Monday, 2 June 2025
สระแก้ว

สระแก้ว - สส.ชลบุรีเขต 7 มอบเตียงสนามศูนย์ฟื้นฟูพักคอยรอกลับบ้าน จำนวน 40 ชุด เทศบาลเมืองจังหวัดสระแก้ว

เมื่อเวลา 07.00 น ขอที่ 3 สิงหาคม 24 สส.กวินนาถ ตาคีย์ ชลบุรี เขต 7 รองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท เดินทางรับมอบเตียงสนาม จากนายอมรเทพ โรจนลภัสปรีดา แซ่คู ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 27 และเลขานุการกรรมาธิการการปกครอง เป็นตัวแทนครอบครัวชาวนาและกัลยานิมิตรผู้ใหญ่ผู้ใจบุญ เพื่อรับส่งมอบให้กับศูนย์พักฟื้นคอยการกลับบ้านของผู้ป่วย covid จำนวน 40 ชุด ให้กับเทศบาลเมืองจังหวัดสระแก้ว และยังมีบริษัทคนีน์จำกัดและผลิตภัณฑ์ออแกนิคฆ่า เพื่อให้นำมาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อให้ชาวบ้านในอำเภอบางละมุงจังหวัดชลบุรีด้วย

เนื่องด้วยการรับมอบตียงสนาม ให้กับศูนย์พักฟื้นคอยรอการกลับบ้านได้รับการประสานงานมาจาก นายเอกชัย พิทยานุรักษากุล ผอ.กองช่าง เทศบาลเมืองจังหวัดสระแก้ว และนายไพรวัลย์โมรา เป็นผู้ติดต่อประสานงานมายัง สส.กวินนาถ ตาคีย์ (ชลบุรีเขต 7) รองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ด้วยเทศบาลจังหวัดสระแก้วกำลังจะทำศูนย์ฟื้นฟูพักรอคอยการกลับบ้าน ซึ่งในขณะนี้ได้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและมีความต้องการเตียงสำหรับจัดทำศูนย์พักฟื้นคอย เป็นอย่างมากจึงได้ติดต่อประสานงานมายัง สส.เชลบุรีเขต 7 นางสาวกวินนาถ ตาคีย์ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ซึ่งนายไพรวัลย์ โมรา ทราบว่าสส.กวินนาถ ตาคีน์ ชลบุรีเขต 7 รองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทยได้ทำโครงการมอบเตียงสนาเสำหรับ ศูนย์พักฟื้นฟูรอคอยการกลับบ้านอยู่แล้ว

สส.กวินนาถ ตาคีย์ ชลบุรีเขต 7 หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทย จึงได้เดินทางไปรับเตียงสนามพร้อมเดินทางไปมอบเตียงสนามให้กับศูนย์พักฟื้นฟูรอคอยการกลับบ้านที่ เทศจังหวัดสระแก้ว จำนวน 40 ชุด โดยมีนายตระกุล สุขกุล นายกเทศบาลเมืองจังหวัดสระแก้ว พร้อมคณะทำงานให้การต้อนรับ หลังจากนั้น สส.กวินนาถ ตาคีย์ ชลบุรีเขต7 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมที่ศูนย์พักฟื้นฟูรอคอยการกลับบ้าน ของเทศบาลเมืองจังหวัดสระแก้วได้จัดทำขึ้นมา ได้พบว่า การบริหารงานการจัดทำศูนย์พักฟื้นรอการกลับบ้าน ได้มีระบบ การอุปโภค ครบครัน อำนวยความสะดวกและสถานที่กว้างใหญ่ พร้อมรับผู้ป่วย ได้เป็นจำนวนมากและพร้อมทีมงานบริหารงานทีมแพทย์จิตอาสาให้การดูแลผู้ที่มาพักฟื้นคอยการกลับบ้านแบบดีที่สุดแน่นอน...


