Saturday, 7 June 2025
บุรีรัมย์

'ตำรวจบุรีรัมย์' ส่งสำนวนคดีขโมยลูกชิ้นยืนกิน ยอมรับเห็นใจผู้กระทำผิด หลังทำไปด้วยความจน

(10 ก.ค.67) กรณีเจ้าของบริษัทผลิตลูกชิ้นยืนกิน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ นำคลิปวงจรปิดไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าได้ถูกบุคคลในคลิปวงจรปิด ขโมยลูกชิ้นที่วางไว้หน้าร้านจำนวน 1 ถุง จากที่วางไว้ 2 ถุง มูลค่าประมาณ 300 บาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น.

ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง สามารถจับกุม นายบุญเที่ยง หรือธง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.5 บ้านหนองกระทิง ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ บุคคลในคลิปวงจรปิดมาสอบสวน

โดยนายบุญเที่ยงให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนก่อเหตุจริง สาเหตุที่ขโมยเพราะเห็นลูกชิ้นวางอยู่หน้าร้านไม่มีใครเฝ้า และร้านปิดแล้ว จึงเดินเข้าไปหยิบเอา ยอมรับว่าหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวไม่ทัน ลูกชิ้นที่ได้ไป เอาไปทอดเป็นกับข้าวให้ลูกกิน ส่วนหนึ่งเอาไปฝากพ่อกับแม่ที่ป่วยอยู่ที่ อ.ลำปลายมาศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากไม่มีคนมาประกันตัว

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้คนแสดงความเห็นใจนายบุญเที่ยง หรือ ธง เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และคาดว่าครอบครัวน่าจะยากจน แต่กฎหมายต้องดำเนินไปต่อตามกระบวนการ

ล่าสุด ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้ทำสำนวนส่งไปที่อัยการจังหวัดบุรีรัมย์วันนี้แล้ว เพราะจะครบกำหนดฝากขัง 48 วัน

ร.ต.อ.สุพจน์ กล่าวยอมรับว่า คดีนี้เป็นคดีที่น่าเห็นใจ จากการสอบสวน และสืบสวน พบว่าครอบครัวมีฐานะยากจน มีพ่อแม่แก่ และป่วยติดเตียง จริง ๆ แล้วส่วนตัวมองว่านายบุญเที่ยง ไม่มีเจตนาที่จะขโมย สังเกตจากสินค้าของร้านวางไว้ 2 ถุง แต่เอาไปถุงเดียว ผิดวิสัยของขโมยทั่วไปที่จะต้องเอาไปให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเป็นคดีความที่ยอมไม่ได้จะต้องเดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 57 บ้านโนนแดง หมู่ 5 ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของนายบุญเที่ยง ผู้ต้องหา พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สร้างยังไม่เสร็จ ภายในบ้านอยู่ด้วยกัน 3 คือ พ่อ-แม่ และพี่สาวนายบุญเที่ยง

นายทอง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 88 ปี พ่อนายบุญเที่ยง ยังนั่งอยู่หน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา เมื่อสอบถามทราบว่า "กำลังรอลูกชายเอาอาหารมาให้" และไม่รู้ว่าลูกชายขโมยของมาให้กิน จนถูกตำรวจจับได้

นางอุย พิทักษ์พันธุ์ อายุ 89 ปี แม่นายบุญเที่ยง ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และป่วยโรคไต บอกว่าปกติลูกชายจะเอาอาหารมาให้กินเป็นประจำ ครั้งล่าสุดเอาลูกชิ้นมาให้กิน ซึ่งลูกชายมาสารภาพว่า “ขโมยเขามาให้แม่กิน” หลังจากนั้นไม่เห็นลูกชายมาหาอีกเลย จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าลูกชายถูกจับดังกล่าว

ขณะที่นางพิมพ์พร พิทักษ์พันธุ์ อายุ 59 ปี พี่สาวนายบุญเที่ยง เล่าว่า น้องชายจะกลับบ้านอาทิตย์ละ 2 วัน หลังจากนั้นจะไปหากินอยู่ในตัวเมืองกับภรรยา หลังน้องชายถูกตำรวจจับไม่เคยได้ไปเยี่ยม เพราะต้องมีภาระดูแลพ่อแม่ซึ่งป่วยติดเตียง ส่วนพ่อแม่ได้แต่นั่งเฝ้าคอยลูกชายกลับมาหา

