Saturday, 19 April 2025
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

‘ธนกร’ หนุนเที่ยวไทยเชิงศรัทธา กระตุ้น ศก.หมุนเวียนในชุมชน เชื่อ!! ดึง นทท.จีนทะลักแน่นอน หลังยอดปี 66 ทำได้ตามเป้า

(7 ม.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ‘ททท.’ เปิดตัวเลขการท่องเที่ยวไทย ที่เป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวสายศรัทธา สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ตนจึงสนับสนุนให้รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวสายบุญกลุ่มที่ชื่นชอบท่องเที่ยวไหว้พระขอพร ขอโชค สายมูเตลู ซึ่งจะสามารถสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน วัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศ จะช่วยทำให้ทั้งเมืองหลักและเมืองรองเกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จากที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยสะสมตลอดปี 66 (1 ม.ค.-24 ธ.ค. 66) มีกว่า 27 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล โดย 5 ลำดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มาเลเซีย 4,439,480 คน, จีน 3,418,732 คน, เกาหลีใต้ 1,616,858 คน, อินเดีย 1,587,090 คน และรัสเซีย 1,428,985 คน

เมื่อถามว่าหากเริ่มนโยบายเปิดฟรีวีซ่า ‘ไทย-จีน’ ถาวรเริ่ม 1 มี.ค. 67 จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า หากยกเลิกการใช้วีซ่าระหว่างไทย-จีน ตนมั่นใจ ว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่ชื่นชอบเที่ยวสายศรัทธา เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ได้สำเร็จ

ซึ่งในปี 67 รัฐบาลและ ททท.ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ประมาณ 8.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 66 ที่มา 3.4-3.5 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 67 การท่องเที่ยวภาพรวมจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ ที่ 3.5 ล้านล้านบาท (จากเดิม 3 ล้านล้านบาท) ตนเชื่อว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

‘ททท.’ คว้ารางวัลชนะเลิศ ‘แบรนด์ยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย’ สาขาหน่วยงานรัฐบาล-รัฐวิสาหกิจ ในงาน Thailand Social Award ครั้งที่ 12

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 67) นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขึ้นรับรางวัลชนะเลิศ BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA สาขา GOVERNMENT & STATE ENTERPRISE ในงานประกาศรางวัล THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 12 ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โดยมีหน่วยงานที่เข้ารอบสุดท้าย ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ 

ทั้งนี้ ททท. ได้รับรางวัลชนะเลิศ 4 ครั้งในรอบ 5 ปี (2563 / 2564 / 2566 / 2567) โดยเป็นผลงานของ 5 แพลตฟอร์มหลักของ ททท. ได้แก่ Facebook Page Amazing Thailand, Instagram @TourismThailand, Tiktok @Amazing Thailand, Twitter @go2Thailand @AmazingThailand และ YouTube Channel Amazing Thailand  

โดยคิดคะแนนจากการวัดประสิทธิภาพการสื่อสารจากช่องทางหลักของแบรนด์ (Own Chanel) และจากช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earn Channel) รวมถึงประสิทธิภาพเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เช่น จำนวนผู้ติดตาม การเติบโตของผู้ติดตาม การแสดงความคิดเห็น การสนับสนุนเนื้อหาของแบรนด์และแนะนำให้กับบุคคลอื่น เป็นต้น 

ทั้งนี้ กองสารสนเทศการตลาด โดยงานการตลาดออนไลน์ ได้มีความมุ่งมั่นในการทำงานด้าน social media อย่างเป็นระบบโดยอาศัยข้อมูลต่าง ๆ ประกอบการทำงาน ส่งผลให้การนำเสนอข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของไทย มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับ

‘THAILAND SOCIAL AWARDS’ เป็นงานประกาศรางวัลผลงาน Social Media ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อให้ความสำคัญกับวงการ Social Media ที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ อีกทั้งยังร่วมส่งเสริมการใช้ Social Media อย่างสร้างสรรค์ และยกระดับวงการ Social Media ด้วยการมอบรางวัลเชิดชูผู้ใช้ Social Media ยอดเยี่ยมในสาขาต่าง ๆ โดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด

