Sunday, 19 May 2024
ช่วยชีวิต

ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่พลเมืองดี ช่วยชีวิต 3 นักท่องเที่ยวจมน้ำ

วันนี้ (20 มิ.ย.66) เวลา 11.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่พลเมืองดีและตำรวจรวมทั้ง 4 ราย เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ทำดี มีรางวัล” 
นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงามความดีมีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตลอดจนข้าราชการตำรวจที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงาน และกรณีนี้กล่าวคือ

เมื่อวันที่ 7 พ.ค ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.30 น. 
ได้เกิดเหตุ พ่อ แม่ ลูก ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวประสบเหตุจมน้ำ บริเวณแก่งตาเบิ้ม 
หลังวัดชำนาญรังสรรค์ ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก 

พลเมืองดี 3 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ได้แก่ 
1.)ด.ต.ศักรินทร์ คณะธรรม ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.นครนายก
2.) นายปรีชา แก้วเงิน
3.) นายอักษร โพธิ์เงิน
4.) นายวุฒิศักดิ์ มั่งคั่ง หรือ น้องยูโร

ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและเห็นเหตุการณ์ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือจนผู้ประสบเหตุทั้ง 3 คนปลอดภัย ในระหว่างการให้ความช่วยเหลือ พลเมืองดี คือ นายปรีชา แก้วเงิน ได้ให้ความช่วยเหลือจนหมดแรง จมน้ำ และได้รับการปฐมพยาบาล CPR จนปลอดภัย และนายวุฒิศักดิ์ มั่งคั่ง หรือ น้องยูโร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม เกิดสำลักน้ำ จนทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด จนต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ปัจจุบันได้รับการรักษาพยาบาลจนหาย และกลับมาเรียนได้เป็นปกติ เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความประทับใจและได้รับความชื่นชมจากสังคมเป็นอย่างมาก

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุให้พ้นจากอันตราย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเลยในการเข้าช่วยเหลือ จึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล คนละ 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม

ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

“สร้างอาชีพ สร้างชีวิต”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “สร้างอาชีพ สร้างชีวิต” ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ จ.ลำพูน ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี

วานนี้ (วันที่ 21  มิถุนายน 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดลำพูน

มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม จำนวน 19 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 285,340 บาท (สองแสนแปดหมื่นห้าพันสามร้อยสี่สิบบาทถ้วน ) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี  นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย คณะศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวฯ จังหวัดลำพูน และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ จังหวัดลำพูน

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ เปิดเผยว่า สำหรับโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมูลนิธิฯ กำหนดมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ รวม 8 ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว

ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี สงขลา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก ให้ได้มีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว เพื่อเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการลงพื้นที่ในเดือนเมษายนจนถึงในวันนี้ มูลนิธิฯ มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพรวมจำนวน 7 แห่ง 40  ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 662,290 บาท (หกแสนหกหมื่นสองพันสองร้อยเก้าสิบบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” ต่อไป

‘น.ร.หญิง’ โรงเรียนเตรียมอุดมฯ รัชดา ทำ CPR ช่วยชีวิตคน โซเชียลชื่นชม!! ฮีโร่ไม่ต้องมีพลังวิเศษ แค่สองมือเปล่าก็เป็นได้

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ปัจจุบันมีข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน ทั้งในผู้ที่มีสุขภาพดี แข็งแรง ซึ่งการเสียชีวิตอย่างกะทันหันนั้นส่วนมากเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่พบมากขึ้นก็เพราะในยุคสมัยนี้ เพราะไลฟ์สไตล์ที่มีการเปลี่ยนไป ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มเติมจากโรคประจำตัวเดิม ทำให้การปั๊มหัวใจช่วยชีวิต (CPR) จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นพื้นฐานสำคัญที่ประชาชนควรเรียนรู้ไว้ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน

ทั้งนี้ มีเหตุการณ์ที่เรียกเสียงชื่นชมจากโลกออนไลน์จำนวนมาก เมื่อผู้ใช้บัญชี TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปนักเรียนช่วย CPR ผู้ป่วย โดยระบุข้อความว่า…

“ฮีโร่ไม่ต้องมีพลังวิเศษ แค่สองมือเปล่าก็เป็นได้ ขอบคุณน้องนักเรียนมาก ๆ นะครับ ที่มาช่วยพี่ทำ CPR ช่วยผู้ป่วย”

ในคลิปจะเห็นทีมกู้ภัยให้การช่วยเหลือชายรายหนึ่ง และมีนักเรียนหญิงช่วยทำซีพีอาร์อยู่ด้วย ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักเรียนหญิงคนดังกล่าว ชื่อ น.ส.ประติภา ดีหามแห เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา

หลังจากคลิปนี้เผยแพร่ไปมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

“ชื่นชมเลยครับ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน”
“น้องน่ารักมากก ยอมชุดเปื้อนเลือดเพื่อ 1 ชีวิต น้องน่ารักมากก อนาคตของชาติต้องแบบนี้สิ เก่งมากๆ”
“สุดดดดดดดยอดดดดด”
“ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ”
“น้องเก่งมากครับ อีกอย่างน้องเป็นอาสาสมัครด้วยครับ”
“ทุกโรงเรียนควรมีการสอนนี้”
“การ CPR ผู้ชายทำยากนะคะ หน้าอกแข็งแน่น แต่คือน้องทำได้ดีมากๆ” เป็นต้น

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานมหาบุญ งานมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ ในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2566 “ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ พร้อมทำทาน” ให้แก่ผู้ยากไร้ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

ระหว่างวันนี้  – 11 กันยายน 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานมหาบุญ มหากุศล ทำบุญบริจาคชุดข้าวสารอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ พร้อม “ทำทาน” ให้ผู้ยากไร้  ในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2566  โดยผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมทำบุญได้ 2 ช่องทาง ดังนี้ 

1. ร่วมสักการะหลวงปู่ไต้ฮง และทำบุญบริจาคข้าวสารได้ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
2. ทำบุญผ่านเว็บไซต์ทิ้งกระจาดออนไลน์:  https://pttfny.net/newsh

ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสารกิจกรรม และการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ประเพณีทิ้งกระจาด ถือได้ว่า เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานไม่ต่ำกว่าอายุการก่อตั้งมูลนิธิฯ กว่า 113 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรกที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการและเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ เช่น ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเมื่อปี 2565 มูลนิธิฯ ได้ใช้งบประมาณดำเนินการไม่ต่ำกว่า 11.7 ล้านบาท และในปี 2566 นี้ หลังจากที่ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงกำหนดแจกเครื่องอุปโภคบริโภค ในประเพณีทิ้งกระจาดครั้งอย่างยิ่งใหญ่ เต็มรูปแบบ ทั้ง 4 จังหวัด

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

‘การบินไทย’ ช่วยชีวิตผู้โดยสารหญิงวัย 99 ปี หลังหมดสติในห้องน้ำ ชาวเน็ตแห่ชม!! ‘แพทย์-ลูกเรือ’ รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีเยี่ยม

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 ผู้ใช้งานติ๊กต็อก ชื่อ nakokatt หรือ ‘ครูคัท คัทลียา’ คุณครูผู้ฝึกสอนแอร์โฮสเตส และเป็นแอร์โฮสเตสของ ‘การบินไทย’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอแชร์ประสบการณ์การกู้ชีพฉุกเฉินบนเครื่องบิน และบอกเล่าเรื่องราวอันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินโบอิ้ง TG 624 ของ ‘การบินไทย’ เส้นทางบินจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 66 โดยระบุว่า…

“เหตุการณ์ทั้งหมด ได้เกิดขึ้นก่อนที่เครื่องบินจะทำการลงจอดประมาณ 1 ชั่วโมง มีผู้โดยสารชายท่านหนึ่ง แจ้งกับลูกเรือว่า คุณแม่วัย 99 ปีของเธอ หมดสติอยู่ในห้องน้ำ หลังจากได้รับข้อมูลจากลูกชายแล้ว ลูกเรือของโบอิ้ง TG 624 จึงได้ทำการช่วยเหลือคุณยายผู้โดยสารที่หมดสติ และทำการตรวจสัญญาณชีพ จากนั้นจึงนำอุปกรณ์ถังออกซิเจนออกมา เพื่อทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยทันที

ขณะเดียวกัน หัวหน้าลูกเรือได้มีประกาศหาแพทย์จากกลุ่มผู้โดยสารบนเครื่องบิน โดยในเที่ยวบินนั้นมีผู้โดยสารที่เป็นแพทย์หลายท่านแสดงตัว และรีบเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยทันที โดยแอร์โฮสเตสอีกคนหนึ่งที่เคยเป็นพยาบาล ทำหน้าที่เป็นลูกมือในการช่วยเหลือแพทย์อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีผู้ฝึกงานด้านบริการการแพทย์การบินและอวกาศ (Air Force Combat Medic) คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่ายอีกแรงด้วย

จนกระทั่งในที่สุด อาการของคุณยายก็กลับมาเป็นปกติ และยิ้มได้อีกครั้งหนึ่ง ในตอนที่เครื่องบินกําลังทำการลดระดับเพื่อเตรียมลงจอดพอดี”

