Thursday, 22 May 2025
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

‘ท่านอ่อง’ โพสต์ ข้อความลงในเพจ เตรียมพบกับ ‘CMIC ประเทศไทย’ ศูนย์ข้อมูลที่ล้ำสมัย เพื่อช่วยเหลือ ปชช.-การแพทย์ไทย

เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.67) ดร.นายแพทย์ จักรีวัชร วิวัชรวงศ์ โอรสองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โพสต์ข้อความลงในเพจ Chakriwat Vivacharawongse ว่า

“ขอบคุณครับคุณ Rick สำหรับความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและคำแนะนำสำหรับ CMIC ประเทศไทย ในวันนี้ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำและชี้แนะให้ผมไปในทิศทางที่ถูกต้อง พบกับ CMIC ประเทศไทย เร็วๆ นี้ครับ!”

สำหรับ CMIC ดร.นายแพทย์ จักรีวัชร ได้อธิบายในเพจ Chakriwat Medical Information Center ว่า

มารู้จัก 'CMIC' กับนายแพทย์จักรีวัชร! – โปรเจกต์ล่าสุดของ CMIC
CMIC: จุดประสงค์ของศูนย์ข้อมูลการแพทย์จักรีวัชร 

1. เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต่างๆ ตลอดจนสามารถถามคำถามกับแพทย์ผู้รักษาเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของตนเพื่อการดูแลรักษาที่ดีขึ้นและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วย โดยเราเริ่มต้นจากการเขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์สมมุติทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคต่างๆที่พบบ่อยโดยใช้ภาษาที่ง่ายและสนุกเพื่อให้ประชาชนอ่านอย่างไม่เบื่อและได้รับความรู้จากการอ่าน นอกจากการเขียนบทความแล้วเรายังได้จัด CMIC Outreach Program เพื่อออกไปพบปะกับประชาชนจริงๆ และพูดคุยให้ความรู้เกี่ยวกับโรคของพวกเขา

2. ช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์และแพทย์จบใหม่ในการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสหรัฐอเมริกา (USMLE) โดยจัดทำคลิปวิดีโอให้ความรู้ตลอดจนแนะนำกลยุทธ์ในการทำข้อสอบ ในเร็วๆ นี้ทาง CMIC จะมีโครงการใหม่ คือ Qbank เป็นการนำข้อสอบที่เหมือนกับการสอบจริงมาลงในแอปพลิเคชันเพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทำ โดยจะมีการอัปเดตข้อสอบอย่างสม่ำเสมอ

เราหวังว่าจะได้จัดตั้ง CMIC office ในประเทศไทยเพื่อนำโครงการเหล่านี้ไปช่วยเหลือประชาชนไทยและนักศึกษาแพทย์/แพทย์ไทยให้มากขึ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยโครงการจะใช้เงินลงทุนจากเอกชนทั้งหมด

ทั้งนี้ CMIC ย่อมาจากคำว่า 'Chakriwat Medical Information Center'

‘ทุน ม.ท.ศ.’ ทุนการศึกษาพระราชทาน จาก ‘ในหลวง ร.10’ มอบโอกาสให้เด็กเรียนดี แต่ไร้ทุนทรัพย์ ให้เปล่าไม่ต้องคืน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 กรมประชาสัมพันธ์’ ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับทุนการศึกษาพระราชทาน หรือ ‘ทุน ม.ท.ศ.’ ของ ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ’ ที่พระองค์ทรงพระราชทานด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์เองนั้น ในการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศมาแล้วกว่า 15 รุ่น รวมกว่า 2,411 ราย โดยระบุว่า…

ทุนการศึกษา ‘ทุน ม.ท.ศ.’ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดําริให้ดําเนินโครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี 2552 และในปี 2553 ได้มีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิทุนพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นการเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดโอกาสทางการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปวช. ปวส. ทั้งบุคคลธรรมดา และก็สามเณร