‘บริษัททัวร์สัตว์เลี้ยงจีน’ เช่าเหมาลำพา 41 นักท่องเที่ยว พร้อม ‘น้องหมา’ เที่ยวพัทยา ชี้!! เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในกลุ่ม Dog Lover สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ

(15 มิ.ย.67) เว็บไซต์ ข่าวการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยแพร่ภาพพร้อมข่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับบริษัท Pet Travel ‘Ai Chong You’ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในกลุ่ม Dog Lover ระหว่างวันที่ 6 – 13 มิถุนายน 2567

โดยการนำคณะนักท่องเที่ยวจีนพร้อมสุนัขตัวโปรดเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) สายการบิน Juneyao Air โดยมีจำนวนผู้โดยสารประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 41 คน และสุนัขที่เดินทางมาพร้อมกับเจ้าของจำนวน 19 ตัว

เพื่อร่วมเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ-พัทยา อันนำไปสู่การเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง Pet-friendly destination ในอนาคต

โดย นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ในปัจจุบันคนจีนแต่งงาน และไม่นิยมมีบุตร แต่หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทดแทน โดยเฉพาะกลุ่ม Dog Lover

อ้างอิงข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พบว่า ชาวจีนจำนวนร้อยละ 70 นิยมเลี้ยงสุนัขเมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น นอกจากนี้เจ้าของยังให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยง เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว มีการพาออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการออกเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกัน

อีกทั้งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังการซื้อสูง ด้วยเหตุนี้ ททท. จึงร่วมมือกับ Pet Travel ‘Ai Chong You’ จัดกิจกรรมนำคณะนักท่องเที่ยวจีนพร้อมสุนัขตัวโปรดเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทยด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) สายการบิน Juneyao Air

เพื่อเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในกลุ่ม Dog Lover ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เนื่องจาก เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรก ด้วยการเช่าเหมาลำของคณะนักท่องเที่ยวจีน พร้อมสัตว์เลี้ยง รวมถึงเป็นครั้งแรกในการเดินทางมายังประเทศไทยอีกด้วย

โดย ททท. นำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ–พัทยา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ออกเดินทางเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยว และพาสุนัขตัวโปรดทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวชมวัดปากน้ำภาษีเจริญ พักผ่อนในบรรยากาศสบาย ๆ ณ Pet-friendly Cafe คาเฟ่ที่พร้อมต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้แก่น้องหมา

อาทิ Craft Cafe คาเฟ่หนึ่งเดียวในโรงแรม Kimpton Maa-lai, The Commons Thonglor เป็นคอมมูนิตี้สเปซสำหรับคนรักสัตว์, ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา, เกาะล้าน, สวนนงนุชพัทยา และแลนด์มาร์กแห่งใหม่บรรยากาศตลาดญี่ปุ่น Bangsaen Toshin (บางแสนโทชิน) เป็นต้น

นอกจากนี้ ททท. ยังได้ประสานความร่วมมือไปยังตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่คณะนักท่องเที่ยว ซึ่งภายหลังการจัดกิจกรรมได้รับเสียงตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากคณะผู้เข้าร่วมเดินทาง

ทั้งนี้ ททท. ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญและเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง Pet-friendly destination ในอนาคตต่อไป

‘การรถไฟฯ’ จับมือ ‘ททท.’ จัดกิจกรรมการเดินทาง เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ‘สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม’ ที่สถานีหัวลำโพง

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 67) การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ผนึกความร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม ‘สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม’ โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วมกันในการเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยนางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคมการรถไฟแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเข้าร่วมงานชวนเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ทางรถไฟ 6 เส้นทาง ‘สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม’ ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ‘IGNITE THAILAND’ เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยว ‘เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว’ โดยเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียง ผ่านระบบขนส่งสาธารณะของประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น และเป็นการสร้างความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี  

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว และร่วมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่ Tourism Hub ที่สำคัญของโลกอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดในวันนี้ กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และภาคีพันธมิตรภาคีเอกชน ได้แก่ บริษัทบุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวทางรถไฟ ‘สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม’ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ผ่านการเดินทางโดยรถไฟ ที่มีความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 จำนวน 6 เส้นทาง ประกอบด้วย

