Friday, 3 May 2024
ทำร้ายร่างกาย

‘ลอนดอน’ ผวา!! ชายทำร้าย ‘หญิง-เด็ก’ ด้วยน้ำกรด  พบประวัติเคยขอลี้ภัย มีคดีล่วงละเมิด ยังจับตัวไม่ได้

ไม่นานมานี้ เพจ ‘Amthaipaper (หนังสือพิมพ์ไทยในอังกฤษ)’ ได้โพสต์ข้อความเผยถึงผู้ต้องสงสัยชายทำร้ายหญิง-เด็กด้วยน้ำกรด เคยขอลี้ภัย มีคดีล่วงละเมิด ระบุว่า…

ชายต้องสงสัยก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่หญิงสาวและเด็กหญิง ในย่านแคลปแฮม กรุงลอนดอน ถูกเปิดเผยว่า เคยเป็นผู้อพยพลี้ภัยและมีคดีล่วงละเมิดทางเพศมาก่อน 

ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัว

ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีชื่อว่า ‘อับดุล เอเซดี’ อายุ 35 ปี มาจากเมืองนิวคาสเซิล มีบาดแผลสาหัสที่ใบหน้าด้านขวา และถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันพุธที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ในซูเปอร์มาร์เก็ตเทสโก้ สาขาถนนคาเลโดเนียน ใกล้คิงส์ครอส เพียง 1 ชั่วโมงหลังก่อเหตุ

เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือหญิงสาววัย 31 ปี และลูกสาววัย 3 และ 8 ขวบ ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

ตำรวจหลายสิบนายในชุดป้องกัน ‘วัตถุอันตราย’ บุกค้นบ้านพักของเอเซดีใน ย่าน เลย์ตันสโตน ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.พ. แต่ไม่พบตัว

เอเซดีถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในปี 2561 และได้รับโทษรอลงอาญาจากศาลนิวคาสเซิล เขาได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยหลังจากความพยายามล้มเหลว 2 ครั้ง เขาเดินทางเข้ามาสหราชอาณาจักรด้วยรถบรรทุกในปี 2559 และอ้างว่าเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ เพื่อให้ได้รับการลี้ภัย

ตำรวจนครบาลเผยแพร่ภาพการพบเห็นเอเซดีครั้งสุดท้ายที่เทสโก้ เอ็กซ์เพรส บนถนนคาเลโดเนียน เมื่อเวลา 20.48 น. ของวันพุธ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งชั่วโมงหลังเหตุโจมตี

ผู้กำกับกาเบรียล คาเมรอน กล่าวว่า “ภาพนี้ถ่ายจากร้านเทสโก้ ซึ่งเชื่อกันว่าเอเซดีซื้อขวดน้ำหนึ่งขวด” เขาออกจากร้านแล้วเลี้ยวขวา ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเอเซดีมีอาการบาดเจ็บสาหัสที่ใบหน้าด้านขวา 

หากพบเห็นเอเซดี ให้โทร 999 ทันที และไม่ควรเข้าใกล้เขา

>> ข้อมูลสำคัญ
• ชื่อ : อับดุล เอเซดี
• อายุ: 35 ปี
• มาจาก : เมืองนิวคาสเซิล
• ลักษณะ : บาดแผลสาหัสที่ใบหน้าด้านขวา
• สถานที่พบเห็นครั้งสุดท้าย : เทสโก้ เอ็กซ์เพรส ถนนคาเลโดเนียน เวลา 20.48 น. วันพุธที่ 31 มกราคม 2567
• เบาะแส : โทร 999

การโจมตีด้วยสารเคมีในแคลปแฮม : อัปเดต

>> ภาพใหม่ของผู้ต้องสงสัย : มีการเผยแพร่ภาพใหม่ของ Abdul Chowdhury Eisadi ผู้ต้องสงสัยในคดีโจมตีด้วยสารเคมีในย่าน Clapham ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็น Eisadi กำลังหลบหนีออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน Clapham South

>> พบภาชนะบรรจุสารเคมี : เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบภาชนะบรรจุที่มีฉลาก ระบุว่า ‘กัดกร่อน’ ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ เชื่อกันว่าภาชนะเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตี

