Saturday, 7 June 2025
ยูเนสโก

UNESCO ขึ้นทะเบียน มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

(6 ธ.ค.67) ซินหัวรายงานว่า องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เทศกาลตรุษจีน' เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นการยกย่องถึงความสำคัญของพิธีกรรมและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับวิถีชีวิตของชาวจีน

รายงานระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลด้านการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สมัยที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 ธันวาคม ณ ประเทศปารากวัย ได้มีมติรับรองเทศกาลตรุษจีนเข้าสู่รายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโกเน้นย้ำถึงความหลากหลายของกิจกรรมทางสังคมในเทศกาลนี้ อาทิ การกราบไหว้ขอพร การรวมตัวของสมาชิกในครอบครัว และงานเฉลิมฉลองในชุมชน  

ยูเนสโกระบุว่า ขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อทั้งในรูปแบบไม่เป็นทางการผ่านครอบครัว และในรูปแบบทางการผ่านระบบการศึกษา นอกจากนี้ ทักษะงานฝีมือและศิลปะที่เกี่ยวข้องยังถูกส่งต่อผ่านการฝึกฝน ส่งเสริมคุณค่าของความสมานฉันท์ในครอบครัว สังคม และสันติภาพ  

คณะกรรมการฯ ชี้ว่า เทศกาลตรุษจีนเป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร การศึกษา และการเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม  

เหราเฉวียน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนเป็นวันสำคัญที่สะท้อนถึงความหวังในชีวิตที่ดีขึ้นของชาวจีน เชื่อมโยงกับคุณค่าของความกลมกลืนในครอบครัวและสังคม รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ  

การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมคุณค่าของสันติภาพและความสามัคคีในระดับสากล แต่ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ  

ปัจจุบัน จีนมีรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกแล้วจำนวน 44 รายการ

จีนปักธงวัฒนธรรมชูสันติภาพ สนับสนุนโลกหันหน้าคุยแทนแตกแยก

สำนักข่าวซินหัวเผยแพร่รายงานคลังสมองฉบับล่าสุดในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ (18 ก.พ.68) ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำความสำคัญของการ 'แลกเปลี่ยนและเรียนรู้ร่วมกัน' ระหว่างอารยธรรม เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ส่งผลต่อการพัฒนาของมนุษยชาติ รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้ประชาคมโลกเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน และผลักดันความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันบนพื้นฐานของสันติภาพและความเสมอภาค

จีนให้การสนับสนุนแนวคิดที่เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวของอารยธรรมต่างๆ โดยให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนมากกว่าการแบ่งแยก และการเคารพซึ่งกันและกันมากกว่าการเชื่อว่าวัฒนธรรมใดเหนือกว่าวัฒนธรรมอื่น

เทศกาลตรุษจีนปี 2025 จะเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นภายหลังจากที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ การยอมรับนี้สะท้อนถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมจีนในระดับโลก และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพลังแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยก

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เคยกล่าวในคำปราศรัยที่องค์การยูเนสโก ณ กรุงปารีส เมื่อปี 2014 ว่า "อารยธรรมแต่ละแห่งควรเคารพและอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว พร้อมผลักดันการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ร่วมกัน" ซึ่งแนวคิดนี้ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

รายงานของซินหัวยังระบุว่ามนุษยชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายระดับโลก ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความไม่มั่นคงทางการเมือง และความขัดแย้งทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้การส่งเสริมการเจรจาและความร่วมมือระหว่างอารยธรรมมีความจำเป็นยิ่งขึ้น

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ จีนได้เสนอแผนริเริ่มระดับโลกหลายประการ ได้แก่ แผนริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI), แผนริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (GSI), แผนริเริ่มอารยธรรมระดับโลก (GCI)

แนวทางเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นความร่วมมือระหว่างประเทศ และแก้ไขปัญหาสำคัญ เช่น ความยากจน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้งทางการเมือง

จีนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนมีส่วนช่วยในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึงร้อยละ 30 อีกทั้งยังดำเนินโครงการพัฒนาในประเทศกำลังพัฒนามากกว่า 6,000 โครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการเกษตรและการบรรเทาความยากจน

ในด้านความมั่นคง จีนมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ และสนับสนุนการแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นกรณีความขัดแย้งในยูเครนหรือสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

จีนยังได้จัดตั้งแพลตฟอร์มสำหรับการเจรจาข้ามวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างอารยธรรมต่างๆ ความพยายามนี้ได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ได้รับรองมติที่จีนเสนอให้กำหนดวันที่ 10 มิ.ย. เป็น "วันสากลแห่งการเสวนาระหว่างอารยธรรม" เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในการสร้างสังคมที่กลมเกลียว

รายงานของซินหัวสรุปว่า การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก เป็นแนวทางสำคัญในการขจัดความแตกแยกทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์ หากทุกอารยธรรมสามารถเคารพซึ่งกันและกัน และเรียนรู้จากกันและกัน โลกก็จะก้าวสู่อนาคตที่สงบสุข มั่นคง และรุ่งเรืองร่วมกัน

3 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก เพื่อย้ำบทบาทของสื่อในฐานะรากฐานประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน

วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นเพื่อตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นรากฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตย วันนี้เป็นโอกาสให้ทั่วโลกได้ร่วมกันรำลึกถึงหลักการพื้นฐานของเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล และบทบาทอันสำคัญยิ่งของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารที่เป็นจริงและรอบด้านแก่ประชาชน

วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) โดยสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 3 พฤษภาคมเป็นวันสำคัญดังกล่าว ตามข้อเสนอแนะที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโก ครั้งที่ 26 ในปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) ซึ่งเป็นผลมาจากการเรียกร้องของนักข่าวชาวแอฟริกันในการประชุมที่เมืองวินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย ในปีเดียวกัน

วัตถุประสงค์หลักของการกำหนดวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกคือการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องสื่อมวลชนจากการถูกคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การจับกุม หรือการเซ็นเซอร์ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้รัฐบาลและสังคมตระหนักถึงหน้าที่ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานของสื่อมวลชนอย่างอิสระและปลอดภัย เพื่อให้สื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบอำนาจ เปิดโปงการทุจริต และเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ที่ไม่มีเสียงได้อย่างเต็มที่ วันนี้ยังเป็นโอกาสในการประเมินสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนทั่วโลก และให้การสนับสนุนสื่อที่ตกเป็นเป้าของการจำกัดเสรีภาพ รวมถึงเป็นการรำลึกถึงนักข่าวที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่

ความสำคัญของเสรีภาพสื่อมวลชนนั้นมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในแวดวงสื่อเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคน สื่อมวลชนที่เสรีและเป็นอิสระมีบทบาทในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและหลากหลายแก่ประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งในระดับส่วนตัวและระดับสังคม นอกจากนี้ สื่อยังเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการถกเถียงในประเด็นสาธารณะ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อจึงเป็นรากฐานสำคัญของการมีสังคมที่เปิดกว้างและตรวจสอบได้

ในปัจจุบัน สื่อมวลชนทั่วโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งจากการแทรกแซงทางการเมืองและเศรษฐกิจ การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (Disinformation) และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การเฉลิมฉลองวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกจึงเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสนับสนุนและปกป้องเสรีภาพของสื่อ เพื่อให้สื่อสามารถทำหน้าที่ในการนำเสนอความจริงและเป็นปากเสียงให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน ยูเนสโกยังได้มอบรางวัลเสรีภาพสื่อโลกยูเนสโก/กีลเลร์โม กาโน (UNESCO/Guillermo Cano World Press Freedom Prize) เป็นประจำทุกปี เพื่อยกย่องบุคคล องค์กร หรือสถาบันที่มีผลงานโดดเด่นในการปกป้องและส่งเสริมเสรีภาพสื่อมวลชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top