Friday, 3 May 2024
ฉะเชิงเทรา

ป.ป.ช.ฉะเชิงเทรา จัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต เพื่อจัดตั้งชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต ระดับอำเภอ (ครั้งที่ 3)

วันศุกร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.30 น. นายสมชาย ยิ้มแฉล้ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา มอบหมายกลุ่มงานป้องกันการทุจริต จัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต เพื่อจัดตั้งชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต ระดับอำเภอ (ครั้งที่ 3) อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ณ โรงแรมบ้านนายถึก ตำบลคลองนา อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 

เยือนแปดริ้ว!! ‘บิ๊กตู่’ เตรียมลงพื้นที่ฉะเชิงเทรา สักการะหลวงพ่อโสธรฯ พร้อมร่วมพิธีเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ 10 มี.ค.นี้ 

(9 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการ ดังนี้

เวลาประมาณ 14.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยังจุดจอด ฮ. ช.พัน.2 รอ. ค่ายศรีโสธร ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา โดยเฮลิคอปเตอร์ แล้วเดินทางไปยังวัดโสธรวารารามวรวิหาร เพื่อสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และกราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวารารามวรวิหาร

‘บิ๊กตู่’ บุกแปดริ้ว ไหว้ขอพรหลวงพ่อโสธรฯ ด้านแฟนคลับอธิฐานขอให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯ

(10 มี.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงวัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยมี นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งจะย้ายมาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ มาต้อนรับ และมีจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ฉะเชิงเทรา พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายมติชน ชูทับทิม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับด้วย

ทันที่ลงจากรถ พล.อ.ประยุทธ์ได้โบกมือทักทายประชาชน พร้อมรับพวงมาลัยดอกมะลิจากบรรดาแฟนคลับ ขณะที่ประชาชนให้กำลังใจนายกฯ จากการรักษามืออักเสบให้หายไว ๆ สุขภาพแข็งแรง ให้นายกฯ สู้ ๆ และให้มาเป็นนายกฯ อีก

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มือยังเจ็บอยู่ แต่หมอบอกไม่เป็นอะไรแล้ว จากนั้น ได้ชูมือให้ประชาชนดู ซึ่งมือด้านขวายังใส่เฝือกอ่อน ขณะที่มือซ้ายใส่ที่พยุงข้อมือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณรอยที่ถอดท่อใส่ยาฆ่าเชื้อออก อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ามือด้านขวาของนายกฯ มีอาการบวมลดลง

จากนั้น นายกฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา (YEC Chachoengsao : Young Entrepreneur Chamber of Commerce) ที่มาต้อนรับ ก่อนเข้าไปสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และกราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ ซึ่งคณะทำงานระบุว่า ขอให้เป็นการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ พระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ได้เจริญพระพุทธมนต์และให้ศีลให้พรกับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางมา และได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลองปี 2566 รุ่น 1 ขนาดหน้าตัก 7 นิ้ว และเหรียญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากน้ำ ปีที่ 250 พ.ศ.2563 รุ่น 10

บลูเทค ซิตี้ ร่วมสนับสนุนโครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เขต อบตท่าสะอ้าน ประจำปี 2566

วันนี้ (21 มี.ค. 2566) ทีมงานฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โครงการนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ได้เข้าร่วมกิจกรรมพร้อมสนับสนุนน้ำดื่ม จำนวน 50 แพ็ค ให้แก่ โครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ณ วัดท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  โดยมี นางนิภา วงศ์ชโยประสิทธิ์ ประธานชมรมผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนตำบลท่าสะอ้าน เป็นคนกล่าวเปิดพิธี

สำหรับวันนี้ทางชมรมผู้สูงอายุได้ ดำเนินการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้จัดกิจกรรมมาในช่วงโควิด เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีการพบปะพูดคุย มีกิจกรรมร่วมกัน ตลอดจนมีความรู้ใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาพของตนเอง ซึ่งในปัจจุบันสังคมไทย มักจะพบปัญหาด้านการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคติดต่อใหม่ ๆ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า หากผู้สูงอายุไม่มีความรู้ในการปฏิบัติตนเอง จะทำให้เกิดโรคได้ง่าย ทำให้เกิดปัญหาด้านการดูแลผู้สูงอายุ


ทั้งนี้ ทีมงานฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โครงการนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ยังร่วมสนุกจัดกิจกรรมลุ้นรับรางวัลให้แก่ผู้สูงอายุอีกด้วย

