Friday, 6 June 2025
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” เยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ EOD ที่ได้รับบาดเจ็บจากการตรวจพื้นที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มยิงในพื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ยืนยันช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่

วันนี้ (24 พฤษภาคม 2567) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ข่วย ผบ.ตร. เดินทางไปเยี่ยม จ.ส.ต.วรวิทย์ ณะรัตตะ อายุ 35 ปี ผบ.หมู่ กก.ปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.นราธิวาส ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 , พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา , พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผบก.สส.จชต. ร่วมคณะ

ทั้งนี้ จ.ส.ต.วรวิทย์ฯ ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.55 น. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ EOD , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุคิริน และเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ อส.ชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ ชุดรักษาความปลอดภัยครู บริเวณริมถนนเส้นทางสายเกียร์-สากอ หมู่ที่ 2 ต.เกียร์ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่ง จ.ส.ต.วรวิทย์ฯ ได้เหยียบวัตถุระเบิดที่คนร้ายลอบวางไว้ จนเกิดระเบิดขึ้นซ้ำ เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขาด 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสุคิริน จ.นราธิวาส เพื่อรักษาตัว และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้พูดคุยให้กำลังใจและขอบคุณในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง พร้อมมอบกระเข้าและเงินช่วยเหลือให้กับ จ.ส.ต.วรวิทย์ฯ ยืนยันว่า จะดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้กับ จ.ส.ต.วรวิทย์ฯ อย่างเต็มที่

สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรอยู่เกินวีซ่าแอบย่องรับงานดูแลนักท่องเที่ยวแบบ VIP พบประวัติตุ๋นเงินเหยื่อกว่าสิบล้านหนีซุกไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าว การจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรอยู่เกินวีซ่าแอบย่องรับงานดูแลนักท่องเที่ยวแบบ VIP พบประวัติตุ๋นเงินเหยื่อกว่าสิบล้านหนีซุกไทย กก.สส.บก.ตม.1 จับกุมนายหมิง (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่งในย่าน ถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับการแจ้งเบาะแสว่ามีชายชาวต่างชาติลักษณะคล้ายคนจีน มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะทำงานและอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวคือนายหมิง ซึ่งพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมย่านรามคำแหง จากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมพบว่านายหมิงมักจะเดินทางออกจากคอนโดมิเนียมไปรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและพาไปที่พัก และช่วยประสานงานกับสถานที่ต่าง ๆ ในลักษณะ private tour เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาติดต่อธุรกิจที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องการท่องเที่ยวในรูปแบบของบริษัทนำเที่ยว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พยานหลักฐานครบองค์ประกอบความผิด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบเอกสารนายหมิงขณะกำลังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ในการเช็คอินโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก จากการตรวจสอบพบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายหมิงได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๓ ก.พ.๖๗ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว
จากการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของสาธารณรับประชาชนจีน รับแจ้งว่านายหมิง มีประวัติกระทำความผิดฐานฉ้อโกงวิสาหกิจ กล่าวคือเมื่อช่วง เดือน มกราคม 2566 นายหมิงได้แอบอ้างตนเป็นผู้จัดการฝ่ายขายประจำเขตของบริษัทไวน์แห่งหนึ่ง และได้ไปติดต่อเสนอขายไวน์หายากมูลค่าสูงให้กับผู้ค้าปลีกหลายราย โดยหลอกว่าจะให้ลดราคาสิทธิพิเศษ 10% ชักจูงให้โอนเงินค่าสินค้าไปยังบัญชีธนาคารของตนเองจำนวนสามครั้ง รวมเป็นเงินเกือบ 2 ล้านหยวน และนายหมิงก็มิได้จัดหาไวน์ให้จริง แต่กลับตัดการติดต่อกับผู้เสียหายทั้งหมด ต่อมาสำนักงาน
ความมั่นคงสาธารณะเมืองฉือเจียจวง มณฑลเหอเป่ย ได้ออกประกาศสืบจับ และเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายหมิง

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” มอบประกาศเกียรติคุณ “ทำดี มีรางวัล” ให้กับตำรวจ 3 นาย ทำงานด้วยหัวใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้กำลังใจ ยกเป็นแบบอย่างที่ดี