>> แม่ของผู้ต้องสงสัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล : แม่ของ Eisadi ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากได้รับยาสลบ ตำรวจไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

>> การติดตามตัวผู้ต้องสงสัย : เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัว Eisadi อยู่ ยังไม่มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย

>> จำนวนผู้บาดเจ็บ : ผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คนจากเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้

#amthaipaper #นสพแอมไทย | www.amthai.co.uk |IG: @amthaipaper | Line ID: AmthaiUK |Twitter: @amthaipaper |Tiktok: amthaipaper |YouTube: @TheAmthaipaper | Threads:@amthaipaper

Clapham chemical attack suspect revealed to be refugee sex offender as manhunt stepped up

Clapham chemical attack : New images of suspect taking Tube in escape; containers with ‘corrosive’ labels found; mother sedated in hospital.

The manhunt for Abdul Shokoor Ezedi, who is suspected of committing a chemical attack in south London on Wednesday that injured 12 people, is still ongoing.
.
The suspect had ‘significant injuries’ to his face when he was spotted entering a Tesco on Caledonian Road, near King's Cross, after the attack.
.
The manhunt for a suspect wanted over a corrosive substance attack which left a girl and her mother with potentially life-changing injuries intensified on Friday as it was revealed that he was granted asylum despite being a convicted sex offender.
.
Abdul Ezedi, 35, from the Newcastle area, was described by police as having ‘significant injuries to the right side of his face’. He was still on the run having last been seen at a supermarket in north London on Wednesday evening.

The sighting came just over an hour after the attack on the 31-year-old woman, believed to be known to Ezedi, who was with her daughters, aged three and eight. All three remain in hospital.

Dozens of police dressed in protective ‘hazmat’ suits raided an address in Leytonstone, east London, on Thursday night. It is understood Ezedi had a connection to the area but was not found.

The suspect, who is reportedly from Afghanistan, was convicted of a sexual offence in 2018 and given a suspended sentence at Newcastle crown court. The Crown Prosecution Service confirmed he was sentenced on January 9 of that year after pleading guilty to one charge of sexual assault and one of exposure.

He was granted asylum after two failed attempts, having reportedly travelled to the UK on a lorry in 2016, it is believed.

Ezedi was allowed to stay in Britain after a priest confirmed that he had converted to Christianity and was ‘wholly committed’ to his new religion, the Daily Telegraph reported. An asylum seeker can claim asylum in the UK on the basis of religious persecution in their home country.

The Metropolitan Police have released an image of Ezedi’s last-known sighting, at a Tesco Express in Caledonian Road at 8.48pm on Wednesday - just over an hour after the attack.

Superintendent Gabriel Cameron said : “The image is taken from the Tesco store, where Ezedi is believed to have purchased a bottle of water. He left the shop and turned right. The image shows Ezedi with what appears to be significant injuries to the right side of his face. This makes him distinctive. If you see Ezedi, call 999 immediately. He should not be approached.”

There was a heightened police presence in the area yesterday, including unmarked cars and vans.

‘แพทย์สาว’ ร้อง!! ถูก ‘เจ้าของศูนย์อนุรักษ์สัตว์ชื่อดัง’ ทำร้าย เหตุไม่พอใจนั่งหน้าบ้าน พร้อมขู่!! รู้จัก ตร.ยศใหญ่ ยิงตายก็ไม่ผิด

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chaiyachot Uttamang โพสต์ข้อความและภาพว่า ลูกสาวที่เป็นหมออยู่ใน จ.ภูเก็ต ถูกชาวสวิสทำร้าย โดยมีข้อความว่า

“#เรื่องเล่า_จากแพทย์หญิงไทยถูกชายต่างชาติชาวสวิสทำร้ายบนผืนดินไทย
ลูกสาวของผมผู้เป็นหมออยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นคนสุภาพและถ่อมตนเป็นปกติ เขียนข้อความออกมาจากร่างกายและจิตใจของเธอที่ถูกทำร้ายว่า…

สวัสดีค่ะ ขออนุญาตขอความช่วยเหลือเพื่อกระจายข่าวเพื่อความยุติธรรมด้วยค่ะ
เราถูกชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างทำร้ายร่างกายค่ะ
โดยมีลำดับเหตุการณ์ ดังนี้

