Tuesday, 21 May 2024
วัคซีนโควิด

‘หมอธีระวัฒน์’ ชวนจับตา!! ‘ภาวะลองโควิด-ผลกระทบวัคซีน’ หลังพบคนไทยเสียชีวิตสูงผิดปกติ ทั้งที่เข้าสู่ช่วงหยุดการระบาดแล้ว

(14 ม.ค.67) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกแถลงการณ์ร่วมต่อสถานการณ์อาการ ลองโควิด-19 และผลกระทบจากวัคซีน ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุใจความดังนี้…

แถลงการณ์ร่วมต่อสถานการณ์อาการ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน

เนื่องในโอกาสที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามความร่วมมือทางด้านวิชาการและการวิจัยร่วมกับวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตในวันนี้ จึงเห็นสมควรที่จะต้องแจ้งถึงสถานการณ์ในเรื่องภาวะลองโควิด-19 และผลกระทบต่อวัคซีนโควิด-19 ต่อพี่น้องประชาชน ดังนี้

ประการแรก - จากการที่มีประชาชนชาวไทยและทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะต่อเนื่องหลังการติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือได้รับผลกระทบจากการได้รับวัคซีนในหลายมิติ เป็นผลทำให้มีประชาชนกลุ่มดังกล่าวเสียชีวิต หรือมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลง หรือส่งผลต่อคุณภาพชีวิตแย่ลง เป็นเรื่องที่เป็นความจริงทั้งสิ้น

ประการที่สอง - อาการที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อต่างๆ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึงการนอนหลับที่ผิดปกติ หลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ประการที่สาม - มีขบวนการปกปิดข้อมูลและข้อเท็จจริงของผู้ที่ได้รับผลกระทบและเสียชีวิตจากวัคซีนทำให้ตัวเลขการรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดียและแอพลิเคชั่นในหลายระบบ ทำให้มีประชาชนอีกจำนวนมากยังไม่ทราบว่าตัวเองได้รับผลกระทบจากวัคซีน จึงทำให้ไม่สามารถหาแนวทางการรักษาตัวเองที่ถูกต้องได้

ในขณะเดียวกัน ‘กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์’ ได้รวมตัวกันนำเสนอรายงานสถิติการเสียชีวิตของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ (excess deaths) ในปี 2565 และ ปี 2566  ทั้งๆที่เป็นช่วงที่โรคโควิด-19ได้หยุดการระบาดไปแล้ว โดยสถิติอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในปี 2565 และ 2566 นั้น สูงเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด และมากกว่าช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย  ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการสืบสวนการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินั้น มีสัดส่วนอันเนื่องมาจากผลกระทบของวัคซีนมากเพียงใด

เพราะในรายงานการวิจัยสถิติในต่างประเทศพบว่า  มีผู้ที่เสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 จริง และในผู้เสียชีวิตเหล่านี้ได้รับความเสียหาย ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด  ระบบทางโลหิตวิทยา ระบบทางเดินหายใจ หรือหลายระบบพร้อมกัน และมีการประเมินว่าการตายจากวัคซีนที่รายงานเข้าในระบบ VAERS  (Vaccine Adverse Event Reporting System) ของสหรัฐอเมริกาต่ำกว่าความจริงกว่า 20 เท่าตัว

ประการที่สี่ - ผลการติดตามเบื้องต้นของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมกับภาควิชาอายุรศาสตร์และสาขาประสาทวิทยาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบข้อมูลจากการติดตามผลของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งจากโรคโควิด-19 ในผู้ที่ฉีดวัคซีนในประเทศไทยเกือบ 100 รายในระยะเวลา 1 ปี พบค่าการอักเสบและโปรตีนที่แสดงให้เห็นว่าเกิดภาวะสมองเสื่อม ทั้งที่ยังไม่มีอาการและมีอาการแล้ว หรือแม้แต่ยังมีร่องรอยภาวะโรคสมองเสื่อมดำเนินต่อไปหากมีปัจจัยกระตุ้นแม้จะมีอาการป่วยดีขึ้นแล้วก็ตาม  ซึ่งจะสร้างปัญหาต่อประชากรกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต หากไม่รู้ตัวหรือไม่ได้หาหนทางในการป้องกันหรือเยียวยาเพื่อลดความเสี่ยงลงด้วยคำแนะนำอย่างถูกต้อง

