกับคนรุ่นใหม่ โดยผลศึกษาพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมเล่นพนันออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่า

ทั้งนี้ สลากเอ็น 3 เหมือนจะมาแข่งหวยใต้ดิน แต่ต้องดูว่าจะกำหนดราคาเท่าไหร่ หากตั้งไว้ 50 บาท ก็ไม่ยืดหยุ่น แถมหวยใต้ดินยังมีระบบเครดิต ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง มีเจ้ามือเป็นคนในชุมชนหมู่บ้าน มีความสะดวกในการเข้าถึงผู้ซื้อมากกว่า แต่จุดแข็งของเอ็น 3 คือการขายผ่านระบบดิจิทัลอย่างเดียว จะลดความเสี่ยงของผู้ซื้อเพราะเป็นของรัฐ ถูกแล้วได้เงินแน่ มีความปลอดภัยทางข้อมูล ที่สำคัญระบบดิจิทัลยังช่วยคัดกรองไม่ให้เข้าถึงเยาวชนได้ แต่สุดท้ายเชื่อว่าหวยใต้ดินจะไม่หายไป และจะขายคู่ขนานไปกับเอ็น 3 เช่นเดิม

ส่วนสลากแอล 6 จะช่วยให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลที่ขายผ่านแอปเป๋าตังได้ง่ายขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขายเกินราคาได้หรือไม่ เนื่องจาก 1 ปีที่ผ่านมา ได้เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลมาตลอด แต่สลากยังขายเกินราคาเช่นเดิม เนื่องจากติดปัญหาเชิงโครงสร้าง คือ ตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ขายเอง มีการนำไปขายช่วง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้โควตาถาวรงวดละ 30 ล้านใบ มองว่าควรลดตัวแทนจำหน่ายแบบเก่าและหันไปเพิ่มส่วนของการซื้อจอง เพราะเป็นความต้องการของตลาดที่แท้จริง

เมื่อเสนอเรื่อง จัดสรรโควตาสลากใหม่ อาจทำให้บางหน่วยงานไม่พอใจ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ ส่วนจะเพิ่มจำนวนสลากเข้ามาในระบบเท่าไร ดูจากตัวเลขปี 64-65 มีปริมาณสลากที่น่าจะขาดอยู่ 50 ล้านใบ ปัจจุบันมีสลากดั้งเดิมงวดละ 100 ล้านใบ ถ้าปี 67 จะเพิ่มสลากดิจิทัลเป็น 30 ล้านใบ เชื่อว่าปัญหาขายเกินราคายังอยู่ ซึ่งโดยหลักการแล้วการเพิ่มจำนวนสลากจะทำให้ราคาลดลงเรื่อย ๆ แต่ต้องเพิ่มในปริมาณที่มากพอ ส่วนเพิ่มเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาหลายองค์ประกอบ