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) มอบใบประกาศเกียรติคุณตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย คือ ร.ต.ท.นพกร สินทอง ร.ต.ท.พิทยายุทธ ชาวงษ์ รอง สว.(จร.) ช่วยราชการศูนย์ควบคุมสั่งการและการจัดจราจรทางพิเศษ (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และ ส.ต.ต.พงศธร อุดมทวี ผบ.หมู่ ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.บางพลัด จาก 2 เหตุการณ์ โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมแสดงความยินดี

เหตุการณ์แรก เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันบริเวณลงด่านบางแก้ว มุ่งหน้า ถนนเทพรัตน์ หรือ ถนนบางนา-ตราด จึงเข้าตรวจสอบ ในเบื้องต้นไม่พบผู้บาดเจ็บ ถึงแยกรถคู่กรณีมาจอด ณ จุดเว้า เพื่อรอประกันภัยรถยนต์มาตรวจสอบ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจร ได้สังเกตเห็นรถยนต์ของคู่กรณีมีอาการสั่นอย่างรุนแรง ร.ต.ท.นพกรฯ และ ร.ต.ท.พิทยายุทธฯ จึงรีบเข้าตรวจสอบ พบว่าผู้ขับขี่มีอาการชักกระตุกและไม่พบสัญญาณชีพ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายจึงเข้าให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลด้วยการปั๊มหัวใจ หรือ CPR จนผู้ป่วยกลับมามีสัญญาณชีพและฟื้นคืนสติ ในขณะเดียวกันได้แจ้งให้หน่วยกู้ชีพเข้าช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลต่อไป

เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ส.ต.ต.พงศธร อุดมทวี ผบ.หมู่ ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.บางพลัด ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ ตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกบางพลัด ได้สังเกตเห็นเด็กหญิงและเด็กชายรวมถึงคุณแม่ยืนกอดกันตากฝนอยู่บริเวณเกาะกลางถนน จึงได้รีบวิ่งถือร่มเข้าช่วยเหลือ นำเด็กทั้งสองคนไปหลบฝนที่ป้อมจราจร โดยให้คุณแม่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา โดยคลิปวีดีโอดังกล่าวด้วยถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ และได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ขอขอบคุณและชื่นชม ร.ต.ท.นพกรฯ , ร.ต.ท.พิทยายุทธฯ และ ส.ต.ต.พงศธรฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยหัวใจความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ ตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมสืบไป พร้อมขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับส่งเสริมข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายของรอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ แต่ขอให้ทำความดีและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2567

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2567) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2567 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ณ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 46 พรรษา 3 มิถุนายน 2567 ด้วยความจงรักภักดีของข้าราชการตำรวจ พนักงานราชการ และลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยประกอบด้วยพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล ณ ห้องสารสิน , พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 47 รูป ณ ห้องศรียานนท์ , พิธีถวายราชสักการะ พิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร 
ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการตำรวจ พนักงานราชการ ลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2567 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 1-5 มิถุนายน 2567  

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับทุกหน่วยเดินหน้าการป้องกันปราบปรามความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน การรวมกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ และยกพวกทะเลาะวิวาท

วันนี้ (5 มิถุนายน 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2567 โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ และตำแหน่งเทียบเท่า , ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งผู้บัญชาการหน่วยต่างๆ ร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ที่ตั้ง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้สั่งการในที่ประชุมให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมด้านต่างๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ได้แก่

การป้องกันปราบปรามความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืน แม้มีการจับกุมผู้ค้าและลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงพบผู้เสพและคนคลุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติดปรากฏอยู่โดยตลอด จึงให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันจับกุมยาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยในชุมชน ตำบล หมู่บ้าน และให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 คัดเลือกสถานีตำรวจต้นแบบที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่จนไม่มีผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ได้สำเร็จ เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เพื่อพิจารณามอบรางวัลต่อไป และให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จัดทำข้อมูลเป้าหมายผู้กระทำความผิด ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืน เพื่อกำหนดแผนระดมกวาดล้าง อาชญากรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ทุกหน่วยจัดทำเป็นฐานข้อมูล OPEN DATA ที่สามารถแลกเปลี่ยนและเรียกใช้งานได้ รวมทั้งให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 กำหนดเป้าหมายในแผนการตั้งจุดตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ มุ่งเน้นการกวดขันจับกุมในความผิดยาเสพติดและอาวุธปืน และให้สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจรวบรวมผลการปฏิบัติในห้วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอในที่ประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งต่อไป