ฉะเชิงเทรา-สโมสรโรตารีธนบุรีมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์รักษาผู้ป่วยโรคตาให้กับโรงพยาบาล พนมสารคาม และจัดสร้างโรงอาหาร ปรับปรุงห้องสมุดใหม่

พร้อมมอบอุปกรณ์การเรียนให้กับโรงเรียนบ้านหนองสองห้อง ในวาระครบรอบ 65 ปี การก่อตั้งสโมสรในประเทศไทย

เมื่อวันจันทร์ที่ 15 พ.ค. 2566  เวลา 11.00 น. ณ โรงพยาบาลพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีพิธีส่งและรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคตา โดยมี นายไพบูลย์  โกสุมขจรเกียรติ์  นายกสโมสรโรตารีธนบุรี เป็นตัวแทนสโมสรในนามองค์กรโรตารีสากล เป็นผู้ส่งมอบในฐานะผู้ดำเนินการ และได้รับเกียรติจาก นายขจรเกียรติ  รักพาณิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานรับมอบ

การมอบเครื่องมือแพทย์ในครั้งนี้ เป็นการฉลองที่สโมสรครบรอบ 65 ปีในประเทศไทย โดยเมื่อต้นปี 2565 เริ่มมีการสำรวจเบื้องต้น พบว่าในเขตพื้นที่อำเภอพนมสารคาม มีผู้ป่วยโรคตาจำนวนมาก และต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลฉะเชิงเทรา เนื่องจากโรงพยาบาลพนมสารคาม มีอุปกรณ์เครื่องมือที่จะใช้ในการรักษา ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง และครอบคลุมกับอาการเจ็บป่วยของคนไข้ในภาวะปัจจุบัน โดยเฉพาะทางโรงพยาบาลมีอุปกรณ์เป็นเครื่องรุ่นเก่า สโมสรโรตารีธนบุรี จึงจัดทำโครงการที่เรียกว่า Global Grant หมายเลข 2340638 ซึ่งเป็นโครงการที่ทำร่วมกับสโมสรคู่มิตรต่างประเทศในการจัดหาทุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางแพทย์รักษาโรคตา เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลพนมสารคาม เป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนจังหวัดฉะเชิงเทรา

โครงการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลพนมสารคาม สำหรับการรักษาคนไข้โรคตาครี้งนี้ เป็นชุดอุปกรณ์รวม 2 ชุดในมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,483,700 บาท โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ เริ่มสำรวจจนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 ปีเต็ม 

เมื่อปี 2565 ได้จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ชุดที่ แรกได้แก่เครื่องตรวจตาวัดเลนส์แก้วตาเทียม และเครื่องฉายจอภาพ มูลค่าโครงการ US$ 38,900 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,283,700 บาท 

และต่อมาในปี 2566 เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยโรคตาได้ครอบคลุมทั่วถึง มีประสิทธิภาพมากขึ้น คณะกรรมการบริหารสโมสรโรตารีธนบุรี  จึงได้มีมติเห็นชอบอนุมัติการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ ชุดที่ 2  ได้แก่ เครื่องถ่ายภาพจอแบบพกพา ปัญญาประดิษฐ์ โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากสโมสรคู่มิตรต่างประเทศ มูลค่าโครงการ US$ 34,286 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,200,000 บาท 

ในการนี้ ไม่ใช่เฉพาะคนไข้ในเขตพื้นที่อำเภอพนมสารคามเท่านั้นที่จะได้รับบริการ ยังหมายรวมถึงประชาชนชาวบ้านที่อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทราทั้งหมด จะมีโอกาสมารับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา ได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย 


และในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ สโมสรโรตารีธนบุรี เดินทางไป ณ โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง หมู่ที่ 13 ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา นายไพบูลย์  โกสุมขจรเกียรติ์  นายกสโมสรโรตารีธนบุรี เป็นตัวแทนสโมสรในนามองค์กรโรตารีสากล ส่งมอบโรงอาหาร และปรับปรุงห้องสมุดใหม่ พร้อมมอบอุปกรณ์การเรียนให้กับโรงเรียนบ้านหนองสองห้อง มูลค่ารวม 350,000 บาท