อย่างไรก็ตาม มีนักเรียนทุนรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นคุณครูอยู่ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งคุณครูรายนี้ได้เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นตนอยู่ ม.3 ได้มีการเตรียมผลงานเพื่อที่จะเสนอขอทุน นั่นก็คือเรื่องของผลการเรียน ความประพฤติที่ดี และก็กิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยได้ทํามา เพื่อส่งไปยังสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ตนเรียนอยู่ แล้วก็มีการคัดเลือกในระดับจังหวัดที่มุกดาหาร เมื่อปี 2553 ได้รับ 2 ทุนด้วยกัน ก็คือนักเรียนชาย 1 คน นักเรียนหญิง 1 คน และหนึ่งในนั้นก็คือตนนั้นเอง

ส่วนเงินที่พระองค์ได้ทรงพระราชทานให้กับนักเรียนทุน ก็เป็นจํานวนมากทีเดียว อย่างระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คุณครูก็เล่าว่าได้ 18,000 บาทต่อปี ขณะที่ตอนเรียนระดับปริญญาตรีอุดมศึกษา ค่าเทอมไม่ต้องจ่ายสักบาท กองทุนจะเป็นคนจ่ายให้ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เดือนละ 5,000 บาท อีกทั้งยังมีค่าหอแยกต่างหาก และค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักศึกษาอีกด้วย

ทั้งนี้ นักเรียนนักศึกษาทุนพระราชทาน หากรักษาสภาพการเป็นนักเรียนนักศึกษาทุนพระราชทาน หรือว่า ทุน ม.ท.ศ. นี้ได้จนจบการศึกษาครบตามเงื่อนไขของทุน ก็ไม่ต้องไปจ่ายเงินคืนให้กับกองทุนแม้แต่บาทเดียว เป็น ‘ทุนให้เปล่า’…

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนนักศึกษาทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ มีมากกว่า 15 รุ่น และก็มีที่เรียนจบปริญญาตรีไปแล้ว 8 รุ่นด้วยกัน ซึ่งร้อยละ 80 ของนักศึกษาทุนมีงานทําแล้ว ทั้งเป็นข้าราชการ และทํางานในภาคเอกชน ส่วนร้อยละ 65 กลับไปทํางานที่บ้านเกิด

‘รัดเกล้า’ เชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ‘ในหลวง-ราชินี’

(30 พ.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2567 ตลอดเดือนมิถุนายน นี้ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยสามารถดำเนินการได้ดังนี้

(1) จัดตั้งโต๊ะประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

(2) ติดตั้งเครื่องสักการะ

(3) ประดับธงชาติไทย

(4) ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ

(5) ธงอักษรพระนามาภิไธย ส.ท.

(6) ประดับผ้าระบายสีเหลืองอยู่ด้านบน สีม่วงอยู่ด้านล่าง โดยพร้อมเพรียงกัน

นางรัดเกล้า ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลเชิญชวนให้ประชาชน เริ่มประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ 

โดยสามารถสั่งจองเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งจองผ่านระบบร้านค้าออนไลน์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผ่าน เว็บไซต์ thailandpostmart.com ได้ โดยไม่มีการจำกัดจำนวน รวมถึงที่ บิ๊กซี 208 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป และสามารถสั่งจองได้ที่บิ๊กซีมินิทุกสาขาทั่วประเทศ (โดยสั่งจองล่วงหน้า 7 วัน) ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสั่งจองเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ได้ที่ Contact Call Center 1756

'ในหลวง-พระราชินี' ทรงห่วงใยไฟไหม้ชุมชนเยาวราช พระราชทานถุงพระราชทาน-เครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้เดือดร้อน

เมื่อวานนี้ (7 ก.ค. 67) ที่อาคารอเนกประสงค์ วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอัคคีภัยและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ชุมชนตรอกโพธิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 

ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 100 ชุด ไปมอบแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนทรงสวัสดิ์ แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนเดือดร้อนเบื้องต้น 

โอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวแก่ราษฎรที่ประสบอัคคีภัยและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวได้รับทราบกับสอบถามการเกิดเหตุเพลิงไหม้และให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งพูดคุยสร้างขวัญกำลังใจ เพื่อให้สามารถกลับประกอบสัมมาอาชีพและดำรงชีวิตได้ตามปกติสุขต่อไป ผู้ประสบอัคคีภัยและผู้ที่ได้รับผลกระทบต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

ทั้งนี้เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.41 น. ภายในชุมชน ตรอกโพธิ์ ถนนทรงสวัสดิ์ แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ ปลูกติดกันหลายหลังเรือน ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในชุมชน ขณะเกิดเหตุมีลมกระโชกแรงทำเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเสียหายหมดทั้งชุมชน จำนวน 37 ครัวเรือน บ้านเรือน จำนวน 66 หลังคาเรือน

รวมถึงลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ โรงแรมนิวเอ็มไพร์ ได้รับความเสียหายที่ชั้น 4 ชั้น 5 และชั้น 6 ร้านหูฉลามเฉลิมบุรี ได้รับความเสียหายที่ชั้น 4 และ 5 กับภัตตาคารไต่เซ็ง ได้รับความเสียหายที่ชั้น 4 และชั้น 5 พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 1 ไร่ 80 ตารางวา รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ เมื่อเวลา 23.37 น. พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย ซึ่งได้รับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว 

ทั้งนี้ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ได้ตั้งจุดลงทะเบียนและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แก่ผู้ประสบอัคคีภัยและผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นการเร่งด่วนในเบื้องต้นแล้ว

'วราวุธ' ปล่อยคาราวานจิตอาสาเพื่อประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ รุดเยี่ยมกลุ่มเปราะบาง 'เด็ก-ผู้สูงอายุ-คนพิการ-ผู้ด้อยโอกาส'

(19 ก.ค.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กทม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' ภายใต้โครงการ 'พม.ร้อยดวงใจ จิตอาสาเพื่อประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567' พร้อมนำกล่าวคำปฏิญาณ ‘เราทำความดีด้วยหัวใจ’

จากนั้นเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถตู้คาราวานจิตอาสาพระราชทาน นำโดยผู้บริหารกระทรวง พม. ออกปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่ 10 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมบ้านให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส 

ในขณะที่ ส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีการจัดกิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' โดยพร้อมเพรียงกัน ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ภายใต้แนวคิด 'พม.หนึ่งเดียว' ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ศูนย์-สถาน-บ้าน-นิคมฯ รวมทั้งภาคีเครือข่ายด้านสังคมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ประชาชนทั่วไป และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) 

นายวราวุธ กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทาน โครงการจิตอาสา 904 วปร. ตามแนวพระราชดำริ ‘เราทำความดี ด้วยหัวใจ’ เพื่อมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ปรองดองสามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้มีความรักความผูกพันต่อสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา  และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมและสร้างบุคลากรในสังกัดกระทรวง พม. ให้เป็นจิตอาสาพระราชทาน รวมทั้งเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

นายวราวุธ กล่าวว่า กิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' เกิดขึ้น เพื่อให้บุคลากรที่ได้ผ่านการฝึกอบรมจิตอาสาพระราชทาน 904 และบุคลากรที่ได้ลงทะเบียนเป็นประชาชนจิตอาสาพระราชทาน รวมจำนวน 7,200 คน เข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ เกิดความตระหนักรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของการเป็นจิตอาสาเพื่อประชาชน รวมทั้งเป็นการย้ำเตือนถึงเจตนารมณ์ของกระทรวง พม. ในการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสังคม เพื่อร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า นอกจากนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวง พม. มีเป้าหมายในปี 2567 ด้วยการปล่อยขบวนคาราวานจิตอาสาพระราชทาน ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อเยี่ยมบ้านให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม รวมจำนวน 1,072 ครัวเรือน ทั่วประเทศ และการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ รวมจำนวน 72,000 ต้นในหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ทั่วประเทศ

‘สำนักพระราชวัง’ เชิญชวนประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ 

(21 ก.ค.67) สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ ๒๓ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗

‘ก.พลังงาน-หน่วยงานเกี่ยวข้อง’ จัดทำโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย เฉลิมพระเกียรติ ‘ในหลวง ร.10’ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

(24 ก.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รวมทั้งคณะผู้บริหารระดับสูงส่วนราชการและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงพลังงาน ร่วมกันถวายราชสักการะแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับแถลงข่าว กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บ้านพิบูลธรรม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรุงเทพฯ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวงพลังงาน รัฐวิสาหกิจในสังกัด และ กกพ. น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านในการจะ ‘สร้างประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป’ ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในหลากหลายด้าน
ได้แก่ ด้านส่งเสริมสุขภาพประชาชน กกพ. ในฐานะหน่วยงานในกำกับฯ ได้จัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าติดตั้งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับสถานพยาบาล 73 แห่ง เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าและนำงบประมาณที่เหลือใช้ไปดูแลประชาชนให้เข้าถึงการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนองพระบรมราโชบายที่ทรงต้องการสืบสาน ต่อยอด โครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้ทรงริเริ่มการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนมาใช้ประโยชน์อีกด้วย

