Thursday, 9 May 2024
วิโรจน์_ลักขณาอดิศร

โพลสถาบันพระปกเกล้า ชี้!! คนกรุงไว้ใจชัชชาติ พร้อมเทคะแนนเลือกเป็นผู้ว่าฯ มากถึง 40.8%

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ภายหลังจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ภายใต้โครงการวิจัยประเมินผลการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผู้บริหารท้องถิ่น ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก่อนเลือกตั้ง กทม. 22 พฤษภาคม 806 ตัวอย่าง โดยทำการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2565 ดังนี้

'วิโรจน์' ชี้ แค่ขุดลอกคูคลองไม่เพียงพอแก้ปัญหาน้ำ แนะ!! ในปีงบฯ หน้าต้องเร่งปรับปรุง 'อุโมงค์ระบายน้ำ' 

(11 ก.ย. 65)​ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้

น้ำท่วม กทม. แก้แค่เส้นเลือดฝอยเอาไม่อยู่ ต้องทะลวงเส้นเลือดใหญ่ด้วย

ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ของปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. ในปี 2565 นี้ นั้นเกิดจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง จนเกินกว่าขีดความสามารถของระบบระบายน้ำที่มีอยู่ ซึ่งแตกต่างจากปี 2554 ที่เกิดจากน้ำเหนือที่หลากลงมาจากการพายุที่เข้าประเทศไทยถึง 5 ลูก โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าปริมาณฝนเฉลี่ยตลอดปี 2565 น่าจะพอๆ กับ ปี 2564 (ปี 65 น้อยกว่าปี 64 อยู่เล็กน้อย) แต่น่าจะมากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30 ปี

ที่ผ่านมา ส.ก.ก้าวไกล ได้ติดตาม และกำกับการตระเตรียมระบบระบายน้ำของ กทม. อย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าฝ่ายบริหารก็พยายามเร่งรัดการลอกท่อระบายน้ำอย่างเต็มที่ และในหลายพื้นที่ก็พบปัญหาท่อระบายน้ำอุดตัน เนื่องจากไม่ได้ลอกท่อมานาน

ผมเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังเป็นอย่างดี และยืนยันว่าประชาชนสมควรที่จะไม่พอใจ และติติงระบบระบายน้ำของ กทม. แต่ผมคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะกล่าวโทษผู้ว่าที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือน

สิ่งหนึ่งต้องยอมรับกันตรงๆ ก็คือ ศักยภาพในการระบายน้ำของ กทม. นั้นมีปัญหาจริงๆ และลำพังแค่การลอกท่อระบายน้ำ ที่เป็นเส้นเลือดฝอย นั้นอาจไม่เพียงพอ เพราะในหลายพื้นที่แม้ว่า ส.ก.ก้าวไกล จะได้เร่งรัดการลอกท่อระบายน้ำไปแล้ว มีเครื่องสูบน้ำไปประจำการแล้ว แต่น้ำก็ยังระบายได้ช้า และท่วมขังอยู่

น้ำที่ท่วมขัง ณ วันนี้ เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า แค่เส้นเลือดฝอย เอาไม่อยู่แน่ครับ

'วิโรจน์' ยินดีร่วมงาน ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าผ่านร่างกฎหมาย คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง-ทำงานเพื่อ ปชช.ด้วยกัน

(21 ส.ค. 66) จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยผ่านรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) แล้ว โดยเรื่องนี้บอกผู้ใหญ่ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม

ในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) อยากให้พรรคทำสำเร็จในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์และแยกคอกวัว สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมได้ฝากฝังกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้น ๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียงของพรรค พท. เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงนั้นเป็นความมุ่งมั่นที่อยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว พี่เต้นประสานผมมาได้ทุกเมื่อครับ ผมพร้อมร่วมมือกับพี่เต้นอย่างเต็มที่

ยินดีที่จะได้ร่วมกันกับพี่เต้นนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่ แล้วเรามาทำงานเพื่อประชาชนร่วมกันครับ

