Monday, 7 April 2025
พรรคประชาชน

'สุริยะใส' แง้ม!! 'อดีต 3 บิ๊ก' คิดตั้งพรรคสู้ 'ปชน.' ชี้!! มีความเป็นไปได้ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย

(18 ก.ย. 67) ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง ‘อดีต 3 บิ๊กคิดตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ VS พรรคประชาชน ความเป็นไปได้และข้อท้าทาย’

ตามที่มีข่าวมีความพยายามของอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย บางคนเตรียมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในแนวทางอนุรักษ์นิยมใหม่ เพื่อต่อสู้กับกระแสความนิยมของพรรคประชาชนอย่างพรรคด้อมส้ม นั้น อาจดูเป็นความคิดที่น่าสนใจแต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายหลายด้าน

ความเป็นไปได้

การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในไทยนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความสามารถในการดึงดูดความสนใจของประชาชน การสร้างความเชื่อมั่น และการนำเสนออุดมการณ์ที่ชัดเจน สำหรับแนวทางอนุรักษ์นิยมใหม่สามารถดึงดูดผู้สนับสนุนที่ไม่พอใจกับทิศทางการเมืองในปัจจุบัน และคนที่อยากเห็นความมั่นคงและความเป็นระเบียบในสังคม

นอกจากนี้ ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับการดึงดูดฐานเสียงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่รู้สึกว่าพรรคการเมืองปัจจุบัน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

ข้อท้าทาย

1.กระแสการเมืองปัจจุบัน: พรรคด้อมส้มหรือพรรคประชาชนที่มีแนวคิดก้าวหน้าได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การที่จะตีโต้กับกระแสนี้จะต้องมีการเตรียมพร้อมในการตอบสนองต่อความต้องการและความกังวลของกลุ่มคนที่อาจมองว่าแนวคิดอนุรักษ์นิยมไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

2.การสร้างภาพลักษณ์: การที่กลุ่มผู้ก่อตั้งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในภาครัฐบาล การทหาร และการตำรวจ อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นพรรคที่ยึดติดกับอำนาจเก่า ซึ่งอาจทำให้ยากในการดึงดูดคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและต้องแยกให้ออกระหว่างอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมใหม่ (Neo Conservative) กับอนุรักษ์นิยมดั้งเดิม (Traditional Conservative)

3.การแข่งขันกับพรรคเก่า นอกเหนือจากพรรคประชาชนและกระแสด้อมส้มแล้ว ยังมีพรรคอนุรักษ์นิยมเก่าที่มีฐานเสียงแข็งแกร่งอยู่แล้ว เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้าชาติ หรือพรรคภูมิใจไทย แม้พรรคเหล่านี้พยายามจะปรับภาพลักษณ์เป็นอนุรกษ์นิยมใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร การแข่งขันกับพรรคเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการแย่งชิงฐานเสียง

4.ความซับซ้อนของระบบการเมือง การเมืองไทยเป็นระบบที่ซับซ้อน มีความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ การที่จะเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในเวทีนี้ จึงจำเป็นต้องมีความชำนาญและความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายฝ่าย ในขณะเดียวกันต้องอธิบายและสะท้อนประโยชน์ให้กับสาธารณะได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งได้แต่โตไม่ง่าย

การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการวางแผนอย่างละเอียด และการประเมินสภาพการเมืองในปัจจุบันอย่างแม่นยำ พรรคที่ก่อตั้งใหม่จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนและสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้

ทั้งนี้ ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสารกับประชาชน การตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มต่าง ๆ และการสร้างความเชื่อมั่นในนโยบายและผู้นำที่มี Leadership ตอบโจทย์ทันสมัยการเปลี่ยนแปลง

สรุปแล้ว การตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่นั้นมีความเป็นไปได้ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายที่จะต้องเผชิญและแก้ไขในหลายด้าน ที่สำคัญไม่ใช่แค่ทำพรรคอนุรักษ์นิยมแนวใหม่เพียงเพราะต้องการขวางการเติบโตของพรรคประชาชนเท่านั้นแต่ต้องเป็นทางเลือกใหม่ที่ทำได้และเป็นไปได้มากกว่า

'วิสุทธิ์' ลั่นรับไม่ได้ สุราก้าวหน้าฉบับ สส.เท่าพิภพ เสรีจัดถึงขั้นให้ต้มเหล้าดื่มเอง แจกจ่ายในหมู่บ้านได้

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต ที่เริ่มพิจารณาเมื่อวันที่ 18 ก.ย. และจะลงมติสัปดาห์หน้า แนวทางโหวตในสัปดาห์หน้าจะมีการคว่ำร่างหรือไม่ ว่า...

"ประเด็นที่เกิดขึ้น ตนต้องเรียนกับประชาชนว่า เรื่องสุราก้าวหน้า ภาษีสรรพสามิต ต้องอาศัยข้อเท็จจริง ซึ่งในการพิจารณามีอยู่ 3 ร่าง ได้แก่ร่างของพรรคเพื่อไทย, ร่างของพรรคประชาชน และร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่เมื่อไปดูหลักการการเสนอร่างของพรรคประชาชนนั้นระบุว่าถ้าไม่ขาย ก็สามารถต้มดื่มกันเองได้ แจกจ่ายกันเองในหมู่บ้านทั่วไปได้ เราจึงมองว่าหลักการเช่นนี้จะทำให้เราลำบาก หากมีการเสนอเข้าไปแล้วจะขัดกับหลักการกับที่เราตั้งไว้ ซึ่งสุราทุกอย่างจะต้องมีการควบคุม อาจจะลดขนาดเงื่อนไขในการตั้ง เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กสามารถสร้างได้ ตั้งได้ ผลิตได้ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในการควบคุมของกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเสรีเลย จึงมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวาน"

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “ภายหลังได้มีการเจรจากับพรรคประชาชน ทางพรรคประชาชนมาขอว่า อยากให้ห้อยรวมร่างของเขาไปด้วย ฉะนั้น พวกเราจึงถอยกลับมาว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่มาขอเพื่อไทย แล้วจะให้ผมบอกว่าได้หรือไม่ได้เลย แต่ในเมื่อหลักการของคุณขัดกับหลักการ ก็จะลำบากอยู่ ฉะนั้น เราต้องดูพรรคอื่นด้วยว่าคิดอย่างไรในเรื่องนี้”

นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า "นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน หากจะพูดอะไรควรพูดในสภา จะได้มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ฉะนั้น เรายืนยันในหลักการของเรา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการตรากฎหมาย ไม่ใช่ไปแก้หลักการที่ยังไม่เคยมี"

