Monday, 21 April 2025
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

สถานทูตจีนในไทย จวกสหรัฐฯ ใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน บิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ

ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่แบ่งแยกไม่ได้ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแต่รัฐบาลเดียวที่สามารถเป็นตัวแทนของทั่วประเทศจีน มติ 2758 ของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1971 ได้มีการรับรองในเรื่องนี้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมา มีทั้งหมด 181 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนบนพื้นฐานหลักการประเทศจีนเดียว ซึ่งเป็นฉันทามติทั่วไปของประชาคมโลกและหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

'อ.ปิติ' ดึงสติคนไทย ต้องไม่เป็นแฟนกีฬาบ้าคลั่ง ชี้ 'การเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ' ไม่ใช่เชียร์มวย

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Piti Srisangnam' ระบุว่า...

ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

Status quo ที่สหรัฐคิดแบบ Strategic Ambiguity และจีนคิดแบบ Strategic Patience จนเราได้เห็นสันติภาพแบบมีกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดมา แต่ก็สามารถทำการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 กำลังจะเปลี่ยนไป

"การเดินทางเยือนไต้หวันของนาง Pelosi คือการ ทำลายล้างรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน และเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดต่อกองกำลังแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน"

ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ประนาม โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ + รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม + คณะกรรมการกลางสภาประชาชนจีน + คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยกิจการไต้หวัน + คณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน Xie Feng เรียก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง Nicholas Burns เข้าพบ เพื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเยือนไต้หวันของ Pelosi และกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งเลวร้ายมากและผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก ฝ่ายจีนจะไม่นั่งเฉย ๆ

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘ทูตอิหร่าน’ ร่วมหารือหลากมิติ พร้อมเชิญชวนชาวอิหร่านท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น

‘พล.อ.ประวิตร’ ต้อนรับ ทูตอิหร่าน เยี่ยมคารวะ/หารือความร่วมมือ ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ยินดีซื้อข้าวไทย และชวนนักท่องเที่ยวมาไทย เพิ่มขึ้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย ช่วยฟื้นฟู ศก.ประเทศไทย

เมื่อวานนี้ (11 ม.ค. 66) เวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายซัยยิด เรซา โนบัคตี (His Excellency Mr. Seyed Reza Nobakhti) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-อิหร่าน ณ ห้องรับรองชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวต้อนรับนายซัยยิด เรซา โนบัคตี พร้อมยืนยันรัฐบาลไทยจะร่วมพัฒนาความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่มีต่อกันอย่างต่อเนื่อง และยินดีส่งเสริมความร่วมมือในสาขา ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ ทั้งด้านความมั่นคง พลังงาน เศรษฐกิจ การค้า การเกษตร สังคม วัฒนธรรม และสาธารณสุข

‘พี่เต้’ ติง!! ‘เศรษฐา’ ลดแฟชันในเวทีโลก ยึดสากล เพื่อหน้าตาประเทศ พร้อมเผย!! โชคยังดี ‘น่านฟ้าเปิด’ เหตุ ‘อานิสงส์ลุงตู่ - เศรษฐาปรับตัว’

(22 ต.ค. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ‘เต้’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอถึงกรณี การแต่งกายของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยระบุว่า…

“ตอนนี้มีข่าวที่ดีคือ พระมหากษัตริย์และเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ได้สั่งการให้ประเทศกลุ่มอาหรับ เปิดทางให้เครื่องบินทหารของไทย สามารถบินผ่านน่านฟ้าของกลุ่มประเทศอาหรับได้แล้ว เพื่อให้สามารถเดินทางไปรับพลเมืองชาวไทยจากประเทศอิสราเอล กลับมาสู่ประเทศไทยได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ไม่ต้องบินอ้อมไกล ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางจาก 12-13 ชั่วโมง เหลือเพียงแค่ประมาณ 8 ชั่วโมง

