Sunday, 20 April 2025
บุ๋มปนัดดา

‘บุ๋ม ปนัดดา’ จัดรถรับ-ส่งผู้ป่วยโควิดฟรี วอนอย่าขึ้นรถโดยสารสาธารณะ หวั่นแพร่เชื้อ

"บุ๋ม ปนัดดา" ออกประกาศ วอนขอความร่วมมือผู้ป่วยโควิด-19 อย่าขึ้นรถโดยสารสาธารณะ เสี่ยงแพร่เชื้อ แจง "กรุณาโทร 094-885-9111 ทางองค์กรทำดี เรานำส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย"

"ปุ๋ม ปนัดดา" ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือสังคมในหลายๆ ด้าน อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ออกมาเคลื่อนไหวช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดโควิด-19 ทั้งบริการรับจากบ้าน ไปส่งที่โรงพยาบาล หรือสถานรักษาอื่นๆ รวมทั้งอาหาร สิ่งของสำหรับจำเป็น โดยองค์กรทำดี "บุ๋ม ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ประธานองค์กร

ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวระบุไว้ว่า 

"ขอความร่วมมือจากผู้ติดเชื้อโควิดทุกท่านและต้องเดินทางไปโรงพยาบาลหรือฮอสพิเทล กรุณาอย่าขึ้นรถโดยสารสาธารณะ ที่ไม่ได้ถูกจัดไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด เพราะสิ่งที่คุณทำคือการแพร่เชื้อที่น่ากลัวมาก กรุณาโทรแจ้ง 0948859111 พี่แว่น ทาง #องค์กรทำดี เรานำส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ"

'บุ๋ม ปนัดดา' ชี้!! ครูก็เป็นคน สิทธิส่วนบุคคลควรมี ลั่น!! ถึงยุคที่สมควรเปลี่ยนกฎนางงามเสียที

‘บุ๋ม ปนัดดา’ มองประเด็น ‘ครูจุ๊บแจง’ ถอนตัวประกวดมิสยูนิเวิร์สเพราะผิดระเบียบรับราชการครู ลั่นเป็นกฎที่ควรจะเปลี่ยนได้แล้วยันควรจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลบ้าง เพราะครูก็เป็นคน ถ้าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียหรือผิดกฎของสถานศึกษา 

หลังจากที่เกิดกรณีของ “จุ๊บแจง กนกวรรณ ชูสุข” ครูสาวที่เข้าประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ต้องสละสิทธิถอนตัวจากการประกวดแบบกะทันหัน เพราะถือว่าผิดกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ออกกฎว่าห้ามครูสตรีเข้าประกวดนางงาม ซึ่งเป็นกฎที่ตั้งแต่เมื่อปี 2506 ก็เลยเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ล่าสุด “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ในฐานะที่เป็นอดีตนางสาวไทย และเคยเป็นอาจารย์เช่นกัน จึงได้ออกมาเผยความรู้สึกถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟมาก และควรจะเปลี่ยนกฎเก่า ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้แล้ว

“มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเซนซิทีฟนะคะ และเป็นประเด็นที่พูดคุยกันมานาน และจริง ๆ แล้วปีที่บุ๋มประกวดมันไม่มีชุดว่ายน้ำบนเวที มันก็เลยยังมีข้อยกเว้นแบบที่พอจะคุยกันได้มั้ง เขาก็คงจะรู้สึกว่ามันก็คงจะไม่ได้แรงมากขนาดนั้นมั้ง เพราะไม่มีชุดว่ายน้ำบนเวที แต่มีใส่ให้กรรมการดู ตอนรอบต่างหากในห้อง เพื่อเขาจะได้ดูผิวของเราว่ามีผิวแตกลายมั้ยอะไรมั้ย"

"แต่ในส่วนของการประกวดบุ๋มว่า คือในความรู้สึกบุ๋ม ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปแล้ว และที่สำคัญคือครูเองถ้าเขาจัดการเรื่องของเวลา คือเข้าใจว่าไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตาม แต่ถ้ามันเสียเวลางาน เราต้องขาดลางานโดยที่ไม่สามารถลาได้ อันนั้นถือว่าผิดกฎอยู่แล้ว อันนั้นถือว่าคุณต้องจัดการตัวเองให้ได้ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตาม ยิ่งเป็นระบบราชการอันนี้เราเข้าใจ อาจจะเป็นข้อที่ทำให้ทางต้นสังกัดเขาติงหรือว่ามาได้"

กฏเก่าควรเปลี่ยนได้แล้ว..."แต่ด้วยกฎระเบียบของการเป็นครู และกฎนี้มันมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยพ.ศ.2506 ก่อนบุ๋มจะเกิดอีก คือมันควรจะปรับได้แล้ว เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยน และควรเคารพสิทธิส่วนบุคคล คือถ้าเขาจัดการตัวเองได้โดยไม่ได้เสียเวลางาน และทำตามความฝัน โดยไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ คือเขาไม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำไปสอนหนังสือ หรือเอาไปโพสต์อะไรที่มันดูยั่วยวนจนเกินงาม หรือทำให้มันเสื่อมเสียหรือโพสต์อะไร" 

"แต่นี่คือการประกวดที่เขามีสิทธิที่เขาจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยด้วยซ้ำไป บุ๋มว่ามันควรจะเปลี่ยนได้แล้ว ครูก็คนนะ ควรมีชีวิตส่วนตัวนะ แม้กระทั่งเรื่องใส่ชุดว่ายน้ำไปเที่ยวทะเลหรืออะไรก็ตาม ครูก็คน เพียงแต่ว่าไม่ได้โพสต์ทะลึ่งตึงตัง หยาบคายจนเกินงาม บุ๋มเข้าใจคำว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น อันนี้เข้าใจ แต่บางทีมันต้องเปลี่ยนไปตามยุคบ้างค่ะ”