ด้านส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในส่วนของกระทรวงพลังงาน ทั้งจากสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กฟผ. และ ปตท. ได้เข้าร่วมโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ 10 โครงการสืบสานพระราชปณิธานองค์ราชัน ของ กฟผ. และกิจกรรมปลูกป่า จำนวน 72,000 ไร่ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวนำมาซึ่งอากาศสะอาดและความชุ่มชื้นให้กับประเทศอย่างกว้างขวาง

ด้านเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ปตท. ได้การจัดทำหนังสือที่ระลึกเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะรวบรวมพระราชประวัติพระอัจฉริยภาพด้านต่าง ๆ ภาพถ่ายอันทรงคุณค่าจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชกรณียกิจการพัฒนาด้านพลังงาน พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่ทรงมีแก่ประชาชนชาวไทย รวมทั้งการดำเนินโครงการต่าง ๆ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลฯ ซึ่งจัดพิมพ์จำนวน 1,072 เล่มด้วย

นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวว่า กกพ. และสำนักงาน กกพ.ได้สนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามมาตรา 97(4) ดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 73 แห่ง เพื่อติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงพยาบาลของรัฐ จำนวน 73 แห่ง ในวงเงินงบประมาณ จำนวน 457,192,500 บาท มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 15,597 กิโลวัตต์พีค โดยมุ่งหวังลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าและคาดว่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลของรัฐได้ถึง 86,213,686 บาทต่อปี อีกทั้งโรงพยาบาลสามารถนำค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้ดังกล่าวไปสนับสนุนภารกิจในการดูแลประชาชนที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขกับโรงพยาบาลให้ดียิ่งขึ้น การดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวม 11,872 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

“กกพ. และสำนักงาน กกพ. มีความมุ่งมั่นที่จะน้อมนำแนวทางพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีมีสุข โดยจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามมาตรา 97(4) เพื่อติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง และจะขยายการสนับสนุนไปยังหน่วยงานของรัฐด้านการศึกษา และด้านการคุ้มครองทางสังคมและมีความมั่นคงให้กับประชาชน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียนสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยงานภายใต้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” นายเสมอใจ กล่าว

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ กฟผ. จัดทำโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จำนวน 10 โครงการ ภายใต้ชื่อ ‘10 โครงการ สืบสานพระราชปณิธานองค์ราชัน’ ประกอบด้วย

1) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ
โดยล้างเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งนวัตกรรมระบบหมุนเวียนและบำบัดอากาศ (City Tree)
สร้างอากาศที่ดีให้ผู้ป่วย พร้อมสนับสนุนเลนส์ตาเทียมสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ 
2) โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เบอร์ 5 ในพื้นที่โครงการหลวง ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ จังหวัดตาก ขนาด 16 กิโลวัตต์ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ จ.เชียงใหม่ ขนาด 72 กิโลวัตต์
3) โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เบอร์ 5 วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง) จ.กระบี่
ขนาด 72 กิโลวัตต์
4) โครงการออกหน่วยให้บริการแว่นตาในพื้นที่เป้าหมาย 43 แห่ง รวมถึงมอบแว่นตาแก่
กลุ่มเปราะบาง จำนวนรวมทั้งสิ้น 72,000 แว่นตา
5) โครงการโคก หนอง นา ต่อยอด 72 แปลง ด้วยการสนับสนุนนวัตกรรมระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์

6) โครงการจัดตั้งห้องเรียนสีเขียว Smart Green Learning Room และปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ณ โรงเรียนมัธยมวชิราลงกรณวราราม จ.นครราชสีมา 
7) โครงการสนับสนุนชุดนักเรียนเบอร์ 5 จำนวน 72,000 ชุด ในกลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ 
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทั่วประเทศ และกลุ่มโรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษา
8) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิกาญจนบารมี สนับสนุนรถตรวจคัดกรองมะเร็งนรีเวชพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 1 คัน
9) โครงการสวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ในพื้นที่ 72 ไร่ ณ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี  
โดยปรับพื้นที่เพื่อสร้างสนามแข่งขันจักรยาน พื้นที่ทำกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ  
10) โครงการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ณ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 
25 - 28 กรกฎาคม 2567  

คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 2,800 ตันต่อปี ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 5.3 หน่วยต่อปี ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าประมาณ 26.6 ล้านบาทต่อปี

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมพิเศษเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้แก่

1) โครงการพัฒนาพื้นที่กำแพงเพชร 6 ขนานแนวโครงการพัฒนาคลองเปรมประชากรเฉลิมพระเกียรติที่ ปตท. จัดสรรพื้นที่ จำนวน 10 ไร่ ติดคลองเปรมประชากร เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและอาคารนิทรรศการ รวมถึงท่าเรือและพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชน เพื่อสืบสาน และขยายผลต่อยอดพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำ ลำคลองและแหล่งน้ำต่าง ๆ

2) ผลิตและเผยแพร่ หนังสั้นเฉลิมพระเกียรติฯ 2 เรื่อง คือ เรื่องรูปวาดจากอนาคต และ เรื่องคาเฟ่ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตประชาชน ตามพระบรมราโชบาย จำนวน 10 โครงการทั่วประเทศ เผยแพร่ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 สิงหาคม 2567 ทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์

3) กิจกรรมแสดง แสง สี เสียง เฉลิมพระเกียรติ 'ลำนำนที วารีสมโภช' ณ สวนสันติชัยปราการ (ป้อมพระสุเมรุ) เพื่อให้ประชาชนได้รับชมหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติ พร้อมร่วมกิจกรรม อาทิ การแสดงแสง สี เสียงและ 3D Mapping ที่ป้อมพระสุเมรุ การละเล่นจากชุมชนบางลำพู ดนตรีในสวน กิจกรรม workshop ร้านค้าชุมชน และนิทรรศการโครงการตามพระบรมราโชบาย พระราชกรณียกิจและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ รวมทั้งล่องเรือในเส้นทางสุดพิเศษจากป้อมพระสุเมรุไปยังป้อมมหากาฬ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 - 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณสวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์

4) กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการหลวงเลอตอ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่ง ปตท. โออาร์ และโครงการหลวง ร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของมูลนิธิโครงการหลวงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา ลดการปลูกฝิ่น และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร  

5) กิจกรรมปลูกป่า จำนวน 72,000 ไร่ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครอบคลุมพื้นที่ป่าทั่วประเทศ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ แหล่งต้นน้ำ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพิ่มแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีทางธรรมชาติ และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ คาดว่าจะสามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 68,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

โครงการและกิจกรรมพิเศษที่ กลุ่ม ปตท. ร่วมดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจและโครงการตามพระบรมราโชบายของของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณีย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีความยินดีและพร้อมสนับสนุนโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ก็มีโครงการประกวดนวัตกรรมด้านพลังงานและพลังงานทดแทนภาคประชาชน เพื่อพัฒนานักออกแบบนวัตกรรมด้านพลังงานภาคประชาชน พัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานที่ใช้งานได้จริง และเชิดชูประชาชนผู้มีแนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านพลังงานที่เป็นการช่วยเหลือและสร้างประโยชน์ต่อสังคม นอกจากนั้น จะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและเชิงพาณิชย์ เพื่อการต่อยอดและขยายผลอย่างยั่งยืน ระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2567 คาดว่าผลลัพธ์จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานของไทยอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ กฟผ. อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพระราชกรณียกิจด้านพลังงานและคัดสรรภาพประกอบเพื่อนำมาจัดพิมพ์เป็นหนังสือ เชื่อว่าจะเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่า และสมพระเกียรติ

“จะเห็นได้ว่า การดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของกระทรวงพลังงานมีครบทั้งมิติด้านพลังงาน มิติด้านสังคม และมิติด้านสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมไม่ได้จัดแค่ช่วงเดือนกรกฎาคมเท่านั้น จะมีการจัดกิจกรรมไปตลอดจนถึงสิ้นปี 2567 ประชาชนสามารถติดตามโครงการต่าง ๆ ผ่านทั้งหน้าเว็บไซต์ และ Facebook ของหน่วยงานต่าง ๆ สุดท้ายนี้ ดิฉันก็ขอขอบคุณอีกครั้ง ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกระดับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันผลักดันโครงการดี ๆ ให้เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ในโอกาส มหามงคลในครั้งนี้” นางสาวนันธิกา กล่าว

