Saturday, 24 May 2025
ภูมิธรรม

“ภูมิธรรม”สั่งการด่วน ดูแลสินค้าที่จำเป็นในพื้นที่น้ำท่วม อย่าให้ประชาชนได้รับผลกระทบ พร้อมให้พาณิชย์จัดธงฟ้าราคาประหยัดประสานห้าง ลดราคาวัสดุก่อสร้าง สินค้าทำความสะอาด ดูแลค่าครองชีพหลังน้ำลด

เมื่อวานนี้ วันที่ 25 สิงหาคม 2567 ที่วัดอัมพวัน(ม่วงใต้) ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยว่า ได้สั่งการให้นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ และให้เข้าไปดูแลในเรื่องราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ โดยสั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดและเกาะติด อย่าให้มีผลกระทบต่อประชาชน

โดยในด้านการดูแลสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และสินค้าซ่อมแซมบ้าน ได้รับรายงานว่ากรมการค้าภายใน ได้ประชุมหารือกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อาทิ โฮมโปร ไทวัสดุ ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ เมกาโฮม แม็คโคร บิ๊กซี โลตัส โกโฮลเซลล์ 7-Eleven ชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่งไทย บริษัท นิ่มซี่เส็ง จำกัด และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อป้อนสินค้าเข้าพื้นที่ ดูแลเรื่องการขนส่ง ซึ่งได้รับการยืนยันสินค้ามีเพียงพอ การขนส่งไม่มีปัญหา และพร้อมจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วย โดยเฉพาะของใช้จำเป็น รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมและทำความสะอาด

ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า และเข้มงวดไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า และหากพบการกระทำผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควรจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชน หากพบเห็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 ทางแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด

อย่างไรก็ตาม หลังน้ำลด กระทรวงพาณิชย์ จะเข้าไปดูแลและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ประสานร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จัดสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทำความสะอาด สินค้าซ่อมแซมบ้าน ไปจัดจำหน่ายราคาพิเศษ  เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยด่วนด้วย

'ภูมิธรรม' ต้อนรับนักฟุตบอลบอลแมนยูฯ ลิเวอร์พูล ระดับตำนาน เตรียมร่วมแข่งขันกอล์ฟรายการพิเศษ 'Reignwood Icons of Football' ครั้งแรกในเอเชียที่ไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ

(2 ก.ย.67) เวลา 10.30 น. ที่ห้องรับรอง ชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ 'เรนวูด ไอคอนส์ ออฟ ฟุตบอล' โดยมีนางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด ปาร์ค นาย Thomas Brookes ผู้ก่อตั้งรายการไอคอนส์ ซีรีส์ (Icons Series) และอดีตนักกีฬาฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลระดับตำนาน อย่างนาย Paul Emerson Carlyle Ince อดีตนักกีฬาฟุตบอลและกัปตันสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นาย Dwight Eversley Yorke อดีตนักกีฬาฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอดีตนักกีฬาสโมสรลิเวอร์พูล อย่าง นาย Patrick Berger และนายร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ซึ่งทางเรนวูด ปาร์ค จับมือ The Icons Series จัด 'Reignwood Icons of Football' การแข่งขันกอล์ฟรายการพิเศษ ครั้งแรกในเอเชีย ช่วงวันที่ 1-2 มีนาคม 2568 นี้ที่โรบินส์วูด กอล์ฟ คลับ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับเกียรติจากเรนวูด กรุ๊ป และรายการ Icons Series นำนักกีฬาที่มีชื่อเสียงของโลกเป็นตำนานของลิเวอร์พูลและแมนยูฯ มาเยี่ยมเยียน และมาร่วมกิจกรรมกอล์ฟที่จะจัดขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก ตนเชื่อว่านักกีฬาไทยและเยาวชนไทยและผู้รักนักกีฬาทั้งหมด โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลจะประทับใจที่ประเทศไทยได้มีโอกาสต้อนรับท่านเหล่านี้ในการมาเยือนเมืองไทย หวังว่าท่านจะได้พบกับวัฒนธรรมความน่ารักของคนไทย ศักยภาพของประเทศไทยและคนไทยที่จะพัฒนาความร่วมมือทำงานด้านกีฬาและซอฟต์พาวเวอร์ได้อย่างดี จะสร้างรายได้ให้ประเทศดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา และทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการทำความร่วมมือกันต่อไป