ประการที่ห้า - นักวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยแพร่รายงานเอาไว้ในวารสาร Nature Scientific Report เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ได้กล่าวถึงประเด็นการฉีดวัคซีนหลังเข็มที่ 3 ว่าอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันชนิด T-Cell หมดแรง นั่นหมายความว่าการฉีดวัคซีนมากเกินไปอาจทำให้ร่างการมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงได้

ประการที่หก - สำหรับประชาชนที่สงสัยว่าสุขภาพร่างกายของตัวเองอ่อนแอลงไม่หมือนเดิม อันเนื่องมาจากภาวะลองโควิด-19 หรือไม่ หรือสงสัยว่าจะได้รับผลกระทบจากวัคซีนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ จะทำการสร้างเครือข่าย รับข้อมูลจากประชาชน

ประการที่เจ็ด - สำหรับแนวทางการรักษาทั้งจากภาวะลองโควิด-19 หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนในปัจจุบัน ได้มีการดำเนินการรักษาอยู่แล้วทั้งในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์ทางเลือก ธรรมชาติบำบัด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การใช้สมุนไพร และตำรับยาตลอดจนหัตถการทั้งการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนจีน ซึ่งวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จะร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะรวบรวมกรรมวิธีการเยียวยาและรักษา ทำการวิจัย และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ ขอเรียนเชิญแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีน หมอพื้นบ้าน เภสัชกรผู้รักชาติทั้งหลาย ได้ร่วมกันระดมเสนอหนทางจากประสบการณ์ตรงและให้ข้อมูลการช่วยเหลือและรักษาผู้ที่เป็นภาวะลองโควิด-19 และผู้ที่ได้รับผลกระทบของวัคซีน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุดอย่างเป็นระบบและเข้าสู่เป็นงานวิจัยต่อไป

ประการที่แปด - นอกจากขบวนการปกปิดข้อมูลแล้ว สังคมไทยควรตระหนักถึงความเสี่ยงอันตรายและรู้เท่าทันความเสี่ยงจากงานวิจัยในประเทศไทยที่สนับสนุนโดยทุนต่างชาติเพื่อหาหนทางการตัดต่อพันธุกรรมไวรัสจากค้างคาวเพื่อให้กลายเป็นเชื้อไวรัสในมนุษย์ อาจกลายเป็นการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนบางกลุ่มที่ต้องการแสวงหาผลกำไรและความมั่งคั่งจากทำให้เกิดการแพร่ระบาดโรคระบาดสร้างความเสียหายต่อประชาคมโลกต่อไปในอนาคต และเห็นว่าสถาบันวิชาการในประเทศไทยควรเห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนต่างชาติ

สุดท้ายนี้สถานการณ์ปัญหาจากภาวะลองโควิด-19 และภาวะผลกระทบของวัคซีน จะต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความจริง การเปิดเผยความจริงในประโยชน์และความเสี่ยงตลอดจนผลกระทบอย่างรอบด้านเท่านั้น จะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนในการตัดสินใจและสร้างความตระหนักต่อความเสี่ยงการรับวัคซีนและไม่รับวัคซีนในอนาคต รวมถึงทำให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อตระหนักและรีบตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดอันตรายในผลกระทบต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการแสวงหาและรวบรวมหนทางในการฟื้นฟูสุขภาพ หรือรักษาประชาชนอย่างถูกต้องต่อไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลในฐานะผู้ที่สนับสนุนและรณรงค์การใช้วัคซีนมาโดยตลอด ต้องให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนอย่างเต็มที่และรวดเร็วต่อไปด้วย

แถลงโดย
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
14 มกราคม 2567

ผลวิจัยล่าสุดระบุ!! ฉีดวัคซีน mRNA 'ไฟเซอร์-โมเดอร์นา' เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

(20 ก.พ.67) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Warat Gap' ระบุว่า...

การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับผลของวัคซีนโควิด ซึ่งใช้กลุ่มตัวอย่างถึง 99 ล้านคน มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา ยืนยันว่า คนที่ฉีดวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์-โมเดอร์นา) เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และคนฉีดวัคซีน Viral Vector (Astra Zeneca) เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดสมองตีบ

โดยกลุ่มผู้รับวัคซีนที่เกิดอาการมากที่สุด คือกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 2 เข็ม รองลงมาคือคนฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 1 เข็ม และ 4 เข็ม 

...วัคซีนเทพอ่ะนะ คนที่เรียกร้อง ด่าทอรัฐบาลตอนนั้น ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอครับ 

https://www.msn.com/en-us/money/other/largest-covid-vaccine-study-yet-finds-links-to-health-conditions/ar-BB1iuvvi 

'หมอธีระวัฒน์' เผย!! พบแท่งย้วยสีขาว คล้ายหนวดปลาหมึกในคนที่ฉีด mRNA ชี้!! ปรากฏการณ์นี้ไม่พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและคนที่ตายจากโควิด

(20 ก.พ.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก 'ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha' ระบุว่า...

คนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว จากวัคซีนโควิด mRNA พบ : แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ไม่เคยพบมาก่อน

รายละเอียด ยูทูบ John Campbell white clots USA Part 1 และ 2
(Part 1 https://youtu.be/nLl69c46JK0?si=NzXljM-mE9WY0Y2Z)
(Part 2 https://youtu.be/-o20mtbsL7Q?si=VZZgMR2d34MlI5Sc)

จากรูปจะพบของเหลวที่ดูดจากช่องท้อง บริเวณใกล้ตับอ่อน คนป่วย ที่ยังมีชีวิต และรูปจากคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต รักษาด้วยการผ่าตัดไม่ทัน และตาย รวมทั้งรายอื่นที่เสียชีวิตไปแล้วและลากสิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแดง carotid ที่ไปเลี้ยงสมอง

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่ตายจากโควิด หรือโรคอื่น

และยังมีรายงานก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมนี ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา

‘ชายเยอรมัน’ รัวฉีดวัคซีนต้านโควิด 217 เข็ม ภายใน 2 ปีครึ่ง อึ้ง!! ร่างกายไม่พบสิ่งผิดปกติ จนนักวิจัยเชิญตัวมาร่วมทดสอบ

(6 มี.ค. 67) เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเรื่องราวสุดอึ้ง กรณีลุงชาวเยอรมันวัย 62 ปีได้รับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มากถึง 217 เข็ม ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง อึ้งร่างกายไม่พบอะไรผิดปกติ จนนักวิจัยต้องเชิญตัวมาร่วมการทดสอบ เพื่อหาว่า การฉีดวัคซีนจำนวนมาก มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร

ตามรายงานเผยว่า แผนกจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัย เอร์ลางเงิน-นูเริมเบิร์กในเยอรมนี ระบุว่า พวกเขารู้เรื่องของชายคนนี้จากข่าวหนังสือพิมพ์ จึงติดต่อและเชิญเข้ามาร่วมทำการทดสอบหลายๆ อย่าง ซึ่งเจ้าตัวสนใจที่จะเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง

โดยทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างเลือดและน้ำลายของชายคนนี้ที่เก็บมาตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสามารถเก็บตัวอย่างเลือดของชายคนนี้หลังได้รับวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อศึกษาระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาต่อวัคซีนอย่างไรกันแน่ โดยเขายืนยันที่จะรับวัคซีนเอง

อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกทีมวิจัยกังวลว่า การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนซ้ำๆ มากเกินไป อาจทำให้เซลล์ในร่างกายบางตัวเหนื่อยล้า แต่นักวิจัยกลับไม่พบหลักฐานว่า ชายวัย 62 ปีรายนี้จะมีอาการเหล่านั้นขึ้น และไม่มีสัญญาณด้วยว่าเขาเคยติดเชื้อโควิดมาก่อน