‘รัฐบาล’ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา

เมื่อไม่นานมานี้ ‘สำนักพระราชวัง’ ได้ออกแถลงการณ์เชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗

 นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้กำหนดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี ถวายเป็นราชสักการะ ซึ่งการจัดงานประกอบด้วย งานพระราชพิธี งานรัฐพิธี งานศาสนพิธี โครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ตลอดปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ มีพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ พิธีเจริญพระพุทธมนต์และตักบาตรถวายพระราชกุศล พิธีปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เสด็จออกมหาสมาคม พิธีจุดเทียนถวายพระพรข้อมงคล และงานสโมสรสันนิบาต

สำหรับกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ มีดังนี้ 

>>๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗<<
-เวลา ๐๗.๐๐ น. ขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากกระทรวงมหาดไทย ไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

-เวลา ๐๙.๐๐ น. พิธีทางศาสนามหามงคล ๕ ศาสนา ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี

-เวลา ๑๔.๓๐ น. พิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
โดยมี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยจะถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง NBT 2 HD ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. เป็นต้นไป

>>๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗<<

-เวลา ๐๖.๓๕ น. พิธีขบวนอิสริยยศ เชิญน้ำพระพุทธมนต์ จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง

-เวลา ๐๗.๐๐ น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล ณ บริเวณท้องสนามหลวง

-เวลา ๐๗.๔๕ น. ถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน ณ บริเวณท้องสนามหลวง

-เวลา ๑๐.๐๐ น. เสด็จออกมหาสมาคมทรงรับการถวาย พระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง โดยสามารถรับชมถ่ายทอดสดได้ทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา ๐๙.๕๕ น. เป็นต้นไป

-เวลา ๑๒.๐๐ น. ๓ เหล่าทัพ ยิงสลุตหลวง หน่วยละ ๒๑ นัด

-เวลา ๑๗.๐๐ น. เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ทรงตั้งสมณศักดิ์ จีน ญวน และพระสงฆ์

-เวลา ๑๗.๓๐ น. พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม ณ บริเวณท้องสนามหลวง

เวลา ๑๙.๑๙ น. พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณท้องสนามหลวง ส่วนภูมิภาค ณ สถานที่ที่แต่ละจังหวัดกำหนด หรือสถานที่ตามความเหมาะสม โดยสามารถรับชมถ่ายทอดได้ทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา ๑๘.๕๐ น. เป็นต้นไป

>>๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗<<

- เวลา ๐๘.๐๐ น. เชิญเครื่องราชสักการะและพานพุ่มจากท้องสนามหลวงไปทูลเกล้าฯ ถวาย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

- เวลา ๑๙.๐๐ น. งานสโมสรสันติบาตร ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยสามารถรับชมถ่ายทอดได้ทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา ๑๘.๕๐ น. เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ รัฐบาลได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กว่า ๖๐๐ โครงการ ที่สะท้อนถึงการน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งจะดำเนินการทุกโครงการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ WWW.PHRALAN.IN.TH

‘อนุทิน’ ชวนร่วมงาน ‘ลมหายใจของแผ่นดิน’ 28-30 ก.ค.นี้ สนามช้างอารีน่า เผย!! มีไฮไลต์ ‘ออร์เคสตรา 250 คน’ บรรเลง ดนตรีไทย-ตะวันตก-อีสานใต้

(27 ก.ค.67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตลอดเดือน ก.ค.จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ซึ่งในส่วนของจ.บุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีกิจกรรมเทิดพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค. ทางจังหวัดพร้อมทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดงาน ‘ลมหายใจแห่งแผ่นดิน’ ซึ่งมีหลากหลายกิจกรรมและการแสดงแสง สี เสียง เสียงระดับโลก ให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ณ สนามช้างอารีน่า อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการแสดงมิวสิคัลชุด “ลมหายใจของแผ่นดิน” ซึ่งได้รวมเยาวชนที่มีความสามารถด้านดนตรีและการแสดงจากทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย นักดนตรีวงดนตรีออร์เคสตรา 250 คน บรรเลงเครื่องดนตรีทั้งไทย เครื่องดนตรีตะวันตก เครื่องดนตรีอีสานใต้ และนักแสดงเดอะมิวสิคัล 70 คน ซึ่งได้ฝึกซ้อมตลอดเวลาหลายเดือนเพื่อการแสดงในงานนี้