การป้องกันปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการรวมกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ และยกพวกทะเลาะวิวาท ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดทำข้อมูลกลุ่มแก๊งเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ที่มีพฤติการณ์รวมกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ กลุ่มยกพวกตีกัน และให้แต่ละหน่วยจัดทำฐานข้อมูล OPEN DATA เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึง รับรู้ และเป็นหูเป็นตา ช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ และให้สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ รวบรวมช่องทางเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าว

นอกจากนี้ กรณีพนักงานสอบสวนไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ที่สถานีตำรวจจนเกิดปัญหาการร้องเรียนผ่าน                         สื่อออนไลน์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ มอบหมายให้จเรตำรวจประชาสัมพันธ์ให้ร้องเรียนผ่านระบบทางเว็บไซต์ http://www.jcoms.police.go.th/ และสรุปผลการร้องเรียนและการดำเนินการให้ทราบ

รวมทั้งกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายและคดีจัดทำข้อมูล Infographic และสื่อวิดีโอ วิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ และให้สำนักงานงบประมาณและการเงินซักซ้อมทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยและกัมพูชา เริ่มแล้ว!!! ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และคนไทยขายชาติ

เมื่อวันที่ (28 ส.ค. 67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. และคณะฯ เดินทางไปประชุมปฏิบัติการร่วมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายใต้ “ยุทธการระเบิดสะพานโจร” ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี พล.ต.ท.แสง เธียริธ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมการประชุม

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานและวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) พบว่ามีการตั้งฐานปฏิบัติการจำนวนมากอยู่ในกัมพูชา เพื่อหลบหนีการดำเนินคดีของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไทย โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้จะมีคนจีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังร่วมกับคนไทย มาหลอกลวงประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ทั้งสองประเทศจึงได้มีการประชุมร่วมมือกันเพื่อดำเนินการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บงการและตัวการสำคัญในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนคนไทยที่มาร่วมมือกับคนต่างชาติมาหลอกลวงเอาทรัพย์สินของคนไทยไปให้คนต่างชาติ จะมีการกวาดล้างส่งตัวกลับไทย ดำเนินคดี ทั้งการทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและการหลบหนีเข้าเมือง ในกรณีที่ยังไม่มีหมายจับจากไทย

พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ และดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับคนไทยที่ขายชาติ ไปทำงานให้กับคนต่างชาติมาปล้นทรัพย์สินคนไทยไปให้คนต่างชาติ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีมาตรการทางด้านตรวจคนเข้าเมือง ในการติดตามกลุ่มคนไทยขายชาติเหล่านี้ที่ออกไปทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รอง ผบ.ตร.สั่งการมอบเงินช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะปฏิบัติหน้าที่ปะทะต่อสู้ระงับเหตุชายคลุ้มคลั่งข่มขู่ใช้อาวุธมีดทำร้ายบุคคลในครอบครัว

เมื่อวานนี้ (9 ก.ย. 67) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศอ.ปส.ตร.)  มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าส่วนอำนวยการและสนับสนุน ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปมอบเงินกองทุนสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ให้แก่ ร.ต.ต.นิรันด์ วังใน รองสารวัตรป้องกันปราบปราม  สถานีตำรวจภูธรเวียงแหง  จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 200,000 บาท จากกรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะปฏิบัติหน้าที่ปะทะต่อสู้ระงับเหตุชายคลุ้มคลั่งข่มขู่ใช้อาวุธมีดทำร้ายบุคคลในครอบครัว บริเวณบ้านเวียงแหง หมู่ 4 ต.เวียงแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดย ร.ต.ต.นิรันด์ฯ ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลัง และจมูกถูกมีดตัดเกือบขาดเป็นแผลฉกรรจ์ (หากแพทย์ห้ามเลือดไม่ทัน จะทำให้เลือดลงปอดแล้วเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้) แพทย์จึงได้รีบทำการรักษาห้ามเลือด และเย็บจมูกส่วนดังกล่าวกลับคืน และส่งมาทำการรักษาต่อยัง รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อทำการผ่าตัดซ่อมแซมแล้วต่อโพรงจมูกให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ หลังรับการผ่าตัดต้องระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อเป็นอย่างมาก ปัจจุบันอาการบาดเจ็บดีขึ้น สามารถเข้าเยี่ยมได้ แต่ยังคงต้องใส่ท่อเพื่อช่วยพยุงทางเดินหายใจ ไม่ให้โพรงจมูกล้ม และสามารถหายใจได้ตามปกติ