“คุณจะพูดในสภาฯ ได้หรือไม่ว่า คุณไม่ติดใจประเด็นอย่างนี้ เราก็จะมาพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ แต่ทั้งหมดเราต้องปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลก่อน” นายวิสุทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะถูกกล่าวหาว่าตั้งธงคว่ำร่างหรือไม่? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "เราไม่ได้คิดตั้งธงถ้าหากคุณเขียนหลักการว่าให้ขออนุญาตเฉพาะคนที่ทำเป็นร้านค้าหรือจำหน่าย แต่ประชาชนทั่วไปสามารถต้มเหล้ากินได้หมด อย่างนี้รับไม่ได้"

“ประชาชนเสี่ยงตายมากี่คน ใครรับผิดชอบได้บ้าง แล้วยังป่วยอีกหลายสิบคน ถ้าทำไปแล้วไม่มีใครควบคุม ใครอยากต้มก็ต้ม ใครอยากแจกก็แจก นี่มันไม่ใช่ประเทศไทยแล้ว คงเมากันทั้งประเทศ ที่เรารับไม่ได้คือประเด็นนี้ ไม่ใช่จะไปคว่ำร่างของก้าวไกล (ประชาชน) แต่เขาเอง ถึงแม้ไม่ได้นำร่างเข้ามาก็เป็นกรรมาธิการร่วมกันได้อยู่ ยังทำงานร่วมกันได้ จะไปออกข่าวว่าเราคว่ำอะไร ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน” นายวิสุทธิ์ กล่าว

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เสียหายมาถึงพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุน แต่เราสนับสนุนให้รายย่อยมีโอกาส ลดเงื่อนไขลงมา แต่ไม่ใช่ว่าไม่ต้องขออนุญาตเลย ไม่ได้ขายต้มแจกได้หมด ไม่เช่นนั้น เมาทั้งตำบล ทั้งอำเภอ พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับองค์ประชุม

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "ภายหลังจากการประชุม พวกเรามานั่งปรึกษาหารือคุยกัน ฝ่ายค้านรัฐบาลไม่ได้มีอะไร แค่ความแตกต่างทางความคิด เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย เขามาปรึกษาว่าห้อยไปด้วยได้หรือไม่"

เมื่อซักเพิ่มว่าเบื้องต้นพรรคประชาชนยอมหรือไม่? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "ให้เขามาตอบวันพุธก็ยังมีเวลา ไม่ได้ไปคว่ำร่างใคร คนที่ติดตามเรื่องนี้ก็ขอให้เข้าใจถูกต้อง"

เมื่อถามว่านายเท่าพิภพ ใช้คำพูดว่าเราต่อเรือมาแล้ว เหมือนเป็นการปล้น? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "กฎหมาย ไม่มีใครปล้นใคร ทุกพรรคหวังดีต่อพี่น้องประชาชน เราก็อยากให้ SMEs เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือธุรกิจอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ได้ปล้นใคร ถ้าไปพูดแบบนั้นก็มีปัญหา”

เมื่อถามว่าจะทำให้วิปรัฐบาลและฝ่ายค้านคุยกันยากขึ้นหรือไม่? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “ไม่ยาก เจอที่ไหนก็คุยกันได้ รุ่นใหม่รุ่นเก่าก็ทำงานร่วมกันได้ ดูตามหลักการที่ถูกต้องการ และไม่ต้องไปโจมตีกัน การใช้วาทกรรมทางการเมืองจะทำให้งานไม่เดินหน้า ปล้นเปลิ้นอะไรไม่มี”

ขณะที่ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนในฐานะผู้เสนอให้มีการลงมติแยกทีละฉบับ ซึ่งในหลักการร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ร่างนั้น การผลักดันให้ประชาชนให้เข้าถึงและขอใบอนุญาตได้ ทั้ง 3 ร่างเห็นตรงกัน แต่ติดปัญหาเดียวคือพรรคประชาชนเขียนหลักการว่าผู้ที่ทำเพื่อการค้าเท่านั้นที่ต้องขออนุญาต ซึ่งเราก็ปรึกษาว่ามีทางไหนที่ทำให้สามารถนำเข้าไปพิจารณาพร้อมกันได้หรือไม่โดยที่ความขัดแย้งหลักการ กระบวนการไม่เป็นปัญหา ซึ่งปกติแล้วในหลักการไม่สามารถแก้ได้ จึงเป็นปัญหา โดยหลักของกฎหมายแล้วเมื่อเสนอมาแล้วไม่ควรแก้หลักการ จึงยังไม่มีข้อสรุปว่าเมื่อพิจารณารวมทั้ง 3 ร่างแล้วจะขัดกันหรือไม่

โซเชียลเดือด!! สส.พรรคส้ม แจมสัมมนา Sex Creator ร่วม 'ชายต๊อง' หมกมุ่นแต่ 'เหล้า-เบียร์-เซ็กซ์-พม่า' ส่วนปัญหาบ้านเมือง-ทุนเทา เงียบกริบ

จากกรณีเมื่อวันที่ 17 ก.ย.67 ทนายแจม สส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า...

“วานนี้ (16 ก.ย. 67) แจมได้รับเชิญมาร่วมวงสัมมนาในหัวข้อ Sex Creator เพศพาณิชย์ โอกาสหรือความอับอาย ที่จัดโดย คณะกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาค่ะ…

“สัมมนาครั้งนี้ ได้ร่วมเสวนากับ สส. เท่าพิภพ @taopiphop, คุณชายต๊อง Sex Creator และคุณเอช จากองค์กร Daydm ได้แลกเปลี่ยนกันหลายประเด็นมาก ๆ เช่น -Sexual Pleasure Right is Human Right. สิทธิในความพึงพอใจทางเพศเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่ง…

“- Sex toys ที่เป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาสุขภาวะทางเพศ ได้เปิดโลกมาก ๆ ว่า เซ็กส์ทอยตอนนี้พัฒนาไปไกลมาก ๆ ค่ะ…

“- กฎหมายที่ทำให้ Sex Creator ไม่สามารถทำได้ และไม่ได้ถูกปกป้องจากกฎหมายลิขสิทธิ์ และ การกีดกันของกฎหมายที่ส่งผลถึงอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ที่ช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้…

“สุดท้ายการจะผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ต้องอาศัยการให้ความรู้ความเข้าใจกับสังคมไปพร้อม ๆ กัน สังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่กฎหมายปัจจุบันไม่สามารถตามทันได้ในปัจจุบัน สุดท้ายก็จะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ในอนาคตค่ะ…

“#กมธท่องเที่ยว #Sextourism #ทนายแจมศศินันท์”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวปรากฏ ก็ทำให้ชาวโซเชียลแสดงความเห็นถึงการที่ พรรคประชาชน ถึงเชิญ นายธนพณ เชี่ยวสุทธิ อายุ 29 ปี มีฉายา 'ชายต๊องหญิงเพี้ยน' ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ และพรากผู้เยาว์ มาร่วมงานครั้งนี้ อาทิ...