เดือนกรกฎาคม 2567 กิจกรรมโดยรถไฟ KIHA 183 จำนวน 4 เส้นทาง พร้อมแพ็กเกจท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ราคา 3,999 บาท ต่อท่าน ได้แก่ 
- เส้นทางที่ 1 กรุงเทพ - ราชบุรี (ภาคกลาง) ในวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2567 
- เส้นทางที่ 2 กรุงเทพ -สวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ภาคกลาง) ในวันที่ 13 – 14 กรกฎาคม 2567 
- เส้นทางที่ 3 กรุงเทพ - สุพรรณบุรี (ภาคกลาง) ในวันที่ 20 – 21 กรกฎาคม 2567 
- เส้นทางที่ 4 กรุงเทพ - ปราจีนบุรี (ภาคตะวันออก) ในวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2567  

เดือนสิงหาคม กิจกรรม ‘สิงหาแม่พาเที่ยว’ 2 เส้นทางรถไฟ ในรูปแบบ One Day Trip ได้แก่ 
- เส้นทางที่ 1 แม่พาลูกเที่ยว ชวนนั่งรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา (ภาคตะวันออก) ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ราคา 799 และ 329 บาทต่อท่าน 
- เส้นทางที่ 2 Royal Blossom รถไฟสายแห่งความสุข กรุงเทพ - กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการเปิดให้บริการขบวนรถท่องเที่ยว SRT Royal Blossom เป็นครั้งแรก ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ราคา 1,799 บาทต่อท่าน 

พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษของเดือนสิงหาคม กิจกรรม ‘สิงหาแม่พาเที่ยว’ เฉพาะคุณแม่รับบัตรกำนัล มูลค่าเท่ากับราคาตั๋วโดยสารฟรี 1 สิทธิ์ต่อ 1 ครอบครัว เพียงแสดงบัตรประชาชนของคู่คุณแม่คุณลูก และสำเนาทะเบียนบ้าน (สามารถรับบัตรกำนัลได้ในวันเดินทาง)

นอกจากนี้ ตลอดการเดินทาง ยังได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด สนับสนุนน้ำดื่มทุกทริป และมอบบัตรกำนัลฟรี สำหรับคุณแม่ในกิจกรรมสิงหาแม่พาเที่ยว บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มอบเจลอาบน้ำเดทตอลให้กับนักท่องเที่ยวทุกท่าน พร้อมผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคของเดทตอล สำหรับใช้ทำความสะอาดบนขบวนรถไฟนำเที่ยวทุกขบวน ในส่วนของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบกรมธรรม์ดูแลค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 50,000 บาท รวมถึงค่ารักษาพยาบาลจากอาหารเป็นพิษให้กับนักท่องเที่ยวทุกท่านอีกด้วย 

ขณะที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมสนับสนุนนำมัคคุเทศก์มืออาชีพ ช่วยบรรยายความรู้และข้อมูลต่าง ๆ พร้อมจัดกิจกรรมสุดพิเศษเพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งความสุขบนขบวนรถไฟ ตลอดเดือนกรกฎาคม อาทิ เส้นทางราชบุรี พบกับคุณเจ ชลัช นายแบบมากฝีมือที่จะมาร่วมเดิน Fashion Show ผ้าขาวม้าของดีประจำเมืองราชบุรีครั้งแรกบนรถไฟ เส้นทางสวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบกับอาจารย์อัส มนต์คเนศวร์ สิริปภัสสร ที่จะมาบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าด้วย Saxophone ครั้งแรกบนรถไฟ เส้นทางสุพรรณบุรี ที่จะพาทุกท่านร่วมย้อนวันวานกับ ‘น้าโย่ง’ ที่จะมาขับร้องเพลงฉ่อยเรื่องราวการกำเนิดเมืองอู่ทองที่สอดแทรกความเป็นไทย ให้ทุกท่านได้ร่วมสนุกและเพลิดเพลิน และเส้นทางปราจีนบุรี พบกับเคล็ดลับการสักการะท้าวเวสสุวัณ จากซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร ที่จะพาทุกท่านร่วมมูเตลูกันแบบจัดเต็ม 

นายสุรพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ คาดหวังว่าจากความร่วมมือในกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยเปิดมิติใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟ พร้อมกับช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศได้ตลอดทั้งปี นำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น และทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเติบโตเข้มแข็งมั่นคงต่อไป 

สำหรับ ผู้ที่สนใจจองโปรแกรมท่องเที่ยวทั้ง 6 เส้นทาง สามารถซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศหรือผ่านระบบออนไลน์ D-ticket ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690

ครึ่งแรกปี 67 ‘นทท.เกาหลีใต้’ มาเที่ยวไทยแตะ 9 แสนคน สะท้อนไทยยังครองใจ แม้กระแสคนไทยแบนเกาหลียังคุกรุ่น

(12 ก.ค. 67) นายพัฒนพงศ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานกรุงโซล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเกาหลีเที่ยวไทย ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) มีจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางมาไทยมากกว่า 9 แสนคนแล้ว 

ซึ่งจากสถิติครึ่งปีหลัง นักท่องเที่ยวเกาหลีจะมาไทยมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก จึงคาดการณ์ว่าทั้งปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีเข้ามาเที่ยวไทย ประมาณ 1.94 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปี 2566 

โดยในปี 2568 ททท.ตั้งเป้าดึงเกาหลีมาเที่ยวไทยประมาณมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งเป้าหมายของปี 2567 ที่จะเพิ่มขึ้นสู่ 1.94 ล้านคน ถือว่าสูงกว่าระดับปี 2562 แล้ว

นายพัฒนพงศ์ กล่าวว่า แนวโน้มปัจจุบันอาจแสดงให้เห็นถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวไทยถูกปฏิเสธที่จะเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ ทำให้เกิดความไม่สะดวกและเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางมาประเทศไทย สะท้อนจากตัวเลขการเดินทางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้มีกระแสดังกล่าวเกิดขึ้น สำนักงานโซลจะกระตุ้นการเดินทางในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม อย่างต่อเนื่อง ผ่านการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินแบบเหมาลำ เพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร

“นักท่องเที่ยวชาวเกาหลียังคงมองประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายอันดับต้น ๆ เพราะมีทั้งวัฒนธรรม และอาหารไทย ที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงอย่างมาก ไม่ต่างจากชาวเกาหลี ที่นิยมอาหารที่มีรสจัด รสเผ็ด คนเกาหลีส่วนใหญ่ที่เดินทางมาไทย เพื่อตามรอยอินฟลูเอนเซอร์ ท่องเที่ยวตามรีวิวทางออนไลน์ มีคนเกาหลีจำนวนมากที่มีเป้าหมายการเดินทางยังเชียงใหม่ ขณะที่ศิลปินเคป็อปหลายคนได้ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอในประเทศไทย อาทิ เซเวนทีน (Seventeen) และ ไอเดิล (G)I-DLE เมื่อภาพในเอ็มวีเพลงถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้กลุ่มแฟนคลับ ที่แบ่งเป็นด้อมติดตามทั้งวง หรือแยกรายศิลปินเกาหลีตามรอยมาเที่ยวไทยมากขึ้น” นายพัฒนพงศ์ กล่าว

นายพัฒนพงศ์ กล่าวว่า จากข้อมูลการเก็บสถิติและพฤติกรรมนักท่องเที่ยว พบว่า ช่วงอายุของนักท่องเที่ยวเกาหลีที่นิยมเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก มีอายุอยู่ที่ 20-40 ปี ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30-40% ของจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ประมาณ 28 ล้านคน ททท.สำนักงานกรุงโซล จึงอยู่ระหว่างร่วมกับพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว เพื่อจัดทำแคมเปญหรือโปรโมชันดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เลือกเข้ามาเที่ยวไทยเป็นหลัก 

'ตลาดน้ำอัมพวา' ยังแน่น!! หลังคลิปว่อนอ้างตลาดน้ำร้าง ไร้คนเที่ยว  ด้านแม่ค้าประสานเสียง ภาพถ่ายหงอยเป็นโฮมสเตย์ ไม่ใช่ตลาด