‘วราวุธ’ ส่งทีม ศรส.บุรีรัมย์ รุดช่วยยาย 66 ปี ฐานะยากจน ‘ถูกตัดน้ำ-ไฟ’ มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์เบื้องต้น พร้อมหาแนวทางช่วยระยะยาวต่อไป

(25 ก.ค. 67) น.ส.ซาราห์ บินเย๊าะ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) เปิดเผยว่า ตามที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มอบนโยบายให้ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) เป็นศูนย์กลางในการเร่งรัดจัดการในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม พร้อมส่งทีมปฏิบัติการหน่วยเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

กรณีสื่อโซเชียลมีเดียมีการลงข่าวคุณยายประกาศขายตู้เย็น เอาเงินไปจ่ายค่าไฟ 95 บาท ครอบครัวมีฐานะยากจน เลี้ยงหลาน 2 คน ที่ จ.บุรีรัมย์ จึงได้ส่งทีม ศรส. จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับอำเภอละหานทราย เทศบาลตำบลละหานทราย และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือ พบว่า ผู้ประสบปัญหาชื่อ นางแพง อายุ 66 ปี บ้านอยู่ใน ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ให้คนในหมู่บ้านช่วยประกาศขายตู้เย็นในราคา 1,000 บาท เพื่อต้องการนำเงินมาจ่ายค่าไฟ 95 บาท ค่าน้ำ 75 บาท ที่ถูกตัดน้ำ-ไฟ ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนางแพง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และสานไม้กวาดขาย ได้รับเบี้ยยังชีพสูงอายุเดือนละ 600 บาท และเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดของหลาน 2 คน โดยจะฝากบัตรเอทีเอ็มให้เพื่อนบ้านไปกดเงินมาให้ทุกเดือน ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ประกอบกับมีสุขภาพไม่แข็งแรง เหนื่อยง่าย และเป็นโรคความดันโลหิตสูง รักษาตัวและรับยาเป็นประจำที่ รพ.ละหานทราย ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่อาศัยกับอดีตลูกสะใภ้ เนื่องจากบ้านตนเองมีสภาพผุพัง และมีหลานต้องดูแลอีก 2 คน ซึ่งหลานชายอายุ 3 ปี หลานสาวอายุ 4 ปี เป็นลูกของลูกชาย ส่วนลูกชายถูกดำเนินคดีและหลบหนีคดีอยู่ในขณะนี้ และลูกสาวมีครอบครัวไม่เคยกลับมาดูแล 

โดย น.ส.ซาราห์ กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือในเบื้องต้น ทีม ศรส.จังหวัดบุรีรัมย์ และทีมสหวิชาชีพ ได้แนะนำการเลี้ยงดูเด็กที่เหมาะสมสำหรับหลานทั้ง 2 คน และมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมพิจารณาช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัว ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากกรรมการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเบิกจ่ายเงิน พร้อมพูดคุยถึงแนวทางการช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม สามารถโทรแจ้งได้ที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. กระทรวง พม. ผ่านฮอตไลน์ 1300 บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

‘อนุทิน’ ชวนร่วมงาน ‘ลมหายใจของแผ่นดิน’ 28-30 ก.ค.นี้ สนามช้างอารีน่า เผย!! มีไฮไลต์ ‘ออร์เคสตรา 250 คน’ บรรเลง ดนตรีไทย-ตะวันตก-อีสานใต้

(27 ก.ค.67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตลอดเดือน ก.ค.จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ซึ่งในส่วนของจ.บุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีกิจกรรมเทิดพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค. ทางจังหวัดพร้อมทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดงาน ‘ลมหายใจแห่งแผ่นดิน’ ซึ่งมีหลากหลายกิจกรรมและการแสดงแสง สี เสียง เสียงระดับโลก ให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ณ สนามช้างอารีน่า อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการแสดงมิวสิคัลชุด “ลมหายใจของแผ่นดิน” ซึ่งได้รวมเยาวชนที่มีความสามารถด้านดนตรีและการแสดงจากทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย นักดนตรีวงดนตรีออร์เคสตรา 250 คน บรรเลงเครื่องดนตรีทั้งไทย เครื่องดนตรีตะวันตก เครื่องดนตรีอีสานใต้ และนักแสดงเดอะมิวสิคัล 70 คน ซึ่งได้ฝึกซ้อมตลอดเวลาหลายเดือนเพื่อการแสดงในงานนี้