“โดยเฉพาะนักกีฬาอาวุโสเหล่านี้เป็นนักกีฬาที่มีศักยภาพมีความสามารถมาก เราจะได้คุยกันต่อในการดึงมาสร้างแรงบันดาลใจให้ประเทศ หรือส่งเสริมสนับสนุนให้โค้ช นักกีฬาไทยพัฒนาเป็นมืออาชีพในระดับโลก ขอต้อนรับเข้าสู่ประเทศไทยและขอบคุณที่มาเยี่ยมกระทรวงพาณิชย์และประเทศไทย” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด ปาร์ค กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนของผู้จัด เราร่วมมือกับทางไอคอนส์ ซีรีส์ ผู้จัดที่มีชื่อเสียงและเมืองไทยเป็นสถานที่ที่ 3 ที่จะมาจัดการแข่งขัน ซึ่งเราเห็นความสำคัญของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ต้องการให้การจัดงานครั้งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยและสนับสนุนส่งเสริมด้านกีฬาให้กับเยาวชนซึ่งเรามีสถาบันฝึกสอน การนำนักกีฬาระดับตำนานมาในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนรัฐบาล ให้เมืองไทยมีความแข็งแกร่งด้านกีฬา ร่วมมือกับทางไอคอนส์ ซีรีส์ สนับสนุนไปด้วยกันและทำให้การแข่งขันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขัน ‘Reignwood Icons of Football’ จะแข่งขันในรูปแบบทีมแมตช์เพลย์ ทีมละ 12 คน  ระหว่างทีมอังกฤษ (Team England) และทีมเวิลด์ (Team World) โดยมีอดีตนักเตะระดับตำนาน 24 คนจากแชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา และเซเรีย อา ร่วมดวลวงสวิง พร้อมโปรกอล์ฟชื่อดังของโลกอย่าง ลี เวสต์วูด มารับหน้าที่กัปตันทีมอังกฤษ (Team England) และ เซอร์จิโอ การ์เซีย รับหน้าที่กัปตันทีมเวิลด์ (Team World) โดยอดีตนักเตะระดับตำนานจะนำประสบการณ์การแข่งขันในสนามบอลมาอย่างยาวนาน สู่การดวลกอล์ฟ 10 หลุมที่ท้าทายเพื่อชิงถ้วย Icons Trophy ประจำปี 2025 ให้แฟนกีฬาได้ลุ้น เชียร์ และใกล้ชิดกับอดีตสุดยอดนักเตะระดับตำนานมากกว่าที่เคย

‘สุชาติ’ ยกย่อง ‘ภูมิธรรม’ มุ่งมั่นทำเพื่อชาติบ้านเมือง ยก!! เป็นคนดี-มีวิสัยทัศน์-เป็นผู้นำ ยินดีนั่งกลาโหม

(10 ก.ย. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุผ่านแฟนเพจ ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ เผยความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งนายภูมิธรรมดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ 

โดยระบุว่า “ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ผมได้อยู่ใต้ร่มเงา ‘พี่อ้วน ภูมิธรรม’ ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงพาณิชย์ ผมมีเพียงความรู้สึกประทับใจในบทบาทการทำงาน ที่พี่ทำไว้เป็นแบบอย่าง เป็นต้นแบบการทุ่มเทกำลังแรงใจ เพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ความเป็นผู้นำและวิสัยทัศน์ ทำให้พี่อ้วนเป็นเจ้ากระทรวงที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง และผมขอแสดงความยินดีกับการไปดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ครับ…

‘เฮ้ง’ สุชาติ ชมกลิ่น”

'ภูมิธรรม' รอง นรม. และ รมว.กห. ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ 'มุ่งเน้นพัฒนากองทัพเรือ ให้มีความเจริญก้าวหน้าและทันสมัย' 