ครูคัท ยังเล่าเรื่องราวที่น่าประทับใจไว้อีกด้วยว่า “หลังสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ Combat Medic ก็ได้ลุกขึ้นยืน เพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่า เมื่อสักครู่นี้ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และที่สําคัญคือ Combat Medic ได้กล่าวชื่นชมความเป็นมืออาชีพของลูกเรือการบินไทย ในการตอบสนองและรับมือต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี”

“ถ้ารอยยิ้มของผู้โดยสาร คือรางวัลสําหรับลูกเรือ รอยยิ้มของคุณยายและญาติๆ ก็คือรางวัลพิเศษสําหรับลูกเรือในเที่ยวบินนี้ รวมถึงลูกเรือการบินไทยทุกๆ คน และนี่คืออีกหนึ่งความภูมิใจของพวกเราชาวการบินไทยค่ะ” ครูคัท กล่าวทิ้งท้าย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งมอบไออุ่นผู้มีจิตศรัทธา ยกทัพผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท.. สู่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 4 ภาค รวม 43 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 17 ธันวาคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงแผนกสาธารณภัย แผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร มุกดาหาร นครพนม บึงกาฬ และสกลนคร รวม 43 จังหวัด 

รวมผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 50,500 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี นอกจากนี้ มูลนิธิฯ  ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และอำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์

โดยวานนี้ (วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566)  นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่ อ.พาน อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง อ.เวียงเชียงรุ้ง  จ.เชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวม 900 ชุด  โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ รวมทั้ง อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ และนางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ ร่วมในพิธี รวมทั้ง หน่วยงาน สมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญวันเด็ก 1.9 แสนชิ้น แด่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567

วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2567) นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ และ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบชุดของขวัญวันเด็ก ประกอบด้วย สมุด ดินสอ ไม้บรรทัด และ กระปุกออมสิน รวมจำนวน 190,000 ชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายให้เด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567  ณ ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า การให้ของขวัญวันเด็ก เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่มูลนิธิฯ ได้จัดทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 65 ปี การจัดของขวัญส่งความรักความปรารถนาดีให้เด็กๆ ในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ด้วยเด็กดีในวันนี้ คือผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าและเป็นกำลังสำคัญเป็นอนาคตของชาติ และ เพื่อร่วมเป็นขวัญกำลังใจและร่วมส่งเสริมให้เด็กไทย “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” ตามคำขวัญของท่านนายกรัฐมนตรี

โดยเมื่อวันอังคารที่ 9 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้จัดพิธีมอบชุดของขวัญวันเด็กให้กับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย โดยมีผู้แทนโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ  รวมทั้งจัดให้มีการส่งชุดของขวัญวันเด็กของมูลนิธิฯ เพื่อมอบให้กับเยาวชนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ

รวมจำนวนของขวัญวันเด็กที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งมอบให้กับเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ทั้งสิ้น 900,000 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 23,400,000 บาท  (ยี่สิบสามล้านสี่แสนบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ทาง รวมทั้งด้านส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต 
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สตูล ทัพเรือภาคที่ 3 ช่วยชีวิตลูกเรือประมงปลาเรือกระตัก ชาวเมียนมา ถูกสายสมอเรือพันขาข้างซ้ายตัดหวิดขาด

วันนี้ 16 มกราคม 2567 พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 สั่งการให้หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ( นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ ) เข้าช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ประสบอุบัติเหตุขณะทอดสมอเรือ ข้อเท้าซ้ายเกือบขาด 

หลังจากที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทรภ.3 1696 (สายด่วน ทรภ.๓) ได้รับแจ้งจากนายอรุณ ชูประสิทธิ์ ไต๋เรือ ว่า นายเวร อายุ 56 ปี เป็นชาวเมียนมาลูกเรือประมงอวนครอบปลากะตักชื่อ ณรงค์ชัยวารี 7 ประสบอุบัติเหตุถูกสายสมอเรือพันขาขณะทิ้งสมอได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าซ้ายเกือบขาดอาการสาหัส นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ จึงได้จัดกำลังพล และเรือ RIB เดินทางเข้าให้การช่วยเหลือทำการห้ามเลือดด้วยการใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือปิดบริเวณบาดแผล และดามกระดูกข้อเท้าให้อยู่นิ่งป้องกันการฉีกขาดและได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม พร้อมกับนำผู้ป่วยขึ้นฝั่งที่สถานีเรือละงู นำส่งรถกู้ชีพฉุกเฉิน รพ.ละงู ทำการรักษาพยาบาลต่อไป

ชื่นชม!! 2 ตร.ช่วยชายเครียดสูงวัย กระโดดน้ำจากสะพาน ที่ จ.สุพรรณบุรี โชคดี!! ประคองตัวเข้าฝั่งปลอดภัย ด้าน ตร.เผย!! "ต้องช่วยให้เขารอด"

(24 ม.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก 'ดาวแปดแฉก' ได้โพสต์เรื่องราวนาทีชีวิต ระบุว่า...

