Saturday, 19 April 2025
ลพบุรี

เทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ  ‘ท้าววิรูปักโขนาคราช’ พญานาค องค์สีดำ ‘วัดเขาลังพัฒนา’ หลายคนมากราบไหว้ แล้วได้โชคกลับบ้าน ร่ำรวยเงินทอง

วัดเขาลังพัฒนา จังหวัดลพบุรี เป็นที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนนิยมมากราบไหว้ เพื่อขอให้ร่ำรวย มั่งคั่ง ‘ท้าววิรูปักโขนาคราช’ พญานาค องค์สีดำ แห่งวัดเขาลังพัฒนา มีชื่อเสียงมากในการบันดาลโชคลาภ วันนี้ The states times จะขอพาทุกท่านไปกราบไหว้สักการะกัน

สาเหตุที่รูปปั้นของท่านท้าววิรูปักโข นั้นเป็นสีดำก็เพราะมีความเชื่อกันว่า ท่านได้อาศัยในแหล่งน้ำบาดาล ตัวจึงเปื้อนโคลน แต่จะสังเกตเห็นได้ว่าช่วงครีบและท้องของท่านนั้นจะมีสีทอง เพราะจริงๆแล้วท่านมีเนื้อตัวเป็นสีทองนั่นเอง ประวัติของพญานาคท้าววิรูปักษ์โขนั้น เป็นตระกูลของพญานาคที่เป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในหมู่ของตระกูลพญานาค และตระกูลวิรูปักษ์โข เป็นเทพแห่งบาดาลพิภพ เป็นตระกูลของพญานาคที่มีสีทอง

ที่วัดแห่งนี้มีถ้ำที่จำลองขึ้นมา ให้เราเข้าไปชม เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็จะรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ในถ้ำเมืองบาดาลของพญานาคจริงๆ ดูมีมนต์ขลังมาก ในถ้ำนี้มีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปเช็กอินกันหลายมุมเลย รับรองว่ามาแล้วได้ภาพไปโพสต์ ig กันรัวๆ แน่

ในชุดดอกไม้ของไหว้ท่านท้าววิรูปักษ์โขนาคราช จะมีธูปมาให้จุดเสี่ยงโชคกันด้วย ไหว้เสร็จแล้วจะจุดที่วัดเลย หรือจะนำกลับมาจุดที่บ้านก็ได้ ถูกใจสายมูที่ชอบลุ้นเสี่ยงโชคกันอย่างแน่นอน

รู้จัก 'มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช' สส.ภูมิใจไทย เพื่อนร่วมทริปล่าแสงเหนือของหมอพรทิพย์

(30 ก.ย.66) จากกรณีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแห่แชร์คลิปที่มีผู้นำมาลงใน TikTok เป็นคลิปที่ชายคนไทยคนหนึ่งกล่าวขับไล่ผู้หญิงคนหนึ่งคล้าย หมอพรทิพย์ พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ขณะเดินทางในต่างประเทศ ซึ่งชายคนดังกล่าวต่อว่าด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วยถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง

จากนั้นหญิงสวมเสื้อกันหนาวสีเขียวที่เดินทางมากับหมอพรทิพย์ พยายามถามว่าเป็นร้านของชายคนนี้จริงหรือไม่ ชายคนนี้ยืนยันและเรียกพนักงานมาเชิญตัวออกไป ทำให้คนดังกล่าวที่มากับคุณหญิงพรทิพย์บอกกลับไปว่าพวกตนมาเที่ยวและอยากให้แยกแยะ ชายคนนี้ตอบว่าเพราะตนแยกแยะจึงไล่คุณหญิงพรทิพย์คนเดียว คนอื่นจะใช้บริการของร้านต่อก็ไม่มีปัญหา

แม้กล่าวไล่ต่อไปแต่คุณหญิงพรทิพย์และคนที่มาด้วยยังไม่ออกไปจากร้าน และคนที่มาด้วยยังโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปชายคนนี้ ชายคนนี้ยังยืนยันที่จะกล่าวไล่คุณหญิงพรทิพย์ออกไป ทำให้ในที่สุด สว. และคนที่มาด้วย เดินออกไปจากร้าน

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า หญิงเสื้อกันหนาวสีเขียวที่เดินทางไปกับ หมอพรทิพย์ คือ นางสาว มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช หรือ เปิ้ล สส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย 

โดยในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ สส.เปิ้ล ได้โพสต์ภาพการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ ร่วมกับหมอพรทิพย์และคณะ พร้อมติดแฮชแท็ก #ทริปไอซ์แลนด์ #เที่ยวกับหมอพรทิพย์ #ล่าแสงเหนือ คาดว่าน่าจะเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา

>> สำหรับประวัติของ มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช ...

เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 ปัจจุบันอายุ 59 ปี เป็นบุตรสาวของ นายกมล จิระพันธุ์วาณิช อดีต สส. ลพบุรี 8 สมัย และ นางพยงค์ จิระพันธุ์วาณิช และเป็นน้องสาวของนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาการมัธยมศึกษา จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และ ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

มัลลิกา เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลพบุรี ในช่วงปี พ.ศ. 2534 ถึง พ.ศ. 2538 และ และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี เขตอำเภอท่าวุ้ง ในช่วง พ.ศ. 2547 ถึง พ.ศ. 2552 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในการเลือกตั้งซ่อมของจังหวัดลพบุรี แทนบิดาที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ใน พ.ศ. 2552 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา 

มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 4 สมัย คือ...

1. การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2552 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา

2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย

3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย

4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย

‘นายอำเภอ’ ชี้แจง ปมชาวบ้านเจอ ‘กระสือ’ ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ที่แท้ ‘โจรแสบ’ ใส่หน้ากากขโมยไก่ วอนปชช.อย่าตื่นตระหนก

(18 ต.ค.66) ประเด็นในโลกโซเชียล ที่ระบุว่าชาวบ้านพบกระสือในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ออกอาละวาดเข้ากินเป็ดไก่ชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีคนพบเห็นหลายตำบล และมีการส่งภาพแชร์กันจนมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง

ผู้โพสต์ท่านหนึ่งได้เขียนข้อความระบุว่า "ไม่อยากจะเชื่อแต่มันเกิดขึ้นจริงๆ ครับ กระสือที่โพธิ์ตรุ เข้ากินไก่ชาวบ้านถ่ายไว้ได้" สำหรับพื้นที่ที่พบเห็นคือที่ ต.โพธิ์ตรุ อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี

ขณะที่ล่าสุดในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘แจ้งเหตุลพบุรี’ เป็นเอกสารที่นายพิษณุ ประภาธานานันท์ นายอำเภอเมืองลพบุรี แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีโดยมีข้อความว่า วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ปรากฏภาพกระสือ จากสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการพบเจอกระสือในพื้นที่ ต.โพธิ์ตรุ อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี สร้างความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ให้กับประชาชนในพื้นที่หลายตำบลของ อ.เมืองลพบุรี และต.บ้านเบิก อ.ทำวุ้ง

นายอำเภอเมืองลพบุรี จึงมอบหมายให้ปลัดอำเภอฝ้ายความมั่นคงร่วมกับนายก อบต.โพธิ์ตรู และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลโพธิ์ตรุ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง ‘กระสือ’ ดังกล่าวสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

จากการสืบข้อเท็จจริงผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.โพธิ์ตรุ ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบ้านนายวิเชียร แจ้งว่าช่วงเช้าหลังเกิดเหตุวันที่นายวิเชียรพบกระสือ ตนได้วิ่งออกกำลังกาย ได้พบหน้ากากบริเวณหน้าบ้านของนายวิเชียร มีลักษณะตรงตามที่นายวิเชียรให้ข่าว จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนสวมหน้ากาก เพื่อมาขโมยไก่ชนของนายวิเชียร หรือทรัพย์สินมีค่าอื่น

ทั้งนี้ นายอำเภอเมืองลพบุรีขอความร่วมมือ อบต.โพธิ์ตรุ กำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลโพธิ์ตรู ช่วยประชาสัมพันธ์เสียงตามสายและขับรถ แจ้งเตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวที่ปรากฏ พร้อมทั้งเฝ้าระวังทรัพย์สินของมีค่าและเครื่องมือการเกษตร