(15 ก.ค.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีโซเชียลมีการเผยแพร่ข้อมูลว่าแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม สถานการณ์ตอนนี้เงียบเหงา ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งคนลงไปเช็กในพื้นที่แล้วชะอำและอัมพวา ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่มีคนปล่อยเฟคนิวส์ นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักพอสมควรตามฤดูกาล แถมยังจะหนาแน่นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้

และจากการสอบถามนายกสมาคมโรงแรมและผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่ชะอำพบว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงนี้ทั้ง Weekday และ Weekend ประมาณ 50-60% โดยช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้มีการจองการเข้าพักล่วงหน้าเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 70-75% ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในพื้นที่ชะอำ อาทิ หาดชะอำ วัดถ้ำแจง ฯลฯ ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวตามปกติ

ทั้งนี้ ททท.จะร่วมกับหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี และกลุ่ม YEC จัดกิจกรรม Food Festival ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณชายหาดชะอำ เพื่อนำเสนอ Soft Power โดยใช้อาหารถิ่นเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงต่อยอดสู่การเดินทางท่องเที่ยวมายังจังหวัดเพชรบุรีและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในพื้นที่ให้มากขึ้น เกิดการกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการให้ทั่วถึงต่อไป

'ททท.' ผนึก ‘depa-NIA-SME D Bank’ เปิดเวที Travel Tech Startup 2024 เฟ้นหาคนเก่ง ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของท่องเที่ยวไทยในเวทีโลก

เมื่อวานนี้ (5 ก.ย. 67) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA)ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank และหน่วยงานพันธมิตร เปิดเวทีขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยผ่านโครงการประกวดผู้ประกอบการ Travel Tech Startup 2024 เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ Travel Tech Startup พร้อมติดอาวุธทางการตลาดให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพได้มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจ พร้อมร่วมชิงเงินรางวัลรวมกว่า 350,000 บาท และสิทธิประโยชน์จากพันธมิตร

นางสาววรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า การท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยรอบด้าน ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว การแข่งขันจากประเทศต่าง ๆ ที่นำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวที่หลากหลายและคุ้มค่า รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของ พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจในประสบการณ์และรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การท่องเที่ยวไทยต้องปรับตัวต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น เพื่อพยายามครองความเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

ททท. เล็งเห็นว่า Travel Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์การสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยว จึงได้จัดโครงการประกวดผู้ประกอบการ Travel Tech Startup 2024 เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ในการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี นักพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้มีโอกาสนำเสนอผลงาน รวมทั้งโอกาสในการพบกับพันธมิตรที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทาง ซึ่งเมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ Travel Tech มากขึ้น จะทำให้ข้อมูลและบริการท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น รวมถึงเข้าใจแนวโน้มและความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของการท่องเที่ยวไทยในตลาดโลกและดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกอีกด้วย

คุณนิตาภา อินชัย หัวหน้างานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า depa มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภาคการท่องเที่ยวไทย ผ่านโครงการประกวดผู้ประกอบการ Travel Tech Startup 2024 โดยส่งเสริมการผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ โครงการนี้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการเติบโตของ Startup เทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยว สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและแนวคิดใหม่ ๆ ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว ซึ่ง depa เชื่อว่า ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะสามารถสร้างระบบนิเวศทางดิจิทัลที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนให้แก่ Startup ไทยก้าวสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น และนำเสนอเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน

คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) กล่าวว่า NIA มุ่งมั่นที่จะผลักดันนวัตกรรมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ภายใต้โครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 นี้ NIA มีวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมและสนับสนุน Startup ที่มีศักยภาพในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้กลายเป็น Net Zero Tourism เชื่อว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดย NIA ได้มุ่งเน้นสร้างการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เช่น นวัตกรรมเส้นทางท่องเที่ยวโลว์คาร์บอนในระดับชุมชน, ยานยนต์ EV สำหรับการท่องเที่ยวทางบกและทางน้ำ เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและการดำเนินงานของธุรกิจการท่องเที่ยวในทุกระดับ NIA มุ่งหวังที่จะสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของ Startup ด้านการท่องเที่ยวไทย โดยการให้การสนับสนุนทางด้านทรัพยากรและการเชื่อมโยงกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค

คุณสุชาดา โคตรสิน รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย SME D Bank กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและความท้าทายที่ซับซ้อน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาและขยายธุรกิจ SME D Bank จึงมีวิสัยทัศน์ในการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ Startup และผู้ประกอบการด้าน Travel Tech อย่างครบวงจร ด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสมและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการทุกขั้นตอน ธนาคารมุ่งเน้นในการสร้างระบบการเงินที่ยืดหยุ่นเพื่อเสริมสร้างความสามารถ ในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก เชื่อว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความยั่งยืนของธุรกิจด้านการท่องเที่ยว พร้อมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคง

โครงการ Travel Tech Startup 2024 เปิดรับสมัครผู้ประกอบการ Tech Startup ที่มีการดำเนินกิจการมาแล้ว มีผลการเติบโตที่ดี และต้องการต่อยอดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถสมัครเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาและขยายการเติบโตของธุรกิจ พร้อมทั้งเข้าถึงการส่งเสริมตลาดทางการท่องเที่ยว โดยจะประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม Founder First Date และ Online Bootcamp จำนวน 2 ครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2567 พร้อมทั้งร่วมนำเสนอผลงานใน Opportunity Day ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เพื่อชิงเงินรางวัลและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากหน่วยงานพันธมิตร 

โดยผู้ชนะอันดับที่ 1 จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 200,000 บาท อันดับที่ 2 เงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท และ อันดับที่ 3 เงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากหน่วยงานพันธมิตร โดยโครงการยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอีกหลายหน่วยงาน ได้แก่ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด (Tech Sauce) ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) บริษัท เดนท์สุ (ประเทศไทย) จำกัด (Dentsu) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (Siam Piwat) และ SIAM PARAGON SCBX NEXT TECH และพันธมิตรด้านสื่อ ประกอบด้วย สมาคมการค้าสตาร์ตอัปไทย Mission To The Moon greenery.org และ สำนักข่าว THE STATES TIMES 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ Startup ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี นักพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สนใจร่วมแข่งขันในโครงการประกวดผู้ประกอบการ Travel Tech Startup 2024 สามารถติดตามรายละเอียดโครงการได้ที่ www.TATstartup.com และ Page Facebook: TAT Startup Thailand เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่ 5 กันยายน 2567 - 4 ตุลาคม 2567

ททท. ผนึก EVA Air ขยายความร่วมมือต่อเนื่อง หนุนไทยสู่จุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก

'ศศิกานต์' เผย 'ททท. ร่วมกับ EVA Air ขยายความร่วมมือ 4 ปี' เดินหน้าผลักดันไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก

เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.67) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้ายกระดับเสริมมาตรการขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ EVA Air ร่วมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) ขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 ปี กระตุ้นตลาดหลัก ทั้งระยะใกล้และระยะไกล ผ่านเครือข่ายเส้นทางการบินของ EVA Air และร่วมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า การขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง ททท. และ EVA Air ครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากความร่วมมือครั้งก่อนในปี พ.ศ.2566 ด้วยศักยภาพของพันธมิตรสายการบิน EVA Air ที่มีเครือข่ายและบริการที่ครอบคลุมกลุ่มตลาดเป้าหมายทั่วโลก ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก อเมริกาเหนือและยุโรป สามารถอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมายังประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบายและเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ไม่เพียงเท่านั้น ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถนำเสนอเสน่ห์ไทย วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และมิตรไมตรีอันอบอุ่นของคนไทยไปทั่วโลก รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจด้านการท่องเที่ยว ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก

“ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของ EVA Air และ ททท. จะนำมาซึ่งประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทั้งสร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและยกระดับประสบการณ์การเดินทาง ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการสะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพและกลุ่มตลาดใหม่” น.ส.ศศิกานต์ กล่าว

ททท. ประกาศผลผู้ชนะ ‘TAT Travel Tech Startup 2024’ ทีม HAUP คว้าชัย พร้อมได้อีก 11 ทีม หัวกะทิ Travel Tech