นับเป็นการประสานงานการเจริญสัมพันธไมตรี สืบเนื่องจาก ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ที่ท่านได้เคยทำการเจรจา พูดคุยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี”

“แต่เหตุที่ในช่วงแรก ยังไม่มีการประกาศให้ไทยได้ทำการบินผ่านน่านฟ้านั้น ก็เพราะเป็นการ ‘ตักเตือน’ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับนายกคนใหม่คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นเดิมทีเป็นนักธุรกิจ ทำให้อาจจะยังไม่เข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี ความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้หมายความว่า เขาแค่เตือนเฉยๆ แต่ยังไม่ได้ลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวคือ อาจจะลดจากเอกอัคราชทูต เหลือแค่ราชฑูต หรือลดในสถานะต่ำกว่านั้น เป็นการแนะนำให้นายกฯ เศรษฐาได้รับทราบ

ซึ่งนายกฯ เศรษฐา ก็มีได้เริ่มปรับตัวที่จะเรียนรู้ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และไม่ได้ฝืนจนมากเกินไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้”

“เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ที่มีสภาวะสงคราม ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเรามีเป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชนคนไทย ที่พำนักอยู่ในอิสราเอล เกือบ 30,000 คน เป็นที่ตั้ง

เพราะฉะนั้น ความสำคัญในการเป็นผู้นำประเทศ ในสภาวะเช่นนี้ย่อมต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย การแสดงสัญลักษณ์ การพูดคุย หรือการแสดงท่าทาง อิริยาบถต่างๆ ล้วนถือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เชิงทางการทูตทั้งสิ้น”

“ส่วนการแต่งตัวแบบแฟชัน ใส่ถุงเท้าสีชมพู สีแดง สวมเสื้อแจ็กเกต หรือเสื้อสูทที่มีความแฟชันมากกว่าทางการนั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และบุคลิกของแต่ละบุคคล นายกรัฐมนตรีแต่ละประเทศจะมีบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน

แต่ในมุมของความเป็น ‘ทางการ’ นั้น ควรที่จะต้องใส่สูทแบบสากล ถุงเท้าควรเป็นสีดำ หรือสีเทาเรียบๆ เพื่อเป็นการเคารพผู้นำของแต่ละประเทศ เพราะผู้นำของแต่ละประเทศนั้น มิได้มีเพียงแค่คนที่เป็นสามัญชนทั่วไป ผู้นำประเทศที่เป็นกษัตริย์ เป็นมกุฎราชกุมาร เป็นองค์จักรพรรดิก็มี ฉะนั้น การนอบน้อมจึงถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อเรามีความนอบน้อมแล้ว ในยามที่เราต้องการขอความช่วยเหลือ ต่างประเทศเขาก็จะเต็มใจ พร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือ เป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”

“ซึ่งผมเชื่อว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นายกฯ เศรษฐา น่าจะมีการปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญในการเจรจา การขอบินผ่านน่านฟ้าของซาอุดีอาระเบียและประเทศอาหรับทั้งหมด

ในเรื่องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ผมต้องยกความดีความชอบให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 คือ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน

ส่วนเรื่องกาละเทศะนั้น คงต้องปรับปรุงตัวต่อไป เพื่อปกกันไม่ให้สื่อมวลชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ร่วมถึงประชาชนติติงเอาได้ และหากมีใครติติงมาก็ควรรับฟังไว้ และนำไปแก้ไข

เพราะตอนนี้คุณไม่ได้เป็นแค่นายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว แต่คุณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นตัวแทนประเทศไทย เป็นตัวแทนของราชอาณาจักรไทย เพราะฉะนั้น จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ รู้จักกาลเทศะ นี่คือสิ่งสำคัญในการเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทยครับ”

‘ก.ยุติธรรม’ จับมือ ‘พันธมิตรจีน’ จัด ‘สัมมนาด้านกฎหมายฯ’ ผลักดันความร่วมมือทางกฎหมายมิติใหม่ ระหว่าง 2 ประเทศ

