Saturday, 4 May 2024
กาญจนบุรี

‘ดร.จุ๊บ’ ผู้สมัคร ส.ส.กาญจน์ เผย ยิ่งใกล้เลือกตั้ง กระแส ‘บิ๊กตู่’ ยิ่งแรง เชื่อ!! คนเมืองกาญจน์ พร้อมใจกาบัตรหนุน ‘รทสช.’ ทั้งเขต-พรรค

(15 เม.ย. 66) ดร.วรสุดา สุขารมณ์ หรือ ‘ดร.จุ๊บ’ ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เขต 1 เบอร์ 5 ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน ชาวตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เราทำมาอย่างต่อเนื่อง และตนเดินทางเข้าพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านมานานกว่า 10 ปี จึงไม้รู้สึกเคลียดเมื่อต้องลงพื้นที่ช่วงเลือกตั้ง เมื่อตนอาสามาทำงานการเมืองให้มีความสร้างสรรค์ เราจึงต้องเข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด

วันนี้โจทย์คือ ประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อเลือกเรา เราต้องเข้าให้ถึงประชาชน ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเราเป็นคนของประชาชนให้ได้มากที่สุด เมื่อเราได้รับความไว้วางใจ ประชาชนก็จะมอบคะแนนเสียงให้กับเรา

ดังนั้น อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนเขต 1 ทุกท่าน ช่วยสนับสนุน ตนเอง ผู้สมัคร ส.ส. กาญจนบุรี รทสช. เขต 1 เบอร์ 5 ที่ผ่านมา ตัวเองไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชนชาวเขต 1 ทำอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลานานหลายปีแล้ว

“จุ๊บจึงอยากจะให้พี่น้องประชาชนมองเห็นคุณค่าทางจิตใจและจุดยืนของจุ๊บ ที่จุ๊บเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีอย่างจริงจัง” ดร.จุ๊บ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางตรวจการดำเนินการตามกระบวนการ NRM กรณีจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวที่กาญจนบุรี

วันนี้ (3 พ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย NGOs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ที่ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด , แรงงานจังหวัด , ประมงจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด, ยุติธรรมจังหวัด และป้องกันจังหวัด ร่วมประชุมชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาและดูแลผู้ถูกคัดกรอง โดยในส่วนของ ภ.จว.กาญจนบุรีนั้น ได้มีการรับดำเนินการตามกระบวนการ NRM จากกรณีระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จับกุมผู้ต้องหาบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาที่มีการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร รวมจำนวน 115 คน และพบรถกระบะที่ใช้ในการขนบุคคลต่างด้าวถูกจอดทิ้งไว้จำนวน 2 คัน คดีอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยจะต้องนำบุคคลต่างด้าวทั้งหมดผ่านกระบวนการคัดแยกเหยื่อ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการทั้งหมด โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้นำบุคคลต่างด้าวทั้ง 115 คน มาพักอาศัยอยู่ที่ กองร้อย ตชด.136 ซึ่งมีสถานที่กว้างขวางพร้อมรองรับความเป็นอยู่ของบุคคลต่างด้าวทั้งหมด โดยแยกพักอาศัยชาย-หญิง ส่วนเด็กและเยาวชนพักอาศัยร่วมกับผู้ปกครอง หลังจากดำเนินการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์แล้วพบว่า ทั้ง 115 คน ไม่พบผู้ใดเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ โดยบุคคลต่างด้าวเหล่านี้สมัครใจที่จะลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านการจ่ายเงินให้กับเอเย่นคนละ 20,000 – 30,000 บาท เพื่อเดินทางไปหางานทำในประเทศไทยหรือไปต่อยังประเทศมาเลเซีย โดยสามารถลักลอบเข้ามาได้สำเร็จ แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเสียก่อน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงานเมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีนายจ้าง-ผู้สนับสุนน-คนนำพาต่างด้าว รวม 9 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและพัฒนา ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 14 ราย หลังแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีถูกหลอกมาทำงานตัดอ้อย และถูกนายจ้างยึดเอกสารหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้ทำงาน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เหตุเกิดที่ไร่อ้อยภายในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือแรงงานทั้งหมดได้พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้าง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น


​กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ รวมทั้งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการให้ครบถ้วน จากการสืบสวนพบว่า นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ นายจ้าง ได้รับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานจากผู้รับจ้างขนแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้บังคับให้ทำงานในไร่อ้อย โดยยึดเอกสารประจำตัวทั้งหมด และมีการข่มขู่โดยใช้ทั้งอาวุธมีดและอาวุธปืน ทำให้แรงงานหวาดกลัวและยอมทำงาน โดยต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และได้เงินสัปดาห์ละ 500 บาทต่อคน และต้องพักอาศัยด้วยกันอย่างแออัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวมจำนวน 9 คน แบ่งเป็นนายจ้าง 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และคนนำพาต่างด้าวเขามาทำงานจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย
​1. นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ (นายจ้าง)
​ดำเนินคดีฐาน ค้ามนุษย์ และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​2. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร (ผู้ใหญ่บ้าน)
​3. ร.ต.อ.วชิร ชยธวัช (ลูกเขยของนายจิรายุทธฯ)
​ดำเนินคดีฐาน เป็นผู้สนับสนุนค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​4. นายสรไกร ศรีนานา
​5. นายนัฐวุฒิ วินกล่อม
​6. นายมนัส ทองเถาว์
​7. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร
​8. นายรณชัย เกิดสนอง
​9. นายอะวิน ไม่มีนามสกุล (สัญชาติเมียนมา)
​ดำเนินคดีฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม

ฮือฮา!! ‘อดีตสารวัตรกำนัน’ ควบม้าคู่ใจ เข้าคูหาใช้สิทธิ ลั่น!! รอวันนี้มานาน หวังได้รัฐบาลชุดใหม่แก้ปากท้อง

(14 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศาลาเอนกประสงค์ หมู่ที่ 4 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดกาญจนบุรี นายบังเอิญ เรียบร้อย อายุ 47 ปี อาชีพค้าขาย อดีตสารวัตรกำนันตำบลปากแพรก และผู้อำนวยการองค์การสืบสวนปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดกาญจนบุรี ได้ขี่ม้ามาใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้ง หมู่ 4 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากต่างยืนต่อแถวยาวเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก

นายบังเอิญ กล่าวถึงความรู้สึกหลังใช้สิทธิเลือกตั้งว่า วันนี้ออกมาใช้สิทธิกับม้าคู่ใจ ชื่อ ‘เจ้าบารมี’ อายุ 7 ปี ซึ่งเป็นม้าที่ตนรักมากๆ ส่วนตัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง หลังจากรอคอยมานานหลายปี ประชาชนตื่นตัวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้มาก คาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล จะนำพาประเทศและนำพาคนไทยให้รอดพ้นจากเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน พี่น้องประชาชนคนไทยคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะนำพาให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ ให้แก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องราคาค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าใช้จ่ายของประชาชนส่วนใหญ่ อยากให้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับ

วันนี้ที่ขี่ม้ามาเลือกตั้ง เพราะคิดว่าถ้าเอารถยนต์มา กลัวจราจรจะติดขัด เพราะรถเยอะมาก จึงขี่ม้าคู่ใจ ชื่อ ‘เจ้าบารมี’ ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ประชาชนได้เห็นเจ้าบารมี (ม้า) ก็ตื่นตาตื่นใจ ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย เราทำอาชีพม้าแห่ จึงขี่ม้ามาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันนี้

‘หมู่บ้านอีต่อง-เหมืองปิล๊อก’ ดินแดนสวรรค์กลางหุบเขา สัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น ที่ควรค่าแก่การมาพักผ่อน

‘หมู่บ้านอีต่อง’ ที่แห่งนี้ในยามหลังฝนพรำ จะถูกโอบล้อมไปด้วยไอหมอก งดงามมาก ราวกับดินแดนในฝัน

หมู่บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดกับชายแดนไทยพม่า ทางฝั่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีการทำเหมืองแร่มาแต่สมัยก่อน โดยมีผู้ประกอบการทำเหมืองแร่หลายแห่งในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันเหมืองแร่ก็ได้ปิดตัวลงไป เหลือไว้เพียงสถานที่ท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านอีต่องเท่านั้น ซึ่งที่นี่ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์ที่ซุกซ่อนอยู่หลังม่านหมอกของจังหวัดกาญจนบุรี