ภาพ/ข่าว  สมชาย โคตล่ามแขก ผู้สื่อข่าวพัทยาจังหวัดชลบุรี

สระแก้ว - ผู้ว่าสระแก้วประชุมร่วมผู้ประกอบการในตลาดโรงเกลือเพื่อหารือ เปิดร้านขายของตามปกติ มีบางส่วนปิดหนีโควิด-19

เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันนี้ ณ โรงแรมเดอะเวโลโฮเทล อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานในพิธี โยมี นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วพ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา หัวหน้าสำนักงานจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ กรปกครองสวนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ตม.สระแก้ว ทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บรรยากาศที่ตลาดโรงเกลือ มีชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศกัมพูชา ประกอบการค้า และกรรมกรรับจ้างทั่วไม่มีทำให้ตลาดเงียบเหงา และเปิดร้านอยู่ไม่กี่ร้านนอกจากนั้นปิดหมด ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในตลาดโรงเกลือ คงต้องรอ ส่วนความคืบหน้าในการป้องกันโรคโควิดตามมาตรการสาธารณสุขสำหรับในช่วงนี้มีชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือติดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมากจึงมีการคัดเตอร์ในตลาดโรงเกลือ 21 วันจะครบในวันที่ 24 ส.ค.2564ที่จะถึงนี้ จึงมีมาตรการมารองรับในการเปิดตลาดโรงเกลือให้กับมาคึกคักเหมือนเดิม

นายสุรศักดิ์ รัตนธรรม เจ้าของตลาดรัตนธรรม กล่าวว่า ในช่วงนี้ตลาดโรงเกลือไม่มีนักท่องเที่ยวมาซื้อสินค้าเหมือนแต่ก่อน การขายของก็ไม่ได้เลย ยามปกติขายของได้ แต่มีลิขสิทธิ์มาจับ พอขายของดีหน่อยก็มีโรคโควิดแพร่ระบาดปิดตลาด แต่ค่าเช่า และค่ายามต้องจ่ายทุกเดือน แต่ตอนนี้ชาวกัมพูชากลัวโควิดมาก ขอกลับประเทศเกือบหมด จึงไม่มีโครมาเปิดร้านขายของได้ รายได้จากการขายของไม่มี แต่ค่าห้อง และค่าอะไรอีกมากมาย ก็ยังมาเก็บอยู่ ถ้าเป็นอย่างนี้ชาวกัมพูชา จะลำบากมาก และคนไทยก็ไม่ค่อยซื้อของมากนัก ไม่มีคนเดินซื้อของเลยจึงขอเสนอให้เปิดตลาดโรงเกลือและให้แต่ละเจ้าของตลาดดูแลคนของตนในการเข้า-ออก จะต้องมีการตรวจคัดกรองและกำชับให้คนในตลาดของตนสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

นางราตรี แสงรุ่งเรือง ประธานสภาการท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ตลาดโรงเกลือเป็นตลาดการค้า ที่มีชาวกัมพูชาเข้ามาประกอบการเกือบทุกร้าน และชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ก็มีฐานะไม่ค่อยดี การแก้ไขปัญหาการขายสินค้า ทางจังหวัดได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้า มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ซึ่งทางจังหวัดได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรึกษาหารือแนวทางแก้ไข ประกอบการตลาดโรงเกลือเป็นตลาดขนาดใหญ่ จะต้องแก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอน แต่ปัญหาใหญ่ในช่วงนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการซึ่งเป็นชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในตลาดโรงเกลือ ส่วนใหญ่ก็มีฐานะไม่คอยดีอยู่แล้วที่เป็นกรรมกรรับจ้างทั่วไป ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้คนไทยและคนกัมพูชาที่อาศัยอยู่ตมแนวชายแดน มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตลอดไป ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เราเลย จึงไม่มีรายได้เข้ามาทำให้ตลาดโรงเกลือเงียบเหงาดังกล่าว

นายเกียรติศักดิ์ จันทา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว  กล่าวว่าในที่ประชุมได้รับฟังปัญหาของผู้ประกอบการทั้งในพื้นที่เมืองอรัญฯและในตลาดการค้าชายแดน(โรงเกลือ) เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจซึ่งมีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว(กัมพูชา) กรณีขอกลับประเทศเข้าร่วมประชุม เกี่ยวกับการที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโดยเฉพาะตลาดโรงเกลือ ไม่สามารถขายสินค้าได้ตามปกติตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน และล่าสุดได้มีคำสั่งทางจังหวัดควบคุมการเข้า-ออก ในพื้นที่ ทำให้เดือดร้อนไม่สามารถขายสินค้าได้ แต่ต้องแบกภาระในการเช่าอสังหาริมทรัพย์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการเรียกต่อสัญญาเช่าอาคาร ที่ดิน หรือสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นต้น ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันไม่ดีขึ้นเลย ดังนั้นในการมาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ทางผู้ประกอบการเช่าอาคารตลาดโรงเกลือ ขอยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อขอความอนุเคราะห์ต่อไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้พิจารณาทบทวนปัญหาของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในขณะนี้

