Wednesday, 28 May 2025
พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค

รองโฆษกฯ เผย!! ‘พีระพันธุ์’ เร่งรัดให้ดำเนินการ ‘ลดค่าไฟฟ้า’ อย่างเป็นรูปธรรม เน้น!! ไม่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่บริหารจัดการเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ ‘เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า’ ว่า รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ส่งเสียงสะท้อนในเชิงบวก ต่อการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะมาตรการลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้เร่งรัดการดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น 'ปีแห่งการลดค่าไฟฟ้า' โดยมีการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อปี 2566 ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย, ปี 2567 ทั้งปี ค่าไฟอยู่ที่ 4.17 บาทต่อหน่วย, ต้นปี 2568 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย ล่าสุด ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้ค่าไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2568 ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ถือเป็นการยืนยันว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี

รองโฆษกฯ ย้ำว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ไม่ใช่การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นการบริหารจัดการเชิงโครงสร้าง อาทิ การปรับลดค่า Ft และการเจรจาลดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกับภาคเอกชน โดยอาศัยต้นทุนด้านเทคโนโลยีที่ลดลง ในส่วนของราคาน้ำมัน รัฐบาลขอยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการแต่อย่างใด เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนลงในระดับที่เหมาะสม เพื่อชดเชยภาระภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดราคาน้ำมันลง 1 บาทต่อลิตร ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน

“รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงพลังงาน ลดภาระค่าครองชีพ และวางรากฐานความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนไทยทุกคน” นางสาวศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

เปิดตัวเลขค่าไฟฟ้า หลัง ‘พีระพันธุ์’ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี บริหารจัดการอย่างจริงจัง ช่วยคนไทย ประหยัดค่าไฟ เซฟไปถึง 2.7 แสนล้าน คืนเข้าสู่กระเป๋า ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน

(12 พ.ค. 68) เพจ ‘พีระพันธุ์ FC’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

เซฟค่าไฟให้คนไทย 2.7 แสนล้าน!!... ทราบหรือไม่?! 

เราคนไทยทั้งประเทศประหยัดค่าไฟรวมกันแล้วกว่า 2.7 แสนล้านบาท นับตั้งแต่ที่ พี่ตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้ามารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยก่อนหน้าที่ ‘พี่ตุ๋ย’ จะเข้ามารับตำแหน่ง (ก่อนเดือน ก.ย. 66) อัตราค่าไฟอยู่ที่ 4.77 บาท/หน่วย ซึ่งหากไม่มีการบริหารจัดการอย่างจริงจัง เราจะต้องจ่ายค่าไฟระหว่างช่วงเดือน ก.ย. 66 - ส.ค. 68 เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,985,025 ล้านบาท โดยคำนวณจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยของคนไทยทั้งประเทศ (อ้างอิงจากระบบของ กฟผ.)

แต่ผลจากการบริหารจัดการตามแนวทางของ ‘พี่ตุ๋ย’ ประชาชนคนไทยจ่ายค่าไฟในช่วงดังกล่าวเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,710,368 ล้านบาท โดยส่วนต่างที่ประหยัดได้ถึง 274,657 ล้านบาทนี้ ถือเป็นดอกผลแห่งความทุ่มเทและการทำงานหนักของ ‘พี่ตุ๋ย-พีระพันธุ์’ ที่คืนเข้าสู่กระเป๋าคนไทยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน และ ‘พี่ตุ๋ย’ ยังคงเดินหน้าลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องแม้จะมีแรงต้านอย่างหนักจากผู้เสียผลประโยชน์ ช่วยกันเป็นกำลังใจให้ ‘พี่ตุ๋ย’ ครับ!!

‘พีระพันธุ์’ เดินหน้ารื้อสัญญาชั่วนิรันดร์ Adder - FiT พร้อมเร่งลดผลกระทบจากค่าไฟฟ้าให้ประชาชน

เมื่อวันที่ (19 พ.ค.68) นายกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE 100) และคณะตัวแทนสมาคมฯ ได้เข้าพบ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอหารือและรับทราบแนวทางเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ปัญหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบมีค่า Adder และ Feed-in Tariff (FiT) ที่ต้องจ่ายให้กับกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็กและเล็กมาก (Non-Firm SPP) แบบไม่มีวันหมดอายุสัญญา หรือที่เรียกกันว่า 'สัญญาชั่วนิรันดร์' ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน

ทั้งนี้ ระบบ Adder และ Feed-in Tariff เป็นนโยบายที่ภาครัฐให้เงินสนับสนุน หรือให้เงินส่วนเพิ่มจากอัตราค่าไฟปกติแก่ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อจูงใจภาคเอกชนให้มาลงทุนในพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น โดยโรงไฟฟ้าเหล่านี้สามารถต่อสัญญาขายไฟฟ้าได้เรื่อย ๆ ครั้งละ 5 ปี และต่อเนื่องโดยอัตโนมัติแบบไม่มีวันหมดอายุสัญญา ตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อปี 2550 ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้รัฐต้องแบกรับภาระและทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น

ในการหารือครั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในส่วนของสมาคมฯ ได้อธิบายถึงปัญหาข้อขัดข้องในอดีตซึ่งเป็นที่มาของสัญญาดังกล่าว อีกทั้งยังได้รับทราบและเห็นด้วยกับแนวทางที่กระทรวงพลังงานกำลังดำเนินการในการปรับเปลี่ยนสัญญาให้ถูกต้องและเป็นธรรม โดยนายพีระพันธุ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ( กบง.) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการกำหนดอายุสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Non-Firm เพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้า และได้กำชับให้คณะอนุกรรมการดังกล่าวเร่งดำเนินการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการพยายามแก้ปัญหาระบบ Adder และ Feed-in Tariff ที่สะสมมานาน โดยทางสมาคมฯ ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลในการแก้ปัญหานี้ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะลดผลกระทบที่มีต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top