บอกครูไม่จำเป็นต้องเสียสละทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตส่วนตัว

“ความเป็นครูในยุคสมัยนี้ ถามว่าขอบเขตควรอยู่ขนาดไหน ก็อาจจะต้องมีความน่าเชื่อถือมากกว่าอาชีพอื่น อันนี้เป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้ ความน่าเชื่อถือ ความน่าเกรงใจมากกว่าอาชีพอื่น แต่ครูไม่ใช่ว่าจะต้องเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัว นี่ความรู้สึกบุ๋มนะ เพราะถ้าแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัวของตัวเองก็ยังไม่มีเนี่ย บุ๋มว่าไม่ใช่" 

"ทุกคนสามารถมีความฝัน มีชีวิตส่วนตัวของตัวเองได้ เพียงแต่ว่าเรายังอาจจะอยู่ในยุคการผสมผสานของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ยังไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ทันที นี่ก็อาจจะเป็นประเด็นและการเปิดประเด็นได้ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับน้องจุ๊บแจงด้วยค่ะ"

"ถ้ามองถึงการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงเนี่ย บุ๋มมองว่าเป็นเรื่องของกฎการกระทรวงที่เขาต้องคุยกันได้แล้ว อะไรที่มันล้าหลัง อย่างเช่นตอนนั้นที่บุ๋มทำกฎหมายข่มขืน นั่นมัน 33 ปีเลยนะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง นานมาก บุ๋มยังตกใจเลย พอมาศึกษาเรื่องนี้จริงจัง ว่าทำไมมันยังแค่ 8,000 บาทเอง ข่มขืนทั้งที ทำไมมันน้อยจังเลย" 

"ยิ่งพอมานั่งศึกษามัน 33 ปีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย มันก็ต้องมีคนที่ลุกขึ้นสู้ และต้องทำตรงนี้ให้มันเปลี่ยนแปลงและปรับให้มันทันสมัยขึ้น ถ้าไม่มีประเด็นบางทีก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรค่ะ ประเทศไทยเรามักจะเป็นอย่างนี้”

บอกควรจะไปดูครูที่ประพฤติตัวไม่ดีต่อนักเรียน ดีกว่าจะมาจับจุดยิบๆ ย่อยๆ

“เรื่องที่ครูมาเล่นติ๊กต๊อกแล้วโดนวิจารณ์ อันนี้บุ๋มก็เห็นคุณครูหลายคนมาเล่นกับเด็ก ชวนเด็กเฮฮา แล้วเด็กรู้สึกรักคุณครูด้วยซ้ำไป แล้วเขาก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วม อยากไปเรียน บุ๋มว่าเดี๋ยวนี้ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว มองที่ความตั้งใจ มองที่ผลงานมากกว่ามองแค่การกระทำอยู่ไม่กี่อย่าง แล้วเอามาตัดสินคนทั้งคน บุ๋มว่ามันไม่ถูกต้อง ถ้าดูที่ผลงาน เขาทำงานได้ดี สอนหนังสือเด็กได้ดี ทำไมไม่มองในจุดนั้น มากกว่ามองในจุดยิบๆ ย่อยๆ"

‘บุ๋ม ปนัดดา’ สุดแฮปปี้ ‘สามี’ ยื่นลอตเตอรี่ให้แบบงงๆ  แต่หลังตรวจรางวัลแล้ว ถึงกับกรี๊ดลั่นเลย

เป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ สำหรับพิธีกรสาวคนเก่ง บุ๋ม ปนัดดา ที่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งคุณแม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอดลูกชาย น้องอเล็กซ์ มีโมเมนต์น่ารักๆ ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ รวมถึงสามีแสนดีที่คอยช่วยภรรยาเลี้ยงลูกชายและดูแลประคบประหงมภรรยาเป็นอย่างดีอีกด้วย  

ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา ได้เผยภาพความน่ารักของสามีที่ได้ยื่นลอตเตอรี่ปึก 5 ใบแบบที่เจ้าตัวยังๆ แต่หลังจากที่ได้ตรวจผลรางวัลคุณแม่ถึงกับกรี๊ดดังๆ เลยทีเดียว ซึ่ง บุ๋ม ได้เขียนบอกเล่าไว้อย่างแฮปปี้สุดๆ ว่า "ผัวให้โชค 628 คือ 3 ตัวหน้างวด 16 มิ.ย. ที่ผ่านมาตัวเองซื้อไม่เคยถูก แต่เวลาที่พี่เขาถูกเค้าจะโยนมาให้ทุกครั้ง ขอบคุณนะคะ #กรี๊ดสิคะรออะไร"

หลายคนเห็นแล้วถึงกับเข้ามาแสดงความยินดีกันยกใหญ่ พร้อมๆ กับบอกว่า แม่บุ๋ม ถูกรางวัลที่หนึ่งแล้วนะคะ เพราะมีสามีที่แสนดีมากๆ และน่ารักมากเช่นกัน

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ถูกรถชนท้ายอย่างแรงที่สิงคโปร์ ระบมทั้งหลัง-คอ มึนหัวจนอยากอาเจียน!!