3 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังแก้ปัญหาลิงล้นเมืองลพบุรี หลังชาวเน็ตแชร์ภาพ พร้อมแซว ‘Planet of the Apes’

กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง สำหรับปัญหาเรื่องลิงล้นเขตเมืองลพบุรี สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างหนัก ทั้งยังกระทบการท่องเที่ยว

หลังจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ผู้ใช้อินสตาแกรมซึ่งเป็นช่างภาพสัตว์ป่าชาวต่างชาติ ได้โพสต์ภาพเด็กผู้หญิงกำลังเดินถือถุงเครื่องดื่มพร้อมใช้ปืนอัดลมทำท่ายิงขู่ลิงที่ดูพร้อมจะกระโจนมาฉกถุงได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นได้มีผู้นำภาพทั้ง 2 ไปดัดแปลงผ่านไอเดีย ‘Planet of the Apes’ (พิภพวานร) จนเกิดการแชร์กันอย่างกว้างขวางกลายเป็นอีกหนึ่งไวรัลบนโลกโซเชียล

สำหรับปัญหาเรื่องลิงล้นเมืองหรือลิงยึดเมือง จนสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้กับประชาชน ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในเมืองลพบุรีนั้นมีมาช้านานแล้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 ที่ผ่านมา 3 หน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เทศบาลเมืองลพบุรี และจังหวัดลพบุรี ได้ทำพิธีลงนาม MOU เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาลิงในเขตเมืองเก่าลพบุรีอย่างเป็นระบบแบบบูรณาการ โดยคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันของ ‘คน เมือง ลิง’ ด้วยแนวคิด “ประชาชนสุขใจ ลิงปลอดภัย อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน”

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า สำหรับการลงนาม MOU ในครั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาลิงในเขตเมืองเก่า อำเภอเมืองลพบุรี มีประเด็นสำคัญในการร่วมมือประกอบไปด้วย ด้านการช่วยเหลือและการแก้ไขปัญหาลิง

โดยเทศบาลเมืองลพบุรีจะจับลิงในเขตเมืองเก่าที่ทำหมันแล้วนำมาดูแลรักษาที่สถานอนุบาลลิง และ กรมอุทยานฯ จะมอบอำนาจการจับลิง และดูแลรักษาลิงในสถานอนุบาลลิงให้เทศบาลเมืองลพบุรี

‘รร.พิบูลวิทยาลัย’ จ.ลพบุรี เปิดแนวคิดพัฒนาคุณภาพนักเรียน ยก 3 เรื่องเด่น ‘วิชาการ-ศิลปะ-กีฬา’ พาเด็กๆ มุ่งสู่ระดับประเทศ

(9 ก.พ.67) โลกในปัจจุบันกำลังเข้าสู่ในศตวรรษที่ 21 ระบบการศึกษาของไทยต้องมีการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จในเรื่องดังกล่าวฯ อยู่ที่งานวิชาการ มีหัวใจหลักอยู่ที่การพัฒนาคุณภาพวิชาการ โดยหลักการนี้เป็นแนวคิดของ รร.พิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี ที่ได้นำมาบูรณาการ จนสามารถนำนักเรียนมุ่งหน้าสู่ความเป็นเลิศในระดับประเทศได้ แนวคิดนี้น่าสนใจอย่าง ไรต้องลองมาศึกษากันดู 

นายธรรมวิทย์ ธรรมพิธี ผู้อำนวยการ รร.พิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า “นโยบายหลักในการจัดการศึกษาของโรงเรียน คือเน้นเรื่องความเป็นเลิศหรือความเก่ง พร้อมกับการเป็นคนดีมีคุณธรรม ในด้านของความเก่งนั้น ทางโรงเรียนได้แบ่งเป็น 3 เรื่องคือ 1.) เก่งแบบโรงเรียนมาตรฐานสากล คือนักเรียนต้องมีความเป็นเลิศทางวิชาการ มีความสามารถในการสื่อสารด้านภาษา ล้ำหน้าทางความ คิด ต้องผลิตงานอย่างสร้างสรรค์ และสามารถร่วมกันดูแลสังคมโลกได้ 2.) เก่งทางด้านศิลปะ และ 3.) เก่งทางด้านกีฬา 