โดยกิจกรรมนี้เป็นโครงการสืบเนื่องจากที่สโมสรได้มามอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลพนมสารคาม  โดยต้องการสนับสนุนเยาวชนในพื้นที่ ดูแล ด้านการศึกษา ซึ่งโรงเรียนบ้านหนองสองห้องอยู่ในเขตอำเภอพนมสารคาม  ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มี นักเรียน 75 คน ระดับการศึกษาตั้งแต่อนุบาล 2 – ประถมศึกษาปีที่ 6  เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี  2520 รวมอายุ 45 ปี ปัจจุบันมีครูและเจ้าหน้าที่ 7 คน ที่คอยดูแลให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ได้รับการศึกษา  แต่เนื่องจากสภาพอาคารเรียนเริ่มผุพัง ประกอบกับความไม่สะดวกของการจัดกิจกรรมในร่ม  ทางสโมสรโรตารีธนบุรี จึงได้พิจารณาอนุมติงบประมาณเพื่อสร้างโรงอาหารขนาด  8 x 12 เมตร พร้อมใส่มุ้งลวด และหลังคากันฝนให้สามารถงานได้อเนกประสงค์   

นอกจากนี้ ทางสโมสรฯ ยังได้ทำการปรับปรุงห้องสมุดเดิม ให้สวยงาม พร้อมจัดหาหนังสืออ่านนอกเวลา เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้  รวมทั้งจัดซื้อชุดคอมพิวเตอร์มอบให้อีก 1 ชุด ด้วย 

บลูเทค ซิตี้ เป็นผู้นำการอนุรักษ์สมุนไพรป่าชายเลน แบบครบวงจร เพื่อต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy)

วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทค ซิตี้ เป็นผู้นำสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมระหว่างภาคอุตสาหกรรม ภาควิชาการ และชุมชนท้องถิ่น โดยเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ พื้นที่ทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน บลูเทค ซิตี้  ให้กับมหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี โดยมี คณะอาจารย์และกลุ่มนักศึกษารุ่นใหม่ ภายใต้โครงการ Eco Fashion ธุรกิจแฟชั่นเชิงนิเวศ ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ อันจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) 

ผ่านกิจกรรม Eco Print การทำเสื้อพิมพ์ลายสีธรรมชาติจากใบไม้ โดยร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านต้นกรอก และเรียนรู้คุณประโยชน์ พร้อมการอนุรักษ์พืชสมุนไพรป่าชายเลน จากปราชญ์ชุมชนในพื้นที่ ณ ทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน บลูเทค ซิตี้ ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างคุณค่าทรัพยากรท้องถิ่น ต่อยอดการเพิ่มมูลค่าสู่เศรษฐกิจชีวภาพจากฐานรากที่ยั่งยืน

สักการะ 'พระพิฆเนศ' องค์ใหญ่ที่สุดในไทย นำพาสุข สบายใจ เติมเฮง ร่ำรวย สู่ผู้บูชา

ผู้คนที่ศรัทธา ‘พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข’ นิยมมากราบไหว้บูชากันที่วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีความเชื่อกันว่า จะนำพาความสุขสบาย ความมั่งคั่งมาสู่ผู้ที่มาสักการะ โดยพระพิฆเนศองค์สีชมพูนี้ นับว่าเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เป็นไฮไลท์ของวัด ที่นอกจากจะมากราบไหว้แล้ว ก็ยังต้องถ่ายรูปความงามนี้ เช็คอินเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย 

วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอบางคล้า และอำเภอคลองเขื่อน ริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เล่าสืบกันต่อกันมาว่า ขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อ จ๋าย สืบสมาน) เป็นคหบดี ผู้มีฐานะฐานะมั่นคงและเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ท่านขุนมีน้องสาว 1 คน คือนางยี่สุ่น วิริยะพาณิชย และมีภรรยา 2 คนด้วยกันคือ นางทิม สืบสมาน และนางผ่อง สืบสมาน ต่อมาเมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่อนิจกรรมลง นางยี่สุ่นผู้เป็นน้องสาวพร้อมกับภรรยาทั้ง 2 มีความประสงค์จะสร้างวัดเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ขุนสมานจีนประชาผู้ล่วงลับจึงได้ดำเนินการสร้างวัดนี้ขึ้น และจึงตั้งชื่อวัดว่า วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า วัดใหม่ขุนสมาน

พระพิฆเนศ นั้นถือได้ว่า เป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ และความสำเร็จ ทางด้านการศึกษาเล่าเรียน ตำแหน่งหน้าที่การงาน การเงิน ความรัก ปัดเป่าอุปสรรคทุกข์ภัย หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายในวัดสมานรัตนาราม นั้นเป็นที่ประดิษฐานของ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อองค์เป็นสีชมพู มีขนาดความสูงถึง 16 เมตร และความกว้าง 14 เมตร  มีความวิจิตรงดงาม เป็นที่สักการะบูชาของประชาชนทั่วไป 

พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุขนั้น มีความหมายถึง พระพิฆเนศ ปางที่ประทานความมีกินมีใช้ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ เงินทองไม่ขาดมือ ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ รื่นรมย์ ไร้ความทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง 

หลังจากที่ได้ไปไหว้สักการะบูชา องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุขแล้ว อย่าลืมไปกระซิบหู ‘หนูมุสิกะ’ ผู้เป็นต้นห้องขององค์พระพิฆเนศ เพื่อฝากคำขอพรต่าง ๆ ไปยังพระพิฆเนศด้วย มีวิธีการก็คือ ไปยืนที่ด้านหลังแล้วเอาปากพูดตรงหูหนู และเอามือปิดหูของหนูอีกข้างไว้ โดยเชื่อกันว่า หนูมุสิกะ จะนำข้อความทั้งหมดไปบอกให้องค์พระพิฆเนศทราบ และคำขอพรจะสัมฤทธิ์ผล ในที่สุด

ยกย่อง!! ‘ครูกฤศ’ ครูผู้เป็นทุกอย่างแห่ง รร.บ้านหนองเหียง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจแน่วแน่ ตั้งแต่สอนหนังสือยันงานภารโรง

(19 ก.ค. 66) เพจ ‘ฅนจริงใจไม่ท้อ’ ได้เผยแพร่ข้อความในหัวข้อ ‘ครู’ ผู้เป็นทุกอย่าง ระบุว่า…

‘ครู’ ผู้เป็นทุกอย่าง
“จะทิ้งเขาไปได้ไง ถ้าทิ้งไป เด็กก็ไม่มีครูสอน ผมอยากอยู่ช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่จนครบวาระของผม” 

เสียงยืนยันอันหนักแน่นของ กฤศ จอมพระ หรือ ‘ครูกฤศ’ ครูหนุ่มผู้มีจิตวิญญาณของการเป็นครู ที่พร้อมจะอยู่และทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อเด็กนักเรียน แม้ในวันที่ทั้งโรงเรียนจะเหลือเขาเป็น ‘ครู’ เพียงคนเดียว
เป็นเวลากว่า 4 ปี แล้วที่ ‘ครูกฤศ’ ได้ตัดสินใจเลือกมาสอนหนังสือที่โรงเรียนบ้านหนองเหียง ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา (โรงเรียนที่เคยตกเป็นข่าวโด่งดัง จากกรณี ครูผู้เป็นทุกอย่าง ตั้งแต่รักษาการผู้อำนวยการ ไปจนถึง พ่อครัว นักการภารโรง) โรงเรียนขนาดเล็กที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นป.6 มีจำนวนเด็กนักเรียนทั้งหมด 21 คน

“ผมมาสอนที่นี่เมื่อปี 62 ที่เลือกมาที่นี่เพราะว่า เมื่อ 6-7 ปีก่อนที่ผมจะมาสอนที่นี่ ผมเคยผึกสอนที่โรงเรียนขนาดเล็กมาก่อน เลยทำให้รู้ว่าเด็กที่มาเรียนโรงเรียนแบบนี้ ครอบครัวเขาจะมีฐานะยากจน บางคนไม่มีรองเท้า ไม่มีเสื้อผ้าใส่มาโรงเรียนเลย ก็มาย้อนนึกถึงตัวเองในสมัยเด็กที่บ้านก็มีฐานะยากจน และเคยได้รับการช่วยเหลือจากครูมาก่อน เลยทำให้มีแรงบันดาลใจมาเรียนจนจบได้มาเป็นครู…เลยเลือกมาที่นี่ อยากช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ครับ”

‘ครูกฤศ’ เชื่อว่า ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่เขามีสั่งสมในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ แม้บนเส้นทางข้างหน้าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่มากมายสักเพียงใดก็ตาม

“ผมมาวันแรก เห็นโรงเรียนแล้วตกใจ เพราะสภาพทรุดโทรม ทั้งอาคารเรียนก็เก่า หญ้าขึ้นเต็มไปหมด แต่ในใจตอนนั้นก็คิดว่า นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้รับประสบการณ์ที่มีค่า เพราะถ้าเราไปอยู่ที่สบายคงไม่ได้ประสบการณ์ที่เข้มข้น”

