Sunday, 8 June 2025
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

‘คลัง’ ยัน ‘บัตรสวัสดิฯ’ รอบใหม่ ไปต่อ!! แม้ยุบสภา ย้ำ!! หากยืนยันตัวตนสำเร็จ เริ่มใช้สิทธิ 1 เม.ย. ตามเดิม

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 นั้น กระทรวงการคลังขอยืนยันว่า ไม่มีผลต่อการดำเนินงานในโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 หรือ บัตรคนจนรอบใหม่ โดยทุกกระบวนการ ทั้งการยืนยันตัวตน การใช้สิทธิรอบใหม่ และการยื่นอุทธรณ์กรณีไม่ผ่านสิทธิ ยังเป็นไปตามที่ประกาศไว้

สำหรับ การยืนยันตัวตนของผู้ได้รับสิทธิ เดินทางไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ได้ทุกวันจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 สาขาทั่วไปตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น.

ส่วนช่วงระยะเวลามีทั้งหมด 5 รอบ คือ

รอบที่ 1 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 1-26 มีนาคม 2566 จะได้เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 เมษายน 2566
รอบที่ 2 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-26 เมษายน 2566 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
รอบที่ 3 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 เมษายน-26 พฤษภาคม 2566 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 มิถุนายน 2566
รอบที่ 4 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม-26 มิถุนายน 2566 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 กรกฎาคม 2566
รอบที่ 5 ยืนยันตัวต้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป และเริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 สิงหาคม 2566

โดยผู้ที่ยืนยันรอบ 2-4 จะได้รับสิทธิย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ (สิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจาก “ร้านธงฟ้า” เท่านั้น) สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนรอบที่ 5 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้

ขณะที่ ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ สามารถขออุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566 (62 วัน) โดยดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.ของทุกวัน

หรือขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

‘ก.คลัง’ เล็งดึง BRT-สองแถวรับจ้าง-เรือโดยสารสาธารณะ ร่วมโครงการ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ให้บริการแก่ผู้มีสิทธิ

‘คลัง’ กางยอดยืนยันตัวตนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 แล้ว 11.38 ล้านราย ส่วนยอดยื่นอุทธรณ์พุ่ง 1.12 ล้านราย พร้อมแจงลุยศึกษาประเภทระบบขนส่งเล็งดึงรถเอกชนร่วมขสมก.-BRT-สองแถวรับจ้าง-เรือโดยสารสาธารณะ เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิ

(22 มี.ค.66) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ณ วันที่ 21 มี.ค. 2566 เวลา 13.00 น. ว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ 11,383,700 ราย คิดเป็น 77.99% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 14,596,820 ราย โดยมีจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ทั้งสิ้น 1,122,950 ราย

สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จ ภายในวันที่ 26 มี.ค. 2566 จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 ตามกำหนดการที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะได้รับสวัสดิการ ดังนี้ 

1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 - 23.00 น. ของทุกวัน 

2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 - 23.00 น. ของทุกวัน

3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง ได้แก่ รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS-รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด และรถไฟ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้บริการระบบขนส่งดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 ตั้งแต่เวลา 00.30 น. เป็นต้นไป

“คลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่งเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิ ได้แก่ รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (BRT) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน รถสองแถวรับจ้างและเรือโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป” นายพรชัย กล่าว

‘ราชกิจจาฯ’ ประกาศให้ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ทายาทขอรับได้ภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต มีผลบังคับใช้ทันที

ราชกิจจาฯ ประกาศให้ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ทายาทได้ 3,000 บาท จาก พม.ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรได้ทุกคนที่เป็นคนไทย ขอรับภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต

(28 ก.ค. 66) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะได้รับ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.) อายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2.) สัญชาติไทย
3.) ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ผู้อํานวยการเขต หรือนายอําเภอ หรือกํานัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรอง ตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

'ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ในประกาศนี้รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดําเนินการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์

การยื่นคําขอเพื่อขอ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณีรายนั้นยื่นคําขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลําเนาในขณะถึงแก่ความตาย ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานเขต

ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นคําขอที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอําเภอ หรือสํานักงานเทศบาล หรือที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา แบบคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้ยื่นคําขอ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ต้องยื่นคําขอภายในกําหนด 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้

1.) ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
2.) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ หรือหนังสือรับรองตามข้อ 5 (3)
3.) บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียน หรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดําเนินงานมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ด้วย
4.) สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคําขอ เว้นแต่ประสงค์จะขอรับเงินสดให้ดําเนินการตามระเบียบของทางราชการ
5.) หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งออกโดยบุคคล ตามข้อ 5 (3) หรือหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ 5 วรรคสอง สําหรับกรณีผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอและผู้รับรองต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน แบบหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน ต.ค. 2564 - พ.ค. 2565 มีผู้ขอรับ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ จำนวน 93,127 ราย เป็นเงิน 279.38 ล้านบาท

‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ใช้ซื้อตั๋ว ‘นครชัยแอร์’ ได้ทุกเที่ยวทุกเส้น ใช้สิทธิ์ได้ตามวงเงิน เฉพาะหน้าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วเท่านั้น

(2 ต.ค.66) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถซื้อตั๋วโดยสารนครชัยแอร์ได้ทุกเส้นทาง ใช้สิทธิ์ได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วนครชัยแอร์ เท่านั้น  สามารถใช้ได้ตามวงเงินที่กรมบัญชีกลางกำหนดจำนวน 750 บาท ในแต่ละเดือน

ไทม์ไลน์เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนเดือนตุลาคม 2566

>> วันที่ 1 ตุลาคม 2566
วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ได้คนละ 300 บาทต่อเดือน
วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อเดือนประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) และนครชัยแอร์
วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อ 3 เดือน

>> วันที่ 20 ตุลาคม 2566
เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท โดยจะต้องเป็นผู้พิการที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประจำตัวผู้พิการ และได้รับสิทธิสวัสดิการรอบใหม่ โดยต้องยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรก่อน จึงจะได้รับสิทธิ แบ่งจ่าย ดังนี้
เงินผู้พิการ 800 บาท : โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเหมือนเดิม ทุกวันที่ 10 ของเดือน.

'ธนกร' ขอบคุณ 'รัฐบาลเศรษฐา' เดินหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่อง ชี้!! ดูแลคนจนได้ตรงเป้าสุด แนะ!! ปรับเพิ่มวงเงินรับ ศก.ยุคข้าวของแพง

(25 ก.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เสนอแนะต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนได้อ่านข้อมูลรายงานประจำปีกระทรวงการคลังอย่างละเอียด ก็ต้องขอบคุณกระทรวงการคลัง เพราะ 'โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและเกิดขึ้นในปี 2559 ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยที่จะใช้ดูแลพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างตรงเป้าหมายที่สุด ซึ่งปัจจุบันผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 14 ล้านคน แม้ว่าในช่วงแรกโครงการดังกล่าว จะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ว่าไม่ได้ช่วยพี่น้องคนยากคนจน แต่สุดท้ายโครงการนี้กลับเป็นโครงการที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศชื่นชมมากที่สุด เพราะดูแลคนยากคนจนอย่างตรงเป้าหมายที่สุดแล้ว  

ดังนั้นโครงการนี้ จึงมีความสำคัญและต้องขอขอบคุณรัฐบาลนี้ ภายใต้การนำนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ได้ดำเนินโครงการนี้และดูแลพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้มีรายได้น้อยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และตนยังมีข้อเสนอแนะด้วยว่า อยากให้ทางกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการปรับปรุงเงื่อนไข เนื่องจากวันนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ควรจะปรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็ปรับขึ้น สิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องแบกรับค่าครองชีพ ค่าอาหาร ค่าบริโภค ค่าเดินทางเหล่านี้ ภาครัฐต้องมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มวงเงินให้กับพี่น้องประชาชนไม่มากก็น้อย ซึ่งได้มีการสำรวจข้อมูลออกมาแล้วจึงขอให้ไปดูรายละเอียดและปรับเงื่อนไขให้เกิดความเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน ข้อมูลผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14 ล้านคน มีข้อมูลอาชีพ การศึกษา รายได้ และต่าง ๆ เหล่านี้ จึงขอให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงและออกแบบเพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในแต่ละด้านให้ตรงเป้าหมาย นอกจากนั้นยังมองว่าการอบรมสัมมนาผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐควรจะมีการเพิ่มอบรมด้านอาชีพให้ตรงกับตลาดของแรงงานเกี่ยวกับทักษะการศึกษาและให้สามารถเข้าถึงแหล่งการบริการของภาครัฐให้มากยิ่งขึ้น

"วันนี้รัฐบาลนี้เป็นมืออาชีพและมีการดำเนินการต่อหลายโครงการในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน สามารถนำมาปรับปรุงต่อยอดให้ดีขึ้นกว่าเดิม ต้องขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ลุงตู่ที่ทำโครงการดี ๆ นี้ ไว้ให้กับพี่น้องประชาชนและเชื่อว่า ทุกวันนี้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต่างก็คิดถึงลุงตู่ที่ได้ทำโครงการดี ๆ ไว้มากมาย" นายธนกร กล่าว

อุตรดิตถ์-บรรยากาศประชาชนเดินทางมารับเงินโอนตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ อย่างคึกคัก 