โดยในด้านภาษาทางโรงเรียนมีการสอนในทุกแผนการเรียนถึง 5 ภาษา ได้แก่ ภาษา อังกฤษ, ภาษาจีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส และภาษาพม่า ส่วนด้านศาสนานั้นทาง รร.จะมุ่งเน้นไปที่การมีคุณธรรมและเป็นคนดี มีการจัดกิจกรรมโดยกำหนดคุณธรรมอัตลักษณ์ อาทิ การมีระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ ซึ่งสอดคล้องกับคำขวัญของ รร.ที่ว่า ‘มานะ วินัย ซื่อสัตย์ สามัคคี’ ซึ่งเป็นกิจกรรม รร.วิถีพุทธ มีการจัดกิจกรรมวัดในโรงเรียนทุกวันอังคาร การนั่งสมาธิหน้าเสาธงก่อนขึ้นเรียนทุกวัน เป็นต้น  

“ผมคิดว่างานวิชาการนั้น คือตัวชี้วัดความสำเร็จของการจัดการศึกษาของโรงเรียน และอนาคตของเด็ก รวมถึงความเจริญของประเทศชาติ ซึ่งหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือการศึกษา ซึ่งทาง รร.จะสามารถช่วยได้ก็คือการพัฒนาคุณภาพวิชาการ โดยปัจจุบัน รร.พิบูลวิทยาลัย มีนักเรียนประมาณ 3,000 คน ประกอบด้วย ระดับมัธยมปลายชั้นละ 26 ห้องเรียน แบ่งเป็นแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ 13 ห้อง, แผนการเรียนด้านภาษา 7 ห้อง และแผนการเรียนทั่วไป (ศิลปะ, ดนตรี, กีฬา, อาชีพ) 6 ห้อง โดยมีนักเรียนเดินทางมาเรียนจาก 34 จังหวัด ถือเป็นโรงเรียนยอดนิยม จุดมุ่งหมายส่วนใหญ่ของเด็กคือต้องการสอบติดคณะแพทย์, เตรียมทหาร และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถิติที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของโรงเรียน”   

ด้าน ดร.รัตนา แซ่เล้า ผู้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล แผนกธรรมศาสตร์ ประจำปี 2549 ได้กล่าวว่า “รร.พิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี เป็นโรงเรียนที่มีความเป็นเลิศของภาคกลาง เพียบพร้อมทั้งในด้านวิชาการ มีนักเรียนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ ทั้งหมอ, พยาบาล, วิศวะ, รัฐศาสตร์ ฯลฯ รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆ ที่ได้รับรางวัลระดับประเทศ ทั้งนี้เป็นเพราะคุณภาพของคุณครู ที่ได้ทุ่มเทตั้งใจมอบความรู้ให้กับนักเรียน มีความเข้มแข็ง สามัคคี การทำงานแบบทีมเวิร์ก รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนก็มีการฝึกฝนให้นักเรียน สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองในสังคมอย่างมีความสุข การมาที่ รร.แห่งนี้ ทำให้ได้พบว่าปัจจุบันโลกได้เปิดกว้าง และมอบพื้นที่ให้กับคนที่มีความสามารถมากมาย สื่อมวลชนหรือนักการศึกษาจึงควรสนับสนุน และส่งเสริมเรื่องราวดีๆ ที่ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาของประเทศไทยให้มากกว่านี้ ไม่ใช่นำเสนอข่าวแต่ในด้านลบ เพราะยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมาย เราต้องหันมาช่วยกันเพื่อผลักดันเพิ่มพลังบวกให้เกิดขึ้นในสังคมไทยค่ะ” 

สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องดังกล่าวฯ สามารถเข้าไปชมคลิปการสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในรายการ 1 ในพระราชดำริ ตอน ความฝันอันสูงสุด กล้าฝันเพื่อวันใหม่ ซึ่งสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. ร่วมกับมูลนิธิอานันทมหิดล ได้จัดทำขึ้น

โดยสามารถคลิกที่ลิงก์ https://www.youtube.com/watch?v=UWNDWOLYQqU&t=933s ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