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนของผู้บังคับบัญชา ขอแสดงความห่วงใย เป็นกำลังใจ และขอชื่นชมการทำงานเป็นทีมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมระงับเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง ร่วมกับ ร.ต.ต.นิรันต์  ในการจับกุมคนร้าย และสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามหลักยุทธวิธี ได้เป็นอย่างดี  สมกับความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ทำให้ผู้กระทำผิดเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิต แม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บ ขณะเข้าระงับเหตุก็ตาม  และหวังว่าเงินช่วยเหลือนี้ จะตัวช่วยเสริมสร้างกำลังใจในการฟื้นฟูร่างกายให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบ 15 นโยบายการบริหารราชการ เน้นย้ำการเปลี่ยนแนวคิด (MINDSET) ปรับองค์กร เร่งปราบปรามอาชญากรรม เพิ่มขีดความสามารถสถานีตำรวจ ดูแลสวัสดิการตำรวจและครอบครัว สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชน

(4 พ.ย. 67) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ ห้องแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ข้าราชการตำรวจระดับ พล.ต.ต. ขึ้นไป พร้อมทั้งสมาคมแม่บ้านตำรวจ จำนวนกว่า 465 นาย เข้าร่วมประชุม ณ ห้องแจ้งยอดสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถ่ายทอดสัญญาณผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังหน่วยงานตำรวจทั่วไปประเทศ เพื่อร่วมรับฟังวิสัยทัศน์และนโยบายการบริหารราชการของผู้บัญชาการตำรวจคนที่ 15 ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน” 

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานหนังสือชุด ธรรมนาวา “วัง” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ดังนี้ 
“หลัก “ธรรม” ในพระศาสนา เป็นเรื่องสำคัญต่อมวลมนุษยชาติ และพวกเราทั้งหลายในฐานะทหาร และตำรวจ หลักปฏิบัติธรรมมะนาวาวังนี้ จะช่วยให้พวกเราได้เข้าใจในหลักธรรมคำสอนได้อย่างมีระบบระเบียบ โดยสามารถยึดถือเป็นหลักการและแนวทางในการศึกษา ฝึกปฏิบัติ ตลอดจนถึงการนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต 
อนึ่งการทหาร การตำรวจ กับ หลักธรรมคำสอนในพระศาสนานั้น หากพวกเราได้ทำความเข้าใจในธรรมะและศาสนา คือคำสอนที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิต ตามความเป็นจริง สู่การดับทุกข์อย่างลึกซึ้งแล้วนั้น จะส่งผลให้สามารถครองตนและครองคนโดยธรรมได้เป็นอย่างดีและมั่นคงต่อไป”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบ 15 นโยบายหลัก เน้นหนัก และเร่งด่วน ดังนี้
1. ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. เปลี่ยนแนวคิด ค่านิยม และกรอบความคิด (MINDSET) ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน
3. สร้างขวัญกำลังใจ ให้รางวัลแก่ “ตำรวจน้ำดี” และพิจารณาลงโทษตำรวจที่ทำไม่ดีอย่างเด็ดขาด
4. ปรับปรุงการให้บริการ การอำนวยความสะดวกในหน้าที่ของตำรวจทุกด้าน พัฒนางานสถานีตำรวจ
5. ส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวน รวมทั้งอำนวยความยุติธรรมทางอาญา
6. ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพล อบายมุข บ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ สินค้าผิดกฎหมายหรือเลี่ยงภาษีศุลกากร และหนี้นอกระบบ
7. ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และกลุ่มชาวชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินี แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองหรือทำงานโดยผิดกฎหมาย
8. สร้างเสริมวินัยจราจร บังคับใช้กฎหมายและแก้ปัญหาด้านการจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุ
9. นโยบายเชิงรุกด้านการข่าว ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง
10. สร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาสัมพันธ์เชิงรุก และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
11. ปรับปรุง พัฒนาระบบและวิธีการทำงาน เพื่อสร้างแผนแม่บท (MASTER PLAN)
12. ปรับการบริหารงานบุคคลและงบประมาณใหม่ 
13. ทบทวน แก้ไข ปรับปรุง ระเบียบคำสั่ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานของตำรวจ และการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
14. ฝึกอบรม ทบทวน พัฒนา ทักษะ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของตำรวจ
15. จัดสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ที่ตำรวจพึงมีอย่างเต็มที่ รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของตำรวจ การสร้างอาชีพเสริมรายได้โดยสุจริต และไม่กระทบกับงานประจำ