(25 ก.ย.67) ที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย สาขา ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยส่วนราชการสังกัดกระทรวงการคลัง จ.อุตรดิตถ์ และ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุตรดิตถ์ ติดตามการโอนเงิน10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 วันแรก นอกจากนี้ยังได้โฟนอิน กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังเปิดงาน (Kick Off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของ จ.อุตรดิตถ์ คือ นางชัยศรี (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ท่าเสา อ.เมืองอุตรดิตถ์ ที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาทเป็นที่เรียบร้อย โดยกล่าวว่าจะนำเงินดังกล่าวเป็นทุนต่อยอดการขายข้าวหมกไก่ ที่เปิดร้านอยู่ริมคลองเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ดีใจและขอบคุณรัฐบาลที่มอบโครงการดีๆให้กับชาวบ้าน 

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่าสำหรับ จ.อุตรดิตถ์ มีประชาชนที่ได้รับเงินในวันแรกมีโอกาสได้พูดคุย(โฟนอิน)กับท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ประชาชนที่ได้รับสวัสดิการดังกล่าว จังหวัดอุตรดิตถ์มีประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 112,084 ราย และ ผู้พิการ 22,342 ราย จะมีการแบ่งทยอยโอน 4 วัน เข้าบัญชีพร้อมเพย์ และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ ระหว่างวันที่ 25-30 กันยายน 2567 

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับวันแรกนั้น เป็นในส่วนของประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 0 และผู้พิการ ซึ่งกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้โอนจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567

เช็กข้อมูล ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ รอบปี 2568 เตรียมลงทะเบียน พร้อมรับสวัสดิการ 1.5 พันต่อเดือน

(28 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้มีการทบทวนข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ทุก ๆ 2 ปี นั้น

สำนักข่าวมติชน ได้รายงานว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะนัดประชุมหารือความคืบหน้าเรื่องนี้ในเร็ว ๆ นี้ ตามมติครม. ที่ให้มีการทบทวนข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ทุก 2 ปี

เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯ รอบใหม่ช่วงต้นปี 68 ก่อนจะมีการคัดกรองคุณสมบัติใหม่ เพื่อให้ได้ผู้มีสิทธิทั้งหมดเสร็จทันภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568

ซึ่งผู้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ จะได้เงินช่วยเหลือ 1,545 บาท แยกเป็น

-วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
-วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
-วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
-มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
-มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

สำหรับเว็บลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 หากเงื่อนไขการลงทะเบียนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คาดว่า กระทรวงการคลัง จะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th/ มีขั้นตอนลงทะเบียน 6 ขั้นตอน ดังนี้

1.เข้าไปเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th
https://welfare.mof.go.th/ คลิกลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เลือกหน่วยงาน เช่น ธนาคารกรุงไทย เลือกจังหวัด

2.กรอกข้อมูลบัตรประชาชน และ เลข Laser หลังบัตรประชาชน คลิก ขั้นตอนถัดไป

3.กรอกข้อมูล 4 ส่วนได้แก่ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียน,การประกอบอาชีพ,รายได้และหนี้สินของผู้ลงทะเบียน และ ความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ

4.ผู้ลงทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส หรือ มีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เลือกหน่วยรับลงทะเบียนที่จะไปยื่นเอกสาร

5.ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกดยืนยัน

6.ไม่มีมีครอบครัว รอผลการตรวจสอบสถานะบุคคล , มีครอบครัว ไม่แสดงตัวตน และ ยื่นเอกสารยังหน่วยงานลงทะเบียนที่เลือกไว้

คุณสมบัติลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ที่ได้กำหนดก่อนหน้านี้
1.สัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป
2.รายได้ไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี
3. รายได้เฉลี่ยครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี
4. มีทรัพย์สิน : เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ไม่เกิน 100,000 บาท/คน
4. ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์(ตามที่กำหนด)
5. ต้องไม่มีบัตรเครดิต
6. มีวงเงินกู้ ที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ/หรือ วงเงินกู้ ยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น

ด้านสำนักข่าว ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ได้รายงานถึงไทม์ไลน์ของโครงการ ดังกล่าวว่า 

มกราคม 2568 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งคนเก่า และ คนใหม่
มีนาคม 2568 ประกาศผล เปิดให้ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์
เมษายน 2568 เริ่มใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนรอบใหม่

สำหรับเว็บไซต์ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 กระทรวงการคลัง เตรียมปรับปรุงเว็บไซต์เดิมเพื่อรองรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่  

กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้ลงทะเบียนประมาณ 10 ล้านราย (ประมาณการจากกลุ่มกรอกข้อมูลลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ไม่ครบถ้วน 1.3 ล้านราย กลุ่มผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจำนวนประมาณ 5.1 ล้านราย และกลุ่มผู้ที่ตกหล่น/ต้องการลงทะเบียนเพิ่มจำนวนประมาณ 2 ล้านราย รวมถึงกลุ่มผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลจากกรมการปกครองจำนวนประมาณ 1.4 ล้านราย)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top