Tuesday, 14 May 2024
กราดยิง

นายจ้างเหยื่อกราดยิง ยัน!! เอาผิดผู้ก่อเหตุ ไม่สนว่าจะเป็นเด็กหรือไม่ เผย ลูกจ้างเป็นเด็กดี-ดูแลพ่อแม่ที่ป่วย พร้อมเยียวยาให้ครอบครัวเต็มที่

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุยิงในห้างสยามพารากอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว เป็นเยาวชนชาย อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ

ต่อมาที่ สน.ปทุมวัน นายจ้างของผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวเมียนมา ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความต่อตำรวจเพื่อเอาผิดผู้ก่อเหตุยิงที่พารากอน และติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบตำรวจว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด เมื่อตอนเย็นน้องบอกจะไปฝากเงินที่ห้าง พอตนได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุ ก็พยายามติดต่อผู้เสียชีวิต แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนั้นยอมรับว่าใจไม่ดี

จากนั้น มีผู้ชายคนหนึ่ง โทร.มาแจ้งว่า เจ้าของเบอร์นี้ถูกยิง ตนจึงได้ถามกลับว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยแจ้งเพียงว่าให้รีบเดินทางมาพร้อมญาติ ซึ่งก็ทำให้พอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงรีบเดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน ส่วนมองว่าทางห้างหละหลวมเรื่องของความปลอดภัยหรือไม่ นายจ้างบอกว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องของความหละหลวม น่าจะเป็นเด็กลักลอบเข้ามามากกว่า ตนยังไม่รู้ความจริงอะไรเลย

สำหรับการช่วยเหลือ นายจ้างตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะแจ้งความบุคคลที่ยิง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต แต่ส่วนตัวก็จะจ่ายให้พ่อแม่ของน้องเดือนละ 10,000 บาท ตามพี่น้องเคยทำมา ให้เสมือนน้องเขามีชีวิตอยู่

นายจ้างยังกล่าวต่อด้วยว่า ที่ผ่านมาน้องผู้เสียชีวิตเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เป็นเด็กน่ารัก มีความสามารถพูดได้หลายภาษา ดังนั้น ผู้ที่ทำให้เขาเสียชีวิตต้องรับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ตอนนี้อยากทราบว่ายิงเพราะอะไร แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องของการโกรธแค้นแน่นอน เขาเป็นเด็กไม่มีเรื่องกับใคร ช่วยเหลือคนมาตลอด

ตอนนี้ตนยังไม่กล้าบอกแม่เขาเลย ตอนเห็นคลิปผู้ก่อเหตุบอกปลอดภัยแล้ว อยากย้อนถามว่าใครปลอดภัย น้องคนยิงปลอดภัย อาจจะปลอดภัย เพราะน้องของพี่ยังไม่ได้ปลอดภัยเลย ถ้าไม่ได้เงินจากตรงนี้ จะมาแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ ตนไม่สนใจว่าจะเป็นเด็กหรือไม่ใช่เด็ก เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากให้คนไปฝากเงินที่ห้างอีก นายจ้างกล่าวว่า กังวลอยู่แล้ว เพราะเป็นชีวิตคน ไม่ว่าต่างชาติหรือคนไทย หากหาแนวทางที่รัดกุมได้ก็เป็นเรื่องดี

‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ชี้ ไทยควรมีแจ้งเหตุร้ายผ่านมือถือ หลังเผชิญเหตุกราดยิง แต่ไร้ระบบเตือนภัย - แนะวิธีปฏิบัติตัว

(4 ต.ค. 66) นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ อดีตคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ดีกรีนักกฎหมายจาก King's College London และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 โดยระบุว่า ในฐานะผู้ประสบภัย จากเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า บ้านเราควรจะมี SOS Alert ผ่านมือถือแล้วหรือยัง