การเดินทางขึ้นสู่หมู่บ้านอีต่องจากตัวเมืองกาญจนบุรีใช้เส้นทาง ถนนทางหลวงชนบทสาย กจ.4088 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี (กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ) เริ่มจากตัวเมืองกาญจนบุรี ไปยังอำเภอทองผาภูมิ ระยะทางประมาณ 212 กิโลเมตร ใช้เส้นทาง ทล.323 และมุ่งเข้าสู่ตัวอำเภอทองผาภูมิผ่าน ทล.3272 และเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย กจ.4088 โดยจะมีป้ายแนะนำเส้นทางเป็นระยะ ซึ่งจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยว อย่างอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก และไปสุดที่หมู่บ้านอีต่อง โดยตลอดเส้นทางจะเป็นทางลาดยางอย่างดี แต่เมื่อมาถึงช่วงที่เป็นทางขึ้นเขาสู่หมู่บ้านอีต่อง ประมาณ 30 กิโลเมตร ทางจะค่อนข้างอันตรายมีความแคบและถนนขรุขระเป็นบางช่วง ผู้ขับขี่รถขึ้นไปเองควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่อย่างสูง และต้องมีความชำนาญในการขับขี่ แต่ก็ถือว่าไม่ยากจนเกินไป ในการขึ้นสู่หมู่บ้านอีต่อง

จุดไฮไลท์ที่อยากจะแนะนำให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายรูปก็คือบริเวณเหมืองปิล๊อก ซึ่งเป็นพื้นที่ทำเหมืองเก่า ปัจจุบันยังคงหลงเหลือ เครื่องมือทำเหมืองโบราณ และยานพาหนะที่ใช้ทำเหมืองไว้อยู่ สามารถใช้เป็นพร๊อบในการถ่ายรูปชิลๆ รับรองว่าทุกคนจะได้รูปภาพสวยๆ เก็บความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน 

และอีกจุดนอกจากเครื่องมือทำเหมืองแล้วภายในเหมืองปิล๊อกแล้ว ก็ยังมีน้ำตกเล็กๆ ที่ไหลลงในบ่อน้ำกลางป่า ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศที่สวยงามสุดจะบรรยายจริงๆ ป่าไม้และต้นหญ้าสีเขียวขจีมีไอหมอกลอยละล่องอยู่เต็มพื้นที่ป่า ไปจนถึงน้ำตก ซึ่งในบ่อน้ำที่น้ำตกไหลลงมานั้น มีความใสสะอาดและมีปลาคราฟอาศัยอยู่ด้วย ที่ตรงนี้เปรียบดั่งดินแดนในฝัน เหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้ ต้นไม้ในบริเวณนี้ดูสวยงามและแปลกตา ผสมกับสายหมอกหนา ยิ่งทำให้ดูน่าค้นหาและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้บนถนนทางหลวงชนบทสาย กจ.4088 ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีลักษณะเป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่หน้าผาสูงประมาณ 34 เมตร และยังมีเขาช้างเผือก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิมีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 1,249 เมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย ก็มีจุดไฮไลต์อยู่ตรงที่ “สันคมมีด” ซึ่งเป็นเส้นทางเดินบนสันเขาแคบ ๆ นอกจากนี้ใกล้กับหมู่บ้านอีต่องยังมีจุดชมวิวเนินช้างศึก เป็นภูเขาสูงที่สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้ 360 องศา เหมาะแก่การขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและอาทิตย์ตกดินในยามเย็นอีกด้วย

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่แขวงทางหลวงชนบทกาญจนบุรี โทร 0-3460-0567

เรื่อง : กันย์ ฉันทภิญญา Content Manager

‘เศรษฐา’ บุกกาญจนบุรี ยกคณะฟังเสียงประชาชน ท่ามกลางชาวบ้านชูป้ายต้อนรับ - หนุนเงินดิจิทัล

(9 ธ.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดกาญจนบุรี โดยจุดแรกที่ศูนย์ประสานงานอำเภอท่ามะกา ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อพบปะประชาชนชาวกาญจนบุรี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ในฐานะอดีตนายก อบจ.กาญจนบุรี เจ้าของพื้นที่เก่า และสส.กาญจนบุรี ให้การต้อนรับ ได้แก่ นายอัครนันท์​ กัณณ์กิตตินันท์ สส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย​ นายชูศักดิ์​ แม้นทิม สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย นายยศวัฒน์​ มาไพศาลสิน​ สส.เขต 3 พรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์​ สส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย​ และ นายพนม​ โพธิ์แก้ว​ สส.​เขต 5 พรรคเพื่อไทย

รวมถึงประชาชนที่มาต้อนรับพร้อมถือป้ายขอสนับสนุนเงินดิจิทัล ข้อความ ยินดีต้อนรับท่านนายกฯ ชาวกาญจน์รักนายกฯ นิด, เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รออยู่นะคะท่าน ขณะที่บางส่วนเขียนข้อความที่เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศไว้กับประชาชน 8 เรื่อง โดยทันทีที่นายกฯ มาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่มาให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบให้