เมื่อวันที่ (27 มี.ค. 68) กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ สมาคมการค้าวิสาหกิจจีน-ไทย บริษัทสำนักงานกฎหมาย ดีทีแอล จำกัด และสมาคมพันธมิตรกฎหมายไทย-จีน จัดสัมมนาความร่วมมือด้านกฎหมายไทย-จีน ฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อผลักดันความร่วมมือทางกฎหมายระหว่างสองประเทศให้เกิดมิติใหม่ในการสร้างโอกาสและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อวิสาหกิจจีนและไทย ในการร่วมมือกันขยายการลงทุนและสร้างมิตรภาพทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือทางกฎหมายระหว่างไทยและจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของทั้งสองประเทศ เนื่องในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ไทย-จีน จึงผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมและองค์กรภาคธุรกิจของจีน จัดงาน ‘สัมมนาความร่วมมือด้านกฎหมายไทย-จีน ฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน’ เพื่อเสริมสร้างโอกาสใหม่ในการร่วมมือกันในด้านกฎหมาย สนับสนุนการลงทุน และสร้างแนวทางที่เป็นธรรมสำหรับนักลงทุนจีนและไทย 

นายสื่อ ต้าถัว ประธานสมาคมพันธมิตรกฎหมายไทย-จีน และประธานบริษัท สำนักงานกฎหมาย ดีทีแอล จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยและจีนมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ากันมาอย่างยาวนาน ซึ่งนับเป็นเวลา 50 ปีแห่งความร่วมมือในหลากหลายมิติ รวมถึงการขยายการลงทุนที่ช่วยเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้กับทั้งสองประเทศ

การสัมมนาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือช่วยเหลือให้การทำธุรกิจของวิสาหกิจจีนในประเทศไทยเป็นไปอย่างราบรื่น โดยให้ความสำคัญกับการระงับข้อพิพาททางเลือกเป็นแนวทางหลักในการแก้ไขปัญหา เช่น การประนอมข้อพิพาท ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจของจีนและไทยเป็นไปอย่างสันติและยั่งยืน

ภายในงานยังมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสถาบันอนุญาโตตุลาการของไทย กับ สถาบันอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศนครกวางโจว ประเทศจีน และบริษัท สำนักงานกฎหมาย ดีทีแอล จำกัด และระหว่างสมาคมการค้าวิสาหกิจจีน-ไทย กับ ศูนย์ระงับข้อพิพาททางเลือกระหว่างประเทศไทย-จีน (TCIAC) เพื่อกระชับความร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในประเทศไทย และเผชิญปัญหาทางกฎหมายหรือข้อพิพาททางธุรกิจ 

นอกจากนี้ ยังมีการจัด Forum หัวข้อ ‘การแก้ไขข้อพิพาททางการค้าอย่างมีประสิทธิผลสำหรับวิสาหกิจจีนในประเทศไทย’ โดยมีตัวแทนจากภาคธุรกิจจีนและตัวแทนจากทนายเข้าร่วมให้มุมมองเชิงลึก พร้อมการบรรยายในหัวข้อ ‘กลยุทธ์การป้องกันและรับมือความเสี่ยงจากมาตรการการค้าของยุโรปและสหรัฐฯ สำหรับวิสาหกิจการผลิตจีนในประเทศไทย’ โดยตัวแทนจาก บริษัทสำนักงานกฎหมาย ดีทีแอล จำกัด และ ‘การไกล่เกลี่ยและการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ กลไกสันติวิธีเพื่อมิตรภาพไทย-จีน’ โดยรองผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ

การสัมมนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมีวิสาหกิจจีนเข้าร่วมมากกว่า 300 ราย รวมถึงทนายความและนักกฎหมายจากทั้งประเทศไทยและจีนกว่า 100 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตไปพร้อมกันบนพื้นฐานของกฎหมายที่มั่นคงและเป็นธรรม เพื่อให้การลงทุนจีน-ไทยดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top