(2 ก.ย. 66) ทำเอาแฟนๆ ตกใจอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ เผยผ่านอินสตาแกรมว่า ตอนนี้ตัวเองขึ้นรถแท็กซี่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และถูกรถที่วิ่งตามหลังมาชนโครมใหญ่ จนระบมหลังล่างกับคอ มึนหัวจนอยากอาเจียน ด้านเพื่อนที่มาด้วยกันถูกโทรศัพท์มือถือกระแทกเข้าหน้า

“ต้อนรับการมาถึงสิงคโปร์ ด้วยรถชนจ้า โครมใหญ่มาก โดนชนจากข้างหลัง เพื่อนฝน มือถือหลุดกระเด็นกระแทกตา ส่วนของบุ๋มระบมหลังล่างกับคอ มึนหัวจนอยากอาเจียน แง

ปล. ดีที่เราใส่สายคาด แต่มันแน่นจนตัวไม่ขยับ แต่ก็เกิดแรงกระแทกหนักอยู่”

นอกจากนี้ บุ๋มยังเข้าไปเมนต์ตอบชาวเน็ตที่บอกว่า “ถ้าเจ็บมากให้รีบไปตรวจ” ด้วยข้อความว่า “ตอนนี้รู้สึกชาๆ มึนๆ อยู่”

‘บุ๋ม ปนัดดา’ เปิดค่ารักษาที่สิงคโปร์ โดนไปจุกๆ 2 หมื่นบาท หลังเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนท้าย เข้าโรงพยาบาลแค่วันเดียว

(3 ก.ย. 66) ถึงคราวฟาดเคราะห์จริงๆ สำหรับ ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ที่ก่อนหน้านี้เธอได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @boompanadda ว่าได้ประสบอุบัติเหตุขณะนั่งรถเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ โดยถูกรถยนต์ชนจากบริเวณด้านหลังรถยนต์ที่เธอนั่งมาเข้าอย่างแรง ซึ่งในเวลาต่อมา ‘บุ๋ม ปนัดดา’ เผยว่าได้เดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว โดยระบุแคปชันว่า

“อ่ะ! ไม่รอดค่ะ เพื่อนฝนมึนหัว อาเจียนหลายรอบ ส่วนบุ๋มปวดร้าวหลังล่างและคอ อาเจียนมีเลือดปน 2 รอบ หมอฉีดยาและเอ็กซเรย์เรียบร้อย ผลตรวจคือ Muscle Spasm กล้ามเนื้อตรงคอกับหลังล่างอักเสบเฉียบพลัน มีผลกับเส้นประสาท ก็ค่อยๆ รักษากันไปค่ะ ขอบคุณทุกความห่วงใยนะคะ มาสิงคโปร์เป็น 100 ครั้งไม่เคยเจออุบัติเหตุบนถนน ไม่นึกว่าจะมาเจอกับตัวเอง ต้องขอขอบคุณน้องโบว์ชมพู @bow_bowchompoo ที่มาช่วยดูแลที่ รพ. จนเรียบร้อยทุกอย่าง ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ”

ล่าสุด ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมอัปเดตอาการอีกครั้งและเผยถึงค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลในประเทศสิงคโปร์ว่า “หายดีแล้วทุกคน เพราะเจอค่ารักษาหมอไปสองหมื่นกว่า ประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลที่สิงคโปร์ เอกซเรย์คอกับหลัง ฉีดยาแก้ปวดหนึ่งเข็ม ยากลับบ้านสี่อย่าง ยาคลายกล้ามเนื้อ แก้อาเจียน บำรุงประสาท และแผ่นแปะแก้ปวด พร้อมกับค่าเจอหมอตอนดึก ค่าเอกสารที่ขอกลับบ้าน 20,000 กว่าบาท หายดีเลยจ้า แม่แข็งแรงแล้ว จริงจิ๊งงง”

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ปลื้ม!! ‘น้องแพรวา’ เรียนจบ ป.ตรี คว้าปริญญาวิทย์ฯ ฉุกเฉินการแพทย์ ม.มหิดล

ทำเอาหญิงแกร่งคนเก่ง อย่าง ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ปลาบปลื้มมากที่ ‘น้องแพรวา’ ลูกสาวบุญธรรมเรียนจบปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาฉุกเฉินการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยรับพระราชทานปริญญาไปวานนี้ (9 ต.ค.) 

โดยล่าสุด ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ได้ออกมาโพสต์ภาพลูกสาวสวมชุดครุยและใบปริญญา ด้วยแคปชั่นว่า “เมื่อลูกเรียนจบแล้วพ่อแม่ปลื้มใจเป็นแบบนี้นี่เอง”

และแคปชันว่า

“น้องแพรวทำตามสัญญาได้แล้วค่ะ หนูจะใส่ชุดครุยมาหาแม่ ตอนที่เห็นเค้าเดินมาหาครั้งแรกน้ำตาใหลเลยค่ะ ภูมิใจในตัวเขาและดีใจที่ได้ดูแลเด็กคนนี้จนวันนี้ค่ะขอให้หนูมีอนาคตที่ดี ขอให้หนูเข้มแข็งและแข็งแกร่ง ขอให้มีแต่คนรักหนู และขอให้หนูมีแต่ความเจริญในหน้าที่การงานนะคะ”

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ถามหาจุดยืน ‘พรรคก้าวไกล’ ปมดรามาฉาวของ สส.ในพรรค กรณีการคุกคามทางเพศ

เมื่อไม่นานนี้ ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ ‘คุณบุ๋ม’ อดีตนางสาวไทย นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ประเด็นการคุกคามทางเพศ ของ ‘สส.พรรคก้าวไกล’ ในรายการ ‘ตีข่าวเล่าความ’ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 66 ทางสำนักข่าววันนิวส์ ข่าวช่องวัน ซึ่งมี ‘คุณแจ็ค ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ’ ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยคุณบุ๋ม ปนัดดาได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า…

“อย่าว่าแต่พี่งงเลย คนในพรรคเองเขายังงงเลย ถึงขนาดขึ้นจอดํากันเองแบบนี้ เขาก็คงต้องคุยกันนะ ถึงเวลาที่ทางพรรคเขาต้องคุยกันแล้ว ว่าบทบาทและจุดยืนที่แท้จริงของเขาคืออะไร?