- คนที่คุณคุยด้วยคือคนที่เคยมีคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุ 16 มันจะซ้ายจัดจนไร้สติอะไรขนาดนั้นน่ะ แค่นี้ประเทศไทยก็เหมือนไม่มีกฎหมายอยู่แล้วนะ

- ภูมิใจไหมครับ ที่มีคนเหี้*ๆ ที่จ้างเด็กอายุ 16 มาเอา มาร่วมเสวนาด้วย คุณคงภูมิใจ

- ไม่เห็นด้วยกับการให้พื้นที่กับคนที่มีคดีอนาจารเด็ก แม้แต่ในมาตรฐานสากลพวกที่ทำกับเด็ก ไม่มีโอกาสมาลอยหน้าลอยตาในสังคม เท่าพิภพนี่หลายรอบแล้วทำงานชุ่ยมาก ไม่ได้เช็กประวัติคนที่เชิญมาก่อนเหรอว่ามายังไง

- บ้าหรือเปล่าสนับสนุนให้เด็กขายตัว ดูหนังโป๊มากไปไหมครับ? เลิกทำเรื่องชั่ว ๆ เถอะ ตายไปจะได้ไม่ต้องลงมาหานรกขุม 3 ทุกข์ทรมานยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

- ยากจะช่วย Defend พี่แจม แต่พอนึกถึงรูปนั้นแล้วก็ช่วยไม่ลงจริง ๆ ครับ

- แล้ว สส. ไม่ได้รีเช็กอะไรเลยเหรอ ให้คนนี้ที่มีคดีเคยบอกว่าตัวเองถูกหลอกไม่รู้มาก่อนว่าน้องมันเด็ก แล้วเด็กมันก็หลอก หรือเจ้าตัวเองก็ไม่ได้หนีข้อหา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเหมาะสมอ่ะค่ะ คนอื่นก็ได้นะคะ ไม่ใช่คนนี้ที่เป็นสุดยอด Sex Creator เพียงคนเดียวค่ะ คนอื่นมาตรฐานดีกว่าเค้าก็มี

- ไม่ควรเชิญคนทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะละเมิดเด็กเรื่องเพศ มามีหน้ามีตาในสังคม

- ทนาย ควรเห็นใจเหยื่อ วัย 16 ปีนะ คิดดูสิ ถ้าเป็นลูกหลาน โดนหลอกมาทำแบบนี้ จะรู้สึกยังไงฮะ

- เอาคนใส่ EM มา ความน่าเชื่อถือเป็น 0 เลย คนที่ผลักดันด้านนี้ผมก็เห็นว่ามีเยอะ ทำไมต้องไอชายต๊องอะ เอาคนที่ไม่มีคดีไม่ได้แล้วหรอ

- สนับสนุนเรื่องทางเพศ โดยเอาคนล่อลวงเยาวชนมาถ่ายหนังโป๊มาสัมมนาป่าวนะ ที่ข้อเท้ากำไลสั่งทำพิเศษเหรอคะ แบบที่ไม่มีคดีไม่มีใส่รึเปล่า 

- คิดยังไงกับข่าวพ่อบังคับลูกทำ Only Fans ครับ

- ทำไมหมกมุ่นอยู่กับเรื่องพวก เหล้า เบียร์ Sex พม่า ปาเลสไตน์ เดี๋ยวนี้ ลืมเรื่องใหญ่ๆ หมดเช่น ส่วยรถบรรทุก จีนเทา และสารพัดเรื่อง

เมื่อกระแสไม่พอใจเริ่มลุกลาม ทางด้าน สส.เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ จึงได้โพสต์ข้อความใน X โดยชี้แจงว่า นายธนพณ เชี่ยวสุทธิ เป็นผู้ต้องหาค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์จริง แต่โดนผู้เยาว์หลอกว่าอายุ 20 แล้ว พร้อมทั้งระบุว่า หากกฎหมายที่พรรคของตนเสนอนำมาบังคับใช้ จะมีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เซ็กซ์ครีเอเตอร์ จะไม่โดนเด็กหลอกโกงอายุอีกต่อไป ดังนี้...

“ชี้แจงกรณีที่ กมธ.ท่องเที่ยว เชิญ Sex Creator ที่มีคดีล่วงละเมิดทางเพศกับผู้หญิงอายุ 16 ปีมาเสวนาในงานดังนี้...

“1.ทนายแจมเป็นแขกรับเชิญมาให้ความเห็นทางกฎหมายเนื่องจากเป็นทนายที่เชี่ยวชาญเรื่องสตรีและผู้เยาว์…

“2.มีข้อสงสัยว่า Sex Creator ท่านนี้ถูกผู้เยาว์หลอกว่าอายุเกิน 20 ปีจริงหรือไม่ และหากมีกฎหมายแบบต่างประเทศที่ผู้อยู่ในธุรกิจ Sex Creator ต้องลงทะเบียน ทำให้ป้องกันผู้เยาว์เข้าสู่ธุรกิจนี้ได้จริงหรือไม่…

“3.เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับและทุกวันนี้ทุกคนสามารถเข้าสู่โซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย  จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งที่จะถูกล่อลวงให้เป็นทั้งผู้ชมหรือผู้แสดง จึงต้องฟังข้อมูลจากฝั่งผู้ผลิตผลงานที่เคยกระทำผิด เพื่อหาทางป้องกันให้เท่าทันกับโลกที่เปลี่ยนไป…

“4.เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นทั้งคัดค้านและสนับสนุน เพื่อนำความเห็นที่แตกต่างไปหาทางออกสำหรับข้อกังวลของสังคมเกี่ยวกับ Sex Creator และ Sex Toys…

“5.หลายท่านอาจมองว่ามี Sex Creator อีกหลายท่านที่ควรเชิญมาแทน แต่สำหรับ ตัวแทนกมธ.คิดว่าหากเชิญคนที่ไม่มีปัญหาก็อาจได้มุมมองที่คล้ายๆกัน แต่คนที่มีปัญหาอาจได้ข้อมูลที่แตกต่าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่อาจมองข้ามหรือไม่เป็นที่สนใจ เพื่อใช้ในการออกแบบกฎหมายในอนาคต…

“6.การทำงานทางความคิดเกี่ยวกับเรื่อง Sex Creator และ Sex Toys ในประเทศไทย ยังต้องใช้เวลาและความเข้าใจเป็นอย่างมาก แม้หลายประเทศที่เจริญกว่าเราจะอนุญาตให้ทำและมีกฎหมายรองรับ แต่ก็อาจมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันกับสังคมไทย ที่เราจำเป็นต้องเคารพและรับฟังผู้ที่เป็นกังวลและเห็นต่าง ไม่ว่าทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้จะมีความเห็นอย่างไร ทางพรรคประชาชนยินดีรับฟังและน้อมรับคำแนะเพื่อให้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นประโยชน์มากที่สุด เหมาะสมกับยุคสมัยและความรู้สึกของคนไทยไม่ว่าจะเป็นคนหัวก้าวหน้าหรืออนุรักษ์นิยม…

“#พรรคประชาชน”

ทั้งนี้ก็มีผู้เข้ามาสนับสนุนพรรคประชาชน และผู้ไม่เห็นด้วย เข้ามาแสดงความเห็นต่าง ๆ เช่น...