ทางผู้ว่าสระแก้วได้รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นโดยรวมรับปากว่าจะรีบหาทางแก้ไขทั้งเจ้าของตลาดและผู้ประกอบการให้เป็นธรรมกันทั้งสองฝ่าย ส่วนตลาดโรงเกลือท่านผู้ว่าฯ ยังต้องใช้มาตรการควบคุมพื้นที่ขั้นสูงต่อไปเรื่อย ๆ ก่อน เนื่องจากยังมีชาวกัมพูชาติดเชื้อเพิ่มเกือบทุกวัน สืบเนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชานั้นยังไม่มีใครได้รับวัคซินสร้างภูมิคุ้มกัน และที่ได้ข่าวว่าชาวกัมพูชาที่อยู่ในตลาดโรงเกลือได้มีการลงทะเบียนเพื่อรอการฉีดวัคซินจากรัฐบาลกัมพูชานั้น ผู้ว่าฯบอกก็ทราบข่าวเหมือนกัน ทั้งนี้ก็ต้องรอผู้ที่มีอำนาจในการอนุญาตหรือตัดสินใจเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามก็คอยช่วยเหลือเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นคนสัญชาติใดก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังกล่าว ทำให้ชาวกัมพูชา ที่ประกอบการค้าในตลาดโรงเกลือ ต่างพากันปิดร้าน ขอเดินทางเข้าไปในประเทศกัมพูชา ด้วยความกลัวโรคระบาด ที่อยู่ติดกับฝั่งกัมพูชา ทางด้านทิศตะวันออกของตลาดโรงเกลือ และในช่วงที่ผ่านมา ชาวกัมพูชาเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศของตนเพื่อความปลอดภัยตลาดโรงเกลือ ปิดร้าน คิดเป็นร้อยละ 70% จึงทำให้ตลาดโรงเกลือเงียบเหงาอย่างที่เห็นดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

‘โรม’ โดนชาวบ้านชูป้ายขับไล่-เปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ใส่ ขณะ ‘ก้าวไกล’ กำลังเดินสายหาเสียงที่ จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลงพื้นที่ อำเภออรัญประเทศ เพื่อช่วย นายปรมินทร์ จันทรกาล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 3 หาเสียง โดยเริ่มต้นจากลานสยามมินทร์ไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในเทศบาลเมืองอรัญประเทศ

ขณะทีมหาเสียงพรรคก้าวไกลตระเวนไปตามถนนได้มีกลุ่มผู้เห็นต่างใช้รถตู้ติดตั้งเครื่องขยายเสียงเปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ใส่ พร้อมยืนขับไล่และขี่รถจักรยานยนต์ถือป้ายขับไล่ไปทุกเส้นทางที่ทีมงานพรรคก้าวไกลเดินทางไป แต่ไม่มีการตอบโต้ใด ๆ กลับไปจากพรรคก้าวไกล

จากนั้นกลุ่มหาเสียงของพรรคก้าวไกลเดินทางต่อไปช่วยผู้สมัครเขต 2 หาเสียงต่อไป

‘กรมศุลกากร’ ยึดทุเรียนลักลอบนำเข้า  น้ำหนัก 8,420 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า อธิบดีกรมศุลกากรได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตภายในประเทศ และเป็นการป้องกันการสวมสิทธิผลไม้ไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรไทยและผู้ประกอบการที่สุจริต 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 นายศศิน ปงรังษี ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 นายประพันธ์ จันทร์ไทยศรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ได้ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรลงพื้นที่เฝ้าระวังการลักลอบขนส่งสินค้าเกษตรที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร บริเวณถนน 317(หน้าโรงพยาบาลวังสมบูรณ์) ตำบลวังสมบูรณ์ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว พบรถบรรทุก 6 ล้อ มีลักษณะน่าสงสัย จึงทำการขอตรวจค้น พบทุเรียนสด มีถิ่นกำเนิดต่างประเทศ ไม่ปรากฏเอกสารหลักฐานแสดงการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง จำนวน 8,420 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,178,800 บาท