หรือว่าเป็นเพียงแค่คําพูดที่ฉันชอบ ฉันชอบคําพูดเขามากเลยนะ ว่าเขาจะรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ สู้เพื่อสิทธิสตรีกันนมากขึ้น แต่พอเกิดวิกฤตจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น? นี่คือคําถามที่สังคมตั้งคําถามกับพรรคนี้แน่นอน”

นอกจากนี้ ทางคุณแจ็ค ศรีสุภางค์ ได้ถามคุณบุ๋ม ปนัดดา อีกว่า “คุณบุ๋มคิดว่า ทางพรรคก้าวไกลควรมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้” ทางคุณบุ๋ม ปนัดดาตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องมานั่งโหวตอะไรแบบนี้หรอก เพราะยิ่งโหวต มันยิ่งดูทําให้พรรคดูแย่ เพราะอะไรรู้ไหม? สิ่งหนึ่งที่รู้สึกแย่ก็คือ คุณเอาผู้หญิงไปนั่งซักถามข้อมูลอยู่ในนั้นตั้งกี่ชั่วโมง คุณไม่ใช่ตํารวจคุณมีสิทธิ์อะไรนำตัวเขาไปซักข้อมูล แต่ถ้าเกิดผู้หญิงคนนึงที่ต้องการจะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แล้วต้องไปนั่งต่อหน้าผู้คนเยอะแยะมากมาย แล้วบอกว่าฉันโดนคนนี้ เพื่อน สส.ของคุณเนี่ย ทําแบบนี้ และผลออกมา คือ คุณดูเหมือนจัดการอะไรไม่ได้เลย ก็ทำแค่หยุดบทบาท แต่คนก่อเหตุก็ยังเดินไปมาอยู่ในพรรคนั้นน่ะ”

“เหมือนเวลาที่พี่ทําคดี แล้วพี่ต้องสู้กับทหาร พี่ไม่รู้เลยว่าคดีถูกตัดสินอย่างไร ทหารคนนั้นที่ก่อเหตุเขาถูกตัดสินอย่างไร แต่มันคือความเจ็บปวดของผู้เสียหายและของเหยื่อนะ เพราะว่าในส่วนขั้นตอน กระบวนการนั้น เราไม่รู้เลยว่าเขาตัดสินกันอย่างไร เขาบอกเพียงแค่ว่า “เดี๋ยวเขาจัดการกันเอง” เหมือนกันเลย สิ่งที่ทางพรรคกำลังทำตอนนี้ ไม่ต่างกับระบบทหารเลย

คุณบุ๋ม ปนัดดา ยังได้กล่าวอีกว่า ตนมองว่า การเปิดเผยผลโหวตว่า ใครโหวตอะไร สิ่งนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เหมือนแค่ดูว่า ‘ใครเป็นพวกใครเท่านั้นเอง’’ ตนมองว่าเหมือนเด็กอนุบาลตีกัน และสิ่งนี้ทำให้สังคมมองว่า ทางพรรคอุ้มกันเองหรือเปล่า? ตนจะมองแค่ผลโหวตโดยรวมเพียงเท่านั้น เพราะสิ่งนี้คือภาพใหญ่โดยรวมของพรรค

“มติพรรคคืออะไร? และคุณมีวิธีการจัดการยังไงกับเรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณพูดปาวๆ ว่า พรรคคุณไม่ชอบเรื่องแบบนี้ พรรคคุณจะส่งเสริมเรื่องสิทธิสตรี ความเท่าเทียมทางเพศ และลดความเหลื่อมล้ำทุกอย่าง แต่กลายเป็นว่าพวกคุณทําหมดเองเลย” คุณบุ๋ม ปนัดดา กล่าวทิ้งท้าย

‘บุ๋ม’ ขอโทษ ‘รปภ.’ ปมดรามาลูกชายเกิดอุบัติเหตุ ชี้!! เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย หลังรู้สึกไม่ดีมาโดยตลอด

(30 พ.ค.67) จากกรณีดรามาต่อเนื่องหลายวันเรื่องราวอุบัติเหตุ น้องอเล็กซ์ ลูกชาย ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างจะรุนแรง โดย บุ๋ม ออกมาโพสต์ด้วยความตกใจ ก่อนจะกลายเป็นประเด็นร้อนแรงดรามาถล่มทลาย

ล่าสุด ‘บุ๋ม ปนัดดา’ โพสต์ภาพกับ รปภ.ที่อยู่ในเหตุการณ์อุบัติเหตุวันนั้น พร้อมข้อความได้เคลียร์ใจกับ รปภ.เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายแล้วว่า

“วันนี้เคลียร์ใจขอโทษพี่ รปภ. เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย รู้สึกไม่ดีมาโดยตลอด พี่ รปภ.ยังกลับมาดูแลกันเหมือนเดิม

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ พี่เขาก็เครียดเพราะตอนน้องล้มได้ยินเสียงกระแทกกึกดังมาก และบุ๋มอยากขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงอาการของน้องด้วยนะคะ

ส่วนพี่เลี้ยง จบตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ที่เข้าใจและต่อว่า บุ๋มไม่ว่าอะไรเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ”

'บุ๋ม ปนัดดา' ทุ่มเงินเก็บซื้อที่ดิน สร้างมูลนิธิช่วยเหลือประชาชน เผยจุดเปลี่ยนชีวิตที่หันมาทำงานเพื่อสังคม เพราะ 'ลูก'

(25 ก.ค.67) นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถที่มีความสุขในการต่อสู้เพื่อสังคม ‘บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ มาเปิดใจในรายการ WOODY FM เล่าจุดเปลี่ยนชีวิตที่ผันตัวทำงานเพื่อสังคมจนก่อได้ตั้งมูลนิธิองค์กรทำดี โดยปัจจุบันขอใช้ชีวิตคู่อย่างเรียบง่าย และล่าสุดได้เปิดเผยว่าทุ่มเงินเก็บซื้อที่ดินช่วยคนอื่น สร้างมูลนิธิให้เป็นสมบัติของประเทศ โดยระบุว่า..

