Saturday, 5 July 2025
บิ๊กตู่

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! 'กทม.' คว้าอันดับ 2 ของอาเซียน ครองอันดับ 30 เมืองที่ดีสุดในโลก ปี 2023

(26 ก.พ.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ Resonance Consultancy จัดอันดับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 30 จาก 100 เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2023 หรือ 100 Best Cities in the World 2023 และเป็นอันดับที่ 2 ของ อาเซียนซึ่งเปิดเผยข้อมูลโดยเว็บไซต์ ATLAS & BOOTS 

โดยการจัดอันดับในครั้งนี้ Resonance Consultancy ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งประเมินแนวโน้มของตลาด จุดแข็ง และจุดอ่อน ได้จัดอันดับ โดยประเมินจาก 6 หัวข้อ ได้แก่ 

1. สถานที่ ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยว และพื้นที่ใช้ชีวิตนอกบ้าน

2.ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ความเชื่อมโยงของสนามบิน พิพิธภัณฑ์ อันดับของมหาวิทยาลัย และสถานที่จัดงาน การประชุม 

3.ประชากร ได้แก่การมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน และการสำเร็จการศึกษา 

4.ความมั่งคั่ง ได้แก่ การมีบริษัทชั้นนำของโลก GDP อัตราการจ้างงาน และความเท่าเทียมของรายได้ 

5. กิจกรรม ได้แก่ การแสดงทางวัฒนธรรม ประสบการณ์ในการเที่ยวยามค่ำคืน ร้านอาหารที่มีคุณภาพ และสถานที่สำหรับการเลือกซื้อสินค้า 

6. การส่งเสริม ได้แก่ การค้นหาบนสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลการรีวิวบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ 

'ดร.เสรี' ชม 'ลุงตู่' หาเสียงสร้างสรรค์ ไม่แซะ แขวะ ด่าใคร เหน็บบางพรรค เล่นการเมืองน้ำเน่า ด้อยค่าคนอื่นไปทั่ว

(26 ก.พ.66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์ข้อความใน Facebook ว่า หาเสียงด้วยการบอกผลงานที่ทำมาซึ่งล้วนแล้วเป็นความจริง

หาเสียงด้วยการบอกสิ่งที่ตั้งใจทำซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ขายฝัน

หาเสียงด้วยการบอกความตั้งใจในการเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน ด้วยความจงรักภักดี ดำรงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ให้มั่นคง

หาเสียงไม่แซะ แขวะ ด่า ด้อยค่าใคร นี่แหละสุภาพบุรุษตัวจริง

บางพรรคด้อยค่าลุงตู่ว่าโง่ บริหารประเทศผิดพลาด พาประเทศชาติลงเหว สวนกับความเป็นจริงเชิงประจักษ์ ขายฝันมอมเมาประชาชนด้วยประชานิยม

'บิ๊กตู่' ผลักดัน นโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยกระดับ 'ไทย' เมืองศูนย์กลางด้านสุขภาพของโลก

(26 ก.พ.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (เมดิคอลฮับ) เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก 

โดยนายกฯ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้สำเร็จตามแผน และผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (ปี 2560 - 2569) ได้ดำเนินการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดังนี้ 

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ‘ไทย’ เป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่ ‘AFECA-ICCA’ สะท้อนความน่าเชื่อถือ พร้อมดัน ‘ธุรกิจไมซ์’ ขับเคลื่อน ศก.

(27 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่น และชื่นชมในศักยภาพการจัดการประชุม ซึ่งไทยทำได้ดีมาโดยตลอด

นายอนุชา กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติ 2 รายการ ได้แก่ สมาคมการประชุมนานาชาติ (International Congress and Convention Association: ICCA) ประกาศจัดประชุมใหญ่ประจำปีที่ไทยในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ และสมาคมสหพันธ์นิทรรศการและการประชุมแห่งเอเชีย (Asian Federation of Exhibition and Convention Associations: AFECA) ประกาศอย่างเป็นทางการ ให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญประจำปี Annual General Meeting 2023 (AFECA AGM 2023) ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ภายใต้แนวคิด ‘ASIA UNITES’ โดยจะมีสมาชิก 155 องค์กรจาก 19 ประเทศเดินทางมาร่วมประชุม ซึ่งการที่ไทยได้รับเกียรตินี้ สะท้อนและยืนยันถึงศักยภาพการเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของไทย เชื่อมั่นว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจำนวนมาก

'บิ๊กตู่' ชูนโยบาย ‘บัตรลุงตู่’ ดูแล ปชช.เท่าเทียม-ทั่วถึง ยัน ทุกนโยบายมีที่มางบฯ ชัดเจน มั่นใจ ‘รทสช.’ ชนะเลือกตั้ง

(27 ก.พ. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ขอคะแนนชาวจังหวัดนครราชสีมาให้ลงคะแนนเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 16 เขต โดยย้ำถึงนโยบายการสร้างความเท่าเทียม และความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำถึงการเข้ามาดูแลประชาชนในทุกด้านโดยเฉพาะด้านปากท้อง