ณ เวลาที่มีเสียงปืนดังขึ้น ตอนนั้นดิฉัน สามี และลูกสาวอยู่ใน Sea Life Ocean World ที่ชั้น B1 เจ้าหน้าที่ของ Sea Life รีบทำการปิดประตูรั้วเหล็กลง และไม่ให้ลูกค้าเดินออกไป ในตอนนั้นไม่มีใครรู้เหตุผลเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ให้เราออกไปข้างนอก ครอบครัวเราก็เช่นกันเนื่องจากตอนที่อยู่ด้านล่าง จะไม่ได้ยินเสียงปืนด้านบนเลย รู้แต่เพียงว่าให้รวมตัวกันไว้ และรออยู่ด้านใน ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะพอสมควร ทุกคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ของ Sea Life เพียงแต่บอกว่ามี Emergency Case ที่ด้านบน ในประเด็นนี้ก็เข้าใจว่าพยายามไม่ให้นักท่องเที่ยวตื่นตกใจ ซึ่งก็ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม

ในตอนนั้นสิ่งเดียวที่เราทำได้ คือหาข่าวจากสื่อ Social Media ต่างๆ และโทรเช็คข่าวกับที่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อจะได้เตรียมรับมือได้ถูกต้อง ในทางกลับกันสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ติดอยู่ด้วยกัน ไม่สามารถอัปเดตข่าวสารจากข้างนอกได้เลยได้เพียงแต่อดทนรอแบบไม่รู้สาเหตุ กลายเป็นคนที่ต้องประสบเหตุเผชิญสถานการณ์กลับรู้เรื่องน้อยกว่าบุคคลภายนอกเสียอีก จุดนี้เองส่วนตัวแล้วมองว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็นในเหตุเฉพาะหน้าเช่นนี้ ทำให้คิดต่อไปว่า ถ้าบ้านเรามีระบบแจ้งเตือน ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง SMS หรือช่องทางใดๆก็ตาม เพื่อแจ้งเตือนให้บุคคลที่อยู่บริเวณที่ประสบเหตุทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมบอกวิธีการปฏิบัติตัวก็คงจะเป็นเรื่องดี อย่างน้อยทำให้คลายความกดดัน ทำให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ

‘ตำรวจ’ บุกรวบ ‘2 พ่อค้า’ ขายปืน-กระสุน ให้เด็กวัย 14 ปี ก่อนไปก่อเหตุที่พารากอน เตรียมนำตัวสอบปากคำที่กรุงเทพฯ

(5 ต.ค. 66) จากกรณีโศกนาฏกรรม เยาวชนวัย 14 ปี ได้ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมออกหมายจับ 3 บุคคล ที่จำหน่ายปืน และกระสุนให้กับผู้ก่อเหตุวัย 14 ปี โดยเป็นการขายให้ผ่านโซเชียลมีเดีย

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจจับตัวผู้ขายอาวุธปืนและอาวุธได้แล้ว 2 ราย ที่จังหวัดยะลา กำลังนำตัวเข้าสอบปากคำที่กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ พบว่าผู้ก่อเหตุยิงวัย 14 ได้ซื้อปืนกล็อก 19 จาก นายสุวรรณหงษ์ (สงวนนามสกุล) หลังจากโอนเงินนั้น บัญชีดังกล่าวมีการถอนเงินที่ตู้ ATM ปั๊ม ปตท.บจก.ยะลาออยล์ พบว่านายสุวรรณหงษ์ ทำธุรกรรมด้วยตนเอง จึงได้ออกหมายและประสานชุดสืบสวน ภ. 9 จับกุมดำเนินการ หลังหมายจับออกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ผู้ต้องหาอีกราย ชื่อ นายอัครวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี เป็นชาวจ.ยะลา เช่นกัน

เปิดจดหมาย ‘พ่อแม่’ ผู้ก่อเหตุสลดที่สยามพารากอน น้อมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษ-ขอขมาเหยื่อ

เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.66) ครอบครัวของเด็กชายวัย 14 ปี ที่ก่อเหตุสลดในห้างสรรพสินค้าพารากอน เขียนจดหมายแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า…

ผมและครอบครัวรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งและขอโทษอย่างที่สุดกับผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของลูกชายของเราที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนที่ผ่านมา รวมทั้งกับประชาชน นักท่องเที่ยว เจ้าของกิจการ ห้างร้าน และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือบริเวณใกล้เคียงที่ต้องอพยพ หรือเดือดร้อน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งของประเทศไทย จีน เมียนมา ลาว และทุกฝ่าย 1 ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ตลอดจนความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นส่วนรวมของประเทศด้วย

ผมและครอบครัวต้องขออภัยที่ไม่ได้สื่อสารต่อสาธารณะให้เร็วกว่านี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมและครอบครัวอยู่ในระหว่างกระบวนการและขั้นตอนทางกฎหมาย ลูกชายเราถูกควบคุมตัวไว้ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนตามคำสั่งศาลคดีเต็กและเยาวชน โดยผมและครอบครัวไม่ได้ยื่นขอประกันตัว เพราะผมและครอบครัวตั้งใจจะให้ความร่วมมือกับทางการอย่างเต็มที่ ในการค้นหาข้อเท็จจริง และให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำขึ้นอีกจากกรณีเดียวกัน

เราเสียใจและตกใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และน้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่เท่าที่เราสามารถจะกระทำได้ ทั้งขอให้คำมั่นว่า เราจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และทุกหน่วยงาน ในการดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งบรรเทาและเยียวยาผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้ง

ผมและครอบครัวกราบขอโทษและขอขมาต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากเหตุการณ์นี้และทุกคนจากใจด้วยความเคารพครับ

ผู้ปกครองของเด็กที่ก่อเหตุ

‘มะกัน’ ผวา!! คนร้ายใช้ปืนไรเฟิลบุกกราดยิงในบาร์-วอลมาร์ต ที่รัฐเมน ดับสลด 22 ศพ บาดเจ็บครึ่งร้อย ตร.เร่งล่าตัว-สั่งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราว

(26 ต.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเหตุกราดยิงในเมืองลูอิสตัน รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในคืนวันพุธ ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ครอบคลุมสถานที่ 3 แห่งซึ่งเป็นบาร์ ร้านอาหาร และวอลมาร์ต สโตร์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย เป็นชายคนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล

ทั้งนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากกว่า 50-60 ราย และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนให้อยู่ในสถานที่พักอาศัย และให้ร้านค้าผู้ประกอบการหยุดให้บริการ

โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจลูอิสตันยังคงเร่งไล่ล่าผู้ก่อเหตุ พร้อมเผยภาพผู้ต้องสงสัย และยานพาหนะที่คาดว่าใช้ในการหลบหนี

สำหรับ เมืองลูอิสตัน มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 38,000 คน ใช้เวลาขับรถ 45 นาทีไปทางเหนือของพอร์ตแลนด์ รัฐเมน

สืบภาค 4 รวบยกแก๊งกราดยิงกลางงานหมอลำ

ตามที่เมื่อวันที่ 27 ต.ค.66 ได้เกิดเหตุ แก๊งวัยรุ่นยกพวกตีกัน และใช้อาวุธปืนยิงใส่คู่อริจนเสียชีวิต ในงานแสดงหมอลำ ประเพณีแข่งเรือประจำปี ชาวบ้านปากอูน ในเขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม 

ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ. 4
พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม  รอง ผบช.ภ.4 
พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4
พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม

ได้มอบหมาย สั่งการให้
พ.ต.อ.พงฤทธิ์  คงศิริสมบัติ  รอง ผบก.สส.ภ.4
พ.ต.อ.วิโรจน์ สีน้ำเงิน รอง ผบก.สส.ภ.4
พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผบก.สส.ภ.4
พ.ต.อ.ชาญ​ณรงค์​ มาก​พิสุทธิ์​ 
ผกก.สืบสวน1 บก.สส.ภ.4
พ.ต.ท.สมภพ  กองสมบัติ
รอง ผกก.สืบสวน1 บก.สส.ภ.4 
​พ.ต.ท.เอกวิทย์ บาคาล
รอง ผกก.สืบสวน1 บก.สส.ภ.4 และตำรวจ กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4 ร่วมกับ เจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีสงคราม ภ.จว.นครพนม และ ชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม ร่วมกับสืบสวนสอบสวน จนทราบว่า 

ภายหลังจบงานดังกล่าว แก๊งวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้ยกพวกมาดักรอทำร้ายร่างกายกัน บริเวณถนนบ้านปากอูน หมู่ 4 เขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม พร้อมปาระเบิดปิงปอง และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด กราดยิงใส่คู่อริ ทำให้ น.ส.ธิดาพร โทรัตน์ อายุ 23 ปี ที่ซ้อนท้ายรถ จยย.กลับบ้าน ขณะนั้น ถูกลูกหลง กระสุนปืนเข้าที่ท้ายทอย 1 นัด บาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งไปรักษา ที่ รพ.อำเภอศรีสงคราม และถูกส่งตัวไปรักษาต่อ ที่ รพ.นครพนม และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 26 ต.ค. 2566 ต่อเนื่อง วันที่ 27 ต.ค. 2566 

ต่อมาชุดสืบสวน ภ.4  สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้

1.นายธนกร ฯ  อายุ 15 ปี  
ภูมิลำเนา ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม   โดยกล่าวหาว่า "ฆ่าผู้อื่น โดยมีอาุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต (ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน),พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ หรือพาไปในชุมชนที่ได้จัดไห้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน

2. ด.ช.ธันวา ฯ อายุ 14 ปี
ภูมิลำเนา ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
โดยกล่าวหาว่า "ฆ่าผู้อื่น โดยมีอาุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต (ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน),พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ หรือพาไปในชุมชนที่ได้จัดไห้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน

3.นายพิชาภพ ฯ  อายุ 17 ปี  
ภูมิลำเนา ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
โดยกล่าวหาว่า "ฆ่าผู้อื่น โดยมีอาุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต (ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน),พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ หรือพาไปในชุมชนที่ได้จัดไห้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน"

พร้อมตรวจยึดของกลาง หลายรายการ ได้แก่ เสื้อกางเกงที่ใช้ในวันก่อเหตุ, อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ (ปืนแก๊ป) จำนวน 1 กระบอก , ลูกปืนเม็ดจำนวนประมาณ 25 เม็ด , ลูกตะกั่วเหล็ก จำนวน 25 เม็ด , ลูกตะกั่วเหล็ก จำนวน 1 ถุง , แก๊ปกระดาษ , ดินปืน 1 ขวด , ลูกระเบิดประดิษฐ์บรรจุลูกหินจำนวน 1 ลูก เป็นต้น

นำตัวผู้ต้องหาส่ง​พนักงานสอบสวน สภ.ศรีสงคราม ภ.จว.นครพนม   เพื่อดำเนิน​คดีตามกฎหมาย​ต่อไป

สหรัฐฯ อีกแล้ว!! มือปืนบุกยิงในมหาวิทยาลัยรัฐเนวาดา เสียชีวิต 3 สาหัส 1 ส่วนมือปืนเสียชีวิตแล้วในที่เกิดเหตุ

(7 ธ.ค. 66) เมื่อวานนี้ ได้เกิดเหตุยิงในมหาวิทยาลัยรัฐเนวาดา มีผู้เสียชีวิต 3 คน สาหัสอีก 1 คน ส่วนมือปืนเสียชีวิตแล้วในที่เกิดเหตุ ด้านมหาวิทยาลัยทุกแห่งทั่วเนวาดาปิด ขณะที่สนามบินลาสเวกัสห้ามเครื่องบินขึ้นบิน แม้เหตุการณ์จะสงบแล้วก็ตาม