>> จุดเปลี่ยนจากเดิมที่ทำงานเพื่อตัวเอง เปลี่ยนเป็นทำงานเพื่อผู้อื่น คือตอนไหน?
บุ๋ม ปนัดดา : จุดเปลี่ยนคือปี 2557 คือก่อนหน้านั้นก็ทำงานในมุมของนางงามคนหนึ่งที่ช่วยงานการกุศลหรืออะไรอยู่แล้ว คือในปี 2557 มีข่าวข่มขืนบนรถไฟแล้วหันไปมองลูกสาวตัวเองแล้วก็คิดว่าทำไมมีเรื่องร้ายแรงแบบนี้ได้ แล้วอนาคตของลูกสาวจะมีใครปกป้องเขาได้

ถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่ คนที่เป็นแม่อย่างเราจะสามารถทำอะไรเพื่อปกป้องอนาคตเขาได้ ก็เลยหันมาดูกฎหมาย ศึกษาจริงจังทุกอย่างเลย ชีวิตเปลี่ยนเลย ก็เลยมาดูว่ากฎหมายเกี่ยวกับผู้หญิงไม่มีเปลี่ยนมา 30 ปี

ซึ่งก่อนหน้าบุ๋มไม่ใช่ว่าไม่มีใครขอเปลี่ยนนะ เขาไปประท้วงหน้าสภา คือเขาพยายามทำแล้ว เพียงแต่ว่าในมุมของบุ๋มวันนั้น เรามีพลังของสื่อ ความเป็นดาราด้วยก็เลยทำให้พลังมันแรงมาก กลายเป็นว่าน่าจะเป็นดาราคนแรกเลยมั้งที่ทำเรื่องเปลี่ยนกฎหมาย ก็เลยมีเรื่องอื่น ๆ ตามมา ความช่วยเหลือจากผู้หญิงด้วยกัน เรื่องของคดีความอะไรอย่างนี้เข้ามา

กลายเป็นว่าเราเริ่มอินกับมัน แล้วรู้สึกดีที่ได้ช่วย รู้สึกดีที่เป็นพลังให้พวกเขา รู้สึกดีที่บางทีเขาแจ้งความมาเป็นปีแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย กลับกลายเป็นว่าแสงสว่างที่เรามี หรือเสียงดังที่เรามีมันกลายเป็นพลังให้กับเขา หาความยุติธรรมเพิ่มเติมให้กับเขา รู้สึกดีจัง เราเลยต้องทำในวันที่ฉันยังดังอยู่ เลยกลายเป็นมูลนิธิที่ใหญ่ระดับประเทศ ชื่อว่า มูลนิธิองค์กรทำดี

>> ใช้เวลากี่เปอร์เซ็นต์ของชีวิตเรา?
บุ๋ม ปนัดดา : ตอนนี้ 70% เลยค่ะ เพราะว่าตื่นมาหรือขณะที่นอน มันกลายเป็นว่าเคสวันนี้วิ่งรถกี่คัน ไปต่างจังหวัดโรงพยาบาลขอความร่วมมือมา หรือมีเคสขมขื่นจัดการยังไง มันหลายอย่างมากเลย

>> เวลาเอาเรื่องของชาวบ้านมาใส่สมองของเรา มีวิธีระบายยังไงได้บ้าง เพราะคุณก็อินกับทุกเรื่อง?
บุ๋ม ปนัดดา : อินจริงแต่ตัดได้เร็วค่ะ เพราะว่าถ้าตัดไม่เร็วนะ ซึมเศร้าแน่นอนค่ะ เหมือนน้องหลาย ๆ คนที่เคยเข้ามาช่วย พอรับฟังเรื่องราวเยอะ ๆ ตัดไม่ได้ แม่หนูขอหยุดนะ มีเยอะเลย แต่สำหรับตัวเรากลับกลายเป็นว่าตัดได้ง่ายมาก เพราะว่าเรารู้สึกว่าทุกเคสสำคัญหมด

เราแสดงความเสียใจนะ แต่ชีวิตยังต้อง Go On ยังต้องมีเคสอื่นที่เราต้องมีสติในการดูแลรักษาเขา และดูแลครอบครัวของเราเองด้วย มองว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา

>> ทำไมคุณถึงกลายเป็นคนที่เรียบง่าย ทั้งที่สมัยก่อนต้องเป็นข่าว?
บุ๋ม ปนัดดา : สมัยก่อนหรือสมัยนี้บางทีโพสต์อะไรก็เป็นข่าวแล้ว เพียงแต่ว่าพอเป็นเรื่องของคุณก๊อต (สามี) เขาบอกว่าเขาเป็นคนนอกวงการบันเทิง ไม่อยากอยู่ในแสงสีเท่าไหร่ ขอใช้ชีวิตเงียบ ๆ ขอเลี้ยงลูกด้วยความสงบ เราก็เข้าใจ มันขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ว่าเขาอยากอยู่ในแสงสีมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าไม่มีรายการเชิญเขาไปนะ มีเยอะมากเลย

>> ที่ผ่านมาบุ๋มทำเพื่อคนอื่นเยอะมาก เคยให้อะไรกับตัวเองไหม?
บุ๋ม ปนัดดา : พอเอาจริง ๆ ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองอยากได้อะไรกับชีวิต เคยนั่งมองนาฬิกาหรู ๆ นั่งมองแบรนด์เนม สวยนะยากซื้อ แต่เรากลับรู้สึกว่าเอาตังค์ไปช่วยเด็กดีกว่า ลูกบุญธรรมยังต้องเรียน มูลนิธิยังต้องสร้าง เอาไปตรงนั้นก่อนคิดอย่างนี้ เดี๋ยวของฉันไว้ทีหลัง