ข้อเน้นย้ำในการปฏิบัติราชการและความร่วมมือด้านต่าง ๆ
1. การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ โดยเฉพาะในสถานีตำรวจที่ต้องให้บริการประชาชน
2. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย
3. การดูแลนักท่องเที่ยว การรักษาความปลอดภัย ดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
4. การบริหารจัดการจราจร อำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล
5. สนับสนุนความร่วมมือในการทำงานของสมาคมแม่บ้านตำรวจร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6. ผู้บัญชาการ/ผู้บังคับการ จะต้องเป็น Influencer ด้วยตนเอง ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
 
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเน้นย้ำ จะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายในองค์กรตำรวจ ขอให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ เข้าถึงประชาชน สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับตำรวจ และขอให้สามัคคี ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม

ผบ.ตร.ย้ำไม่มีใครหรือกลุ่มใดอยู่เหนือกฎหมาย หากท้าทายระบบ อำนาจรัฐ หรือกฎหมาย จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด สั่งทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายทุกมิติ หากตำรวจปล่อยปะละเลย เพิกเฉย จะดำเนินการทางปกครองทุกราย

(26 พ.ย. 67) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญ และส่งผลกระทบต่อประชาชน ได้แก่ คดีทริปน้ำไม่อาบ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและอุบัติเหตุบนท้องถนน , คดีฉ้อโกงประชาชนร่วมลงทุนในโครงการธุรกิจทางการแพทย์ ที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก , การโพสต์คลิปของคนต่างด้าวลักษณะเป็นการท้าทายกฎหมาย เคลื่อนไหวหรือแสดงออกที่ผิดกฎหมาย หรือกระทำในลักษณะที่อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาระดมกวาดล้างจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมายผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนทุกคดี โดยเฉพาะ 3 กรณี ดังกล่าว ได้แก่

1. ทริปน้ำไม่อาบ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบร้านดัดแปลงตกแต่งรถที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วนำรถมาขับขี่ ตลอดจนจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และจะต้องมีการตรวจสอบต้นทาง ระหว่างการเดินทาง และปลายทาง หากพบการฝ่าฝืนกฎหมายต้องดำเนินการทันที จะไม่ปล่อยให้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนเด็ดขาด

2. กรณีคนต่างด้าวโพสต์คลิปลักษณะท้าทายกฎหมาย ตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่ามีประมาณ 10 กลุ่ม ต้องสืบสวนติดตามให้ปรากฎว่าพยานหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดฐานใด แล้วให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีทุกกรณี ให้ตำรวจพื้นที่ , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ร่วมกันดำเนินการ และให้ใช้อำนาจการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผบก.ภ.จว. ส. ตม.จว. และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด  ใช้กลไกทางกฎหมายเข้าดำเนินการ

3. คดีฉ้อโกงประชาชนโครงการธุรกิจทางการแพทย์ สำนวนมีความคืบหน้าไปมาก จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย  (กลุ่มผู้ถือหุ้น กลุ่มเครือญาติ กลุ่มโบรกเกอร์) มูลค่าความเสียหายประมาณ 9,700 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยจะแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับผิดชอบและร่วมทำการสอบสวน ในส่วนของบุคคลที่เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศ ได้ให้กองการต่างประเทศแจ้งสืบหาตัวบุคคลในระบบตำรวจสากลแล้ว จะเร่งรัดให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายนำพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หรือกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

นอกจากนี้ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกคดีจะต้องดำเนินการเชิงรุก ไม่มีการปล่อยผ่านหรือเพิกเฉย เดินหน้าทุกมิติ เน้นการบังคับใช้กฎหมาย และให้ฝ่ายสืบสวนขับเคลื่อนขยายผลการดำเนินคดี พร้อมทั้งชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ทราบการทำงานของตำรวจประกอบกันด้วย หากพบหน่วยใดเพิกเฉย ปล่อยปะละเลยให้เกิดมีการกระทำดังกล่าวซ้ำอีก เบื้องต้นจะดำเนินการทางปกครองหัวหน้าหน่วยทันที

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร การจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 พร้อมเชิญชวนร่วมสนุกในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ภายในงานด้วย