รอง นรม. และ รมว.กห. ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ “มุ่งเน้นพัฒนากองทัพเรือให้มีความเจริญก้าวหน้าและทันสมัย ทั้งในเชิงศักยภาพ ขนาดกองทัพ ภารกิจ และเทคโนโลยีนวัตกรรมทางทหาร มีศักยภาพความพร้อมในการพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส”

พลตรี ธนาธิป สวางแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในโอกาสที่ นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับทราบภารกิจของกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ รวมถึงนายทหารระดับสูงและหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน

โดย รอง นรม./รมว.กห.ได้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก่อนขึ้นแท่นรับการเคารพและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ หลังจากนั้นรอง นรม. และ รมว.กห. เข้าร่วมประชุมฯ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป ภารกิจ การจัด และบทบาทหน้าที่ของกองทัพเรือ 

โดย ผบ.ทร. ได้กล่าวรายงาน พร้อมเน้นย้ำการปฏิบัติภารกิจของ กองทัพเรือตามนโยบายของ กห. ทั้งในด้านความมั่นคง อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ ให้มีขนาดกะทัดรัดทันสมัย การดูแลกำลังพลชั้นผู้น้อยทุกระดับ การเน้นย้ำให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ปฏิบัติต่อทหารกองประจำการ ด้วยความเสมอภาคและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเป็น กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ 

ในโอกาสนี้ รอง นรม. / รมว.กห. ได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและขอบคุณกองทัพเรือ ที่ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งชี้แจงศักยภาพและความพร้อมของกองทัพเรือ ในการปฏิบัติภารกิจหลักของกองทัพ โดยเฉพาะการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากประเทศไทย มีพื้นที่ทะเลที่กว้างใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ และเส้นทางการเดินเรือที่เชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศ การรักษาความปลอดภัยในน่านน้ำเหล่านี้ จึงไม่เพียงแต่ช่วยให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในเวทีโลก ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลและ กห. 

โดยขอชื่นชม กองทัพเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่มีบทบาทในการรักษาความมั่นคง พร้อมเน้นย้ำการพิจารณาการจัดหายุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็นและการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลกำลังพลชั้นผู้น้อย 

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึง “ภัยคุกคามใหม่” ซึ่งครอบคลุมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หน้าที่หลักของทหารในสถานการณ์ความมั่นคงรูปแบบใหม่คือการมีบทบาทในการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภัยธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหว) และภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ (เช่น การก่อการร้าย การฉ้อโกงผ่านคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด) ซึ่งที่ผ่านมากองทัพ ได้ปฏิบัติภารกิจเหล่านี้อย่างแข็งขัน 

ทั้งนี้ รอง นรม. และ รมว.กห. ได้ชื่นชมการทำงานของหน่วยซีลและนาวิกโยธิน ซึ่งได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังในการการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย หนองคาย นครพนม และสตูล ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เห็นถึงความเสียสละ ความมุ่งมั่น และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการช่วยเหลือประชาชน 

ภายหลังการประชุมฯคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยฐานทัพเรือกรุงเทพและอู่ทหารเรือธนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จอดเรือพระที่นั่งทั้ง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ ในการเสด็จพระราชดำเนิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. 2567 นี้ โดย รอง นรม. / รมว.กห. ได้รับทราบความพร้อมกองทัพเรือในการเตรียมขบวนเรือพระราชพิธี การถวายความปลอดภัยทางน้ำ 

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เตรียมความพร้อมกรณีเกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยมีแผนรองรับในทุกด้าน ทั้งนี้ กำลังพลทุกนายของกองทัพเรือ พร้อมถวายความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์สูงสุด และจะถวายงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การจัดขบวนพยุหยาตรา ทางชลมารค เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม และสมพระเกียรติ 

‘ภูมิธรรม-ทวี’ นำคณะเยือนซินเจียง ภารกิจแน่นพบปะอุยกูร์และถกประเด็นสำคัญกับท้องถิ่น

เมื่อเวลา 09.40 น. (19 มี.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายชู ต้าถง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ให้การต้อนรับ