คือเหตุผลหนึ่งที่คุณสามีที่เขามาขอเราแต่งงาน เพราะเขาบอกว่าชีวิตบุ๋มเหมือนทำเพื่อคนอื่นเยอะมากเลย เพื่อครอบครัวของบุ๋มเอง เพื่อคนรอบข้าง เพื่อลูกน้อง เพื่อมูลนิธิ และเพื่อประชาชนอีก แต่ไม่มีอะไรเลยที่บุ๋มเคยพูดว่าจะทำอะไรเพื่อตัวเอง แต่มาวันนี้บุ๋มมีแล้วนะ

>> ทีมงานบอกว่าวันนี้บุ๋มจะประกาศให้พี่น้องชาวไทยรับทราบเกี่ยวกับเรื่องอนาคตที่วางเอาไว้และตัดสินใจว่าจะทำ?
บุ๋ม ปนัดดา : บุ๋มเพิ่งเอาเงินเก็บก้อนที่เก็บเอาไว้ไปซื้อที่ดินตรงรังสิตคลอง 8 จะทำมูลนิธิองค์กรทำดี แบบที่มี Shelter สำหรับผู้หญิง มีโรงทาน มีสวนปฏิบัติธรรม แล้วก็เป็นมูลนิธิที่ใช้วิ่งรถช่วยเหลือประชาชน จะทำตรงนั้นแล้วก็ทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของประเทศชาติค่ะ

'บุ๋ม-ปนัดดา' เดินหน้าช่วยน้ำท่วม ไม่หวั่นแม้ตั้งครรภ์ 7 เดือน เมินคนแซะดาราทำดี ชี้!! จิตใจผู้ประสบภัยหลังน้ำลดสำคัญกว่า

ขณะนี้ประเทศกำลังเจอวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ คนบันเทิงและคนทั่วไป ต่างโอนเงินร่วมบริจาคผ่านองค์กรทำดี เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวเหนืออย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก บางรายโอนช่วยเงียบ ๆ ไม่บอกใครจนโดนดรามา ถึงขั้น ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ออกมาโต้แทน 

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 67) บุ๋ม ปนัดดา รวมตัวเฉพาะกิจนักร้องลูกทุ่ง และ องค์กรทำดี เพื่อไลฟ์สดเพื่อหารายได้ไปช่วยฟื้นฟูโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ณ เซียร์รังสิต เจ้าตัวก็ขอเปิดใจทุกเรื่อง ลั่น ทนไม่ได้หากใครมาแซะคนทำดี พร้อมยันไม่ต้องห่วงเรื่องอุ้มท้องโตลงพื้นที่ เพราะผัวอนุญาต

“เราก็พยายามจะหาทุนอย่างเพราะเรายังลงพื้นที่อยู่นะคะ เมื่อเช้าเราก็ดูแลที่พะเยา แล้วก็มาหนองคายต่อ แต่เชียงรายเราก็ยังดูแลพื้นที่อยู่ โรงครัวต่าง ๆ เพราะยังมีผู้ประสบภัยอยู่ หลังจากนี้เรายังมีการฟื้นฟูอีก 50 โรงเรียนเลยนะคะ แต่ละโรงเรียนก็เกือบหลักแสนนะคะ ยังไม่รวมกับเสื้อผ้าเด็ก ๆ อีก มันเป็นสิ่งที่เราต้องสู้กันต่อค่ะ น้ำท่วมว่าหนักแล้วนะ แต่พอไปดูสภาพหลังน้ำท่วมแล้วหนักยิ่งกว่า เพราะน้ำท่วมคราวนี้มันมาพร้อมโคลน มันมาพร้อมความเสียหาย อย่าเรียกว่าเริ่มต้นใหม่เลย เรียกว่าติดลบดีกว่า
บางหลังรากฐานล่างก็ต้องออกหมดเลยค่ะ อย่างที่สุโขทัยพื้นบ้านหายไปหมดเลย เรายังมีอะไรที่ต้องฟื้นฟูกันอีกเยอะค่ะ”

“คนในพื้นที่ตอนนี้สภาพจิตใจก็แย่ค่ะ ล่าสุดก็ได้มีทีมจิตแพทย์เข้าไปดูแลสภาพจิตใจกันด้วย เพราะคนตอนนี้กลายเป็นซึมเศร้า น่าสงสารมากเลย เพราะภาพที่เขาดูน้ำท่วมอยู่หน้าบ้าน แล้วมันเวิ้งว้างไม่มีความช่วยเหลือเข้าไป อันนั้นคือสภาพจิตใจที่แย่สำหรับพวกเขาแล้ว หลาย ๆ บ้านมองสภาพบ้านตัวเองที่มันไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งตอม่อ ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนมอเตอร์ไซค์มันยังเดินต่อ แต่สิ่งที่สร้างรายได้ให้เขามันไม่มีเลย บางบ้านเฟอร์นิเจอร์ไม่เหลือสักชิ้นนะคะ กลายเป็นบ้านโล่ง ๆ เปล่า ๆ แล้วแถมยังต้องทำความสะอาดบ้าน น้ำสะอาดก็ไม่มี นี่คือสภาพติดลบของประชาชนในพื้นที่ค่ะ”

“ทีนี้พอเราได้ลงพื้นที่จริง ๆ เราถึงได้เห็นสภาพจิตใจของพวกเขา เราถึงรู้ว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออีกเยอะมาก ๆ อย่างเมื่อวานบุ๋มดูแลศูนย์พักพิง มีอยู่ประมาณเกือบ 200 คน ซึ่งมีคนแก่และเด็กเยอะมาก กลายเป็นว่าน้ำสะอาดก็ไม่มี เขาก็ไม่ได้อาบน้ำกัน ช่วงแรก ๆ ใช้เทียนกัน 4 วันเต็ม ๆ แล้วตอนนี้อุปกรณ์เครื่องมือทำอาหารบุ๋มก็ต้องส่งไป ส่งกันทุก ๆ วันค่ะ ถ้าคุณเป็นคนทำกับข้าว เป็นแม่ครัวทำอาหารน่าจะรู้ดีกว่าค่าใช้จ่ายมันขนาดไหน แล้วมีทั้งหมด 3 โรงครัวใหญ่ เราดูแลคนเยอะมากค่ะ”