กรณีดังกล่าว ทางตำรวจยืนยัน มีผู้เสียชีวิต 3 คน เจ็บสาหัส 1 คน จากเหตุกราดยิงในมหาวิทยาลัยรัฐเนวาดา (UNLV) วิทยาเขตเมืองลาสเวกัสเมื่อวันพุธ (6 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่น 

ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เป็นมือปืน ตำรวจยืนยันว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการเสียชีวิตของมือปืนและและตัวมือ และยังไม่ระบุชื่อ

ด้านมหาวิทยาลัย UNLV ที่เกิดเหตุ และสถาบันอุดมศึกษาทั่วรัฐเนวาดา ปิดเรียนตลอดบ่ายวานนี้ ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ สนามบินนานาชาติแฮร์รี เรดในลาสเวกัส ประกาศระงับเครื่องบินขึ้นบินจากสนามบินแห่งนี้ ซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยืนยันเหตุการณ์สงบแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส 1 คนยังอยู่ในโรงพยาบาล

สำหรับรายละเอียดของเหตุกราดยิง เมื่อเวลาประมาณ 11.53 น. วันพุธ (6 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 2.53 น. วันนี้ (7 ธันวาคม) ตามเวลาไทย ตำรวจได้ไปที่มหาวิทยาลัยเนวาดา วิทยาเขตลาสเวกัส 20 นาที หลังได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงภายในมหาวิทยาลัย ขณะที่กำลังเกิดการยิงกระสุนหลายนัดใกล้กับอาคารชื่อ บีม ฮอลล์ ในมหาวิทยาลัยดังกล่าว ตำรวจเผชิญหน้ากับมือปืน สุดท้ายมือปืนเสียชีวิตในที่สุด

ก่อนหน้านั้น ทางมหาวิทยาลัยแจ้งนักศึกษาให้อพยพออกจากตึกบีม ฮอลล์ โดยใช้รหัสว่า ‘วิ่ง-ซ่อน-สู้’ (Run-Hide-Fight) เป็นรหัสที่ใช้ในสหรัฐฯ หมายถึงกำลังเกิดเหตุยิงอยู่

ตำรวจลาสเวกัสแถลงหลังเหตุสงบว่า ยังไม่ทราบแรงจูงใจของมือปืน ขณะที่ทาง คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุหลังจากเพิ่งเกิดเหตุว่า ทำเนียบขาวจับตาเหตุการณ์อยู่

‘สาธารณรัฐเช็ก’ ช็อก!! กราดยิงที่ ‘ม.ชาร์ลส์’ ในกรุงปราก ดับ 15 ราย นับเป็นการก่อเหตุที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 66 เกิดเหตุนักศึกษาชาวเช็กวัย 24 ปีรายหนึ่ง ได้ก่อเหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยชาร์ลส์ ในกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก สังหารผู้คนไปมากกว่า 15 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 24 ราย

โดย ‘มาร์ติน วอนดราเซก’ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งสาธารณรัฐเช็ก ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “เมื่อเวลา 13.59 นาฬิกา (ตามเวลาท้องถิ่น – ประมาณ 19.59 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับเหตุกราดยิงในอาคารคณะอักษรศาสตร์ ที่จัตุรัสปาลัค หน่วยตำรวจชุดแรกไปถึงภายในไม่กี่นาที 

ขณะที่หน่วยตอบโต้ฉุกเฉินไปถึงภายใน 12 นาที ต่อมาในเวลา 14.20 นาฬิกา (ประมาณ 20.20 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย) เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการบอกเราว่า พบร่างของมือปืนที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่บนขอบอาคาร การเสียชีวิตของมือปืนอาจเป็นการฆ่าตัวตาย แต่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนด้วยว่า เขาอาจถูกกระสุนปืนของตำรวจสังหารหรือไม่”