เมื่อวันที่ (26 พ.ย. 67) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศผลผู้ชนะโครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 กิจกรรมบ่มเพาะและโจทย์ด้านการท่องเที่ยวสุดท้าทาย ภายใต้แนวคิด WORLD & ME โดยทีมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่มีแผนธุรกิจที่โดดเด่นและได้รับคัดเลือกคะแนนสูงสุด

โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ ทีม HAUP  / ทีม CERO / ทีม Carbonwize จากทั้งหมด 12 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย โอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท. มอบรางวัลแก่ผู้ชนะ ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า โครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 สะท้อนความตั้งใจของ ททท. ในการยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) โดยเฉพาะการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการรายย่อย หรือ สตาร์ทอัพ ผ่านการบ่มเพาะองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปัจจุบัน 

รวมทั้งสร้างโอกาสความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ เอกชน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าคุณภาพ และมาตรฐานแก่สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นสร้างความประทับใจในทุก Touch Point ของการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพและโอกาสการแข่งขันในตลาดโลกแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยในอนาคต

การประกวด TAT Travel Tech Startup ครั้งนี้ กำหนดภายใต้แนวคิด WORLD & ME โลกและเรา ท่องเที่ยวแบบห่วงใย ใส่ใจ ให้ทั้งโลกยังสวยงามและธุรกิจของเราเติบโตยั่งยืนไปด้วยกัน โดยอาศัยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมที่ทำได้จริง ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว โดยผู้เข้าร่วมประกวดจะมีโอกาสในการร่วมงานกับ ททท. และพันธมิตรที่ร่วมดำเนินโครงการฯ ในการนำเทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยว มาใช้รองรับเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในตลาดท่องเที่ยวที่เหมาะสม ถือเป็นโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจของ Startup อีกทางหนึ่ง โดยการจัดแข่งขันในรอบสุดท้ายและมอบรางวัล ในงาน Opportunity Day  วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

สำหรับทีม Startup ที่คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมทางการท่องเที่ยวไปครอง โดยนายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  ททท. เป็นประธานมอบรางวัลแก่ผู้ชนะ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ทีม HAUP รับเงินรางวัล 200,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ทีม CERO รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ทีม Carbonwize เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร 

ซึ่งผู้ชนะทั้ง 3 ทีม ยังได้รับสิทธิ์ประโยชน์ต่าง ๆ จาก พันธมิตรในโครงการ อาทิ โอกาสเข้าร่วมงาน Startup Showcase ที่งาน Startup Thailand Event 2025 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ NIA 

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากพันธมิตรที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนโครงการนี้ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), ธนาคาร SME D BANK, สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย, บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, SCBx NEXT TECH, The Able By KING POWER, ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC), บริษัท เดนท์สุ (ประเทศไทย) จำกัด, สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย, Mission To The Moon, Greenery Media และ The States Times เข้าร่วมแสดงความยินดี พร้อมทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจในโครงการ Travel Tech Startup  สามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขัน การทำกิจกรรมต่างๆของโครงการ ได้ที่ Page Facebook: TAT Startup Thailand และ www.TATStartup.com

ม.อ.ประกาศรับบริจาคสิ่งของช่วยน้ำท่วมภาคใต้ พบหลายพื้นที่ยังสาหัสต้องอพยพคน - สิ่งของอย่างเร่งด่วน

(28 พ.ย. 67) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ประกาศรับบริจาคสิ่งของและอาหารแห้งช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใหญ่

จากกรณีฝนตกลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ในพื้นที่ จ.ยะลานั้นทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้าต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ จ.นราธิวาสก็ประสบกับสถานการณ์อุทุกภัยเช่นกันกระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พ.ย. "กองพัฒนานักศึกษา ม.อ.หาดใหญ่" ประกาศเปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2567 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เวลา 09.30-17.00 น. สิ่งของที่ต้องการคือ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง นม ขนม น้ำดื่ม

หรือสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์
ชื่อบัญชี : สงขลานครินทร์เพื่อผู้ประสบภัย
เลขที่บัญชี : 565-471106-1

สถานที่รับบริจาคสิ่งของ ณ อาคารกิจกรรมนักศึกษา
ข้างศูนย์อาหารโรงช้าง ม.อ.หาดใหญ่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top