‘สาว’ ไม่ทน!! โร่แจ้งความ ‘ลิงลพบุรี’ หลังชิงถุงของกิน แถมเสียหลักล้มจนสะโพก-เข่าหลุด เตือน!! ปชช.ให้ระวัง

(8 มี.ค.67) จากกรณีเพจ ‘จ่าไอซ์ ทัพฟ้า’ โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ลิงลพบุรีสุดท้ายก็เกิดกับครอบครัวผมทั้งที่ระวังสุดๆ แล้ว “ลิงตัวใหญ่กระชากของจากมือจนล้มลงสะโพกกับเข่าน่าจะหลุด” จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์นั้น

ทางผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ น.ส.อริย์กันตา หรืออ้อม กาญจนสินเมธา อายุ 37 ปี ชาวบ้านตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี ที่มาขายของตลาดนัดคนเดินสวนราชานุสรณ์ผู้ที่ถูกลิงทำร้ายช่วงค่ำของวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงหัวค่ำก่อนกลับบ้านได้เดินไปซื้อกับข้าว ขณะที่หิ้วของเดินกลับมาที่รถได้ถูกกระแทกกระชากอย่างแรง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไรก็มีเสียงร้องโวยวายจากชาวบ้านว่าถูกลิงตัวใหญ่ 2 ตัวเข้ามากระชากถุงของกินกับข้าวและได้ยื้อแย่งของกินจนล้มกระแทกได้รับบาดเจ็บ จนทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้มาช่วยนำส่งโรงพยาบาล

ทางนายประดิษฐ์ เกลี้ยงเกลา อายุ 66 ปี ได้เปิดเผยว่า เห็นลิงลพบุรีมาตั้งแต่เกิดและเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยไล่ลิง เล่าว่าเมื่อก่อนมันไม่เป็นเช่นนี้ลิงน่ารักไม่มากมายขนาดนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด เกิดขึ้นมานานนับไม่ถ้วนแทบทุกวันยิ่งที่มีตลาดนัดคนเดินลิงที่อาศัยอยู่ตามตึกกลางเมืองลพบุรีหลายร้อยตัวจะออกมาจ้องมองตามมุมตึกต่าง ๆ โดยอาศัยจังหวะที่คนเดินถือของกินเพลินๆ ก็จะกรูกันออกมาแย่งชิง จนเป็นเรื่องชินตา ครั้งนี้ก้าวร้าวมากคงเป็นจ่าฝูงตัวใหญ่ 2 กลุ่มที่เข้ามาแย่งกระชากจนน้องล้มบาดเจ็บ ซึ่งตนเองมองว่าคงไม่มีหน่วยงานใดทำให้ลิงลดน้อยถอยลงได้เพราะว่าแม่ลิงบางตัวอุ้มลูกน้อย 2-3 ตัว และก็ผสมพันธุ์กันออกลูกทุกวัน เจ้าหน้าที่ฯ ที่เข้ามาจับกรงใหญ่จับลิงได้แค่เพียง 2-3 ตัวจะไปลดลงได้อย่างไร โดยเรื่องนี้ถึงอดีตนายกรัฐมนตรีมาหลายคนและคนปัจจุบันก็รับปากว่าจะช่วยเหลือก็ได้แต่คอยครับ

ทางวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างข้างจุดเกิดเหตุ เล่าว่า เดี๋ยวนี้ลิงฉลาดมากไม่ได้นั่งดักรอคนตามทาง ตามซอกตึกแล้ว มันจะคอยซุ่มอยู่ใต้ท้องรถยนต์คอยวิ่งแย่งของกินจากทางด้านหลัง ส่วนวันธรรมดาที่ไม่มีตลาดนัดลิงจะอาศัยช่วงตอนเย็นแย่งของกินจากนักเรียนที่เดินอยู่ริมฟุตบาท ทุกวันลิงบริเวณนี้จะลงจากตึกมาหาของกันกินตั้งแต่เช้ามืดจนถึง 8 โมงเช้าแล้ว จะกลับไปหาหลบนอนกันที่ร่มเย็นบนตึกพอเวลาประมาณ 4 โมงเย็นช่วงนักเรียนเลิกเรียนจะออกมาหากินแย่งของกินจากเด็กนักเรียน ชาวบ้าน คนต่างถิ่น ที่จะเป็นอาหารพวกเครื่องดื่มที่เดินถือมาไม่ระวังตัว