นอกจากนี้ นักวิจัยย้ำว่า การได้รับวัคซีนป้องกันโควิดมากเกินไป เพื่อเพิ่มการปรับตัวของภูมิคุ้มกัน ยังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ และผลการทดสอบชายวัย 62 ปีผู้นี้ ก็ไม่เพียงพอที่จะมีข้อสรุปที่มีอิทธิพลเป็นวงกว้าง รวมถึงการแนะนำต่อสาธารณะ

ขณะเดียวกัน การวิจัยในปัจจุบันชี้ว่า การฉีดวัคซีน 3 โดส ร่วมกับการฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับคนกลุ่มเสี่ยง ยังคงเป็นวิธีที่ได้รับการสนับสนุน พร้อมย้ำว่า ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ที่บอกว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนมากกว่านี้

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ชายคนนี้เคยถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง หลังพบหลักฐานว่าเขาได้รับวัคซีนจากศูนย์การแพทย์ถึง 130 เข็มภายในระยะเวลา 9 เดือน แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด

รวมถึงยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ชายคนนี้ยังซื้อวัคซีนมาฉีดเองอีกจำนวนมาก ทำให้ตัวเลขรวมอยู่ที่ราว 217 เข็ม

‘ฝรั่งเศส’ เสนอร่าง กม.ห้ามคนวิจารณ์ ‘วัคซีนโควิด mRNA’ เพราะจะกลายเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำ-ปรับ

เมื่อไม่นานมานี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีการเสนอร่างกฎหมายใหม่ในฝรั่งเศสที่อาจทำให้การวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA กลายเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับเงิน 45,000 ยูโร สถานการณ์นี้เป็นบททดสอบสมดุลระหว่างเรื่องสาธารณสุขและเสรีภาพการแสดงออก โหมกระพือประเด็นถกเถียงทั่วโลกเกี่ยวกับค่านิยมประชาธิปไตยและอำนาจของรัฐบาลในยุคศตวรรษที่ 21

โดยข้อเสนอร่างกฎหมายใหม่นี้ กระพือเสียงอึกทึกครึกโครมบนท้องถนนของฝรั่งเศส ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลในหมู่พลเมือง โดยเวลานี้บรรดาสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างดังกล่าว ที่อาจเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านสาธารณสุขในประเทศแห่งอย่างรุนแรง

รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายทำให้การวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA เป็นความผิดทางอาญา ความเคลื่อนไหวที่มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับเงินอย่างหนักหน่วง 45,000 ยูโร (ประมาณ 1,750,000 บาท) อย่างไรก็ตาม แก่นกลางในประเด็นนี้ไม่ใช่แค่การคลอดกฎหมายฉบับหนึ่ง แต่มันเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการทดสอบสมดุลระหว่างการปกป้องระบบสาธารณสุขกับการธำรงไว้ซึ่งข้อเท็จจริงตามระบอบประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพการแสดงออก

ปมคำสัญญาของประเด็นโต้เถียงนี้ก็คือท่าทีของรัฐบาลฝรั่งเศสที่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว พวกผู้เสนออ้างว่ายามที่กำลังเผชิญโรคระบาดใหญ่ระดับโลก ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับวัคซีนอาจเป็นอันตราย และเป็นไปได้ที่อาจนำไปสู่ความลังเลใจของประชาชนในการเข้ารับวัคซีน และบ่อนทำลายความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไว้รัส พวกเขามองว่ากฎหมายเช่นนี้เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องความผาสุกโดยรวม

อย่างไรก็ตาม พวกวิพากษ์วิจารณ์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการบุกรุกเสรีภาพส่วนบุคคลอย่างน่าเป็นกังวล พวกเขาเกรงว่าการลงโทษพวกที่วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA อาจกลายเป็นแบบอย่างของการกัดเซาะเสรีภาพการแสดงออก ต่อข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นแบ่งใดๆ ในอนาคตเกี่ยวกับประเด็นสาธารณสุขกับเสรีภาพการแสดงออก