- เยี่ยม ฟอกขาวให้อาชญากรอีก สนับสนุนให้เยาวชนขายตัวและถ่ายหนังโป๊ และยังช่วยกันปกป้องผู้กระทำผิดอีกด้วย จะชั่วไปถึงไหน???

- เรามองว่า ไม่ใช่เรื่องด่วนหรือจำเป็นต้องทำ และคิดว่าคนทำผิดกฎหมาย พรรคก้าวไกล กลับเชิญมาเป็นวิทยากร ยิ่งแย่มาก

- Sex Toy ทำไปเลยเพราะมันอยู่ในที่ลับ แต่ Sex Creator ขอคัดค้าน เพราะมันจะกลายเป็นตราบาปให้กับเด็กผู้หญิง ที่อาจตัดสินใจทำไปเพราะหลงผิดหรือคาดไม่ถึง แต่มันจะกลายเป็นตราบาปที่ล้างไม่ออกตลอดไปของพวกเธอ จะกลายเป็นปัญหาสังคมในภายภาคหน้า ให้มันอยู่ในมุมมืด ๆ ดีแล้ว

- คุณเพชรโพสต์แบบนี้ดีครับ รู้สึกเป็นงานเป็นการ ฝ่ายตรงข้ามที่จ้องหาช่องเอาไปปั่นเรื่องต่อก็ทำยากขึ้นครับ 

- ให้กำลังใจครับ ดูจากเมนต์ คงต้องทำงานทางความคิดเพิ่มอีกเยอะครับ

- ไม่แปลกใจ ในอดีต พรรคคุณยังมีสมาชิกที่ไปล่วงละเมิดทีมงานเลย อุดมการณ์เรื่องแบบนี้แรงกล้ามาก

- ก่อนทำ Content ทุกครั้ง ถ้าเขาขอตรวจสอบหลักฐานเรื่องอายุ เขาจะไม่ถูกหลอก ซึ่งตรวจสอบไม่ยาก ประเด็นนี้คือคนทำ Content ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน ทำไมไม่ตรวจสอบทั้งที่สุ่มเสี่ยงจะทำผิดร้ายแรง

- สนับสนุน Sex Creator ให้มีหนทางทำกิน ก็เหมาะสมกับพรรคนี้ดีนะครับ ลูกสาวบ้านใครก็ทำไปเหอะ แต่ไม่ใช่บ้านกู ใช่ไหมครับ อนาถใจกับข่าวพ่อข่มขืนลูกสาว 14 ปี ถ่าย OLF มาก

- เว็บเถื่อนสีดำ แชตส่วนตัว แชตลับ วิดีโอคอล ต่อให้มี กม.ควบคุม เยาวชนที่ฟุ้งเฟ้ออยากมีอยากได้อยากสบายอยากรวยทางลัด มันก็ยังทำอยู่ดี ยิ่งมีการสนับสนุนอาชีพนี้เท่ากับส่งเสริมทางอ้อมว่ามันเหมือนไม่ใช่ความผิดทางกม.มันมีแค่คำว่าอายุมากำหนด ทุกวันนี้เด็กประถมก็แอบทำคลิปหรือคอลกันแล้ว

- แค่ตั้งข้อสงสัยว่า 'ถูกผู้เยาว์หลอก' แค่นี้ก็บ่งบอกถึงคุณภาพ และแนวคิดของ สส. คุณภาพครับ เปลืองภาษีพวกกูจริง ๆ

- ตลกอะ ที่คุณพูดถึงเรื่องนี้ในกรณีที่ Sex Creator เป็นฝ่ายถูกหลอก แล้วก็เข้าข้างเขาในสภาการณ์นี้ ตรรกะมันจะวิบัติและเสื่อมไปได้ถึงขนาดนี้แล้วหรอ คุณก้อง

- แปลได้ว่า พรรคสนับสนุนคนแบบนี้ให้มีที่ยืนในสังคม ซึ่งก็ไม่แปลกใจอะไร

'พรรคส้ม' ถาม "ควรส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกอบจ.หรือไม่?" เสียงแตก!! โอกาสชนะน้อยมาก VS ควรทำให้เต็มที่ดีที่สุด

(24 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลกำลังมีประเด็นร้อนแรง และเป็นที่จับตาของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นหลายฝ่าย หลังในเพจเฟซบุ๊กของพรรคประชาชนสุโขทัย ได้มีการโพสต์ข้อความเชิญชวนชาวจังหวัดสุโขทัย ร่วมแสดงความคิดเห็น ว่าพรรคประชาชนควรส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ในนามพรรคประชาชนหรือไม่ พร้อมเหตุผลประกอบ

ทำให้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ก็สนับสนุนให้พรรคประชาชนส่งตัวแทนลงสมัครชิงชัย โดยให้เหตุผลว่า ควรทำให้เต็มที่ดีที่สุด ชนะหรือไม่ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ถ้าส่งลงเลือกแน่นอน แต่ถ้าไม่ส่งก็ไม่รู้จะเลือกใคร เบื่อการเมืองแบบเดิม และบ้างก็ว่าอยากให้ช่วยกันรณรงค์ให้คนที่ทำงานต่างจังหวัดกลับมาเลือกตั้ง คะแนนเสียงในกลุ่มวัยทำงานมีอยู่มาก

ขณะที่บางความเห็นบอกว่า ถ้าจะส่งลงสนามนี้ คิดว่าโอกาสชนะน้อยมาก ถ้าจะให้มีลุ้นก็ต้องจับมือกับกลุ่มการเมืองอีกฝ่าย และบางคนก็ว่าไม่น่าส่งลงแข่ง เพราะชุดที่ผ่านมาทำไว้ดีมาก ทั้งถนนลาดยาง ไฟฟ้า ตอนนี้สว่างทั่วทุกตำบล มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชนจังหวัดสุโขทัย ระบุว่า ได้เสนอต่อกรรมการบริหารพรรคประชาชนเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อให้พิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สุโขทัย และยืนยันมีความพร้อมในทุกด้าน รวมทั้งได้ร่างนโยบาย 3 เสาหลัก ประกอบด้วย ด้านบริหารจัดการน้ำ น้ำสะอาด ภัยแล้ง น้ำท่วม, ด้านสวัสดิการ จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน และด้านเศรษฐกิจ เพื่อปากท้องประชาชน ซึ่งจะแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการ และมีแกนนำอาสาสมัครที่ครอบคลุมทั้ง 9 อำเภอ เพื่อแนะนำนโยบายต่อประชาชน