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น. เราไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกัน ที่ร้าน Taste Yamu หลังกินเสร็จก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวใกล้บ้านบริเวณ Cape Yamu คือ ปกติไปเดินเที่ยวบ่อยเนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และค่อนข้างปลอดภัย

ตอนเราเดินไปที่หาดกับเพื่อนเจอพี่ยามคนนึง แกก็ถามว่าเรามาดูดวงจันทร์ใช่มั้ย เพราะมันเป็นวันมาฆบูชา (ฟูลมูน) เลยตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า ครับ เอนจอย ครับ แล้วเดินจากเราไป เรากับเพื่อนเดินดูดวงจันทร์บนชายหาดกันสักพัก รู้สึกเมื่อยและอยากนั่งพัก จึงเดินไปนั่งตรงบันไดที่ปลูกลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย

ในขณะที่เรานั่งอยู่รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จึงหันไปพูดกับเพื่อนว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินมา จากนั้น พลันก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่า เกิดจากหน้าแข้งที่กระหน่ำเตะลงมาที่กลางหลัง จากชายชาวต่างชาติตัวใหญ่น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวิดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด เรากับเพื่อนเลยเดินไปหาพี่ยาม บนป้อมยามบนเนินข้างบน แล้วบอกว่า “พี่คะ หนูถูกทำร้ายร่างกาย” พี่ยามก็ตกใจและพาเราไปยังหน้าวิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ

ฝรั่งคนนั้นแสดงอาการโกรธสบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้นภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ตอนนั้นเรากับเพื่อนแอบดีใจเพราะคิดว่าจะเคลียร์กันได้ แต่ประโยคแรกที่ภรรยาชาวไทยพูดถึงกับทำให้เรากับเพื่อนสตันท์ไป เพราะเธอบอกว่า “นี่อีดอ* สองตัวนี้มานั่งอยู่หน้าบ้านกู พวกมึ* รู้ไหมต่อให้พวกกู ยิงพวกมึ*ตาย กูก็ไม่ผิด เพราะลูกกูเป็นตำรวจและรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กูจะเอาพวกมุ*เข้าคุกให้ได้ กูจะโทรหาท่านรองเดี๋ยวนี้” จากนั้นเธอก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่าให้ส่งตำรวจมา

ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง หลังจากที่ตำรวจมาคุยกับเรา เราก็บอกกับตำรวจว่า เราถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็มาพูดกับเราว่า “อ่อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้ไหมชั้นไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมุ*นั่งหน้าบ้านกู”

เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้นตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราเป็นคนบุกรุกมีโทษหนักกว่าต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกายจ่ายเงินก็จบ เราเลยช็อกไป ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก

เราจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2. ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก ฝั่งนู้นเขาบอกว่า “#เราขอโทษฝรั่งได้_แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษเรา #และเราจะต้องติดคุก”

หลังจากนั้นเราจึงไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง หลังจากแจ้งความ เราได้ทราบชื่อของชาวต่างชาติคนนี้ซึ่งทำให้เราช็อกมาก เพราะชายคนนี้เป็นชาวสวิส ที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์สัตว์ดัง ที่เคลมว่าเขาจะปกป้องดูแลช้างและไม่ทำร้ายช้าง แต่เขาทำร้ายผู้หญิงค่ะ!

รบกวนขอความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ เพราะอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีข้อสังเกตว่ามีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เบื้องหลัง และเราคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น #ไม่สมควรมีคนไทยคนไหนโดนชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย #คนไทยผู้เป็นสุจริตชน #ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยค่ะ

จาก #ผู้หญิงไทยคนหนึ่งผู้ถูกชายชาวต่างชาติคนหนึ่งทำร้าย
(28 กุมภาพันธ์ 2024)”

ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้โทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายเป็นลูกสาวของตนเองประกอบอาชีพเป็นแพทย์อยู่ในโรงพยาบาล ที่จังหวัดภูเก็ต ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อดูแลครอบครัวให้ได้รับความเป็นธรรม มีกำหนดการเดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ต ถึงในค่ำวันนี้เนื่องจากในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พนักงานสอบสวน มีกำหนดการเรียกไปพบ เพื่อต้องการที่จะเอาเอกสารใบรับรองของแพทย์ที่ตรวจร่างกายไปให้ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเท่าที่ทราบ พนักงานสอบสวนยังไม่ลงหมายเลขคดีแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ลูกสาวต้องการขอความเป็นธรรม ในคดีให้อายัดตัวนักธุรกิจรายนี้ อย่างไรก็ดีทราบว่า มีนายตำรวจ ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีกำหนดการว่าจะมาร่วมพบปะลูกสาว ที่ สภ.ถลางในวันพรุ่งนี้ด้วย (ภรรยาชาวสวิสอ้างว่า มีลูกชายเป็นตำรวจและรู้จักตำรวจระดับรองฯ) อย่างไรก็ดีเท่าที่ได้พูดคุยกับลูกสาว ลูกสาวยืนยันว่า จะต่อสู้ในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์หญิงรายดังกล่าว ยังได้นำใบลงบันทึกประจำวัน โพสต์ลงในเฟซบุ๊กด้วย

'คุณพ่อ' เผย!! 'แพทย์หญิง' ลุยฟ้องฝรั่งคู่กรณี ทวงศักดิ์ศรีให้คนไทย  ลั่น!! ถ้าแค่สะดุดล้มจริง จะด่า 'ลูกสาวตน-เพื่อน' เพื่ออะไร

(29 ก.พ.67) ความคืบหน้ากรณี แพทย์หญิงแจ้งความชาวต่างชาติ ทำร้ายร่างกายที่บันไดวิลลาหรู บริเวณหาดยามู ต.ป่าคลอก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ได้นัดผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้

ล่าสุด คุณพ่อของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ทางตำรวจรับเป็นคดีแล้ว ลูกสาวยืนยันว่า จะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ต เจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน

ทั้งที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย เหตุที่ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะคำพูดของชาวต่างชาติคู่กรณี ที่พูดว่า คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด

ส่วนกรณีที่คู่กรณี ออกมาบอกว่าไม่ได้เตะ แต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้ อยากตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโต น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว หากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวของตน และเพื่อนที่ไปด้วยกัน แม้ลูกสาวจะมีความระแวงและกังวล แต่ลูกก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจ

สำหรับการตรวจสอบเรื่องการก่อสร้างบันไดนั้น ทางอำเภอถลางและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบแล้ว

สะเทือนใจ!! ‘ต่างชาติกร่าง’ ทำร้ายคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย เปรียบ!! หากเกิดขึ้นใน ‘สหรัฐฯ’ อาจลามถึงขั้นลงถนนประท้วง

จากกรณีชาวต่างชาติได้เข้าทำร้ายคุณหมอ ขณะนั่งพักอยู่ที่บันไดริมชายหาดในภูเก็ต จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลังชาวต่างชาติรายดังกล่าวพร้อมภรรยาได้ออกมาขอโทษคุณหมอผู้เสียหาย แต่ทางคุณหมอยืนยันจะเอาผิดทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (4 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘David William’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ครูเดวิด วิลเลียม’ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ที่รู้จักกันบนโลกโซเชียลมีเดียจากการที่เขาสามารถใช้สำเนียงการพูดได้หลากหลายเพื่อคำคอนเทนต์สนุกๆ บนโลกโซเชียล จนยอดผู้ติดตามในเพจเฟซบุ๊กสูงถึง 1.4 ล้านคน ได้ออกมาโพสต์วิดีโอแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน

ครูเดวิด กล่าวว่า คุณมาประเทศของคนอื่น มาอยู่ในบ้านของคนอื่น ซึ่งเขายินดีที่จะให้คุณอยู่ ทั้ง ๆ ที่คุณไม่มีสิทธิ์ แถมคุณยังมีโอกาสได้ทำธุรกิจ อยู่ดีกินดี แล้วมาทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ถ้าจะมาทำตัวแบบนี้กับคนที่ให้บ้านอยู่อาศัย ก็เชิญกลับประเทศคุณไปเถอะ

ครูเดวิดกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่งงมากจริง ๆ คือ ที่ที่คุณหมอนั่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และคุณหมอก็เป็นคนไทย เป็นเจ้าของประเทศ นั่งในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะในพื้นที่ประเทศตัวเอง แล้วจะไปไล่ให้คุณหมอออกจากพื้นที่ตรงนั้น ด้วยพฤติกรรมแบบนั้นได้อย่างไร?