จากนั้นนายกฯ กล่าวกับประชาชน ว่า ยินดีมากที่ได้กลับมา จ.กาญจนบุรี อีกครั้ง หลังจากการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ที่จะครบในวันมะรืนนี้ที่รัฐบาลเข้ามาบริหาร พบว่าบ้านเมืองเรามีปัญหาเยอะ แต่เรามีรัฐมนตรีและทีมงานที่พร้อมจะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่เสียงสะท้อน เสียงเรียกร้อง เสียงวิงวอนตอนที่มาเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนที่มาที่นี่เสียงก็เป็นเหมือนกันหมดคือเรื่องของปากท้อง เรื่องปัญหาหนี้สิน ปัญหายาเสพติด พื้นที่ทำกิน ราคาเกษตร การค้าขายระหว่างพรมแดนทั้งหลาย รัฐบาลนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของหนี้สิน เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ตนและ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศเป็นวาระแห่งชาติหนี้นอกระบบต้องหมดไป จะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ มีการเซ็ตเป้าหมายที่ชัดเจนระหว่างนายอำเภอกับผู้กำกับทุกจังหวัด เมื่อมีเสียงเรียกร้องหรือมีปัญหากับการถูกเรียกทวงหนี้อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นแก๊งมอเตอร์ไซค์ หมวกกันน็อก ออนไลน์ หรือการข่มขู่เจ้าหน้าที่ เราทุกคนพร้อมที่จะให้บริการกับพี่น้องประชาชน ฉะนั้นอย่ากลัว ให้เดินออกมาพูดคุยกัน รัฐบาลให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่ทุกอย่างจะต้องถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป เราไม่ยอมรับการรีดไถที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องปัญหายาเสพติด เรามาพูดกันที่นี่ไปแล้วเมื่อตอนเลือกตั้งว่าเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานานมาก เรื่องของวงจรการค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะจากชายแดน เราได้มีการบริหารจัดการโดยแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงเข้ามาจัดการประสานงานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และพื้นที่ ซึ่งเราให้ความสำคัญสูงสุด เรื่องยาบ้าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เรื่องการ ทำลายสมัยก่อนใช้เวลานาน แต่คราวนี้เร่งรัดวงจรในการทำลาย จับได้พิสูจน์ทราบทำลายทันทีเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของสังคม

นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องการค้าการลงทุนยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเป็นที่ประจักษ์ดีรัฐบาลนี้ทำงานอย่างเข้มแข็ง มีการเดินทางไปต่างประเทศ ไปเปิดการค้าระหว่างประเทศ ดึงนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเข้มแข็งขึ้น และเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม

“มีเรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจคือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่าพี่น้องหลายคนเป็นห่วงอยู่ตรงนี้ โดยความเห็นส่วนตัวและถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำจะต้องถูกยกระดับขึ้นมา เรายอมรับไม่ได้ที่มีการประกาศกันเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เดี๋ยวคงจะต้องมีการพูดคุยกันในเวทีที่เหมาะสม โดยใช้เหตุผลคุยกันตรงนี้ เป็นเรื่องที่เรายอมรับไม่ได้และต้องแก้ไขกันต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่หลังจากการเลือกตั้งยังไม่มีรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมาเยี่ยมเยียนที่จังหวัดกาญจนบุรีเลย จึงถือเป็นมิติใหม่หลังจากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องให้เข้ามาบริหาร และเดินทางมารับฟังพูดคุยปัญหาที่พี่น้องทุกคนมีอยู่วันนี้พร้อมมีรัฐมนตรีมาหลายคน ฝากการสื่อสารเข้ามาด้วยว่าอยากให้เราทำอะไรบ้าง ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลนี้พร้อมและทำงานอย่างเต็มที่

‘รมว.ปุ้ย’ ร่วมคณะ ‘นายกฯ’ ตรวจเยี่ยม จ.กาญจนบุรี  ‘รับฟัง-หาแนวทางแก้’ ปัญหา ‘ศก.-หนี้สิน-ยาเสพติด-เกษตรฯ’ ในพื้นที่

(9 ธ.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมคณะนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ลงตรวจราชการเพื่อติดตามความคืบหน้าเส้นทาง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) และประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าชายแดนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน โดยมีนายเอกนิติ รมยานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รักษาราชการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย, นายเนตร์ กัญยะมาสา อสจ.กาญจนบุรี และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมคณะด้วย ณ จังหวัดกาญจนบุรี 

สำหรับภารกิจในครั้งนี้ ทาง รมว.พิมพ์ภัทรา พร้อมคณะผู้บริหารในกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี โดยได้ไปติดตามข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และปัญหาเชิงลึกแต่ละกรณี 