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้ทางพรรคประชาชนจังหวัดสุโขทัย ยังได้มีประกาศเรื่องการแอบอ้างเป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.สุโขทัย ในนามพรรคประชาชน จึงแจ้งเตือนอย่าได้หลงเชื่อ เพราะทางพรรคยังไม่ได้มีการประกาศรับรองแต่อย่างใด ทำให้เป็นที่จับตาและน่าสนใจว่า ในที่สุดแล้วใครจะเป็นตัวจริงที่จะลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.สุโขทัย ในนามพรรคประชาชนครั้งนี้

ด้อมส้มยังส่ายหัว หลัง 'พรรคประชาชน' ตั้งแม่ทัพคุมพื้นที่ดีกรีน่าห่วง พบ!! อดีตคนขายเบียร์ไม่เสียภาษี คุมตะวันออก ส่วน 'โตโต้' คุม กทม.

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมากเลยทีเดียว เมื่อเพจ ‘วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ทุกคนคะ ผบ.โตโต้ อดีตหัวหน้าการ์ดวีโว่ ที่ทีมงานก่อม็อบป่วนเมือง บุกชิงตัวประกัน เผาทรัพย์สินราชการ จุดพลุรบกวนชาวบ้าน ได้รับความไว้วางใจจากพรรคส้ม ผงาดคุม กรุงเทพฯ และปริมณฑล”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา พรรคประชาชนจัดงานสัมมนาภายในระหว่างแกนนำพรรค สส. พนักงานพรรค และฝ่ายเครือข่าย เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงานที่ผ่านมา ถอดบทเรียนจากเสียงสะท้อนของผู้สนับสนุนพรรค วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และร่วมกันกำหนดทิศทางการเดินหน้าทำงานต่อไปของพรรค 

นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับทัพแกนนำบริหารพรรคชุดใหม่ จัดเต็มรองหัวหน้าพรรค 7 คน ซึ่งก็มีดาวเด่นตามที่คาดกันไว้ ทั้ง ‘ศิริกัญญา-โรม-วิโรจน์-ปกรณ์วุฒิ-วาโย’ นั่งรองหัวหน้าพรรค ขณะที่รองเลขาธิการพรรค มีการตั้ง ‘โตโต้ ปิยรัฐ’ คุมงานใน กทม.และปริมณฑล

ซึ่งประเด็นที่ทำให้คนวิจารณ์กันหนัก ก็เพราะว่าวันที่ 25-27 กันยายนนี้ศาลอาญา นัดสืบพยานคดี นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะอดีตแกนนำการ์ดวีโว่ กระทำความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฐานโพสต์ข้อความวิจารณ์ตำรวจ กรณีเข้าสลายกิจกรรมขายกุ้งที่สนามหลวง เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 63 พาดพิงการใช้ภาษีของสถาบันพระมหากษัตริย์ แถมยังมีอีกหนึ่งคดี ที่จ่อคอหอยถูกศาลตัดสิน ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ด้วย

และไม่ใช่แค่การแต่งตั้งโตโต้เท่านั้น ที่ทำเอาตกใจกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะล่าสุด เพจวันนี้พรรคส้มโกหกอะไร เช็กลิสต์ข้อมูลแบบลงรายละเอียด ก็พบข้อมูลที่น่าตกใจ โดยทางเพจระบุว่า “ทุกคนคะ ภาคตะวันออก ก็ไม่รอดค่ะ พรรคส้มไม่มีใครดีกว่านี้แล้วหรือคะ โย พงศธร คือคนที่เคยมีข่าวโพสต์ขายเบียร์ คนที่ไม่เสียภาษี และคนที่เคยถูกแจ้งคดีความยักยอก ที่หนูเคยแฉไว้

เท่านั้นยังไม่พอ ทางเพจยังลงข้อมูลเพิ่มเติมอีกคนหนึ่งด้วยว่า “ทุกคนคะ เช็กคนไหน โดนคนนั้น อันนี้หนักสุด เป็น สส.สอบตก แต่เป็นแกนนำม็อบ เลยได้ดูแลภาคกลาง หรือว่า ป้าเจี๊ยบคอนถม สิ้นฤทธิ์แล้วคะ โดยบุคคลดังกล่าวคือ หนุ่ม เจษฎา เอี่ยมปุ่น อดีตผู้สมัคร สส.กาญจนบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล ซึ่งทางเพจยังได้นำภาพของนายเจษฎา ที่เคยเป็นแกนนำม็อบมาโพสต์ด้วย พร้อมแคปชันสั้น ๆ ว่า “สภาพตัวแทนภาคกลาง”

หลังโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันสนั่นโซเชียลเลยทีเดียว เช่น
-หมดตัวเล่นละ ติดคุก กับ โดนตัดสิทธิ์ เกือบหมด เหลือแต่ตัวแถม
-อันนี้จัดทัพบริหารพรรค หรือบริหารม็อบ
-สภาพ แต่ละคน
-ก็ดีแล้ว เอาคนพวกนี้มานำ ชาวบ้านจะได้เห็นอะไรชัดๆ
-คุมตัวเองให้ได้ก่อน ค่อยมาคุมคนอื่น
-เหมือนเอาคนไม่สำคัญที่พร้อมตัดทิ้ง ออกมาเป็นระเบิดพลีชีพ ต้องวางแผนทำไรไม่ดีอีกแน่ เพลียใจ
-ระบบอุปถัมภ์ไงครับ ต่างตอบแทน

'สส.พรรคส้ม' โวย!! ถูกถอนร่างกฎหมายห้ามผู้ปกครองลงโทษบุตร อ้าง!! แปลว่าเห็นคุณค่าลูกหลานมีค่าน้อยกว่า 'วัว-ควาย' หรืออย่างไร?