นอกจากนี้ครูเดวิดยังได้ยกตัวอย่างนิสัยของชาวตะวันตก โดยระบุว่า… “จะมีฝรั่งบางจำพวกที่เมื่อมาเที่ยวที่ประเทศในเอเชีย จะชอบคิดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคน เหนือกว่าทุกสิ่ง”

ครูเดวิดได้แสดงความคิดเห็นเตือนสติคนไทยไว้ด้วยว่า… “ก็อยากจะขอเตือนคนไทยทุกคนด้วยความเคารพอย่างยิ่ง อยากให้เลิกใจดีขนาดนี้ได้แล้ว ซึ่งจากลักษณะของคนไทยที่สังเกตได้คืออยากให้ทุกคนมาอยู่ร่วมด้วย และเป็นหนึ่งประเทศที่น่ารักกับชาวต่างชาติมาก ๆ แต่ก็ต้องแยกแยะระหว่างชาวต่างชาติที่อยู่ประเทศไทย เคารพกฎหมาย รักคนไทย ให้ความเคารพคนไทย กับฝรั่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ฝรั่งที่ไม่เคยให้เกียรติคนอื่ และฝรั่งที่ชอบดูถูกคนไทย”

ครูเดวิดได้เปรียบเทียบหากเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนว่า… “ผมขอการันตีเลยว่าหากเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ที่ผู้คนที่นั่นเป็นคนที่รักชาติบ้านเกิด และภูมิใจในประเทศของตัวเองแบบสุด ๆ แต่เขาก็สามารถอยู่กับชาวต่างชาติได้ แต่ชาวต่างชาติก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะมาก ๆ ว่ารักสหรัฐอเมริกาแบบแท้จริง”

“และแน่นอนว่า หากมีชาวต่างชาติ ทำร้ายคนสหรัฐฯ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คนสหรัฐฯ จะไล่ชาวต่างชาติคนนั้นออกจากประเทศ ไม่เท่านั้นนะ ทุกอย่างจะลุกเป็นไฟ จะมีการลงถนนประท้วงด้วยซ้ำ”

ครูเดวิดได้สรุปทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอคนไทยอย่าปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป เพื่อให้ชาวโลกรู้ เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่าคนไทยจะไม่ยอมโดนดูถูกในประเทศตัวเอง และพวกเรามีสิทธิในการปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเราอย่างแน่นอน”

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘ร้านสุดโหด’ ทำโทษพนักงานมาสาย คว้าไม้เรียวฟาดกระหน่ำ แทนหักเงินนาทีละ 5 บาท

(29 มี.ค. 67) กลายเป็นประเด็นที่กำลังถูกพูดถึงไปทั่วโลกในขณะนี้ เมื่อทางบัญชี @RedSkullxxx ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอผ่านทางเอ็กซ์ (X) เผยเหตุการณ์สุดช็อก

โดยระบุข้อความว่า “ลูกน้องเข้าสายปรับนาทีละ 5 บาท ถ้าไม่ให้หักเงินก็เปลี่ยนเป็นตีแทน นี่โกรธผัวแล้วมาลงกะลูกน้องป่าววะ หมดยุคทาสแล้วอิ…”

พร้อมแนบคลิปวิดีโอ หญิงสาวรายหนึ่ง ใช้ไม้เรียว กำลังฟาดชายคาดว่าเป็นพนักงานแบบรัว ๆ เสียงดังฟังชัด ท่ามกลางพนักงานคนอื่น ๆ ที่ยืนดู

ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ มองว่าการกระทำดังกล่าวรุนแรงเกินกว่าเหตุ และเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการทำร้ายร่างกาย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกรมแรงงานเข้าตรวจสอบ

>> ความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากชาวเน็ต : 