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย จะเป็นส่วนหนึ่งของมิวสิคัลชุดนี้ โดยร่วมแสดงในการบรรเลงเพลงจอมราชา ในตำแหน่งเป่าแซ็กโซโฟน ซึ่งที่ผ่านมา รมว.มหาดไทย ได้ร่วมฝึกซ้อมกับเยาวชนนักดนตรีทั้ง 250 คนมาแล้วหลายครั้ง 

“ท่านอนุทิน เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติในสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่หากมีโอกาสไปเยือนหรืออยู่พื้นที่ใกล้เคียง จ.บุรีรัมย์ ก็ขอเชิญร่วมงานเฉลิมพระเกียรติที่ทางจังหวัดจัดขึ้น นอกจากจะได้ร่วมแสดงออกถึงพลังความรักที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติแล้ว ยังได้ร่วมให้กำลังใจกับน้องๆ นักดนตรี นักแสดงและทีมงาน ให้ทุกคนได้แสดงออกถึงศักยภาพและความสร้างสรรค์ซึ่งอนาคตทุกคนจะกลายเป็นพลังสำคัญของชาติต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

สำหรับงาน ‘ลมหายใจของแผ่นดิน’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค.ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ณ สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ จะมีการแสดงเทิดพระเกียรติสุดยิ่งใหญ่ด้วยเทคโนโลยีการจัดแสดงระดับโลก ได้แก่ การแสดงแสงสีเสียงประกอบ 3D Mapping,วงดนตรีออร์เคสตรา, การแสดง มิวสิคัล, นิทรรศการผลงานประกวดวาดภาพ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึง การบำเพ็ญสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ บริจาคโลหิตส่งต่อผู้ป่วย จำนวน 720 ยูนิตต่อวัน รวม 7,200 ยูนิต โรงทานปันสุข ร้านชื่อดังต่าง ๆ นำอาหารเครื่องดื่มมาบริการแก่ผู้มาร่วมงาน โดยทั้งหมดสามารถเข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

‘เนวิน’ ปัดไม่คุยเรื่องการเมือง พร้อมโชว์เสื้อที่ลูกสาวออกแบบ ย้ำ!! คิดถึงแต่เรื่องถวายพระพร เพราะวันนี้เป็นวันมหามงคล

(28 ก.ค. 67) ที่หน้าสนามช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ สถานที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ‘ลมหายใจ ของแผ่นดิน’ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองในวันนี้ โดยยกมือ 2 ข้างก่อนหลังให้ผู้สื่อข่าว และชี้ไปข้างหลังที่เขียนว่า ‘ฅนบุรีรัมย์’

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า แล้วพรุ่งนี้จะได้เจอและสัมภาษณ์ท่านอีกหรือไม่ นายเนวิน หันมาตอบว่า "เจอได้ทุกวัน แต่ไม่มีเรื่องการเมือง" พร้อมยิ้มให้ผู้สื่อข่าวแล้วเดินออกไป

จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามเดินเข้าไปสอบถามถึง เสื้อ ‘ฅนบุรีรัมย์’ ที่เปิดตัวใหม่ในวันนี้ นายเนวิน จึงตอบว่า ลูกสาวเป็นผู้ออกแบบ และต่อไปนี้จะใช้คำนี้ แทนสัญลักษณ์คนเมืองนี้ ซึ่งที่ใช้ ‘ฅ’ เพราะเราเป็นคน ถ้าเราใช้ ‘ค’ เราจะเป็นควาย และทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ซึ่งการใส่เสื้อตัวนี้ เพราะรู้สึกว่า เป็นคนบุรีรัมย์ เปิดตัวที่งานนี้เป็นครั้งแรก ตนคิดว่า คงเป็นจังหวัด และเมืองเดียวที่คนภูมิใจกับความรู้สึกกับการได้เกิดเป็นคนที่นี่ ทุกคนอยากใส่ เพราะเป็นเมืองแห่งความภาคภูมิใจ และเมืองแห่งความจงรักภักดี

ส่วนจะชูเสื้อนี้เป็นซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ นายเนวิน ตอบว่า ไม่รู้แปลว่าอะไร นึกไม่ออก รู้แต่ว่าเป็นเสื้อสำหรับคนบุรีรัมย์