ซึ่งเรื่องดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติตามแคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ โดยเฉพาะนโยบาย ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘บัตรลุงตู่’ เป็นการเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย เป็นเงินจำนวน 1,000 บาทต่อเดือน และการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันทุกคน เป็น 1,000 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ให้แบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ นอกจากนี้ ยังขยายการดูแลให้ครอบคลุมถึงกลุ่มอาชีพอิสระ ให้ได้รับสวัสดิการสามารถเข้าระบบประกันสังคมถ้วนหน้า

‘พปชร.’ ไม่ติดใจ ‘บิ๊กตู่’ ตีกินนโยบาย ชี้!! ย้อนดู 8 ปีก็รู้...ว่าผลงานใคร

(27 ก.พ. 66) นายอุตตม สาวนายน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายต่าง ๆ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 ซึ่งพบว่า มีหลายนโยบายทับซ้อนกับของพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ซีเรียสในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งได้ประกาศชัดเจนก่อนหน้านี้ว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พรรคพลังประชารัฐยินดีให้การสนับสนุน ไม่ต้องการเอาชนะคะคานกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ต่างก็รับทราบดีว่า นโยบายต่าง ๆ มีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นคนคิดริเริ่มและผลักดันจนเป็นรูปธรรม เพียงแต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกเรื่องจะต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม. ซึ่งมีนายกฯ เป็นหัวหน้า ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหิ้วเอานโยบายเหล่านั้น ติดตัวไปอยู่พรรคอื่นด้วย

นายอุตตม กล่าวต่อว่า อย่างนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็แค่ย้อนกลับไปดูว่า โครงการนี้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งขณะนั้น คนที่เข้ามาคุมนโยบายเศรษฐกิจให้รัฐบาล คสช. คือ ท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่กลางปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ท่านสมคิด กำกับดูแลหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ขณะที่ผม และท่านสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็เข้าร่วม ครม.ไปเป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของนายสมคิด ซึ่งได้มีนโยบายต่าง ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายอุตตม กล่าวอีกว่า เมื่อผมทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผ่านการเลือกตั้งปี 2562 แล้ว ส.ส.ทุกคนของพรรคพร้อมใจกันเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ท่านสมคิด และพวกผมก็ยังร่วม ครม.คุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เดินหน้าผลักดันนโยบายที่ริเริ่มเอาไว้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพวกผมลาออกจาก ครม.ในปี 2563 

“ย้อนดูไทม์ไลน์ช่วง 8 ปี ก็จะรู้ว่า ใครเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันนโยบายเหล่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ถ้าพรรคไหนเห็นว่านโยบายของเราดี จะนำไปสานต่อ พรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประวิตร ก็ยินดี ไม่ขัดข้องอะไร” นายอุตตม กล่าว

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน แกนนำพรรค ให้ความเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการริเริ่มของท่านสมคิด อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพวกตน ตั้งแต่ช่วงรัฐบาล คสช.ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จึงถือได้ว่าเป็นผลผลิตของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึง EEC

‘ก้าวไกล’ บุกศูนย์ร้องเรียนฯ ยื่นหลักฐานปมทุจริตบ้านพักทหาร ตามคำท้าของ ‘บิ๊กตู่’ จี้ หากยังนิ่งเฉย พร้อมยกระดับกดดัน

(28 ก.พ. 66) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ยื่นหลักฐานกรณีทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่เหตุกราดยิงโคราชเมื่อปี 2563 สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่นายปดิพัทธ์อภิปรายประเด็นดังกล่าว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท้าให้ส่งหลักฐาน

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในการอภิปรายมาตรา 152 ที่ผ่านมา ตนได้เปิดเผยหลักฐานที่ส่วนใหญ่มาจากผู้เสียหาย คือ คุณก้อยและคุณเบิร์ด (นามสมมุติ) ว่า การทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร มีการเรียกรับสินบน 5% และอมส่วนต่างค่าบ้าน จนนำไปสู่ความกดดันของทหาร ทำให้เกิดเหตุกราดยิงโคราช เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ภายในกองทัพ แต่ไม่มีการลงโทษใด ๆ

เมื่อคุณก้อยยื่นหลักฐานไปยังกรมสวัสดิการทหารบกและกระทรวงกลาโหม ก็ปรากฎว่าไม่ได้รับความยุติธรรม มีการลงโทษผู้กระทำผิดเพียงงดบำเหน็จครึ่งปี ส่วนอีกคนหนึ่งกักตัวแค่ 7 วัน ทำให้เราเห็นถึงความไม่ชอบธรรม ทั้งที่ผู้บัญชาการทหารบกน่าจะรับรู้เรื่องทั้งหมด และการที่โครงการบ้านพักทหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 และสิ้นสุดโครงการในปี 2564 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประยุทธ์จึงควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ตาม ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์หลังการอภิปรายมาตรา 152 นายกฯ ยังคงไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ กลับท้าว่าหากมีหลักฐานให้นำมายื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายพยายามยื่นเรื่องไปยังทุกช่องทางของกองทัพแล้ว การมาที่นี่วันนี้ จึงเป็นการพิสูจน์รอบสุดท้ายว่านายกฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน และหวังว่าหลักฐานจะถึงมือนายกฯ

