‘ก.คลัง’ เล็งดึง BRT-สองแถวรับจ้าง-เรือโดยสารสาธารณะ ร่วมโครงการ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ให้บริการแก่ผู้มีสิทธิ

‘คลัง’ กางยอดยืนยันตัวตนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 แล้ว 11.38 ล้านราย ส่วนยอดยื่นอุทธรณ์พุ่ง 1.12 ล้านราย พร้อมแจงลุยศึกษาประเภทระบบขนส่งเล็งดึงรถเอกชนร่วมขสมก.-BRT-สองแถวรับจ้าง-เรือโดยสารสาธารณะ เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิ

(22 มี.ค.66) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ณ วันที่ 21 มี.ค. 2566 เวลา 13.00 น. ว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ 11,383,700 ราย คิดเป็น 77.99% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 14,596,820 ราย โดยมีจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ทั้งสิ้น 1,122,950 ราย

สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จ ภายในวันที่ 26 มี.ค. 2566 จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 ตามกำหนดการที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะได้รับสวัสดิการ ดังนี้ 

1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 - 23.00 น. ของทุกวัน 

2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 - 23.00 น. ของทุกวัน

3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง ได้แก่ รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS-รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด และรถไฟ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้บริการระบบขนส่งดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 ตั้งแต่เวลา 00.30 น. เป็นต้นไป

“คลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่งเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิ ได้แก่ รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (BRT) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน รถสองแถวรับจ้างและเรือโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป” นายพรชัย กล่าว

4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิจะต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ ‘ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเม.ย. 2566’ หากลงทะเบียนกับหน่วยงานผู้ให้บริการ ได้แก่ สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง หรือสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภายในวันที่ 8 เม.ย. 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือภายในวันที่ 20 เม.ย. 2566 เวลา 17.00 น.

5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด โดยจะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ ‘ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเม.ย. 2566’ หากลงทะเบียนกับหน่วยงานผู้ให้บริการ ได้แก่ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคภายในวันที่ 25 มี.ค. 2566 เวลา 17.00 น.

สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีสิทธิที่ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่งดังกล่าวข้างต้น โดยผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องสำรองเงินในการชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแต่อย่างใด ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 2566

อย่างไรก็ดี การได้รับสวัสดิการภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 จะไม่กระทบกับการได้รับสวัสดิการอื่น ๆ ของภาครัฐโดยผู้มีสิทธิจะยังคงสามารถรับสิทธิสวัสดิการอื่น ๆ ของภาครัฐได้โดยไม่มีการตัดสิทธิสวัสดิการอื่น ๆ แต่อย่างใด


ที่มา: https://www.thaipost.net/economy-news/346356/