ด้านแม่ค้าขายลอตเตอรี่ที่คลุกคลีอยู่กับลิงกลุ่มคนรักลิงลพบุรี เล่าว่า ทำไงได้ลิงเขามาอยู่ลพบุรีก่อนคนเมือง โดยที่ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบใด ๆ เข้ามาบริหารจัดการดำเนินการแต่เนิ่น ๆ จนลิงแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม จนเกิดปัญหารบกวนชาวบ้านร้านค้า ซึ่งต้องปิดตัวลง ขายกิจการหนีลิงไปหลายราย แต่ตนมองว่าลิงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอย่างหลายคนอ้าง ที่สำคัญคือหลายร้านหมดสัญญาการเช่าตึกต่างหาก จากเจ้าของขอขึ้นค่าเช่าเพราะจุดที่ลิงอยู่จำนวนมากเช่นหน้าปรางค์สามยอดเขาย้ายออกไปเพราะลิงเยอะจริง แต่เจ้าของตึกเจ้าของร้านจะมาขอขึ้นค่าเช่าจากจุดบริเวณนี้จนเขาทนไม่ไหวต่างหาก ไม่ใช่เพราะลิง เป็นเพราะค่าเช่าที่แพงลิ่วเขารับไม่ไหวย้ายหนี จนดูเหมือนเมืองร้างไป และลิงที่ตรงนี้ไม่ได้ก้าวร้าวทุกตัวขายของตรงนี้มานานกว่า 20 ปี ไม่เคยถูกลิงทำร้ายแม้แต่ครั้งเดียวจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้าน น้องอ้อม ผู้บาดเจ็บจากลิงที่เพิ่งเดินทางกลับมาจาก รพ.พระนารายณ์มหาราช  กล่าวว่า ตกใจมากไม่คิดว่าจะเกิดกับตนเอง เพราะระมัดระวังอย่างดี ครอบครัวมาขายเสื้อผ้าตลาดนัดคนเดินแทบทุกนัด ก่อนกลับบ้านเดินไปซื้อของกิน ขนม ส้มตำ เมื่อฝ่าความมืดมาจะถึงรถที่น้องชายจอดรอ ตนเองคล้ายถูกกระแทก กระชาก คิดว่าถูกชิงทรัพย์ แต่ที่ไหนได้ลิงตัวใหญ่ 2 ตัว รุมกระชากของกิน ซึ่งดูมีพละกำลังมากจนตนเองล้มไม่เป็นท่า ก่อนที่หลายคนจะเข้ามาช่วยเหลือ โดยลิงอาศัยจังหวะความเร็วแย่งของกินไปจนหมดทุกห่อ ก่อนที่กู้ภัยฯ จะเข้ามาช่วยเหลือส่ง รพ.

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าต่อไปจะทำอย่างไร และมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง น้องอ้อม น้องไอซ์ ซึ่งเป็นน้องชายและเป็นคนโพสต์ลงโซเชียล กล่าวว่า ต่อก็ต้องระวังตัวกันมากขึ้นทุกคน ความก้าวร้าวของลิงจุดนี้นับวันยิ่งอันตราย อยากจะไปแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐานแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นแจ้งอย่างไรเพราะเขาเป็นลิง ส่วนความรับผิดชอบไม่ต้องพูดถึงไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียกเอาผิด เอาความกับใคร จึงอยากจะฝากเตือนพี่น้องประชาชนคนเดินตลาดนัดวันพุธและทุก ๆ วันให้ระมัดระวังการแย่งชิงของกินจากลิง ที่นับวันยิ่งดุร้าย ก้าวร้าวมากขึ้น อาจเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ประกอบกับเขาหิวโซเพราะไม่มีจุดให้อาหาร เขาก็ต้องออกมาหากิน ส่วนตัวเองต้องพักรักษาตัวไปก่อนตามหมอสั่งอีก 15 วัน

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘จ่าไอซ์ ทัพฟ้า’ โพสต์ข้อความระบุว่า “นี่เรามาถึงจุดที่ต้องแจ้งความลิงกันแล้วเหรอเนี่ย โถชีวิต”