ฝรั่งเศสไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่กำลังหาทางจัดการเกี่ยวกับสมดุลระหว่างความจำเป็นด้านสาธารณสุขกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล โดยหลายชาติทั่วโลกได้บังคับใช้มาตรการต่างๆ ในการต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ บางส่วนเลือกใช้ยุทธการมอบการศึกษาแก่ประชาชน ขณะที่อื่นๆ ใช้มาตรการทางกฎหมายอันเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานพวกวิพากษ์วิจารณ์วัคซีน mRNA โดยเฉพาะ และกำหนดบทลงโทษรุนแรง

ท่ามกลางการถกเถียงทั้งในแง่ของกฎหมายและในทางการเมือง ผู้คนชาวฝรั่งเศสมีความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างผสมผสานและมีหลายมุมมอง ไล่ตั้งแต่สนับสนุนรัฐบาลใช้มาตรการเข้มงวดกับการบิดเบือนข้อมูล ไปจนถึงแสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อผลกระทบที่น่าตกใจต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงออก

‘หมอธีระวัฒน์’ เผย โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ชี้!! ‘สหรัฐฯ’ พัฒนาเชื้อไวรัสร่วมกับ ‘สถาบันวิจัยอู่ฮั่น’

(19 พ.ค.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์พิเศษสาขาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ว่า ความชั่วปรากฏ พฤษภาคม 2024 ความจริงปรากฏชัดจากที่ถูกป้ายสี ‘โควิดมาจากห้องแล็บ (lab leak)’ ว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องจริง

และเปิดเผยการปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยม ของผู้ที่เป็นหัวหน้าองค์กร เช่น NIH Francis Collins (นายฟรานซิส คอลลินส์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ของสหรัฐอเมริกา) ที่ abuse ใช้อำนาจในทางที่ผิดในสหรัฐ ทำลายนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอหลักฐานของกำเนิดโควิดจริงๆ

และทั้งนี้ยังมีโขลงของผู้มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง Fauci (นายแอนโทนี เฟาซี อดีตหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19) และกลุ่มที่บิดเบือน รวมไปถึงหัวหน้า CDC ซึ่งหน่วยงานของสหรัฐ NIH CDC USAID DARPA ผ่านเงินทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงมาที่ตัวกลาง Eco Health Alliance ของ Peter Daszak และทำการวิจัยและพัฒนาไวรัสโควิดกับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น จนสำเร็จก่อนที่จะเกิดระบาดโควิดในปลายปี 2019 รวมทั้ง NIH ถือสิทธิบัตรครอบครองวัคซีนโควิดก่อนหน้าปี 2018 ด้วยซ้ำ

15 พฤษภาคม 2024 องค์กร Eco Health Alliance ถูกตัดสินจากหลักฐานที่รัฐสภาสืบสวนสอบสวนมาตลอด ยุติเงินทุนที่ได้รับที่นำไปใช้สำหรับตัวเองและส่งผ่านไปให้องค์กรอื่นและประเทศอื่นเก็บไวรัสจากสัตว์ป่าและรายงานข้อมูลมาเพื่อสร้างไวรัสใหม่ และอยู่ในกระบวนการที่องค์กรนี้จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ (disbarment)

คนอื่นๆ ที่เป็นตัวการในเรื่องนี้กำลังถูกทยอยจัดการตามลำดับ และใครที่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตหลาย 10 ล้านคนทั่วโลก และยังเกี่ยวโยงไปถึงวัคซีนโควิดและการปกปิดผลกระทบผลข้างเคียงของวัคซีน

จับตาดูองค์กรใหญ่และหน่วยงานโรงเรียนแพทย์สถาบันในประเทศไทยที่รับเงินทำธุรกิจข้ามชาติจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ทั้งๆ ที่รู้ถึงเรื่องเหล่านี้และอันตรายที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะขึ้นถ้ายังคงทำต่อ แต่เห็นแก่เงินเป็นสรณะ

องค์กรและบุคคลต่างๆ เหล่านี้จะเป็นกลุ่มเดียวกันที่พยายามปิดบังผลกระทบของวัคซีนที่ทำให้ตายและพิการและมีผลในระยะยาว

หลักฐานที่นำมากล่าวนี้มีมากมายและเป็นบันทึกของรัฐสภาสหรัฐฯ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top