กรณีดังกล่าว ถือเป็นความผิดตามมาตรา 242 และ 246 ประกอบมาตรา 252 เจ้าหน้าที่จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ยึดของดังกล่าวพร้อมนำตัวผู้ต้องหาและยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดส่งด่านศุลกากรอรัญประเทศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘เพื่อไทย’ หารือ ‘สมาคมการค้ามันสำปะหลัง’ มุ่งแก้ปัญหาโรคระบาดใบด่างในมันสำปะหลัง

(25 ก.ค. 66) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับปัญหาไวรัสใบด่างระบาดในมันสำปะหลัง ที่ฉุดให้ผลผลิตตกต่ำลง ระบุว่า..

พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้ปัญหาโรคไวรัสมันสำปะหลังระบาดให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติร้อนแล้งซ้ำเติม คาดฉุดผลผลิตลดฮวบ รายได้เกษตรหาย ปากท้องรายได้ ปัญหาเร่งด่วนที่เพื่อไทยรอไม่ได้

ทีมวิชาการการเกษตรเพื่อไทย นำโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายสรวงศ์ เทียนทอง นายพรหมมิน สีตบุตร นายคมเดช ไชยศิวมงคล พบนายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช ผู้แทนสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย และคณะ แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์และการดำเนินการด้านการป้องกันรักษาโรคไวรัสใบด่างระบาดในมันสำปะหลัง และแนวทางเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำแล้ง จากภาวะเอลนีโญ ที่จะส่งผลโดยตรงต่อการผลิตภาคเกษตรที่อาจรุนแรง และส่งผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปีจากนี้

นายบุญศรี ให้ข้อมูลว่า เรื่องโรคระบาดในมันสำปะหลังขณะนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถบรรเทาความรุนแรงของการระบาดลงได้ หากได้รับการดูแลอย่างจริงจัง แต่หากยังล่าช้าละเลย สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ อาจสร้างความเสียหายลุกลาม แก่อุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออกมันสำปะหลังของประเทศไทยมูลค่ารวมกว่าแสนล้านบาท 

ผู้แทนสมาคมมันสำปะหลังไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลังของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประมาณการความเสียหายกินพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังขณะนี้กว่า 3 ล้านไร่ ขณะที่รายงานของกรมส่งเสริมการเกษตร ระบุว่าสามารถควบคุมพื้นที่การระบาดได้อยู่ที่ 4 แสนไร่เท่านั้น โดยผลกระทบโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง อาจทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังหายไปอย่างน้อย 50% จากผลผลิตปีละ 40 ล้านตัน อาจเหลือเพียง 20 ล้านตันเท่านั้น

โดยมาตรการการของหน่วยงานรัฐ ที่ใช้เพื่อการควบคุมโรคระบาดไวรัสใบด่างที่ใช้อยู่ในขณะนี้ คือการตัดเผาทำลายหากตรวจพบในรัศมี 1 ตารางกิโลเมตร และควบคุมการขนย้ายท่อนพันธุ์ ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อเกษตรกรในทางปฏิบัติด้วยกรอบกฎระเบียบราชการ

ในส่วนการทำงานของทีมวิชาการเกษตรพรรคเพื่อไทย รับทราบและติดตามปัญหามันสำปะหลังมาโดยตลอด โดยทีมทำงานได้ทำแปลงทดลองแก้ไขปัญหาไวรัสใบด่างในมันสำปะหลังด้วยวิธีการหลากหลาย และเก็บผลเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ 

แปลงที่ 1 ใช้จุลินทรีย์กรีนพลัส ฉีดลงดินเพื่อขจัดเชื้อรา และใช้ชีวพันธุ์โอซิล ตระกูลไคโตซานที่เป็นนาโน ร่วมกับซิลเวอร์นาโน ฉีดพ่นที่ใบและลำต้น เพื่อฆ่าเชื้อและบำรุงท่อน้ำเลี้ยง ร่วมกับน้ำหมักจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นการผสมรวมน้ำหมักจุลินทรีย์ และจีพลัส ฮอโมนพืช ควบคุมแปลงโดยนายคมเดช ไชยศิวมงคล ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าสามารถระงับการแพร่ระบาดได้และต้นมันที่ติดโรคก็สามารถแข็งแรงผลิใบใหม่ได้ 