กรมอุทยานฯ เคาะมาตรการเยียวยา หากถูกลิงทำร้าย ตายได้ 1 แสน บาดเจ็บได้ไม่เกิน 3 หมื่น

เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.67) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีมีประชาชนในจังหวัดลพบุรีถูกลิงแสมทำร้ายจากการเข้าแย่งอาหาร จนประสบเหตุล้มลงได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และได้ลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจหาผู้รับผิดชอบ ว่าได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าเยี่ยมแล้ว เพื่อซักถามอาการบาดเจ็บและหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำหนดแนวทางแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มให้ ลิง เป็นสัตว์ชนิดหรือประเภทสัตว์ป่าที่สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุได้ ตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่าทำร้าย ซึ่งเดิมกำหนดให้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาได้เฉพาะกรณีที่ถูก ช้างป่า และ กระทิง ทำร้าย เพื่อให้สามารถนำเงินอนุรักษ์สัตว์ป่ามาช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ถูกลิงทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ

หลักเกณฑ์ฯการช่วยเหลือเยียวยากรณีถูกสัตว์ป่าดังกล่าวทำร้าย หากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บให้จ่ายตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท จ่ายค่าเสียโอกาสในการทำงานวันละ 300 บาท ไม่เกิน 180 วัน ตามความเห็นแพทย์

ซึ่งได้ให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าดำเนินการโดยเร่งด่วนแล้ว ในส่วนการแก้ปัญหาเบื้องต้น แนะนำให้ติดไฟส่องสว่างมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงต่อการถูกลิงทำร้าย เพื่อให้ประชาชนสังเกตเห็นลิงได้ชัดเจน และติดป้ายเตือนระวังลิงทำร้ายร่างกาย

อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวต่ออีกว่า ลิงแสมตัวดังกล่าวคาดเป็นลิงในกลุ่มประชากรใหม่ที่แยกตัวออกมาจากฝูงลิงเดิมที่แออัดและอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ลิงออกมารวมฝูงใหม่ใกล้พื้นที่แหล่งอาหาร เช่น ตลาดนัด หรือในพื้นที่ชุมชน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าติดตามและจัดการแก้ปัญหาให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ร่วมกับจังหวัด

ตร.ท่องเที่ยวลพบุรี ร่วมภาคีเครือข่าย ติดป้าย เตือนภัย-ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ชุมชน มีส่วนร่วม สร้างแหล่งท่องเที่ยว ที่ปลอดภัย

(16 มี.ค.67) สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ลพบุรี ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.แมน รถทอง ผกก.2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี นำกำลังอาสาสมัครชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง หรือคณะทำงาน S.T.C. นายสถานีรถไฟลพบุรี ผู้นำชุมชนสวนราชา วินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C. พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ และป้ายเตือนประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวเพื่อการป้องกันเหตุ ที่บริเวณจุดบริการจอดรถของสถานีรถไฟลพบุรี

และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์ประสาน ชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง (S.T.C.) ที่บริเวณร้านหนุ่มเกรสเฮ้าส์ ต.ท่าหิน อ.เมือง จว.ลพบุรี เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็งพระนารายณ์ราชนิเวศน์

โดยวัตถุประสงค์ของโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ตามนโยบายของพล.ต.ท.ศักย์ศิลา เผือกอำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย โดยมีตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 20 แห่ง ทั่วประเทศ ได้มีประชาชนและ ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร S.T.C. ได้มีประชุมภาคีเครือข่ายรับฟังปัญหาในชุมชนร่วมกันเพื่อนำไปแก้ไขตามความต้องการของชุมชนและนักท่องเที่ยว มีการอบรมให้ความรู้แก่อาสา S.T.C. เพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครที่มีจิตอาสาช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยว ก็ได้ฝากประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C. สำหรับท่านที่สนใจก็สามารถสมัครเข้าร่วมเป็น อาสาสมัคร S.T.C. ได้

พ่อ-แม่ ไปเยี่ยม ‘ลูกทหารใหม่’ ที่ค่าย ทำอาหารไปเผื่อทหารเกณฑ์คนอื่น เผย เข้าใจหัวอกพ่อแม่ บางคนไม่ว่างมา จึงขออาสาดูแลให้เอง