- “มาอีกคนละคิดว่าทำแบบนี้แล้วไม่ผิด จะหักเงินเดือน หรือ ให้พักงานอะไรก็ทำไป แต่ทำแบบนี้ผิดแน่นอน ต่อให้เจ้าตัวยินยอมก็เถอะ เดี๋ยวก็จะมีเหตุผลหรือตรรกะแปลก ๆ ที่เข้าข้างตัวเองอีก”
- ลูกน้องก็ยอมเนอะ อยากถามว่า คนหรือxวายที่ยอมให้เขาตี ส่วนอีคนที่ออกกฎกับคนที่ตีxึงเป็นคนแบบไหน แล้วหักนาทีละ 5 บาท xึงจ่ายเงินเขาวันละเท่าไหร่ ถ้าวันละ 300 มาสาย 60 นาที เท่ากับไม่ได้ค่าแรง แล้วxึงจะทำงานทำไม แถมผิดกฎหมายด้วย เป็นxูแค่เห็นกฎ xูก็เดินออกจากร้านแล้ว คนนะไม่ใช่xวาย!

- นี่ ที่ทำงานรึ ? ถึงจะมีข้อตกลงกันไว้ ขอเถอะอย่าลงโทษกันด้วยการตีเลย ให้น้อง ๆ เขาทำเลยเวลาให้ ทำอย่างอื่นทดแทน ให้หักเงินก็ไม่มีใครอยากให้หักหรอก เขาถึงยอมให้ตีไง เพราะ 5 บาท 10 บาท มันก็คือเงิน สำคัญมากสำหรับคนที่มีรายได้รายวัน ซื้อน้ำกินก็ยังดี แต่น้อง ๆ เองก็ปรับปรุงตัวอย่างไปสายอีก
- มันตั้งกฎได้นะ ทำนองว่าสายกี่ครั้ง ๆ ก็ใบเตือน สะสมไปเรื่อย ๆ ไว้หักโบนัส เบี้ยขยัน อะไรก็ว่าไป ใช้แบบนี้พนักกงานฟ้องกรมแรงงานได้นะว่าใช้ความรุนแรงในสถานที่ประกอบการ

- คุกแน่นอน
- แล้วก็คือยอมให้เขาตี?
- แจ้งทำร้ายร่างกายได้ไหมอะ
- เป็นxูจะถีบให้
- แบบนี้ก็ได้เหรอ
- ฟ้องทำร้ายร่างกายเลย

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป

สตรีในนิวยอร์ก ผวา!! ตกเป็นเป้าชกหน้าแบบไม่รู้เหตุผล ตอกย้ำความกังวลด้านอาชญากรรมในมหานครแห่งนี้ 

ผู้หญิงหลายคนทำวิดีโอลงบน TikTok เล่าว่าพวกเธอโดนทำร้ายร่างกาย ถูกคนร้ายชกใบหน้าโดยไม่เลือก ระหว่างที่กำลังเดินอยู่บนท้องถนนในนิวยอร์ก ซิตี และจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม เหตุการณ์ต่อเนื่องที่โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมในมหานครของสหรัฐฯ แห่งนี้

เรื่องราวผู้หญิงถูกชกโดยไม่มีที่มาที่ไปถูกเปิดโปงออกมาเป็นครั้งแรกโดย ‘ฮัลลีย์ เคท’ ติ๊กต็อกสาววัย 23 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก โดยเธอโพสต์วิดีโอหนึ่งในวันที่ 25 มีนาคม และตอนนี้กลายเป็นคลิปไวรัล ซึ่งกล่าวอ้างว่าเธอถูกชกที่ใบหน้าขณะเดินอยู่บนท้องถนน "ฉันกำลังเดินอยู่ และผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาชกเข้าที่ใบหน้าฉัน โอ้พระเจ้า มันเจ็บมาก ฉันไม่สามารถพูดได้เลย"

ในวิดีโอต่อมา เคทให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เธอกำลังมัวแต่มองโทรศัพท์ตอนที่ชายคนหนึ่งจูงสุนัขมา แล้วชกหรือไม่ก็ศอกเข้าใบหน้าของเธอ ทำให้เธอล้มฟุบไปกองกับพื้นและศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับทางเท้า ทั้งนี้ เคท เล่าว่าเธอต้องการรักษาตัวเป็นการด่วนและเข้าแจ้งความเรื่องนี้กับตำรวจ

กรมตำรวจนิวยอร์ก ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเหยื่อ ยืนยันกับบิสเนสอินไซเดอร์ ว่า ได้รับแจ้งความเหตุทำร้ายร่างกายจากผู้หญิงวัย 23 ปีรายหนึ่ง ซึ่งถูกทำร้ายบริเวณใบหน้าและศีรษะ จากนั้นก็ร่วงไปกองกับพื้นและได้รับบาดเจ็บ