นอกจากนี้ ยังได้ติดตามการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ ปัญหาหนี้สินที่เป็นนโยบายสำคัญขณะนี้ ยาเสพติดที่ต้องเร่งปราบปราม การค้าขายระหว่างพรมแดนและผลิตภัณฑ์การเกษตร อันเป็นอีกช่องทางเศรษฐกิจสำคัญ เพราะพื้นที่กาญจนบุรีมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการค้าขายเชื่อมโยง และมีโอกาสพัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ระหว่างการลงพื้นที่ เพื่อติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าในพื้นที่ และรับฟังพร้อมหาแนวทางแก้ไขปัญหาภาพรวมของจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีการพบปะพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ หนี้สิน ยาเสพติด การค้าขายระหว่างพรมแดนและผลิตภัณฑ์การเกษตรนั้น ได้มีประชาชนในพื้นที่เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนมากอีกด้วย

ในการนี้มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่ด้วย

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ประชุมตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (23 ก.พ.67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี , นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดกาญจนบุรี เข้าประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยในที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกันในการบูรณาการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะที่เป็นปัญหาในจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ การลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน , ปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 และปัญหาหนี้นอกระบบ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยหลายปัญหาสำคัญในจังหวัดกาญจนบุรี วันนี้จึงมาติดตามการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปสู่การยกระดับการแก้ปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม ให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่โปร่งใส และเป็นต้นแบบในการขจัดปัญหาต่างๆ โดยจะนำข้อสรุปไปรายงานกับนายกรัฐมนตรีด้วย สำหรับปัญหาการลักลอบขนยางพาราข้ามแดน มอบให้ศุลกากรเป็นเจ้าภาพ ต้องตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยรถบรรทุกยางพาราออกมา ส่วนเรื่องยางเถื่อน ทุกหน่วยงานต้องเข้มงวดกวดขันปรามปรามจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบกับเกษตรกร หากพบเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด 

ส่วนเรื่องปัญหาไฟป่า และฝุ่น pm2.5 แนะนำว่าอาจจะยึดโมเดลการแก้ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพมหานครมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มในมาตรการต่างๆ เช่น การเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายตรวจควันดำยานพาหนะ เป็นต้น ส่วนเรื่องไฟป่าเข้าใจว่าการดับไฟหรือควบคุมจุดความร้อนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือและช่วยกัน พร้อมขอให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีกำหนดมาตรการต่อเนื่องให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม 

สำหรับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งกาญจนบุรีเป็นอันดับที่ 13 ของประเทศที่มีลูกหนี้มาลงทะเบียนมากสุด ฝากให้เจ้าหน้าที่แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การทวงหนี้หรือทำร้ายลูกหนี้ การขูดรีดจากการคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องหรือไปรับผลประโยชน์ ควบคู่กับฝ่ายปกครองทำข้อมูลการไกล่เกลี่ย 

ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ตนได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี และรับภารกิจมา ในวันนี้ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันอย่างเต็มกำลังมากขึ้น พร้อมกำหนดแนวทางการปฏิบัติ เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นที่ด่านทองผาภูมิ ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นของผิดกฎหมายทุกประเภท ส่วนพื้นที่ตอนในเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบ มีการรายงานและติดตามสถานการณ์ผ่านกลุ่มไลน์ที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะ โดยจะมีนายกรัฐมนตรีอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ให้รายงานทุกประเด็นทั้งของเถื่อน อบายมุขในพื้นที่ ไฟป่าPM2.5 และหนี้นอกระบบ

หลังการประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ณ ด่านสามแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี เพื่อรับฟังปัญหา พร้อมกำชับข้อปฏิบัติและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย

‘บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์’ วีรบุรุษสงครามโลก | THE STATES TIMES Story EP.143

‘บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์’ ผู้ได้รับการยกย่องจากนานาชาติ ในฐานะ ‘วีรบุรุษ’ ผู้ปิดทองหลังพระและมีมนุษยธรรม จากวีรกรรมที่ได้ช่วยเหลือเชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่จังหวัดกาญจนบุรี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 

ทว่าเรื่องราวของ ‘บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์’ กลับไม่ถูกเป็นที่พูดถึงในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง วันนี้ THE STATES TIMES Story จึงได้หยิบยกเรื่องราว และความกล้าหาญของวีรบุรุษท่านนี้ มาบอกเล่าให้ทุกท่านได้รับทราบกัน จะเป็นอย่างไร เชิญรับฟัง…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top