นาทีชีวิตตำรวจกระโดดลงน้ำช่วยชีวิตประชาชน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ม.ค.67 เวลาประมาณ 13.45 น. 'จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ ศรีอำพัน' ผบ.หมู่ (ป.) สภ.สองพี่น้อง และ 'ส.ต.ต.ณัชพล จันนาคา' ผบ.หมู่ (ผช.พงส.) สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ได้ช่วยชีวิตชายสูงอายุ ที่กระโดดจากสะพานเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ลงไปในคลอง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชาวบ้านชุมชนหลังตลาดบางลี่ ชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสายตรวจทั้งสองนาย อีกทั้งภาพการช่วยเหลือถูกแชร์ในโซเชียลมีเดีย สังคมออนไลน์แสดงความคิดเห็นชื่นชมตำรวจทั้งสองนาย

โดยวันนี้ (24 ม.ค.67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เรียก พ.ต.อ.เกียรติชัย เกิดโชค ผกก.สภ.สองพี่น้อง, จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ ศรีอำพัน และ ส.ต.ต.ณัชพล จันนาคา เข้าพบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบรางวัลเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และ ทำความดี

โดยเพจดาวแปดแฉก ได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ตำรวจทั้งสองนาย คือ จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ ศรีอำพัน ผบ.หมู่ (ป.) และ ส.ต.ต.ณัชพล จันนาคา ผบ.หมู่ (ผช.พงส.) ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ส.ต.ต.ณัชพล เล่าว่า...

"เวลาประมาณ 13.45 น. ของวันที่ (23 ม.ค.2567) ระหว่างออกตรวจในเขตรับผิดชอบ กำลังขับขี่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ กับ คู่ตรวจไปยังที่พักสายตรวจ ได้รับจากห้องวิทยุสื่อสาร สภ.สองพี่น้อง ให้ตรวจสอบชายกระโดดจากสะพานเทศบาลเมืองสองพี่น้องลงไปในคลอง ซึ่งอยู่ใกล้พอดี ใช้เวลา 2 นาทีถึงจุดเกิดเหตุ

"โดยมีชาวบ้าน 2-3 คน บอกว่าชายสูงอายุกระโดดลงไปในคลอง และเห็นชายสูงอายุลอยอยู่กลางคลองเกาะกองผักตบชวา จึงบอก จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปหาจุดที่ใกล้ที่สุดเพื่อช่วยเหลือ ระหว่างหาทางชาวบ้านคนหนึ่ง ออกมาบอกว่าให้เข้าภายในบ้านเขาเลยใกล้กว่า พอไปถึงหลังบ้าน จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ แจ้งวิทยุสื่อสารไปยัง สภ.สองพี่น้อง รายงานสถานการณ์ ส่วนผมมองไปที่ชายสูงอายุ ที่เห็นนาทีนั้นเหมือนชายสูงอายุจะไม่ไหวแล้ว สังเกตเห็นได้แค่ใบหน้าเท่านั้น"

ส.ต.ต.ณัชพล เล่าอีกว่า "นาทีนั้นที่ผมเห็น ผมถูกฝึกมาให้ช่วยเหลือ ถูกสอนว่า เราต้องช่วยให้เขารอด แต่เราต้องไหว จึงตัดสินใจทันทีถอดเสื้อเกราะ ถอดเข็มขัดอาวุธ ถอดรองเท้า ระหว่างวิ่งไปจะกระโดดน้ำก็ถอดเสื้อเครื่องแบบทิ้งไว้ที่พื้นดิน กระโดดน้ำทันทีระยะประมาณ 15 เมตร ไปถึงจุดที่ชายสูงอายุลอยเกาะกองผักตบชวา ผมก็ประคองตัวตะโกนเรียกพี่ ๆๆๆ แต่เขาไม่ตอบ แต่สังเกตว่าเขายังพอมีสติ ก็ล็อกคอชายสูงอายุ ซึ่งผมหันหลังประคองเข้าฝั่ง โดยมี จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ อยู่ที่ริมตลิ่งพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยรอช่วยเหลือประคองชายสูงอายุขึ้นจากน้ำ"

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ญาติของชายสูงอายุ มาจุดเกิดเหตุแจ้งว่า ชายสูงอายุมีความเครียดจากโรคประจำตัว หลังจากนั้นจึงได้นำตัวส่งไปโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 เพื่อตรวจร่างกาย และรอดูอาการ จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. แพทย์อนุญาตให้ญาติรับตัวกลับไปดูแลต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top