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยต่อว่า ชายวัย 40 ปีคนหนึ่งชื่อว่า ‘สกีโบกี สโตรา’ ถูกจับกุมและตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม และเวลานี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

นับตั้งแต่เรื่องราวของ เคท ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้ปรากฏวิดีโอของสาวติ๊กต็อกอีกคน ที่เผยแพร่ก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเธอเผยว่าเธอถูกชกบนท้องถนนในนิวยอร์ก ซิตี เช่นกัน

โอลิเวีย แบรนด์ เผยว่า ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้าหาเธอ ในเขตโนลิตา/โซโหของนิวยอร์ก และกล่าว "ขอโทษ" ก่อนชกเข้าที่ใบหน้าของเธอ พร้อมบอกว่าเธอได้แจ้งความกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว

ในเรื่องนี้ กรมตำรวจนิวยอร์กยืนยันเช่นกันว่าได้รับแจ้งความผู้หญิงวัย 25 ปีคนหนึ่งถูกชกในวันที่ 17 มีนาคม บริเวณใกล้เคียงถนนเคนแมร์ตัดกับถนนมัลเบอร์รี และได้รับแจ้งความในฐานะคดีคุกคาม

นอกจากนี้ ผู้หญิงอีกคนใช้ชื่อบนสื่อสังคมออนไลน์ Malous228 เปิดเผยว่าเธอถูกชกเข้าที่ใบหน้าแบบไม่เลือกหน้า โดยชายคนหนึ่ง ในย่านไทม์ส สแควร์ โดยในวิดีโอที่เธอโพสต์นั้นพบเห็นชายคนหนึ่งที่เธออ้างว่าเป็นคนทำร้ายเธอกำลังเดินหนีไป

เธอบอกว่าเธอออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง หลังพบเห็นคลิปไวรัลของผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ประสบพบเจอเหตุโจมตีแบบเดียวกัน

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุชกหน้าผู้หญิงนั้น เป็นชายคนเดียวกันหรือเป็นฝีมือของหลายคน ที่ลงมือเล่นงานเหยื่อแบบสุ่ม ๆ

‘มากายลา โตนินาโต’ สาวติ๊กต็อกอีกคนโพสต์วิดีโอภาพที่เธอมีบาดแผลบริเวณใบหน้าอย่างชัดเจน เล่าว่าเธอถูกชกแบบไม่เลือกหน้าเช่นกัน ตอนที่เธอกำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัยเดอะนิวสคูล

ส่วนผู้หญิงรายที่ 5 ‘เซเลนา พิกานับ’ เปิดเผยผ่านติ๊กต็อกเช่นกันว่า เธอถูกชายคนหนึ่งถูกชกในย่านโซโห ขณะที่เหยื่อรายที่ 6 ‘ไกเซม เซอร์มาลี’ สาวครีเอตคอนเทนต์วัย 27 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับเดอะการ์เดียน ว่าเธอถูกชกบนท้องถนนในเขตโซโห ระหว่างที่เดินทางมาทำงานที่เมืองแห่งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

โตนินาโต กล่าวว่านับตั้งแต่เธอเผยแพร่เรื่องราวของตนบนสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้หญิงหลายคนได้ติดต่อเข้ามาเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้พวกเธอเองก็ถูกชกโดยไม่เลือกหน้าในนิวยอร์ก ซิตี เช่นกัน

เหตุการณ์ชกหน้าโดยไม่เลือกหน้าเหล่านี้ กำลังสร้างความไม่สบายใจแก่บรรดาผู้หญิงในนิวยอร์ก ซิตี เป็นอย่างมาก โดยหลายคนโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ แสดงความหวาดกลัวว่าจะถูกชกและเตือนคนอื่น ๆ ให้อยู่ในความระแวดระวัง

เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในมหานครแห่งนี้ ตามหลังมีรายงานเกี่ยวกับเหตุโจมตีไม่เลือกหน้าในระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และหนึ่งในนั้นถึงขั้นทำให้เหยื่อถึงแก่ความตาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top