(4 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบผู้ใช้เฟซบุ๊ก ล้านดีไซน์ ลพบุรี ป้าย ลพบุรี โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ‘เมื่อวันที่ 26 ไปเยี่ยมพลทหารลูกชาย ดูข้อความใน กลุ่ม ส่วนมากทหารเกณฑ์มาจากต่างจังหวัด ญาติบางคนติดภารกิจ มาไม่ได้ วันนี้เลยทำอาหาร ขนมจีน ข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่างมาเผื่อแล้วครับ รวมถึงเครื่องดื่ม ลพบุรีอบอุ่นเสมอ เพื่อนลูกก็เหมือนลูกเรา’ กลายเป็นเรื่องอบอุ่นหัวใจบนโลกโซเชียล ชาวเน็ตแห่ชื่นชมตรึม!! 

‘ดร.หิมาลัย’ ลงพื้นที่ ‘ลพบุรี’ พบปั๊มน้ำมัน มีค่ากำมะถัน สูงเกินเกณฑ์ เผย!! ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำมัน ตามนโยบายของ ‘ท่านพีระพันธุ์’

เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.67) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ พร้อมด้วย นายทนงศักดิ์ วงษ์ลา พลังงานจังหวัดลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการพิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี เดินทางมาที่ สภ.บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อติดตามการดำเนินคดี กับผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี ออกตรวจสอบคุณภาพน้ำมันจากปั๊มน้ำมันต่างๆ ในพื้นที่ 3 อำเภอ ของจังหวัดลพบุรี ทั้งหมด 28 ปั๊ม โดยทางสำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี ส่งน้ำมันไปตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพน้ำมันยังกรมธุรกิจพลังงาน

ต่อมาแจ้งผลการตรวจคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงมาที่พลังงานจังหวัดว่า มีผลค่ากำมะถันในน้ำมันเกินค่ามาตรฐานจำนวน 2 ปั๊ม พบผลการตรวจค่ากำมะถันนี้ สูงกว่า 240 PPM. เกินกว่าค่าปกติถึง 4 เท่า วัดจากค่ามาตรฐานของน้ำมันกำมะถันที่กำหนดไว้ 50 PPM.

ทางสำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับสถานประกอบการทั้ง 2 แห่ง แล้ว โดยวันนี้มีผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมกับทนายความ เดินทางมาเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้มีสารกำมะถันสูงกว่ามาตรฐาน

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า ในขั้นต้นได้รับรายงานว่า สำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันให้มีมาตรฐานตามนโยบายของ นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ซึ่งเราก็ได้รับการร้องขอความเป็นธรรมมาจากผู้ประกอบการ วันนี้มานั่งประชุมกันทั้ง 2 ฝ่าย ทำความเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่เองก็ทำงานที่ตรงไปตรงมา ซึ่งก็เป็นการปฏิบัติงานตามวงรอบ ขณะเดียวกันทางเราก็รับทราบปัญหาจากทางผู้ประกอบการด้วย

การหารือวันนี้ ถือว่าเป็นไปโดยดี เป็นการรับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน เราต้องการที่จะดูแลผลประโยชน์ให้ประชาชนในเรื่องของน้ำมันให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานเดียวกัน ดร.หิมาลัย กล่าว

ด้านนายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ดำเนินการตรวจสอบตามปกติ คือ พลังงานจังหวัดลพบุรี มีแผนสุ่มตรวจในจังหวัด โดยขณะนี้มีอยู่ 3 พื้นที่ 3 อำเภอ ในการสุ่มตรวจทั้งหมด 28 ปั๊มที่ได้มา ไม่ได้เจาะจงปั๊มใดปั๊มหนึ่ง เมื่อส่งตรวจแล้วทางกรมธุรกิจพลังงานได้ส่งรายการแจ้งมาที่สำนักงานพลังงานจังหวัด ว่ามีผลเกินค่ามาตรฐานอยู่ 2 ปั๊ม คือมาตรฐานที่ประมาณ 50 PPM. ต่อปริมาณ แต่ว่าผลการตรวจของ ปั๊มทั้ง 2 แห่งสูงกว่า 240 PPM. และขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการดำเนินการในการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top