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า เสื้อฅนบุรีรัมย์สีน้ำเงิน มีนัยยะหรือไม่ นายเนวิน ระบุว่า น้ำเงินมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าหลายคนแซวว่า สว.สีน้ำเงินพาดพิงมาถึงครูใหญ่ภูมิใจไทย นายเนวิน ถึงกลับมองผู้สื่อข่าวที่ถาม และมองขึ้นฟ้า พร้อมระบุว่า ถ้ามีคนพูดเรื่องการเมืองแถวนี้ อาจจะโดนอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะหันมาหัวเราะ เพราะวันนี้เป็นวันมหามงคล จะต้องร่วมกันถวายพระพรชัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาส 72 พรรษา ขอให้ทำใจให้กว้างๆ คิดถึงพระองค์ท่าน ทำเพื่อพระองค์ท่านสักวันหนึ่ง

"อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา คนไทยจะรวมใจเป็นหนึ่งเดียว คิดถึงแต่เรื่องที่จะถวายพระพรท่าน ทำความดีเพื่อท่าน อย่าเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ในสมองหากพักเรื่องการเมืองไปบ้าง บ้านเมืองก็จะสงบสุข และประชาชนก็จะมีความสุข" นายเนวิน กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมอีกว่า ที่ได้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ จะให้ใส่ตำแหน่งนายเนวินว่าอะไรนั้น นายเนวิน ระบุว่า ตำแหน่ง ‘ฅนบุรีรัมย์’

สาว อบต.สุดช็อก!! กยศ.หักหนี้ทุกเดือนตลอด 4 ปี จู่ๆ หายไป โผล่อีกที ถูกฟ้องยึดทรัพย์ วอน!! รัฐมนตรี หาแนวทางแก้ไข ยัน!! พร้อมจ่าย แต่ขอให้หักเงินเดือน เหมือนที่ผ่านมา

(22 ก.ย. 67) น.ส.สุรินธิดา มณีทอง อายุ 40 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ทำงานเป็นพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)พรสำราญ อ.คูเมือง เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)และอยากให้เป็นสื่อกลาง ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.สุรินธิดา เล่าว่าตนเข้าทำงานที่ อบต.พรสำราญ ตั้งแต่ปี 2556 และเมื่อปี 2562 กองทุน กยศ.ได้มีหนังสือจะหักเงินยืมเรียน กยศ. ตนก็รับปฏิบัติ หลังจากนั้นเป็นต้นมา เงินเดือนตนจะถูกกองคลังของ อบต.หักทุกเดือน เดือนละ 1,200 บาท และถูกหักเรื่อยมา

พอมาถึงปี 2566 เงินเดือนของตนได้เข้าบัญชีเต็มจำนวนเงินเดือน คือ ไม่มีการหักเงินออกไป จึงเข้าไปสอบถามกองคลังของ อบต.ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีรายชื่อจาก กยศ.ส่งมาให้หักจึงไม่ได้หัก การเงินจะหักได้ก็ต่อเมื่อ กยศ.แจ้งรายชื่อมาว่ามีใครบ้างที่จะถูกหักและหักคนละเท่าไร ถ้าไม่มีรายชื่อ คลังจะไม่มีสิทธิหักเงินเดือนได้

น.ส.สุรินดา เล่าด้วยว่า ส่วนหนึ่งคิดว่ากยศ.น่าจะหักพอแล้ว หรืออาจจะเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ละยุคที่มีการลดแลกแจกแถม จึงไม่ได้สนใจ ตนทำงานใน อบต.ของตัวเองตามปกติ

กระทั่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้รับหมายศาลจากศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า กยศ.เป็นโจทก์ฟ้องตนเป็นจำเลยที่ 1 และคนค้ำประกันอีก 2 คนเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 รวม 3 คน ว่าให้ดำเนินการบังคับคดีเพื่อสืบทรัพย์และยึดทรัพย์นำไปขายทอดตลาด แล้วนำเงินที่ได้ไปชำระ กยศ.พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 120,643.85 บาท

ตนและครอบครัวต่างตกใจ และไม่เข้าใจแนวทางการทำงานของ กยศ.ทั้งที่ตนเต็มใจให้หักเงินเดือนและถูกหักมาโดยตลอดเป็นระยะเวลา 51 งวด หรือ 4 ปี 3 เดือน ระหว่างปี 2562-2566 คิดเป็นเงิน 61,200 บาท และเมื่อไปตรวจสอบยอดบัญชีแล้ว เงินต้นไม่เคยลดลงเลย