'สนธิญา' ร้อง ปอท. ตรวจสอบ 'วิโรจน์ ก้าวไกล' พูดมั่วในรายการกรรมการข่าวฯ กรณี 'บิ๊กตู่' พ้นนายกฯ แล้วยังเป็น ปธ.ยุทธศาสตร์ชาติ มีอำนาจปลดคนได้

(7 ก.ย.66) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายสนธิญา สวัสดี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศุภภัทร สวัสดี รอง ผกก.3 บก.ปอท.เพื่อร้องทุกข์ให้ ตรวจสอบการให้สัมภาษณ์ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ที่มีการไปร่วมรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยมีใจความในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีการกล่าวอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ว่าแม้พลเอกประยุทธ์ จะพ้นสภาพจากการเป็นนายกรัฐมนตรีแต่ก็จะยังคงเป็นประธานยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งถือว่ายังคงสามารถกำกับดูแลการทำงานหรือสามารถปลดคนทำงานได้

ทั้งนี้ หลังจากตนได้ศึกษาข้อมูลทั้งหมดจึงพบว่า คำพูดดังกล่าวของนายวิโรจน์ถือว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากประธานยุทธศาสตร์ชาติจะต้องเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งการที่พลเอกประยุทธ์พ้นวาระจากการเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถ เป็นประธานยุทธศาสตร์ชาติได้ตามที่นายวิโรจน์เก่าอ้าง ซึ่งถือว่าการออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อแบบนี้เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ในวันนี้จึงเดินทางมาพร้อมกับคลิปรายการและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวันเกิดเหตุทั้งหมด มาให้พนักงานสอบสวน บก.ปอท. ตรวจสอบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิด การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ หรือไม่

ส่วนนายสรยุทธ์ ผู้ประกาศคนดังเบื้องต้นตนเองไม่ได้มีการร้องขอให้ตำรวจตรวจสอบเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นการทำงานของสื่อมวลชนในการสอบถามข้อมูลซึ่งควรต้องเป็นหน้าที่ของผู้ให้ข้อมูลในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนซึ่งก็คือตัวนายวิโรจน์

"ยืนยันว่าในวันนี้ที่เดินทางมาเป็นการเดินทางมาด้วยตนเองในฐานะประชาชนคนไทยที่ต้องการเห็นความถูกต้อง ไม่ได้มีการรับงานมาจากใคร และส่วนตัวอยากให้นายวิโรจน์ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่การออกมาให้ข้อมูลที่บิดเบือนกับประชาชนแบบนี้"นายสนธิญา กล่าว

สำหรับกรณีนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'วิโรจน์ ก้าวไกล' โพสต์!! ขอพักรักษาตัว ลดปริมาณงาน หลังโรครุมเร้า 'ความดัน-นอนไม่หลับ-ปวดหลัง' ยัน!! ไม่เสแสร้ง

(9 ม.ค. 67) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวประกาศลดงาน-พักรักษาตัว เหตุป่วยเรื้อรังมานาน บอก รู้สึกโดดเดี่ยว-หมดแรง-ท้อแท้-เหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ทำอาการเจ็บป่วยลุกลาม รุมเร้า ยัน แม้ปริมาณลด แต่จะชดเชยด้วยคุณภาพ ขอบคุณทุกความห่วงใย ยันไม่ได้เสแสร้ง ย้ำจะกลับมาให้เร็วที่สุด โดยระบุว่า...