>>ทำมูลนิธิ 10 ปี ครั้งนี้ครั้งแรกที่ไม่เข้าเนื้อ ไม่สนดรามา สนว่าประชาชนจะได้อะไร

“อยากจะบอกว่าทำมูลนิธิมา 10 ปีนี่เป็นครั้งแรกที่ไม่เข้าเนื้อ (หัวเราะ) เพราะตั้งแต่โควิดตอนนั้นบุ๋มก็ควักไป 5 ล้าน แล้วน้ำท่วมก็ไม่ใช่แค่แม่สายนะ องค์กรทำดีเราดูแลมาตั้งแต่เทิงแม่ต๋ำ เดือนกว่าแล้วนะคะ แล้วไปแพร่ ไปน่าน ไปสุโขทัย ไปอยุธยา กลับมาขึ้นแม่สายต่อแล้วตอนนี้อยู่หนองคาย ซึ่งหลังจากนี้บุ๋มก็ต้องบินไปหนองคายต่อ เราดูแลมาเดือนนึงเต็ม ๆ แล้วค่ะที่แช่น้ำกันมา ค่าใช้จ่ายที่เราต้องดูแลในแต่ละวันเยอะมากค่ะ ดังนั้นนี่คือครั้งแรกค่ะที่ไม่เข้าเนื้อ ที่ผ่านมาคือเงินบุ๋มหมด รถที่ใช้วิ่งที่ใช้ลากเรือนี่ ดิฉันไม่ได้ใช้โซลาร์เซลล์ค่ะ ดิฉันใช้น้ำมัน (หัวเราะ) ผัดกับข้าว ทำโรงครัวเป็นพัน ๆ กล่องต่อวัน เราต้องใช้น้ำมัน ต้องใช้แก๊สค่ะ ค่ากล่องใส่ข้าวอีก”

“มีคนบอก ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างเหรอ ไอ้คนที่ถามนี่ไม่ได้บริจาคหรอกบุ๋มเชื่อ แต่คนที่บริจาคเขาไม่พูดหรอกค่ะ เพราะเขารู้ว่าเราทำอะไรบ้าง เขาดูตารางงานของบุ๋มในแต่ละวันก็รู้ ข้อเสียของบุ๋มคือถ่ายรูปไม่เก่ง บุ๋มไม่ค่อยถ่ายรูปลงเท่าไหร่ เพราะทีมงานเราลงอยู่ในน้ำค่ะ เพื่อเอาของใส่เรือให้ได้มากที่สุด ดังนั้นทีมงานไม่สามารถควักมือถือมาถ่ายรูปได้ว่าเราทำอะไรอยู่ตอนนั้น แต่สิ่งที่เราเจอคือเราได้รับสิ่งของจากหลาย ๆ หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ตอนนี้บนดอยต่าง ๆ เราส่งของถึงแล้วนะคะเรามีมอเตอร์ไซค์วิบาก มีรถออฟโร้ด ทีมที่มาเป็นอาสาสมัครให้กับเรา มาร่วมกับองค์กรทำดี ทุกคนมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน บุ๋มก็เลยไม่ได้โพสต์อะไร เพราะตอนนี้บุ๋มไม่สนดรามาค่ะ แต่เราจะสนว่าประชาชนได้อะไรมากกว่า”

>>ทีมอาสาขององค์กรทำดีมีเกือบร้อยชีวิต

“ถ้าทีมขององค์กรทำดีก็เกือบ 100 ชีวิต แต่ถ้าทีมอาสาสมัครตอนนี้เยอะมาก เพราะมีหน่วยงานบริษัทบ้าง มีมหาวิทยาลัยบ้าง แต่เราก็ต้องซัปพอร์ตในเรื่องของอุปกรณ์ น้ำยาทำความสะอาด และค่าเดินทางของพวกเขา ค่าอาหารอะไรต่าง ๆ เราก็ต้องดูแลพวกเขาตรงนี้ด้วย”

“เอาง่าย ๆ ว่าถ้าน้ำยังท่วมอยู่เราก็ยังไปเรื่อย ๆ ของพวกเรา เพราะเดี๋ยวจะบอกว่าช่วยแต่เชียงรายเหรอ เราก็ต้องไปทุกที่ เพราะทุกที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือหมด แม้กระทั่งพื้นที่ที่แห้งไปแล้ว อย่างสุโขทัย อยุธยา หรือแม้กระทั่งเทิงแม่ต๋ำ แต่ความเสียหายมันยังอยู่ค่ะ ไม่ใช่ว่าน้ำแห้งแล้วจบค่ะ เรายังต้องช่วยเขาต่อ บุ๋มอยากขอบคุณทุกพลังค่ะ 1 บาทของคุณ 1 ล้านบาทของคุณมันคือพลังอันยิ่งใหญ่ค่ะเพราะเรือเราพัง รถเราพัง เราเลยรู้สึกมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าน้ำใจของทุกคนที่ส่งมาให้กับบุ๋ม ขอบคุณมาก ๆ ที่ทุกคนเชื่อในตัวบุ๋ม ขอบคุณมาก ๆ ที่เชื่อในองค์กรทำดี ในการที่เราจะส่งต่อทุกอย่าง ทุกบาท ทุกสตางค์ให้ถึงพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุดค่ะ”

>>ไม่กล้าคิดเรื่องเงินสมทบทุน แค่มีคนให้ก็ดีใจแล้ว ขอบคุณดาราออกมาช่วยกันเยอะเป็นล้าน ๆ ครั้ง