จึงอยากจะฝากถึง กยศ.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ซึ่งเป็นคนบุรีรัมย์ ออกมาชี้แจงและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนในขณะนี้ หากถามว่าตนพร้อมที่จะจ่ายหรือไม่ ตนพร้อมแต่ขอให้หักเงินเดือนเหมือนที่ผ่านมา แต่จะให้หาเงินก้อนมาชำระ คงไม่มี

‘ซุปเปอร์เล็ก - เทรนเนอร์ฟ้าใส’ เข้าอุปสมบทที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อาจารย์สุดใจ ปุ่มประโคน หัวหน้าค่ายเกียรติหมู่ 9 ร่วมถ่ายรูปยินดี

(27 ต.ค. 67) ซุปเปอร์เล็ก และ เทรนเนอร์ฟ้าใส เข้าพิธีอุปสมบทที่บ้านเกิด อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ โดยมีอาจารย์สุดใจ ปุ่มประโคน หัวหน้าค่ายเกียรติหมู่9 ร่วมถ่ายรูปกับพระใหม่ 

ซุปเปอร์เล็ก ได้ฉายา ตึกฺขญาโณ 
แปลว่า ผู้มีญาณอันกล้า

เทรนเนอร์ฟ้าใส ได้ฉายา พลวฑฺฒโน
แปลว่า ผู้เจริญด้วยกำลัง

THE STATES TIMES ขอร่วมอนุโมทนาด้วย

(บุรีรัมย์) แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีเปิดอนุสรณ์เกียรติภูมิ 'พันโท ธีรเดช เพชรบุตร'

เมื่อวานนี้ (23 พ.ย. 67) พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีเปิดอนุสรณ์เกียรติภูมิ พันโท ธีรเดช เพชรบุตร ณ ช่องโอบก อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2/รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นายเกรียงศักดิ์ สมจิต ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยผู้บังคับหน่วย และส่วนราชการในพื้นที่ ให้การต้อนรับและร่วมปฏิบัติภารกิจ ซึ่งกองกำลังสุรนารี มีแนวคิดที่จะจัดสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อบันทึกเรื่องราวการสู้รบของหน่วยในทุกพื้นที่ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ และเทิดเกียรติวีรชนที่เสียสละชีวิตพร้อมเลือดเนื้อ เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินไทยตลอดมา และในครั้งนี้กองกำลังสุรนารี ได้จัดสร้างอนุสรณ์สถานในชื่อ 'อนุสรณ์เกียรติภูมิ พันโทธีรเดช เพชรบุตร' 

โดยมีประวัติการสู้รบในพื้นที่ ดังนี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2531 เวลา 10.30 นาฬิกา พันโท ธีรเดช เพชรบุตร ได้นำกำลังพลออกลาดตระเวน บริเวณพื้นที่เนิน 339 ช่องจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตรวจพบกำลังฝ้ายตรงข้าม ประมาณ 7 นาย เกิดการปะทะกันประมาณ 10 นาที ฝ่ายตรงข้ามได้ถอนกำลัง ออกจากพื้นที่ปะทะ พันโท ธีรเดช เพชรบุตร ได้นำกำลังพลไล่ติดตาม และได้เหยียบกับระเบิดของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ พันโท ธีรเดช เพชรบุตร ได้รับบาตเจ็บสาหัส ขาขาดทั้งสองข้าง และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ณ จุดเกิดเหตุ วีรกรรมของ พันโท ธีรเดช เพชรบุตร ในครั้งนั้น นับเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร ควรได้รับการยกย่องเชิดชู เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดี และความเสียสละเพื่อประเทศชาติสืบไป ในโอกาสนี้กองกำลังสุรนารี ได้เรียนเชิญคณะญาติ และเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร เพื่อร่วมรำลึกถึงวีรกรรมของพันโท ธีรเดช เพชรบุตร ดังนี้ คณะญาติ ประกอบด้วย คุณต่าย(พี่สาว) (คุณตุ้ม) และหลานสาว เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร ประกอบด้วย พลตรีกิตติศักดิ์ หนูมิตร  พลโทวิฑูรย์ ศิริปักมานนท์ พลเอกสุรพล เจียรณัย และ พลโท เดชา ปุญญบาล 

(บุรีรัมย์) ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ตรวจเยี่ยมการฝึก 'การส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ'