แปลงที่ 2 ใช้แคลเซียมเซียมคาร์บอเนตเข้มข้น ฉีดพ่นต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรค ในแปลงทดสอบ ที่นครราชสีมา พบว่าผนังเซลล์ของมันสำปะหลังแข็งแรงขึ้นสามารถต้านทานโรคได้ดี และฟื้นตัวจากโรคไวรัสใบด่างได้

และแปลงที่ 3 ทดสอบรวมผลการใช้ผลิตภัณฑ์จากแปลงที่ 1 และแปลงที่ 2 ควบคู่กัน สู่ผลลัพธ์ การควบคุมป้องกันโรค และสมมุติฐานความสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ขึ้นได้ด้วยหรือไม่

พรรคเพื่อไทยลงมือทำงานและศึกษาเรื่องมันสำปะหลังในฐานะพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานสมาคม และทีม สส. พรรคเพื่อไทย มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทราบข้อเท็จจริงและเข้าใจวิธีการแก้ปัญหาความเดือดร้อน อุปสรรคการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ตรงประเด็นที่สุด รวดเร็วที่สุด เพราะปัญหาปากท้องคือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เรารอไม่ได้ โรคระบาดแก้ได้ต้องรีบจัดการ ส่วนภัยแล้งยังแก้ไม่ได้ต้องหาทางบรรเทาบนพื้นฐานการจัดการที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ

'รมว.ปุ้ย' สั่งการ 'ดีพร้อม' เร่งยกระดับศักยภาพโกโก้ไทยสู่การเป็นโกโก้ฮับ พร้อมขานรับนโยบายนายกฯ เร่งผลักดันสระแก้วสู่โกโก้ฮับภาคตะวันออก

(27 ก.พ.67) นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานของ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นในการผลักดันโกโก้ไทยสู่การเป็นโกโก้ฮับ (THAI COCOA HUB) และพืชเศรษฐกิจหลักของไทยทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ 

เนื่องจากโกโก้เป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดโลกสูง มีการจําหน่ายและส่งออกไปยังหลายประเทศในทวีปยุโรป ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ รวมถึงแนวโน้มความต้องการและราคาในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นกว่า 5,800 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 210,000 บาท ต่อตัน ขณะเดียวกันโกโก้ ยังเป็นพืชแห่งอนาคต (Future Crop) สามารถนำทุกส่วนของโกโก้มาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย อาทิ กลุ่มอาหารที่ให้ประโยชน์สูงต่อร่างกาย (Super Food) โกโก้ผง เนยโกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องสําอาง นํ้าหอม จึงส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกโกโก้ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศสามารถปลูกโกโก้ได้ครอบคลุมทุกภูมิภาค  

นับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ รมว.อุตสาหกรรม มุ่งผลักดันให้อุตสาหกรรมโกโก้ของประเทศเติบโตสู่การเป็นโกโก้ฮับ (THAI COCOA HUB) และสามารถแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการยกระดับศักยภาพโกโก้จังหวัดสระแก้วให้เป็นโกโก้ฮับของภาคตะวันออก ที่มีศักยภาพการเพาะปลูกโกโก้และแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ที่มีคุณภาพในภาคตะวันออกของไทย 

ดังนั้น รมว.พิมพ์ภัทรา จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม เร่งนำร่องในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ภายใต้นโยบายการดำเนินงานของดีพร้อม RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ในบริบททางเศรษฐกิจและสังคมโลกยุคใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถยืนหยัด รับมือ และปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนมีศักยภาพในการแสวงหาโอกาสและผลประโยชน์จากความท้าทายต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น  