‘ครูกฤศ’ ได้เริ่มต้นทำงานโรงเรียนบ้านหนองเหียงแห่งนี้ ด้วยตำแหน่งครูผู้ช่วย ซึ่งในขณะนั้นที่นี่ มีบุคลากรทั้งหมด 4 คน งานไหนที่ครูอื่นทำไม่ได้ ‘ครูกฤศ’ จะอาสาทำหมด

“โรงเรียนนี้มีแต่ครูผู้หญิง ผอ.ก็ผู้หญิง ครูธุรการก็ผู้หญิง ครูประจำการก็ผู้หญิง ผมมาตอนนั้นผมเป็นผู้ชายคนเดียวเลย ผมเข้ามาก็ได้รับหน้าที่สอนชั้น ป.3 และงานพัสดุ งานอื่น ๆ ที่ต้องใช้แรงผมก็จะขออาสาทำหมด”

แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงตาม ทำให้โรงเรียนแห่งนี้เหลือ ‘ครูกฤศ’ ที่เป็นผู้ทำหน้าที่ทุกอย่างในโรงเรียนนี้เพียงคนเดียว

“พอมาช่วงโควิด ครูธุรการเขาก็ขอลาออกไป ไปทำงานโรงงานเพราะใกล้บ้านและได้เงินดีกว่า แล้วตำแหน่งนี้ส่วนกลางเขาไม่มีนโยบายรับเพิ่ม ก็ทำให้เหลือกันแค่ 3 คน แต่พอถึง ตุลา 65 ผอ.ผู้หญิงท่านก็เกษียณไปอีกคน คราวนี้เลยเหลือผมกับครูผู้หญิงแค่ 2 คน ผมก็เอาอนุบาลมาสอน พร้อมกับดูแล ป.4-5-6 ส่วนครูผู้หญิงก็ดูแล ป.1 ถึง 3 แต่พอมาถึงมกรา 66 ครูผู้หญิงเขาก็มาบอกว่า เขาอยากย้ายไปสอนใกล้บ้านเพื่อจะได้อยู่ดูแลลูก และครอบครัว ก็เลยทำเรื่องย้ายออกไปอีก ผมก็เข้าใจว่าความจำเป็นก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งต่อมาเขาก็ได้ย้ายไปจริง ๆ ในช่วงกลางเดือนพฤษภา 66 ทำให้ช่วงนั้นผมต้องอยู่คนเดียว”

ด้วยข้อจำกัดทางด้านบุคลากรที่ขาดแคลน ทำให้ ‘ครูกฤศ’ ต้องรับบทบาทของ ‘ครู’ ผู้เป็นทุกอย่างเพียงคนเดียว ซึ่งนั่นคือ บทพิสูจน์หัวใจความเป็น ‘ครู’ ของ ‘ครูกฤศ’ ที่ไม่เคยคิดย่อท้อ

“พอเหลือผมอยู่คนเดียว ผมก็คิดว่าไม่เป็นไร เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด (ในแต่ละวันครูต้องอยู่คนเดียว วัน ๆ ครูทำอะไรบ้าง?) จริง ๆ งานดูเด็ก ๆ ที่ผมรับผิดชอบก็มีหลายอย่างครับ ทั้งดูแลการเรียนการสอนให้กับเด็กทั้ง 8 ชั้นเรียน ในแต่ละวันก็ต้องทำกับข้าวให้เด็กกินเอง ละก็ยังงานธุรการ งานเอกสาร ตัดหญ้า ทำความสะอาด จ่ายตลาดทำเองหมด พอเลิกเรียนก็ขับรถไปส่งเด็กกลับบ้านอีก กว่าจะกลับถึงบ้านที่บางคล้าก็ทุ่มกว่า ๆ ละครับ”

หลัง ‘ครูกฤศ’ ได้ทำหน้าที่เพียงลำพังอยู่ไม่นาน เรื่องราวของครูก็ได้ถูกเผยแพร่ออกไปยังสังคมวงกว้าง จากสื่อสารมวลชนและโชเชียล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“หลังที่ออกข่าวไปก็มีแรงสนับสนุนในหลายด้าน ทั้งสิ่งของ น้ำดื่ม อาหาร เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน เข้ามามากมายเลย และตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ทางการก็ได้ส่งครูผู้ช่วย มาช่วยสอน 1 คน…เข้ามาก็ช่วยกันทำงาน ทำให้เบาไปเยอะเลยครับ (ถามจริงครูก็เป็นข้าราชการ เด็กที่นี่ก็ไม่เยอะ ไม่คิดจะย้ายไปสอนที่อื่นหรือใกล้บ้านครูเหรอ?) ผมจะทิ้งเขาไปได้ไง ถ้าทิ้งไปเด็กก็ไม่มีครูสอนผมอยากอยู่ช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่จนครบวาระของผม”

ต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนโครงการพัฒนาโรงเรียนบ้านหนองเหียง 
ติดต่อ ครูกฤศ ได้ที่ โทร 080-638-5719

‘อรรถกร’ วอนกรมชลฯ แก้ปัญหาผักตบชวาล้นแม่น้ำบางปะกง ลดความเดือดร้อนประกอบอาชีพในลำน้ำของประชาชน .