(25 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ... ซึ่งมีนายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ในวาระสอง

สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไข คือ ยกเลิก (2) ของมาตรา 1567 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน 'ทำโทษบุตรเพื่อสั่งสอนหรือปรับพฤติกรรมโดยต้องไม่กระทำด้วยความรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือการกระทำโดยมิชอบ อันเป็นการลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุตร'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกร่วมกันอภิปรายในการแก้ไขกฎหมายไม่ตีเด็ก มีความคิดเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยพรรคประชาชนเห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว ส่วนฝ่ายรัฐบาลไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะสส.พรรคเพื่อไทย และสส.ภูมิใจไทย เห็นว่าการบัญญัติโดยใช้ถ้อยคำกำกวมจะยากต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ แต่ที่สำคัญเห็นว่าพ่อแม่ผู้ปกครองครูอาจารย์รักลูกและลูกศิษย์ของตนเอง ไม่มีใครต้องการทำโทษรุนแรง การห้ามไม่ให้ตีเด็กถือเป็นการลิดรอนสิทธิ์ในการดูแลบุตรหลาน

นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การทำโทษลูกตนเชื่อมั่นว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่มีการตีลูกเลย ถ้าลูกดื้อหรือเกเรก็ตีไม่ได้เลยอย่างนี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร และคนต่างจังหวัดที่ต้องมาทำงานในกรุงเทพฯ ลูกอยู่กับปู่ย่าตายาย ไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูกแบบถูกสุขลักษณะ ถ้าพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปใครจะกล้าตีลูก แม้แต่ครูก็ไม่กล้าตี เก็บไม้เรียวไปได้เลย ซึ่งตนก็เห็นใจแต่ทุกคนเกิดมาไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงอยากให้กรรมาธิการฯ นำกลับไปทบทวนใหม่ แล้วเสนอมาใหม่เพื่อให้พ่อแม่มีทางออก และต้องการให้แยกให้ออกระหว่างการตีด้วยความรักกับการทารุณกรรม

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า เหตุใดต้องเขียนกฎหมายให้คลุมเครือ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติหาบรรทัดฐาน ใช้ดุลยพินิจเอาเอง อีกทั้งเรามีพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กอยู่แล้ว จึงอยากให้ คณะกมธ.ถอนร่าง แล้วนำกลับไปทำให้ชัดเจนขึ้น

ขณะที่น.ส.พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า การมีหลักประกันจากกฎหมายนี้จะทำให้เด็กเติบโตได้อย่างอุ่นใจ ความรุนแรงมีความหมายในตัว และการส่งต่อความรุนแรงในรูปแบบความรักไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร อย่างไรก็ตาม สำนวนที่ว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี นั่นแปลว่าเราเห็นลูกหลานแย่หรือมีค่าน้อยกว่าวัวกว่าควายหรือไม่ ในเมื่อวัวควายท่านบอกให้ผูก แต่ลูกหลานถึงขั้นตี เหตุใดไม่ปรับพฤติกรรมโดยการพูดคุยอย่างอ่อนโยน ให้เหตุผล ในเมื่อเชื่อว่าผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะ เหตุใดไม่เรียนรู้ที่จะส่งต่อวิธีที่ถูกต้อง หรือวิธีที่ทำให้ลูกหลานรับรู้ว่าเป็นวิธีที่ผู้ใหญ่ห่วงใย

นางศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า สภาฯ เคยผ่านกฎหมายป้องกันทารุณกรรมสัตว์แล้ว ทำไมเราถึงตั้งคำถามกับการคุ้มครองมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะเด็กที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ฝ่ายที่คัดค้านแล้วบอกว่าใช้คำคลุมเครือนั้น ในฐานะที่ตนเป็นทนายความอยากบอกว่าทำให้กฎหมายชัดเจนละเอียดเท่าใด ไม่เปิดให้ใช้ดุลยพินิจ อันตรายมากกว่า

“สมาชิกหลายคนบอกว่าการตีทำให้พวกท่านได้ดี ทำให้ได้เข้ามายืนในสภา ดิฉันก็อยากยืนยันว่าการที่ทุกคนได้เป็นสส. เป็นผู้เป็นคนได้ เพราะมาจากความรู้ความสามาร อดทน ตั้งใจ ไม่ได้มาจากไม้เรียว ถ้าจะดูถูกตัวเองว่าไม้เรียวทำให้ได้ดี ท่านกำลังดูถูกความรู้ความสามารถความตั้งใจของตัวเองหรือเปล่า” นางศศินันท์ กล่าว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทางกมธ.แก้ไขข้อความที่สภาฯ รับหลักการมา โดยตัดคำว่าทารุณกรรมออกไป เหลือเพียงคำว่า ไม่เป็นการเฆี่ยนตี สภาฯ แห่งนี้จึงยอมไม่ได้ เพราะต้องการปกป้องสิทธิผู้ปกครอง แนวโน้มร่างกฎหมายฉบับนี้จึงจะถูกคว่ำ จึงอยากให้หาวิธีการดู สำหรับตนขอเสนอให้กมธ.ถอนแล้วไปปรับปรุงตัวบทใหม่ เพื่อความสมดุลระหว่างสิทธิเด็กและสิทธิผู้ปกครอง คำกำกวมอย่างคำว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สมาชิกหลายคนถามว่าเอาอะไรมาวัด และสิ่งนี้จะทำให้ลงโทษผู้ปกครองได้ ฉะนั้นขอให้ไปปรับมาใหม่

ด้านนายสรรพสิทธิ์ ชี้แจงว่า จากที่ฟังการอภิปรายสรุปได้ว่าสมาชิกอยากได้ไม้เรียวกลับมาให้ครู อีกทั้งต้องการให้พ่อแม่เฆี่ยนตีลูกได้เพื่อว่ากล่าวสั่งสอน หากต้องการให้ทางคณะกมธ.ถอน ตนก็ยังไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่ห้ามพ่อแม่เฆี่ยนตีลูก เพราะมีกฎหมายอื่นที่ห้ามอยู่แล้ว

ภายหลังพักการประชุม ประธานกมธ.วิสามัญฯ แจ้งว่าทางคณะกมธ.ขอถอนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวออก ซึ่งที่ประชุมไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่าอนุญาตให้ถอนร่างกฎหมายได้

'มท.4' ชี้!! รัฐเร่งช่วย 'ชาวแม่สาย' พร้อมเยียวยาเงินน้ำท่วมพรุ่งนี้ เหน็บ!! 'ปชน.' เอาแต่แซะคนทำงาน-ไล่สอยกระแสโซเชียล

(26 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม นายฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการเยียวยาและความช่วยเหลือจากรัฐบาล อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยและดินโคลนถล่มภาคเหนือ

นายฐากูร กล่าวว่า อยากทราบว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนภาคเหนือที่ประสบอุทกภัยอย่างไร จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยร้ายสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อใด และเห็นว่ารัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ รวมถึงมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง จึงของฝากเป็นการบ้านให้รัฐบาลดูแลด้วย

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย (มท.4) ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีงบประมาณ 3 ก้อนใหญ่ ๆ ในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ประกอบด้วย

