Saturday, 7 June 2025
ประกันสังคม

‘รัฐบาล’ ประกาศข่าวดี ‘ผู้ประกันตน ม.33-ม.39’ อายุ 50 ขี้นไป สามารถรับบริการฉีด ‘วัคซีนไข้หวัดใหญ่’ ฟรี!! ถึง 31 ธ.ค.ปีนี้

(17 มิ.ย.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยจำนวน 139,326 ราย อัตราป่วย 214.64 ต่อประชากรแสนคน ผู้เสียชีวิต 10 ราย ในจ.นครราชสีมา 5 ราย, นครศรีธรรมราช 2 ราย, ชัยภูมิ, สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพมหานคร จังหวัดละ 1 ราย อัตราป่วยตาย 0.007 โดยมีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิด A 9 ราย และชนิด B 1 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปี 2566 คาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเริ่มสูงขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. และจะพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย. ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงฤดูฝน เนื่องจากในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่ เป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่

นายคารม กล่าวว่า นอกจากกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มเสี่ยงแล้ว รัฐบาลโดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานเชิญชวนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี 2567 ที่สถานพยาบาลตามสิทธิของผู้ประกันตนได้ฟรี ซึ่งในปี 2567 นี้ ได้ขยายการให้บริการฉีดวัคซีนออกไปถึงวันที่ 31 ธ.ค.2567 เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิของผู้ประกันตนได้อย่างทั่วถึง โดยแนะนำให้ติดต่อนัดหมายการฉีดวัคซีนกับสถานพยาบาลตามสิทธิก่อนเข้ารับบริการ สำหรับผู้มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้วัคซีนควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับบริการ หากประชาชนต้องการรับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือหากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่จังหวัดสาขาทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506

“แนะนำประชาชนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์การระบาดทุกปี โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงควรรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ในช่วงก่อนฤดูกาลระบาดเพื่อลดความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้ สามารถเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเพื่อความสะดวก สามารถโทรนัดหมายกับหน่วยบริการล่วงหน้า เพื่อทราบวันเวลาเข้ารับบริการที่แน่นอน พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เน้นการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422” นายคารม กล่าว

'หมอเหรียญทอง' เห็นใจ!! หากถอนจากประกันสังคม กระทบคนนับแสน เสนอ 2 เงื่อนไข 'คู่กรณีต้องย้ายสิทธิออก-เลิกบีบมงกุฎวัฒนะจ่าย 8 หมื่น'

(27 มิ.ย. 67) จากกรณี ‘หมอเหรียญทอง’ ประกาศเตรียมถอน ‘รพ.มงกุฎวัฒนะ’ ออกจากโรงพยาบาลคู่สัญญากับ ประกันสังคม มีผล 31 ธ.ค. 68 หลังถูกผู้ประกันตนหัวหมอ ไปรักษาที่อื่น แล้วร้องเรียนให้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล 8 หมื่นบาท โดยโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว และ เพจเฟซบุ๊ก ‘Mongkutwattana Hospital-โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ’ ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา หรือ ‘หมอเหรียญทอง’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงการเตรียมถอนตัวจากการเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคมเพิ่มเติม โดยยื่นข้อเสนอให้ ‘ผู้ประกันตน’ คู่กรณีดำเนินการใน 2 เงื่อนไข เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนนับแสนคน โดยมีรายละเอียดระบุว่า..

“ผมและบุคลากรในสังกัด รพ.มงกุฎวัฒนะได้อ่านข้อความในเฟซบุ๊ก ตลอดจนรับทราบความพึงพอใจของผู้ประกันตนจำนวนมากที่ใช้บริการกับ รพ.มงกุฎวัฒนะแล้ว”

“ทั้งได้รับทราบความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 100,000 คน หาก รพ.มงกุฎวัฒนะต้องถอนตัวออกจากระบบประกันสังคม”

“ในขณะเดียวกัน ก็ได้รับทราบว่าผู้ประกันตนจำนวนมากที่ให้กำลังใจผมและ รพ.มงกุฎวัฒนะอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ท่านทั้งหลายจะต้องเดือดร้อนจากการย้ายสิทธิจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ไป รพ.ใหม่ แต่ท่านก็ยังเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและความถูกต้อง”

“ผมขอเรียนตามตรงว่าผมรู้สึกเบื่อและท้อกับการใช้อำนาจบังคับจากหน่วยงานต่าง ๆ ดังเช่น 'คณะกรรมการอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533' ดังนั้นผมจึงไม่คิดที่จะต่อสู้กับใคร หรือฟ้องร้องใคร และขอใช้ชีวิตอย่างสงบ”