ที่ ช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี ตรวจเยี่ยมการฝึก 'การส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ' ในพื้นที่ ช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้กำลังพลสามารถปฏิบัติการปฐมพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ได้อย่างถูกวิธี และสามารถนำความรู้ถ่ายทอดให้กับกำลังพลต่อไปได้ 

โดยได้รับการสนับสนุนยุทธโธปกรณ์จากกองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมทำการฝึกในครั้งนี้ ซึ่งจัดกำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน โรงพยาบาลค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และ โรงพยาบาลบ้านกรวด ร่วมทำการฝึกการส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และขีดความสามารถให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน 

โดยมี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ 


 

‘อนุทิน’ หย่อนบัตรเลือกตั้ง อบจ. ที่บุรีรัมย์ ย้ำ!! เจ้าหน้าที่วางตัวเป็นกลาง ยัน!! ตัวเองมีพรรคพวก ลงหลายที่ ยังไม่เคยไปช่วยหาเสียง แม้แต่ที่เดียว

(1 ก.พ. 68) ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 7 เขตเลือกตั้งที่ 2 บริเวณศาลากลางหมู่บ้านไทยเจริญ หมู่ 4 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่มีรายชื่อของ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และครอบครัว รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่ในหน่วยเลือกตั้งนี้ด้วย

หลังจากนายเนวินและครอบครัวได้เดินทางมาลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้งเสร็จสิ้น นายอนุทินก็เดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และลงคะแนนเลือกตั้งในเวลาประมาณ 10.30 น.

นายอนุทิน เปิดเผยหลังใช้สิทธิ ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าจะวางตัวให้เป็นกลางมากน้อยแค่ไหน โดยระบุว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ ทั้ง กกต. เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย เขารู้ว่านี่คือภารกิจหน้าที่ที่จะต้องสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้จะมีความรักความชอบผู้สมัครบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นกลางแน่นอน แม้แต่ตัวเองตนไม่เคยไปยุ่ง

นายอนุทินกล่าวว่า มีพรรคพวกสมัครรับเลือกตั้งในหลายพื้นที่ก็ไม่เคยไปหาเสียงช่วย ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้ออกเป็นหนังสือไปแล้ว ให้ทุกส่วนทำตัวเป็นกลาง เท่าที่เห็นภาพแล้วเรียบร้อยดี รับรองไม่มีการซื้อเสียงหน้าหน่วยเลือกตั้ง

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า กรณีที่มี สส.ของพรรคบางคนไปหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค

‘น้องพั้นรักแมว’ สอบคณิตฯ O-NET คว้าคะแนนเกือบเต็ม 100 พร้อมทั้งสอบติดแพทย์ มข. สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนยุคใหม่

(26 มี.ค. 68) ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ เมื่อ ‘น้องพั้น’ พันธิตา บุญชวน หรือ “น้องพั้นรักแมว” นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม ทำให้หลายคนตะลึงเมื่อเธอสามารถสอบ O-NET วิชาคณิตศาสตร์ได้ถึง 96.25 คะแนน (เต็ม 100)

นอกจากนี้ น้องพั้นยังสอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความสามารถทั้งในด้านการเรียนและงานอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำอย่างเต็มที่

แม้จะมีการทำงานหนักในโลกออนไลน์เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับความนิยม แต่ “น้องพั้นรักแมว” ก็ยังสามารถบริหารเวลาได้ดี จนประสบความสำเร็จทั้งด้านการศึกษาและการงาน ซึ่งล่าสุด โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคมก็ได้โพสต์แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของเธอ

โดยแฟนคลับจำนวนมากต่างแห่ชื่นชมในความสวยและความสามารถ พร้อมยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการมีวินัยในการเรียนและการทำงาน ทั้งในด้านการศึกษาที่มุ่งมั่นและการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าในโลกออนไลน์ ซึ่งทุกคนต่างเห็นตรงกันว่า น้องพั้นรักแมวเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่เต็มไปด้วยอนาคตที่สดใสและน่าจับตามองในทุกๆ ด้าน

“ยินดีด้วยนะคะน้องพั้น! สุดยอดจริงๆ” เป็นเสียงส่วนหนึ่งจากแฟนคลับที่แสดงความยินดีในโพสต์ล่าสุดของเธอ พร้อมกับให้กำลังใจในทุกการเดินทางของเธอที่จะยังคงเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top