ขออนุญาตพักรักษาตัว สักระยะนะครับ

เนื่องจากผมป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงมาเป็นระยะเวลานาน และมีอาการปวดหลังเรื้อรังมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง

ประกอบกับการทำงานที่ผ่านมา ตั้งแต่งานในสภาฯ ชุดที่แล้ว การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. การดีเบต และการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง 2566 การลุยกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และภารกิจในสภาผู้แทนราษฎร ผมต้องทำงานภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัดอย่างมาก ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆ มากมาย 

แรกๆ ผมก็ไม่รู้ตัวเองหรอกครับ เครียดก็เก็บเจ็บก็ทน แต่ความเครียด มันค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกที ก็รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว และรู้สึกหมดแรง ท้อแท้ เหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ทำให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ลุกลาม รุมเร้าไปหมด ทั้งแน่นหน้าอก ปวดหลังเรื้อรัง นอนไม่หลับ ฯลฯ จนกลายเป็นภาระของคนรอบข้างไปหมด

ผมจึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ผมจำเป็นต้องลดงานที่ทำอยู่ พยายามลดการรับรู้เรื่องที่ไม่สบายใจให้น้อยลง เพื่อเอาเวลาไปพักรักษาตัวเอง และอาจจะต้องจัดสรรเวลาเพื่อออกกำลังกายร่วมด้วยครับ

แม้ว่าปริมาณงานอาจจะลดลงบ้าง แต่ขอให้สบายใจนะครับ ผมจะพยายามชดเชยด้วยคุณภาพของงานที่ดีขึ้น

ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความห่วงใยที่มีมาให้กับผมนะครับ ผมเองก็ไม่อยากไม่สบาย ไม่รู้ว่าไม่สบายได้ยังไง อยากจะหายจากอาการเหล่านี้วันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำไป

ที่สำคัญ คือ ไม่อยากทำให้ใครต้องรู้สึกไม่สบายใจ และไม่อยากเป็นภาระของใครจริงๆ นะครับ หลายคนที่เข้ามาพูดคุยให้คำแนะนำผม แล้วอาจจะสงสัยว่า หลังจากพูดคุยกันแล้ว ผมก็ดีขึ้นแล้วนี่นา ทำไมอยู่ดีๆ ก็เป็นอะไรขึ้นมาอีก คือ ตอนที่คุยผมก็ดีขึ้นมาจริงๆ ครับ แต่พอหลังจากนั้นสักพัก ผมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมไม่ได้แกล้ง หรือเสแสร้งอะไรจริงๆ นะครับ หากที่ผ่านมาผมทำให้ใครต้องรู้สึกไม่สบายใจ ผมต้องขออภัยจริงๆ ผมเองก็รู้สึกเสียใจที่ต้องมาเป็นภาระของใครๆ เหมือนกัน

ผมจะพยายามรักษาตัวเองให้เร็วที่สุดนะครับ และจะกลับมาทำงานเต็มที่ได้เหมือนเดิมครับ

'สส.เพื่อไทย' สงสัยท่าที 'วิโรจน์' อาจเล่นการเมืองจากปมเรือฟริเกต ไม่คัดค้านการตัดงบ ส่อโยนบาปให้ พท.ถูกมองตีเช็คเปล่าให้นายกฯ

(12 มี.ค. 67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านทรัพยากรบุคคล และได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังในคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กล่าวถึงกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. การทหาร สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นไม่คัดค้านการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน และกล่าวหาว่ารัฐบาลจะนำงบประมาณส่วนนี้ ตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรีนั้น

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของนายวิโรจน์และพรรคก้าวไกล ที่เปลี่ยนไปต่อการจัดสรรงบประมาณด้านการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ การกล่าวอ้างว่าการจัดซื้อเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน จะทำให้เกิดการจ้างงานมูลค่าหลักพันล้านบาท เกิดการเรียนรู้ทางวิศวกรรมการต่อเรือ และจะลดต้นทุนในการบำรุงรักษาในระยะยาว เป็นเพียงคำโฆษณาเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก
เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฎ กองทัพเรือยังมิได้จัดทำ TOR เป็นเพียงเงื่อนไขที่กองทัพเรือจะเสนอต่อประเทศที่ยอมรับเงื่อนไขในการต่อเรือและจ้างงานในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีการระบุชัดเจน การที่ คณะกมธ.ฯ งบประมาณ ไม่อนุมัติงบเรื่องเรือฟริเกตจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเมื่ออนุมัติ จะมีผลผูกพันทันที 5 ปี และมีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาททันที

คำพูดของ นายวิโรจน์ จึงเป็นเพียงคำโฆษณาเลื่อนลอยไร้น้ำหนักเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หาความชอบธรรมกับการไม่ปรับลดงบอาวุธกองทัพอันเป็นหลักการพรรคก้าวไกลยึดมั่นมาโดยตลอด

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ นายวิโรจน์ ที่ตั้งให้เหตุผลสนับสนุนการซื้อเรือฟริตเกต อย่างน้อยๆ ในการพิจารณางบประมาณปี 68 หากเรือฟริเกตถูกนำมาสู่การพิจารณาอีกครั้ง คณะกมธ.งบประมาณจะได้มีข้อมูลรอบคอบ รอบด้านมากขึ้น และอยากจะย้ำให้ นายวิโรจน์ เข้าใจหน้าที่ของคณะกมธ.งบประมาณ มีหน้าที่ต้องไตร่ตรองงบประมาณแผ่นดินให้คุ้มค่าภาษีประชาชน และ คณะกมธฯ งบประมาณ ประกอบด้วยตัวแทนของทุกพรรคการเมืองเป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารแต่อย่างใด การตัดงบที่ไม่ชัดเจนในรายละเอียด จึงไม่ใช่เพื่อรัฐบาล แต่เพื่อพี่น้องประชาชน

น.ส.ลิณธิภรณ์ ยังฝากถึงพรรคก้าวไกลอีกว่า "อย่ามัวแต่เล่นเกมการเมือง โยนความผิดทุกเรื่องให้รัฐบาล และอยากถามกลับ ถ้าวันนี้ คณะ กมธ.งบประมาณปี 67 อนุมัติเรือฟริเกตผ่านโดยขาดความรัดกุม ในอนาคตหากเรือฟริเกตไม่สามารถเกิดการจ้างงาน หรือเกิดการถ่ายโอนทางเทคโนโลยีได้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รัฐบาลใช่หรือไม่ สุดท้ายฝ่ายค้านจะใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีรัฐบาลอยู่ดี เพิ่งเข้าใจบทบาทฝ่ายค้านสร้างสรรค์เป็นแบบนี้นี่เอง"

‘รองอ๋อง-วิโรจน์’ ชี้อาจเป็นประชุมสภาครั้งสุดท้าย ลั่น!! ขอทำในสิ่งที่จะไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง

จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่าตลอด 7 เดือนไม่เสียใจที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร แม้ชนะเลือกตั้งสามารถรวบรวมได้ 312 เสียง ไม่เคยเสียใจที่ต้องเป็นฝ่ายค้าน ทั้งไม่เสียใจที่การอภิปรายครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมือง ชีวิตทางการเมืองแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่พร้อมจะจากไปอย่างผู้ชนะ ไม่มีอะไรติดค้างใจต่อไป และหากพรรคก้าวไกลจะถูกยุบก็ไม่เสียใจ เพราะอาจจะทำให้ถึงเส้นชัยเร็วขึ้นนั้น

ล่าสุด (5 เม.ย. 67) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ได้โพสต์ภาพการอภิปรายของนายพิธา พร้อมเขียนข้อความภาษาอังกฤษผ่านแพลตฟอร์ม  X ระบุว่า “It might be the last day!! #ประชุมสภา”

ซึ่งแปลได้ว่า “อาจจะเป็นวันสุดท้าย”

ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้แชร์โพสต์ของนายปดิพัทธ์ พร้อมเขียนข้อความคล้ายคลึงกันว่า “ผมเองก็ใกล้แล้วเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจงมาร่วมกันทำในสิ่งที่เราจะไม่รู้สึกเสียใจ เมื่อนึกย้อนกลับไป กันเถอะครับ”

ทั้งนี้ทั้งนายพิธา หมออ๋อง และนายวิโรจน์ ร่วมอยู่ใน 44 ส.ส. ที่ลงชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาฯ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จากนโยบายหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top