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ดีพร้อม เร่งเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วทุกภาคส่วนในการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโกโก้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยนำร่องให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ อำเภอเมือง ผ่านกิจกรรมยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมโกโก้จังหวัดสระแก้ว ด้วยพลังแนวคิดใหม่ให้ดีพร้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานระยะสั้น (Quick Win Plan) ในการขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์โกโก้ของจังหวัดสระแก้วด้วยการยกระดับองค์ความรู้และทักษะด้านการพัฒนาเทคนิคการหมัก การแปรรูปโกโก้ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และการเพิ่มกลยุทธ์การตลาดด้วยเทคนิคการเล่าเรื่อง (Storytelling)

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมองค์ความรู้สู่การพัฒนาเป็นพลังแนวคิดใหม่ในการประกอบธุรกิจการสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งด้านการผลิต การตลาด การบริหารจัดการในทุกๆ มิติ เพื่อให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้และผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมโกโก้สามารถนําองค์ความรู้ไปต่อยอดในการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์โกโก้ อันจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่ สามารถขยายโอกาสรองรับกระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารในกลุ่มซุปเปอร์ฟู้ด (Super foods) ได้อย่างดีในอนาคต และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 3 ล้านบาทต่อปี 

สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ ทางดีพร้อมได้เข้าไปดำเนินการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและคุณภาพสินค้าเกษตรแปรรูป ด้วยการออกแบบและพัฒนาต้นแบบ 'เครื่องผ่าผลสดโกโก้' ซึ่งนวัตกรรมและการจัดการเกษตรอุตสาหกรรมสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผ่าผลสดโกโก้ จากเดิมใช้ระยะเวลาผ่าผลสด 20 วินาทีต่อลูก มาผ่าเป็นผลโกโก้ได้มากกว่า 1,440 ลูกต่อวัน แทน รวมถึงลดการเกิดข้อผิดพลาดจากการทำงานของคน ช่วยให้ลดต้นทุนการผลิตลงได้กว่า 2 ล้านบาทต่อปี และสร้างโอกาสในการขายได้กว่า 10 ล้านบาทต่อปี 

ขณะเดียวกัน ดีพร้อม ยังได้ปรับเปลี่ยนตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้วยการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ จังหวัดสระแก้ว โดยเน้นความร่วมสมัย แต่ยังคงรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับของเดิมเพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงมายังตราสินค้าใหม่ได้ และปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ชาจากเปลือกเมล็ดโกโก้ โดยเลือกใช้ถุงอะลูมิเนียมฟรอยด์ทึบ 2 ด้าน มีซิปล็อกในตัว มีคุณสมบัติกันน้ำ กันออกซิเจน และกันแสงได้เป็นอย่างดี พร้อมออกแบบให้บรรจุภัณฑ์มีความน่าสนใจสื่อถึงผลิตภัณฑ์และสะดวกสำหรับการขนส่ง ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าได้กว่า 5 ล้านบาทต่อปี

นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในระยะถัดไป ดีพร้อมเตรียมต่อยอดพัฒนาหนังเทียมจากเปลือกโกโก้ให้มีคุณภาพให้กับวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันโดยนำนวัตกรรมและการออกแบบมาประยุกต์ใช้กับวัสดุทางทุนวัฒนธรรมของชุมชน ซึ่งคาดว่าระยะเริ่มต้นจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกได้กว่า 20 ล้านบาท และในระยะยาวจะดำเนินการจัดทำพิมพ์เขียวธุรกิจ (Business Blueprint) ของวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ เพื่อเป็นแบบแปลนในการวางระบบให้องค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเป็นต้นแบบขยายผลการขับเคลื่อนส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์โกโก้ในพื้นที่ทั่วประเทศต่อไป คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้กว่า 8,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ดีพร้อมได้วางเป้าหมายขยายผลการดำเนินงานไปยังผู้ประกอบการพื้นที่ภาคตะวันออกในจังหวัดจันทบุรี ในการส่งเสริมและพัฒนายกระดับกลไกสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้วยเครือข่ายหน่วยงานและผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม (RISMEP) โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้สังกัดดีพร้อม ร่วมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำในทุก ๆ มิติ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อาทิ การยกระดับศักยภาพให้แก่ผู้เพาะปลูก การตลาด การขออนุญาตจัดตั้งสถานที่ผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ การขอมาตรฐาน อย. และเทคนิคการปรับปรุงพัฒนาถังไม้หมัก/บ่มโกโก้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโกโก้สู่เชิงพาณิชย์ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top