ภารกิจของคณะเริ่มต้นด้วยการพบปะหารือกับนายฉี หยานจุน รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการดูแลกลุ่มบุคคลที่ถูกส่งกลับจากจีน โดยเฉพาะชาวอุยกูร์ 40 คน ที่ถูกส่งกลับเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ช่วงบ่าย คณะผู้แทนไทยได้แบ่งออกเป็น 2 คณะ โดยคณะแรกนำโดยนายภูมิธรรม ส่วนคณะที่สองนำโดยพันตำรวจเอกทวี แยกเดินทางไปเยี่ยมเยียนชาวอุยกูร์ที่บ้านพักส่วนตัว ห่างจากเมืองคาซือประมาณ 100-300 กิโลเมตร โดยมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีจากจีนร่วมเดินทางในทั้ง 2 คณะ

ส่วนช่วงเย็น คณะของฝ่ายไทยได้เข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านท้องถิ่นและมัสยิดอิดกะฮ์ พร้อมหารือกับผู้นำศาสนาอิสลาม ก่อนจะประชุมกับแพทย์ที่รักษาชาวอุยกูร์และตัวแทนชาวอุยกูร์ผ่านระบบการประชุมทางไกล

ขณะที่เวลาประมาณเวลา 20.00 น. คณะฝ่ายไทยได้หารือกับนายหม่า ซิงรุ่ย สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ก่อนร่วมงานเลี้ยงรับรองที่โรงแรมคาซือ

สำหรับภารกิจสุดท้ายของวันนี้ ฝ่ายจีนได้พาคณะฝ่ายไทยเยี่ยมชมพื้นที่สำคัญทางวัฒนธรรมเมืองโบราณคัชการ์ ก่อนปิดฉากภารกิจในวันที่แน่นเอี๊ยด

‘ภูมิธรรม’ นำทีม ส่งกำลังพลจากกองทัพไทย ออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเมียนมา

(30 มี.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลจากกองทัพไทย เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในประเทศเมียนมา ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ผ่านมา พิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เขตดอนเมือง ท่ามกลางการร่วมเป็นสักขีพยานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและครอบครัวของกำลังพลที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ

โดยมีพันเอกขจรศักดิ์ พูลลโพธิ์ทอง​ รองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการกรมยุทธการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ​ พร้อมกำลังพลรวม 55 นาย แบ่งออกเป็น 8 ชุด ได้แก่ ชุดควบคุม, ชุดงานต่างประเทศทหาร, ชุดค้นหาและกูภัยเขตเมือง, ชุดแพทย์ฉุกเฉิน, ชุดประเมินความเสียหาย, ชุดสื่อสาร, ชุดประชาสัมพันธ์ และชุดรักษาความปลอดภัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลเมียนมา และดูแลช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่

สำหรับภารกิจในครั้งนี้ กองทัพไทยได้จัดส่งกำลังพลและทีมกู้ภัย พร้อมเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ช่วยเหลือที่จำเป็น เพื่อเข้าไปสนับสนุนการบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยจะประสานงานกับหน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัยของเมียนมา รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือในพื้นที่

ภายหลังจากนี้ รัฐบาลไทยและกองทัพไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมส่งกำลังสนับสนุนเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น ขณะที่ทีมช่วยเหลือของไทยจะปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นของเมียนมา เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ทั้งนี้ การเดินทางของกำลังพลไทยในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่สะท้อนถึงน้ำใจและความร่วมมือระหว่างประเทศในยามที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่

‘ภูมิธรรม’ เผยผลพูดคุย ‘ไทย-มาเลเซีย’ คืบหน้า ย้ำปัญหาชายแดนใต้ไม่ง่าย แต่พร้อมเดินหน้าพัฒนาเพื่ออนาคตร่วมกัน

(24 เม.ย. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. เข้าร่วมประชุมสภาความมั่นคงอาเซียนที่มาเลเซีย โดยระบุว่ามีการพูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ด้วย

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นสำคัญของการหารือคือปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และผลการพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเน้นย้ำว่าทั้งไทยและมาเลเซียมีความตั้งใจร่วมกันในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรมยอมรับว่า ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย เนื่องจากมีความซับซ้อนและสั่งสมมานาน แต่การหารือครั้งนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการในหลายมิติควบคู่กันไป