(20 ก.ค. 66) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือถึงความเดือดร้อนของพี่น้องจังหวัดฉะเชิงเทราในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนที่ได้รับความไม่สะดวกในการสัญจรไปมา โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน บนทางหลวงหมายเลข 3076 เส้นพนมสารคาม บ้านซ่า โดยเฉพาะในช่วง จากตำบลหนองยาว อำเภอพนมสารคาม ไปถึงช่วงตำบลดงน้อย อำเภอราชสาน ว่าในช่วงเวลากลางคืนแสงสว่างไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดความไม่สะดวก และเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง จึงขอเรียนผ่านท่านประธานไปยังกระทรวงคมนาคม ขอให้ติดตั้งไฟส่องสว่างเป็นช่วง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน 

นายอรรถกร ยังกล่าวต่อถึงปัญหาจากประชาชนที่อาศัยอยู่ช่วงถนนสายบางปะอิน หมู่ที่ 6 ตำบลบางกระเจ็ด ว่าในบางช่วงของการใช้ไฟฟ้ามีเหตุการณ์เกิดไฟตกทำให้การใช้ชีวิตภายในบ้านไม่ปกติ หลายครั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เสียหาย่ จึงขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ช่วยขยายเฟสไฟใน ช่วงหมู่ที่6 ตำบลบางกระเจ็ดจาก 2 เฟสเป็น 3 เฟสทั้งหมดด้วย จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้เยอะ

“ส่วนเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนอีกเรื่อง เนื่องจากในขณะนี้แม่น้ำบางประกง ในช่วงของตำบลกลางตลาด ช่วงตำบลบางขนาด และในบริเวณอำเภอคลองเขื่อน และที่เขตบางปะกง มีปัญหาผักตบชวาล้น ต้องเรียกว่า ‘มวลมหาผักตบชวา’ ก็เป็นไปได้ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีวิถีชีวิตประมงในลำน้ำเพื่อมาเลี้ยงชีพ รวมถึงปัญหาของการสัญจรไปมาในริมคลองแม่น้ำ ซึ่งเป็นปัญหาทุกปี

ซึ่งในอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับความช่วยเหลือจากกรมชลประทาน องค์กรจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมไปถึงอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้าน อบต และพี่น้องประชาชนช่วยกันป้องกันปัญหาผักตบชวาที่ต้องจัดการ โดยการต้องเรี่ยไรเงิน ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ผมขอให้กรมชลประทานช่วยระดมกำลังเครื่องไม้เครื่องมือมาแก้ไขอย่างต่อเนื่อง” นายอรรถกร กล่าว

ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าพบเลขาธิการคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC

เมื่อวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 เวลา 15.00 – 17.00 น. ที่สำนักงาน EEC ชั้น 25 อาคาร NT TOWER (CAT TOWER) เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ดร.โอกาส เตพลกุล ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา  พร้อมคณะ เข้าพบ ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เพื่อร่วมหารือแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวนโยบายของการพัฒนาพื้นที่ EEC  โดยมีการนำเสนอประเด็นเข้าสู่การพัฒนา จำนวน 4 ประเด็น ประกอบด้วย

1.การผลักดันโครงการถนนวงแหวนรอบเมืองฉะเชิงเทรา
2.แนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา (โครงการผันน้ำคืนถิ่น)
3.การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน “โครงการรถไฟเชื่อมฉะเชิงเทรา-แอร์พอร์ต เรล ลิงก์
4.โครงการขยายโซนนิ่งสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงจังหวัดฉะเชิงเทรา

ด้าน ดร.โอกาส เตพลกุล กล่าวว่าในการเข้าพบครั้งนี้ได้การตอบรับจากเลขาธิการคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นอย่างดี พร้อมร่วมมือกันหาแนวทางการขับเคลื่อนและการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราในด้านต่างๆต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top