(9 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในงานกาชาด ประจำปี 2567 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ.รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.รรท.ผบช.น. , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกการจราจร โดยรอบบริเวณพื้นที่การจัดงานและพื้นที่ต่อเนื่อง , สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย , จัดทำแผนเผชิญเหตุ แผนการเคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือโรงพยาบาลฉุกเฉิน , ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และการพิจารณาการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณโดยรอบพื้นที่การจัดงาน

ในด้านการรักษาความปลอดภัยภายในงานกาชาด ประจำปี 2567 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง (walk through) บริเวณทางเข้า โดยรอบสวนลุมพินี มีการสุ่มตรวจใช้แอปพลิเคชัน Crime on Mobile กับบุคคลต้องสงสัย เพื่อตรวจสอบหมายจับการกระทำผิดอาญา และผู้ที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

ในส่วนของการจราจรนั้น คาดว่าตลอดการจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 จะมีประชาชนเดินทางไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรโดยรอบติดสะสม จึงได้กำชับให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจมาร่วมงานเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า BTS MRT รถยนต์นั่งสาธารณะ เพื่อลดปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบบริเวณงาน หรือจอดรถนอกพื้นที่และต่อรถที่จัดให้บริการฟรีได้

สำหรับประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานโดยรถยนต์ส่วนตัว จะมีจุดจอดรถจำนวน 4 จุด คือ ลานจอดรถประตูถนนราชดำริ จอดได้ประมาณ 150 คัน , ลานจอดรถสวนลุมพินี ทางเข้าประตู 1 ถนนวิทยุ จอดได้ประมาณ 200 คัน , จุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ จอดรถยนต์ได้ประมาณ 300 คัน จอดรถจักรยานยนต์ได้ประมาณ 400 คัน และจุดจอดรถสนามกีฬาแห่งชาติ จอดได้ประมาณ 100 คัน โดยจุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ และสนามกีฬาแห่งชาติ จะมีรถ Shuttle Bus รับ-ส่งผู้ที่มาร่วมเที่ยวชมงาน 

นอกจากนี้ ยังมีอาคารจอดรถเอกชนที่สามารถรองรับรถของประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมงานกาชาด ซึ่งมีค่าบริการที่จอดรถ ได้แก่ อาคาร one Bangkok จอดได้ประมาณ 3,000 คัน , อาคารสินทร ถนนวิทยุ จอดได้ 1,200 คัน , อาคารเคี่ยนหงวน ถนนวิทยุ จอดได้ 50 คัน , โครงการเวลา หลังสวน จอดได้ 200 คัน , อาคารออลซีซั่น ถนนวิทยุ จอดได้ 3,000 คัน , เดอะ เมอคิวรี่ ทาวเวอร์ จอดได้ 390 คัน และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จอดได้ 2,000 คัน

ทั้งนี้ ในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเจ้าภาพหลักในการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจออกร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตั้งอยู่บริเวณโซน 5 โดยในส่วนของร้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดนิทรรศการ “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” , กิจกรรมยิงปืนอัดลม (บีบีกัน) ปาลูกโป่ง หนุ่มน้อยตกน้ำ ขี่ม้าพาเพลิน , การออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งการแสดงของม้าตำรวจ และสุนัขตำรวจ

สำหรับร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ จะจัดตกแต่งในรูปแบบสวนอังกฤษย้อนยุค ซึ่งจะมีทางเชื่อมต่อกับร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจมีกิจกรรมที่น่าสนใจและสนุกสนาน ได้แก่ กิจกรรมจับสลากพฤกษากาชาด ลุ้นรับของรางวัลมากมาย และเลือกช็อปสินค้าที่น่าสนใจ ราคาย่อมเยา จากสมาคมแม่บ้านตำรวจและชมรมแม่บ้านตำรวจทั่วประเทศ พร้อมพบกับศิลปินดาราจำนวนมากที่จะมาร่วมสนุกที่ร้านทุกวัน

กิจกรรมในส่วนของเวทีกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้ร่วมงานจะเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีในสวน การแสดงของบุตรหลานข้าราชการตำรวจ เล่นเกมชิงรางวัล และพบกับศิลปินดารามากมายที่สลับสับเปลี่ยนมาร่วมสนุกบนเวทีในทุกวันด้วย

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานกาชาดประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” ระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 - 22.00 น. วันสุดท้ายปิด 23.00 น. และแพลตฟอร์มงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top