1.งบประมาณ 3,045 ล้านบาท ครอบคลุม 57 จังหวัดพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง เบื้องต้นจะได้ที่ประมาณ 5,000-9,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งทางรัฐบาลทราบดีว่าไม่เพียงพอ แต่เราจำเป็นต้องดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ฉะนั้นเบื้องต้นจะได้แบบปูพรม 5,000 บาทในสัปดาห์นี้ 

หลังจากนั้นมีแนวโน้มเราจะสามารถของดเว้นให้เป็นอัตรา 9,000 บาทในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า สำหรับขั้นตอนการรับเงินจะเริ่มจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำจังหวัดประเมินแล้วส่งมายังส่วนกลาง จากนั้นจะอนุมัติเงินจากกรมบัญชีกลางไปยังธนาคารออมสิน ขอให้ลืมกรอบการเยียวยาตามระเบียบราชการกำหนดว่าจะได้รับภายใน 90 วันไป เพราะในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) ประชาชนจะได้รับเงินเยียวยากลุ่มแรกคือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

2.กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากบ้านเสียหายทั้งหลังช่วยเหลือ 230,000 บาทต่อหลัง กรณีเสียชีวิต 50,000 บาท

3.เงินทดรองราชการที่ทุกจังหวัดมีอยู่ 20 ล้านบาท สามารถใช้จ่ายได้ทันที ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมแก่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย อีกจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อเบิกจ่ายนำไปใช้ซ่อมแซมบ้านเรือนและเหตุฉุกเฉิน และมีแนวโน้มจะเพิ่มเติมให้ที่จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง จังหวัดสุโขทัยที่มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มอบเงินให้แก่กลุ่มเปราะบางด้วย

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่าสำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร เยียวยาข้าวไร่ละ 1,340 บาทนั้นเป็นเกณฑ์ปัจจุบัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการระหว่างกรมบัญชีกลางกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับเป็นไร่ละ 2,200 บาท เป็นต้น จึงอยากฝากไปยังเกษตรกรช่วยปรับปรุงบัญชีการประกอบการด้วย เพื่อความรวดเร็วในการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป

“เรามีมาตรการที่ครบและรอบด้านทั้งเรื่องฟื้นฟูสถานที่พื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นหมุนเวียนเศรษฐกิจ เช่น การปล่อยเงินดิจิทัลวอลเล็ต และการจ่ายเงินของเราเป็นการจ่ายเงินแบบทั่วประเทศ เราเองไม่สามารถทำงานแบบพูด พูด พูด แต่ไม่ได้ทำ เราลงมือทำในพื้นที่จริง ๆ ถ้าพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำสถานการณ์คงไม่กลับมาได้โดยเร็ว ดิฉันอยากเห็นประชาชนมีกำลังใจที่ดี อยากเห็นข้าราชการทำงานโดยไม่มีแรงกดดันจากโซเชียล ทำงานหนักมากแต่โซเชียลไม่ได้เอาไปออกให้คนอื่นเห็นเลย แต่ขณะที่บางคนไม่ได้ทำอะไรเยอะ แต่โซเชียลเยอะทั่วประเทศไปหมด อันนี้เป็นการบั่นทอนจิตใจของผู้ทำงานหน้างานจริง ๆ จึงอยากให้ท่านปรับแนวความคิดเสียใหม่ ว่าขณะนี้ทุก ๆ หน่วยงานลงไปในพื้นที่จริง ๆ” รมช.มหาดไทย กล่าว

'ธนกร' ฉะ!! 'ปชน.' หมกมุ่นเสนอ 'แก้ไขรัฐธรรมนูญ-ปฏิรูปสถาบัน' ไม่สนใจปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง-ความเดือดร้อนของประชาชน

(29 ก.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ หลังจากที่พรรคประชาชนเสนอ 7 แพ็กเกจในการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับควบคู่กับการแก้เป็นรายมาตรา ว่า...

ตนก็สงสัยการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนเหมือนที่หลายฝ่ายสงสัยเช่นกัน ว่า ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นผู้แทนนั้น เพื่อเข้าสภาไปทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อน แก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประชาชนจริงหรือไม่ หรือหวังจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพรรคการเมืองของตัวเองเท่านั้นหรือไม่ 

เพราะจากที่ตนดูการเสนอกฎหมาย เสนอแนวทางต่าง ๆ ของพรรคประชาชน หลายเรื่องที่ผ่านมา ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนเรื่องความเป็นอยู่คุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง มุ่งแต่จะแก้ปัญหาการเมือง แก้รัฐธรรมนูญบ้าง จ้องปฏิรูปสถาบัน ปฏิรูปกองทัพบ้าง อ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. และองค์กรอิสระมีอำนาจมากเกินไป  และอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาจากการรัฐประหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย ท่องอยู่แค่ไม่กี่คำเท่านี้ จึงเป็นที่มาของการตั้งคำถามของหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการและฝ่ายการเมืองก็ตาม ว่า แท้จริงแล้วพรรคประชาชนมีจุดมุ่งหมายการทำงานการเมืองเพื่ออะไรกันแน่  

ทั้งนี้ตน มองว่าอำนาจ 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ ควรมีอำนาจติดตามตรวจสอบเพื่อถ่วงดุลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอำนาจฝ่ายตุลาการ ที่ควรจะต้องคงไว้เพื่อตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการที่ไร้คุณธรรม จริยธรรม คดโกง ทุจริตคอร์รัปชัน ถือว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมและถูกต้องแล้วตามรัฐธรรมนูญปราบโกงปี 2560 ที่ร่างป้องกันไว้ จึงขอคัดค้าน หากพรรคประชาชน หรือพรรคใดเสนอให้มีการปรับแก้ไข ลดอำนาจองค์กรอิสระลง เพราะจะทำให้เป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามาคดโกงงบประมาณแผ่นดิน เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตัวเองได้ 

เมื่อถามว่า แต่การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมืองพรรคประชาชนก็ยอม 'พัก' เรื่องนี้ไว้ก่อน  นายธนกร กล่าวว่า พักไว้ ไม่ได้แปลว่าจะล้มเลิกหรือถอดร่างที่เสนอต่อสภาออก แต่อาจเป็นเพราะถูกสังคมต่อว่าอย่างหนักว่า ต้องการแก้กฎหมายเพื่อตัวเอง  ไม่ก็อาจจะกลัวทำผิดกฎหมายเสียเอง เพราะการแก้ประเด็นจริยธรรมนักการเมืองจะถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วว่าขอคัดค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องดังกล่าว เพราะต้องการสนับสนุนให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ไม่ลดมาตรฐานจริยธรรมผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้นำบริหารราชการแผ่นดิน 