“ไม่รู้ ไม่กล้าคิดเลย แค่มีคนมาดิฉันก็ดีใจแล้ว ไม่กล้าตั้งเป้าอะไรเลย เพราะว่าตอนนี้เงินมาก็เงินออกค่ะ (หัวเราะ) อยากให้มาเป็นบัญชีดิฉันจังเลย อย่างวันนี้เราก็ไม่คาดคิดว่าจะมีศิลปินดารามาเยอะขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าน่าจะสัก 2 ชม. จบ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว”

“และมีน้อง ๆ ดารามากันอีกเยอะมาก ก็อยากจะขอบคุณเป็นล้าน ๆ ครั้งจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณที่มาช่วยประชาชนค่ะ“

>>แซะคนทำดี ทนไม่ได้

“คือใครที่แซะบุ๋ม บุ๋มทนได้นะ แต่ถ้าแซะคนทำดี บุ๋มทนไม่ได้ บางทีน้องเขาไม่ได้ออกตัว น้องเขาไม่ได้พูดอะไร อย่างน้องชมพู่ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) เขาบอกว่าหนูต้องจ่ายเท่าไหร่ให้พี่ไม่ลงน้ำ (หัวเราะ) เราคุยกันทางไลน์ บุ๋มก็บอกว่าไม่เรียกร้องเลย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรือเราแตกหลังจากที่เจอคลื่นแรง เราต้องซื้อเรือใหม่ เขาบอกโอเคได้ งั้นหนูให้แม่ล้านนึง เงินเข้ามาก็ออกไปทันที เพราะเราก็เอาไปช่วยเหลือคนต่อ ก็เป็นสิ่งที่อยากขอบคุณจริง ๆ ค่ะ อยากบอกว่าคนที่ไม่ออกนามมีอีกเยอะนะคะ คุณอย่าไปแซะเขาเลยค่ะ ถ้ามีเวลาว่างนะ ช่วยกันหาดีกว่าว่าโรงเรียนไหนยังเดือดร้อน ประชาชนตรงไหนยังเดือดร้อน แล้วส่งมาที่องค์กรทำดี เรามาช่วยเหลือกันดีกว่า อย่ามัวแต่แซะคนนั้นคนนี้เลย ใช้สื่อให้เป็นประโยชน์กันดีกว่า“

>> รับอุ้มท้อง 7 เดือนลงพื้นที่ ไม่ได้นอน กลับมาเลือดกำเดาไหล แต่ยังไงก็รักลูกที่สุด ไม่ต้องห่วง ยังหาหมอปกติ เดี๋ยวผัวดุ ถ้าผัวยังอนุญาตให้ไป ก็สบายใจได้

“ตอนที่ลงแม่สายยอมรับว่าไม่ได้นอนค่ะ กลับมาก็เลือดกำเดาไหล เพราะเราไม่ค่อยได้ดื่มน้ำ ในพื้นที่ห้องน้ำไม่มี แต่หลังจากนั้นก็กลับมาดูแลตัวเองแล้วค่ะ ยังไงดิฉันก็ต้องรักลูกดิฉันมากที่สุดค่ะ ไม่ต้องห่วง ส่วนที่มีคนบอกว่าไม่ยอมไปหาหมอ หาอยู่ค่ะ หมอสูตินารีนัดสิ้นเดือนค่ะ ไม่ต้องห่วง ๆ เดี๋ยวผัวดุค่ะ ไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ) จริง ๆ ที่บ้านก็ยังไม่ค่อยห่วง ก็ถ้าขนาดสามีดิฉันยังปล่อยดิฉันไปได้ พวกคุณก็สบายใจได้ค่ะ (ยิ้ม) นี่หลายคนตั้งชื่อให้ลูกดิฉันแล้วนะคะ ชื่อน้องน้ำใจบ้าง น้ำเหนือบ้าง แต่น้ำเหนือคงไม่ได้ เดี๋ยวอีสานน้อยใจ (หัวเราะ)”

>>หมอห้ามลงน้ำลึกเกินมดลูก หวั่นติดเชื้อ

“คุณหมอห้ามลงน้ำลึกค่ะ ลึกห้ามเกินมดลูก เพราะเขากลัวติดเชื้อ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เกินค่ะ ยังอยู่แค่เข่า แต่ ณ ตอนนี้แค่เข่าทีมงานก็ไม่ให้แล้วค่ะ ทีมงานก็ให้เป็นแม่ย่านางนั่งสั่งการอยู่บนเรือไป”

>>แฮปปี้ถูกลอตเตอรี่ แต่ได้เงินมาก็ออกหมด

“เราได้ที่ดินเป็นมูลนิธิสาขา 2 ที่ลำปางนะคะ อันนี้ตั้งใจจะทำเป็นพื้นที่ในการช่วยเป็นบ้านพักพิงให้กับผู้หญิงและเด็กที่โดนทำร้ายร่างกาย โดนข่มขืนมา พอเราได้บ้านปุ๊บ ดิฉันก็โพสต์เลขที่บ้านค่ะ 237 ก็ไม่คิดหรอกว่าจะออกจริง ๆ งวดที่แล้วดิฉันก็ยืนอยู่ตรงรถกู้ภัยของดิฉันนี่แหละ แล้วก็ออกอีก ชาวบ้านก็เลยบอกว่าแม่บุ๋มให้โชคเยอะมาก แต่ถ้าจะให้ดีคุณให้ดิฉันบ้างก็ได้นะคะ (หัวเราะ)”

“ดิฉันไม่เคยได้โชคอะไรอย่างนี้เลย มีแค่เมื่อวานแหละค่ะที่ถูก 2 ใบ เงินที่ได้ก็เอาไปเป็นค่าน้ำให้กับศูนย์พักพิงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ได้มาก็ออกไปค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะสำหรับทุกคนที่เป็นพลังน้ำใจให้กับบุ๋ม ขอบคุณสื่อมวลชน ขอบคุณศิลปินดาราทุก ๆ คน บุ๋มเชื่อว่าทุกคนทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ แล้วมันกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เชื่อในองค์กรทำดีค่ะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top