วอนดราเซก กล่าวต่อว่า “เรามีข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันล่าสุดจากบัญชีบนโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า เขาน่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในรัสเซีย เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยมือปืนรายนี้ เป็นเจ้าของอาวุธปืนหลายกระบอกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ มือปืนยังตกเป็นต้องสงสัยว่า ฆ่าพ่อของตัวเองที่เมืองกลัดโน ก่อนที่จะเดินทางต่อมายังกรุงปราก”

สำหรับเหตุกราดยิงครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์กราดยิงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐเช็ก โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2019 มือปืนวัย 42 ปีได้กราดยิงผู้คน 6 รายในโรงพยาบาลของเมืองออสตราวา ทางตะวันออกของเช็ก ก่อนที่จะหลบหนีและยิงตัวเองเสียชีวิต 

ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐธรรมนูญของเช็กจะรับประกันสิทธิในการพกพาอาวุธ และใช้เพื่อป้องกันตัว แต่อาชญากรรมเกี่ยวกับปืนก็เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และสาธารณรัฐเช็กก็มีสถิติการฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนประจำปี น้อยกว่าฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์อีกด้วย

‘ศาลสหรัฐฯ’ สั่งจำคุก ‘พ่อแม่’ เด็กกราดยิงใน รร.จนดับ 4 ศพ เหตุละเลย-ไม่หาทางป้องกัน ทั้งที่ทำได้ ในฐานะผู้ปกครอง

(10 เม.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้พิพากษาสหรัฐตัดสินจำคุกบิดามารดาของวัยรุ่น 15 ปี ที่ก่อเหตุกราดยิงสังหารนักเรียน 4 คน นับเป็นผู้ปกครองรายแรกที่ต้องรับโทษจำคุกเพื่อรับผิดชอบกับการกระทำของลูก

โดยเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เมื่อนายนาธาน ครัมบลีย์ ที่ขณะนั้นมีอายุ 15 ปี ก่อคดีฆาตกรรมด้วยการกราดยิง ในโรงเรียนมัธยมอ็อกซ์ฟอร์ด รัฐมิชิแกน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บ 7 คน ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ต่อมานายเจมส์ ครัมบลีย์ และนางเจนนิเฟอร์ ครัมบลีย์ ผู้เป็นบิดาและมารดาถูกฟ้องร้องว่าต้องรับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดขึ้นด้วย ทั้ง 2 คนให้การแสดงความเสียใจเพื่อขอความเมตตาในการพิจารณาคดีนัดสุดท้าย ทั้งนี้ ผู้พิพากษาตัดสินให้ทั้งคู่รับโทษจำคุกระหว่าง 10-15 ปี ในมีความผิดฐานฆาตกรรมโดยไม่เจตนา โดยเน้นย้ำว่า ทั้ง 2 คน ละเลยป้องกันเหตุร้ายทั้งที่สามารถทำได้ในฐานะผู้ปกครอง   

ซึ่งอัยการแสดงให้เห็นว่า ผู้ปกครองทั้ง 2 คน เพิกเฉยต่อพฤติกรรมผิดปกติของลูกและไม่หาทางป้องกัน โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นข้อความต่าง ๆ ที่ลูกชายได้เขียนไว้ว่า เขาต้องการให้พ่อและแม่ช่วย แต่ทั้งสองไม่ยอมรับฟังปัญหาจิตใจของเขา จึงต้องไปก่อเหตุยิงที่โรงเรียน โดยเฉพาะผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นผู้พาลูกชายไปซื้อปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 ม.ม. ให้เป็นของขวัญ ซึ่งกลายเป็นอาวุธสังหารในเวลาต่อมา

ระหว่างการพิจารณาคดี ตัวแทนผู้ปกครองของเหยื่อนักเรียนที่เสียชีวิตได้ขึ้นแถลงด้วย โดยต่างประณามบิดามารดาของผู้ก่อเหตุว่า ไม่สำนึกและเข้าใจหน้าที่ของผู้ปกครองจนทำให้พวกเขาต้องสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top