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย จะเป็นส่วนหนึ่งของมิวสิคัลชุดนี้ โดยร่วมแสดงในการบรรเลงเพลงจอมราชา ในตำแหน่งเป่าแซ็กโซโฟน ซึ่งที่ผ่านมา รมว.มหาดไทย ได้ร่วมฝึกซ้อมกับเยาวชนนักดนตรีทั้ง 250 คนมาแล้วหลายครั้ง 

“ท่านอนุทิน เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติในสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่หากมีโอกาสไปเยือนหรืออยู่พื้นที่ใกล้เคียง จ.บุรีรัมย์ ก็ขอเชิญร่วมงานเฉลิมพระเกียรติที่ทางจังหวัดจัดขึ้น นอกจากจะได้ร่วมแสดงออกถึงพลังความรักที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติแล้ว ยังได้ร่วมให้กำลังใจกับน้องๆ นักดนตรี นักแสดงและทีมงาน ให้ทุกคนได้แสดงออกถึงศักยภาพและความสร้างสรรค์ซึ่งอนาคตทุกคนจะกลายเป็นพลังสำคัญของชาติต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

สำหรับงาน ‘ลมหายใจของแผ่นดิน’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค.ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ณ สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ จะมีการแสดงเทิดพระเกียรติสุดยิ่งใหญ่ด้วยเทคโนโลยีการจัดแสดงระดับโลก ได้แก่ การแสดงแสงสีเสียงประกอบ 3D Mapping,วงดนตรีออร์เคสตรา, การแสดง มิวสิคัล, นิทรรศการผลงานประกวดวาดภาพ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึง การบำเพ็ญสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ บริจาคโลหิตส่งต่อผู้ป่วย จำนวน 720 ยูนิตต่อวัน รวม 7,200 ยูนิต โรงทานปันสุข ร้านชื่อดังต่าง ๆ นำอาหารเครื่องดื่มมาบริการแก่ผู้มาร่วมงาน โดยทั้งหมดสามารถเข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

‘นายกฯ’ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ที่ท้องสนามหลวง

(28 ก.ค. 67) เวลา 07.00 น. ที่บริเวณท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนางพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชนร่วมพิธี

โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูปขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายกรัฐมนตรีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ให้ศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

จากนั้น คณะองคมนตรีและภริยา นายกรัฐมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป นายกรัฐมนตรีถวายผ้าไตรจำนวน 10 ไตร กรวดน้ำรับพร กราบลาพระรัตนตรัย แล้วถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและภริยา นำผู้เข้าร่วมพิธีร่วมตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 173 รูป นำโดยเสด็จพระมหาวีรวงศ์ นำโดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นการเสร็จพิธี

จากนั้น เวลา 07.45 น. ณ บริเวณท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567  โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการ ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจมหาวิทยาลัยของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชนเข้าร่วมพิธี ขณะที่ข้าราชการในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ร่วมทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

เมื่อนายกรัฐมนตรีถึงบริเวณเวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง ได้เดินขึ้นสู่เวที ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วถวายธูปเทียนแพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ความว่า

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในนามของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วประเทศต่างมีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2567 นี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ในพระราชวิริยอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญ พระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความเจริญงอกงามของประเทศชาติ และประโยชน์สุขของอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า ทรงดำรงพระองค์ เป็นแบบอย่างแก่บรรดาข้าราชการ ในการปฏิบัติงาน เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดิน ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เน้นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักเทิดทูนไว้ เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสืบไป

ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญพร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้า ปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ ดังต่อไปนี้

ข้าพระพุทธเจ้านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่ แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางพระบรมราโชวาทตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จบแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วนายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และร่วมร้องเพลงสดุดีจอมราชา เป็นอันเสร็จพิธี

เวลา 08.00น. นายกรัฐมนตรีและภริยา ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ในพระบรมมหาราชวัง

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top