‘บิ๊กตู่’ ฉุน!! ถูกสื่อจี้ถามวันยุบสภาฯ ปัด ไม่ใช่ 21 มี.ค. โวย จะรีบร้อนอะไรนักหนา ประชดบอก “พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

‘บิ๊กตู่’ หงุดหงิดหลังถูกซักถึงวันยุบสภา ปัด ไม่ใช่ 21 มี.ค. ประชดบอกพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ยัน คุยกับ ‘เสี่ยหนู’ ตอบทุกเรื่อง ปัด รทสช. อยู่เบื้องหลัง ‘ชูวิทย์’ ถล่มภูมิใจไทย หวานหยด ยังรักและเคารพ ‘บิ๊กป้อม’ เหมือนเดิม แต่เรื่องร่วมรัฐบาลคุยกันทีหลัง

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอด คุยกันทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการคุยกันถึงกรณีที่มีการมองกันว่าที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมา เคลื่อนไหวและ เปิดเผยข้อมูล ในลักษณะการโจมตีพรรคภูมิใจไทย เป็นการรับงานมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ได้เกี่ยวหรอกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม เพราะผมบอกแล้วว่าวันนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีผมจำเป็นต้องรักษาความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลร่วมกันมาเกือบสี่ปีแล้ว ในส่วนของพรรคการเมืองผมก็ได้ให้นโยบายไปกับผักไปแล้วว่าจะไม่ไปก้าวล่วงใครทั้งสิ้น เราต้องเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร ใครจะว่าอย่างไรผมก็เฉย ๆ ของผม เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการหาเสียงก็ว่ากันไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วในส่วนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการพูดคุยกันแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็คุยกันตลอดเวลาละจ้ะ วันนี้ฉันก็คุยกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ก็ยังรักเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ คราวนี้ใครจะพูดอะไรก็ว่ากันไป ใครเขียนใครจะเขียนก็เขียนกันไปเถอะ จะกี่ร้อยก็ว่ากันไปเถอะ”

เมื่อถามว่า หากอนาคตพรรครวมไทยสร้างชาติโดยเป็นการนำการจัดตั้งรัฐบาล พูดได้หรือไม่ว่าจะมีพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร เข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็รอไว้ให้มันเลือกตั้งแล้วก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน เค้าไม่พูดกันตอนนี้หรอก เขาไว้พูดกันตอนที่เลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ขอพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องของพรรคก็เป็นของส่วนพรรค ก็อยู่ที่ประชาชนจะเลือกตั้งมากน้อยก็ว่ากันมา แต่การจะร่วมรัฐบาลนั้นก็คุยกันทีหลังอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ตนก็อยู่ในกระบวนการเหล่านี้อยู่แล้วทุกอย่าง พูดทีหลังทั้งหมดไม่ใช่มาพูดกันก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เคยพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ว่า จะไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ถามอะไรหรอก ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้พูดว่าจะไปจับมือกับใคร ท่านบอกกับผมอย่างนั้น ท่านบอกว่าไม่เคยไปให้สัญญาอะไรกับใครไว้ทั้งสิ้น”

‘บิ๊กตู่’ กั๊กตอบชื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 'รทสช.' แต่ย้ำ!! พรรคเน้นทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

(1 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้ ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน

ตนมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่าง ๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส. และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ตนมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดของ กกต. พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งให้ครบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าได้ ส.ส.อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตั้งเป้า แล้วไม่ได้ตามเป้าแล้วจะไปตั้งทำไม เพราะเราเชื่อมั่นว่าจะได้กว่าเป้า ส่วนเป้าที่วางไว้จะเป็นเท่าไหร่นั้นจะยังไม่บอก ทุกคนต่างหวังเช่นนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะเป็นรัฐบาลได้ ส.ส. จำนวน 250 เสียงขึ้นไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลกติกาก็คือจะต้องได้คะแนนเสียงสูง และต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสียงมากเสียงน้อยก็จะต้องขึ้นอยู่กับบทบาทการพูดคุยต่อไป ว่าเป็นรัฐบาลกันอย่างไร เพราะครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ตนก็ผ่านมาแล้ว

‘บิ๊กตู่' ย้อนสื่อ 'เศรษฐา' เป็นใคร? ลั่น!! ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ ของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง

(1 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้ ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน ตนมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่าง ๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส.และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ตนมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และ กกต.พรรครวมไทยสร้างชาติส่งให้ครบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top