‘ภูมิธรรม’ แจงชัดนโยบาย ‘ฟรีวีซ่า’ ไม่ใช่ช่องโหว่อาชญากรรม ปัดข่าวไทยปล่อยปละละเลย ชี้นักท่องเที่ยวทำผิดเป็นเพียงส่วนน้อย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีที่นโยบายฟรีวีซ่าถูกโยงกับอาชญากรรมในไทยว่า ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นผลจากความไม่ปลอดภัยในประเทศ แต่เป็นการกระทำของบุคคลเฉพาะกลุ่ม ยืนยันว่าไทยยังคงดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด

กรณีชายแต่งตัวคล้ายสารวัตรทหารร่วมงานจีน นายภูมิธรรมเผยว่า ทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการให้ตรวจสอบ พบว่าเหตุเกิดตั้งแต่ ธ.ค. 2567 แต่เพิ่งถูกเผยแพร่ทางสื่อสังคม ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวกระทำในนามส่วนตัวหรือไม่ เพราะหากไม่มีคำสั่งทางราชการถือว่าผิดระเบียบ และหากเป็นการเลียนแบบเครื่องแบบทหาร ก็ผิดกฎหมายอาญา

เมื่อถูกตั้งข้อสังเกตว่าไทยอาจปล่อยให้กลุ่มจีนใช้เป็นฐานดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น หลอกขายตรงหรือแฝงตัวในรูปเจ้าหน้าที่ นายภูมิธรรมยืนยันว่า ทางการไม่ได้ละเลย แต่เพิ่งทราบเมื่อมีการเผยแพร่ในโซเชียล และเมื่อรับรู้ก็มีการดำเนินการอย่างจริงจังทันที

ในประเด็นที่ฟรีวีซ่าอาจเป็นช่องโหว่ให้บุคคลไม่หวังดีเข้ามา นายภูมิธรรมระบุว่า ฟรีวีซ่าเป็นมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจที่จำเป็น ยอมรับว่าทุกนโยบายมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เมื่อมีคดีเกิดขึ้น ก็จัดการตามกฎหมายอย่างไม่ละเว้น พร้อมย้ำว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่กระทำผิดมีเพียงส่วนน้อย

สุดท้าย นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหา พร้อมดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มที่ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในหลายประเทศ ส่วนข้อเสนอให้ลดระยะเวลาฟรีวีซ่าจาก 60 วันนั้น จะนำไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป

‘อาจารย์อุ๋ย’ เตือน!! ‘ภูมิธรรม’ ถอนกำลังจาก ‘ตาเมือนธม’ ทำไทยเสี่ยงเสียดินแดนย้ำ!! เป็นของไทย 100 % ตามสนธิสัญญา ‘ไทย - ฝรั่งเศส’ พ.ศ.2447 - 2450

(3 พ.ค. 68) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายระหว่างประเทศ และอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นว่า …

ผมเห็นข่าวคุณภูมิธรรมสั่งทหารไทยให้ถอยร่นออกจากปราสาทตาเมือนธม แล้วก็หวั่นใจว่าการกระทำเช่นนี้อาจเข้าข่ายเป็นการจงใจสละการครอบครองดินแดนซึ่งไทยมีอำนาจอธิปไตยอย่างชัดแจ้งตามสนธิสัญญา ไทย-ฝรั่งเศส ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงทำกับฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนกัมพูชาในช่วงปี พ.ศ. 2447-2450 ซึ่งกำหนดให้ใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน และชัดเจนว่า หากใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน ปราสาทตาเมือนธมก็อยู่ในเขตแดนอธิปไตยของไทย ส่วนเขตแดนตาม Google map นั้น ยังไม่เป็นที่ยอมรับให้ใช้เป็นหลักฐานในทางกฎหมายระหว่างประเทศได้  

นอกจากนี้ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ การจะมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนใดดินแดนหนึ่งโดยการครอบครองต้องประกอบด้วยหลัก 2 ประการ คือ 