“แต่เมื่อคำนึงถึงผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 100,000 คน ที่จะต้องเดือดร้อนจากผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์ 1 ราย และคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ใช้หัวแม่ตีนคิดสั่งการเพียงไม่กี่ตัวแล้ว ผมจึงตัดสินใจที่จะหาทางออกว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ผู้ประกันตนนับแสนต้องเดือดร้อน ผมจึงมีข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ดังต่อไปนี้”

“1. นางปXXXX ศXXXX ผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์จะต้องขอย้ายสิทธิตนเองออกจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ หรือมิฉะนั้น สำนักงานประกันสังคมจะต้องย้าย นางปXXXX ศXXXX ผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์ออกจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปขึ้นสิทธิกับ รพ.อื่น”

“2. คณะกรรมการอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ต้องยกเลิกคำวินิจฉัยที่ 235/2567 ลงวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่ได้แจ้งให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 9 มีคำสั่งให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของ นางปXXXX ศXXXX ผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์จำนวน 80,295.20 บาท”

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อมีการดำเนินการเป็นรูปธรรม ผมจะออกประกาศยกเลิกประกาศการถอนตัวออกจากระบบประกันสังคมทันที”

“อย่างไรก็ตามการดำเนินการตามข้อ 2 มักไม่เกิดผล อันเนื่องจากการถือศักดิ์ศรีของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ จากการเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ดังนั้นผู้ประกันตนจึงควรเตรียมการย้ายสิทธิ์ไปยัง รพ.อื่น ๆ ไว้ล่วงหน้าก่อน อย่าได้คาดหวังอะไรจากคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ เพราะคุณท่านทั้งหลายเหล่านี้มันยอมไม่ได้จากการถูกด่าที่มาจาก 'เสียงคำรามจากพระเจ้ามาราโดน่า' [Voice of God] พวกคุณท่านมันแค้นพระเจ้ามาราโดน่ามาก ๆ ครับ”

พิพัฒน์ ส่งโฆษก พบเครือข่ายแรงงานอิสระเมืองสุพรรณฯ สร้างการมีส่วนร่วม ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมสู่ผู้ประกันตน

(2 ส.ค.67) นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มแรงงานอิสระ เพื่อประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมสู่ผู้ประกันตน จึงได้มอบหมายให้ผมเป็นประธานกล่าวเปิดโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วม เผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมสู่ผู้ประกันตน ประจำปี 2567 โดยมี ประกันสังคมจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้อำนวยการเสริมสร้างความั่นคงแรงงานนอกระบบ เครือข่ายประกันสังคมจังหวัดสุพรรณบุรี ณ วัดใหม่เพชรรัตน์ ตำบลศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

นายภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมสู่ผู้ประกันตน ประจำปี 2567 ในวันนี้ กระทรวงแรงงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างหลักประกันทางสังคมสู่แรงงานภาคอิสระ ให้มีความมั่นคงในชีวิต ที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับทุกช่วงวัยและทุกกลุ่ม ภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน “ทักษะดี มีงานทำ หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ “การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ” ซึ่งกล่าวได้ว่า การมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการสร้างหลักประกันทางสังคมในพื้นที่ เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ

นายภูมิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการดำเนินโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมสู่ผู้ประกันตน ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวน พระภิกษุ สามเณร 
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และประชาชนทั่วไป ที่มาร่วมโครงการให้สามารถรับรู้สิทธิประโยชน์ประกันสังคมมาตรา 40 ที่ได้รับความคุ้มครอง กรณีเงินทดแทนการขาดรายได้จากการเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับพระภิกษุ สามเณร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ประชาชนทั่วไปได้เข้ำถึงสิทธิประโยชน์จากระบบประกันสังคมมาตรา 40 เพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล

“กระทรวงแรงงาน ขอกราบขอบพระคุณคณะสงฆ์ รวมถึงขอขอบคุณผู้สนับสนุน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ทำให้การจัดโครงการในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน และทุกสาขาอาชีพ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมต่อไป” นายภูมิพัฒน์ กล่าว

ประกันสังคมปรับเพิ่มสิทธิ 'ว่างงานจากการเลิกจ้าง' รับเงินทดแทนเป็น 60% จากเดิม 50% ของค่าจ้าง

(8 พ.ค. 68) นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม ได้เสนอร่างกฎกระทรวง ปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเหตุเพราะถูกเลิกจ้าง จากอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายวัน โดยได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วันต่อปีปฏิทิน เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 68 ได้มีมติเห็นชอบ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการส่งกลับมาให้สำนักงานประกันสังคมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในร่างกฎกระทรวง และส่งประกาศราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศ

นางมารศรี กล่าวต่อไปว่า ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนั้น นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน ครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top