“สังคมตั้งคำถามว่า พรรคประชาชนมัวทำอะไรกัน วนเวียนคิดแต่จะแก้ปัญหาการเมือง แก้รัฐธรรมนูญ ติดกรอบความคิดเดิม ๆ เรื่องการลบล้างผลพวงรัฐประหารของคสช. อ้างแต่เรื่องประชาธิปไตย โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อน ความยากจน ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติที่พี่น้องประชาชน ประสบอยู่ตอนนี้ แต่ยังก้าวไม่พ้น คสช. ต้องการยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งรัฐบาลชุดก่อนวางกรอบไว้ให้การพัฒนาประเทศเกิดความยั่งยืน ซึ่งก็ถือว่าดีอยู่แล้ว ดังนั้นการเสนอ 7 แพ็กเกจของพรรคประชาชน มองว่าเป็น 7 แพ็กเกจสุดซอย สุดโต่ง มุ่งทำเพื่อพรรคการเมือง ทำเพื่อตัวเอง ยังไม่ได้นึกถึงประชาชนชาวบ้านที่เดือดร้อนจริง ๆ" นายธนกร กล่าว

'เทพไท' ชี้!! ‘เท้ง’ เด่นไม่เท่า ‘พิธา-ไหม-ไอติม’ หลังผลโพลบุคคลตามหลัง ’นายกฯ อิ๊งค์’ ห่าง

(30 ก.ย. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เทพไท-คุยการเมือง’ หัวข้อ ทำไม ‘อุ๊งอิ๊ง’ โดดเด่นกว่า ‘เท้ง’ ระบุว่า…

ผลสำรวจของ ‘นิด้าโพล’ เรื่อง ‘การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2567’ ซึ่งได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-23 กันยายน 2567 นั้น ผลปรากฏว่า 

อันดับ 1 ร้อยละ 31.35 เป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) 
อันดับ 2 ร้อยละ 23.50 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 
อันดับ 3 ร้อยละ 22.90 เป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) 
อันดับ 4 ร้อยละ 8.65 เป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) 
อันดับ 5 ร้อยละ 4.80 เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)

แต่ผลการสำรวจความนิยมของพรรคการเมือง พบว่า…
อันดับ 1 ร้อยละ 34.25 เป็น พรรคประชาชน 
อันดับ 2 ร้อยละ 27.15 เป็น พรรคเพื่อไทย 
อันดับ 3 ร้อยละ 15.10 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 
อันดับ 4 ร้อยละ 9.95 เป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ 
อันดับ 5 ร้อยละ 4.40 เป็น พรรคประชาธิปัตย์

จะเห็นได้ว่าคะแนนนิยมตัวบุคคล นางสาวแพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีคะแนนอันดับ 1 ชนะนายณัฐพงศ์ หัวหน้าพรรคประชาชน อยู่อันดับ 3 และยังมีคะแนนเสียงที่ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้ 23.50% ซึ่งจะตัวแปรสำคัญ ทั้งนางสาวแพทองธารและนายณัฐพงษ์สามารถช่วงชิงได้ แต่ถ้านายณัฐพงษ์ พัฒนาตัวเองให้เร็วขึ้น น่าจะมีโอกาสช่วงชิงคะแนนกลุ่มนี้ได้มากกว่า

แต่ถ้าดูผลการสำรวจเกี่ยวกับพรรคการเมือง พบว่า ความนิยมของพรรคประชาชน เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย ถ้าถามว่าทำไมคะแนนนิยมตัวบุคคลและพรรคการเมืองไม่มีความสัมพันธ์กัน

ผมอยากจะวิเคราะห์ว่า การที่คะแนนของนางสาวแพทองธาร โดดเด่นขึ้นมา เพราะความเป็นนายกรัฐมนตรีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญก็คือไม่มีตัวบุคคลโดดเด่นพอที่จะเทียบเคียงกับนางสาวแพทองธารได้ เพราะนายณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนคนใหม่ ก็ยังไม่มีบทบาทโดดเด่นและภาพลักษณ์ยังไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ถ้าเปรียบเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งดูจากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลพบว่า นายพิธา มีคะแนนนิยม 38.43% สูงกว่านายณัฐพงษ์ ที่ได้ 34.10%

ในส่วนของพรรคการเมืองนั้น พรรคประชาชนยังมีคะแนนนิยมชนะพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม เพราะจุดยืนและอุดมการณ์พรรคได้สืบทอดมาจากพรรคก้าวไกล ไม่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้คะแนนนิยมยังไม่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

สิ่งที่พรรคประชาชน จะต้องพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขนั่นก็คือ บทบาทของนายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมของประชาชน บทบาททางการเมืองต้องโดดเด่นกว่านี้ ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกับบทบาทของคนในพรรคประชาชน เห็นว่านายณัฐพงษ์ ยังโดดเด่นน้อยกว่านายพิธา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล หรือนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ด้วยซ้ำไป

จึงเป็นปัญหาสำคัญที่พรรคประชาชน จะต้องขบคิดว่าจะทำอย่างไร ให้บทบาทของหัวหน้าพรรค โดดเด่นควบคู่กับคะแนนนิยมของพรรคในทิศทางเดียวกัน

‘เท้ง-ณัฐพงษ์’ รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘ผู้นำฝ่ายค้านฯ’ ลั่น!! จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่

‘ณัฐพงษ์’ รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘ผู้นำฝ่ายค้านฯ’ ลั่น จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่-พร้อมสนับสนุนกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แม้รัฐบาลเสนอก็ตาม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม ที่รัฐสภา มีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 สส.พรรค ปชน. รวมถึงข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ร่วมพิธีดังกล่าว และร่วมแสดงความยินดี ทั้งนี้ นายภราดรได้มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีให้กับนายณัฐพงษ์ 

ภายหลังพิธี นายณัฐพงษ์ แถลงว่า ขอบคุณที่ทุกคนให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จากนี้ตนจะหารือกับพรรคฝ่ายค้านถึงการทำงานในสภาฯ และทำหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาลโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ตรงไปตรงมาที่สุดให้คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชน ให้สมกับที่ประชาชนเลือกมาไม่ว่าเราจะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านก็ตาม 

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เราพร้อมเดินหน้าเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน และร่วมพร้อมสนับสนุนกฎหมายที่เป็นประโยชน์แม้จะมาจากฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายไหนก็ตาม ตราบใดที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ พรรค ปชน. และพรรคร่วมฝ่ายค้านเราจะหารือกันภายในวิปฝ่ายค้านเพื่อสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว

”แม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เชื่อว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตย หลังจากนี้การทำงานในสภาผู้แทนราษฎรจะครบถ้วนสมบูรณ์ ในฐานะที่วันนี้ผมได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ ก็จะขอทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่“ นายณัฐพงษ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top