1. จะต้องมีการควบคุมดินแดนอย่างมีประสิทธิภาพ หมายถึง  จะต้องควบคุมดินแดนนั้นอย่างเปิดเผยและมีความต่อเนื่องโดยมีเจตนาที่จะมีอำนาจอธิปไตย และมีการกระทำในลักษณะของการใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น และ 

2. จะต้องมีเจตจำนงที่จะใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนนั้นด้วย กล่าวคือ การครอบครองดินแดนของรัฐจะต้องเป็นไปเพื่อมีอำนาจอธิปไตย และใช้อำนาจอธิปไตยนั้นหรือดินแดนที่ครอบครอง โดยอาจจะพิจารณาที่การแสดงความเป็นเจ้าของดินแดนนั้นนั่นเอง

พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้ยึดตามหลักสันปันน้ำแล้ว ปราสาทตาเมือนธมอยู่ในเขตแดนใดแน่นอน แต่หากรัฐไทยไม่ได้ทำการควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าวโดยแสดงความเป็นเจ้าของอย่างจริงจัง แล้วมีทหารหรือแม้แต่พลเรือนกัมพูชามาทำการแสดงสัญลักษณ์ เช่น การร้องเพลงชาติกัมพูชา หรือถือธงกัมพูชาบ่อย ๆ พอวันเวลาผ่านไป นานวันเข้า กัมพูชาอาจได้ดินแดนมาโดยการครอบครองปรปักษ์ (Acquisitive Prescription) ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ จะต้องมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ 1. จะต้องเป็นการครอบครองโดยสงบ  ต่อเนื่องกัน 2. จะต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น 3. จะต้องเป็นการครอบครองที่เปิดเผยต่อสาธารณะ 4. จะต้องเป็นการครอบครองที่คงทนในระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควรที่จะเห็นได้ว่ามีการครอบครองปรปักษ์มาอย่างต่อเนื่องคงทน

ดังนั้นสิ่งที่ไทยต้องทำโดยด่วนคือส่งกองกำลังทหารเข้าไปตรึงพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธมทั้งหมด เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ และมีอธิปไตยเหนือพื้นที่ดังกล่าวโดยสมบูรณ์ มิเช่นนั้น ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบอาจต้องโทษถึงประหารชีวิต ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 ฐานทำให้ไทยเสียดินแดนครับ ด้วยความปรารถนาดี

‘ภูมิธรรม’ แจงชัด ถอยทหารแค่จุดรุกล้ำตาม ‘MOU 43’ ยืนยัน ‘ปราสาทตาเมือนธม’ ยังอยู่ในความดูแลไทย วอนหยุดบิดเบือน

(6 พ.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีถอยกำลังทหารจากพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่าเป็นเพียงการปฏิบัติตามข้อตกลง MOU43 และไม่มีการเสียดินแดนตามที่มีการกล่าวอ้าง ยืนยันไม่มีการเจรจาลับ และไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ

นายภูมิธรรม ระบุว่าการหารือเกิดขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) โดยมีตัวแทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่ายร่วมรับฟังอย่างเปิดเผย ฝ่ายไทยนำโดยตนเอง ร่วมกับปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

นอกจากนี้ ยังมีการหารือแบบ 1 ต่อ 1 กับรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อยืนยันแนวปฏิบัติตาม MOU 43 โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หลักแต่อย่างใด โดยเฉพาะในจุดที่ทหารไทยดูแลอยู่เดิม เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม

นายภูมิธรรมย้ำว่า คำว่า “ถอยทหาร” หมายถึงการถอยจากจุดที่รุกล้ำเพิ่มเติม ไม่ใช่ถอนกำลังทั้งหมด และยังคงยืนยันอธิปไตยในพื้นที่เดิม ทหารยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยมีแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด

ท้ายที่สุด นายภูมิธรรมเรียกร้องให้หยุดนำเสนอข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะอาจกระทบความเชื่อมั่นในรัฐบาลโดยไม่จำเป็น พร้อมยืนยันว่ากองทัพยังยึดมั่นในการปกป้องแผ่นดิน และไม่มีใครขายชาติอย่างที่มีบางฝ่ายพยายามกล่าวหา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top