Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48843 ที่เกี่ยวข้อง

ชัยวัฒน์เดือด!!...โต้คำสั่งไล่ออกพ้นข้าราชการ ลั่นปลัด ทส. เจอกันในศาล หลังเอกสารหลุดว่อนเน็ต

(16 มิ.ย. 68) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. แสดงความไม่พอใจต่อกรณีเอกสารคำสั่งไล่ออกจากราชการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หลุดว่อนโซเชียล ทั้งที่ตนยังไม่เคยเห็นหนังสือลับฉบับดังกล่าว และเตือนปลัดกระทรวงฯ ให้เตรียมชี้แจงต่อศาล

กรณีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ลงนามในคำสั่งไล่นายชัยวัฒน์ออกจากราชการ ตามมติ อ.ก.พ. กระทรวงฯ และความเห็นชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายชัยวัฒน์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจากโครงการก่อสร้างในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมีพฤติกรรมจัดฉากประกวดราคาลวง และเบิกจ่ายผิดระเบียบจนเกิดความเสียหาย

คำสั่งระบุชัดว่านายชัยวัฒน์มีพฤติกรรมทุจริตและฝ่าฝืนระเบียบราชการหลายประการ เช่น การใช้นิติบุคคลเข้าประมูลแบบไม่แข่งขันจริง รวมถึงปลอมแปลงการควบคุมงานก่อสร้างและรับรองผลงานที่ไม่เป็นไปตามแบบ เพื่อเบิกจ่ายงบประมาณกว่า 3.5 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมีการหักลบกลบหนี้ให้กับตนเอง

ในโพสต์เฟซบุ๊ก นายชัยวัฒน์ยืนยันว่าเป็น “ผู้ถูกกระทำ” และตั้งคำถามว่าเหตุใดเอกสารภายในของ อ.ก.พ. จึงรั่วไหลออกมาสู่สื่อได้ โดยชี้ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายอาญา พร้อมประกาศเตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับปลัดกระทรวงฯ ในฐานะผู้มีอำนาจลงนามคำสั่ง และอาจมีส่วนในการปล่อยเอกสารสู่สาธารณะ

ทั้งนี้ คำสั่งไล่ออกมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2567 เป็นต้นไป โดยนายชัยวัฒน์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. หรือฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ตามสิทธิ์ทางกฎหมายภายในกำหนดเวลา โดยต้องเลือกใช้สิทธิ์เพียงช่องทางเดียว

‘แยม-ฐปณีย์’ ซัด ไทยแพ้ทางข่าวสารแก่กัมพูชาเละ ชี้ ก.ต่างประเทศไทยไม่เปิดเผยอะไรเลยปล่อยกัมพูชาชิงแถลง

เมื่อวันที่ (15 มิ.ย. 68) แยม - ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอร์ตเตอร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผลการประชุม JBC ไทยพ่ายแพ้ทางข่าวสารฝ่ายกัมพูชาไปเรียบร้อยแล้ว !!

ในฐานะนักข่าวไทยที่ไปทำข่าวการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งมีนักข่าวไทยไปกันเพียง 4 สำนัก คือ แยม-ฐปณีย์ ที่ทำทั้งข่าว 3 มิติ และ The Reporters , น้องเก้า พงศธัช สุขพงษ์ ThaiPBS World , สันติวิธี พรหมบุตร ไทยรัฐทีวี และนักข่าวกัมพูชา จำนวนมาก

ก่อนเดินทางต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้นักข่าวไทยที่จะไปทำข่าวลงทะเบียนเพื่อทำบัตรไปทำข่าวการประชุมได้ ส่วนรายละเอียดสถานที่จัดการประชุม เวลา และอะไรต่างๆ ก่อนประชุมทางกัมพูชาก็ปิดลับ เรารู้กันว่าโรงแรมอะไร และเวลาไหน ที่เหลือต้องเชคกันเอง

โชคดีที่เราพอมีเพื่อนนักข่าวกับพูชา และแหล่งข่าวเก่าๆ ที่เคยทำข่าวประเด็นพิพาทต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่ง 16-17 ปีผ่านไป ยังมีคนที่พอให้เชคข่าวสัมภาษณ์ได้บ้าง อย่างเช่น นายไพ สีพาน อดีตโฆษกรัฐบาลสมัยสมเด็จ ฮุนเซน และปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต

วันที้ 13 มิ.ย.ที่ไปถึง แยมให้เพื่อนช่วยนัดไพ สีพาน และ ศ.รอส จันทะบอต นักประวัติศาสตร์ มาสัมภาษณ์ เพราะอยากรู้ท่าทีของกัมพูชาที่จะนำ 4 ข้อพิพาทไปศาลโลก และเป็นข้อมูลก่อนการประชุม JBC

ส่วนฝ่ายไทย ก็แจ้งมาว่าคณะที่มา จะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ จะให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงที่กรุงเทพ ซึ่งนักข่าวไทยก็ช่วยกันต่อรองมาบอกอะไรเราบ้าง เราจะได้รายงานข่าวที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย เพราะเรามาทำข่าวถึงที่นี่ ถ้าฝ่ายกัมพูชา ให้สัมภาษณ์แถลงอะไร เราก็ต้องรายงานข่าวตามนั้นนะ

สุดท้ายทาง กต.ไทย ก็ย้ำว่า จะไม่มีการให้สัมภาษณ์ของคณะ JBC ไทย แต่ความเป็นนักข่าวเราก็ต้องทำหน้าที่ คืนวันที่ 13 มิ.ย.แยมก็รอเจอท่านทูตประศาสน์ ประธาน JBC ไทย ที่โรงแรมที่พัก ซึ่งกว่าจะมาถึงก็ 21.00 น. ซึ่งเชื่อว่าการรู้จักกันมาก่อน ตั้งแต่เป็นท่านทูตพนมเปญ ในช่วงปี 51-54 แต่ท่านทูต ก็ไม่ตอบเรื่องการประชุม เพราะมีนโยบายมา ซึ่งเข้าใจได้ เราแค่อยากทักทายตามประสาแหล่งข่าว ซึ่งตลอด 2 วันในการประชุมเราก็ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ 555

มาถึงวันประชุมจริง 14 มิ.ย.นักข่าวไทยก็ไปรอประชุมคณะใหญ่ พร้อมนักข่าวกัมพูชา นัด 10.00 น.กว่าคณะจะมาห้องใหญ่ก็ 11.40 น.เพราะมีประชุมคณะเล็ก แล้วก็พักเที่ยง 2 ชม.แล้วมาประชุมอีกที 14.40 น. ซึ่งไม่นานพอ 15.30 ฝ่ายไทยนำโดยท่านทูตประศาสน์ ออกจากห้องประชุม โดยเราไปถามอะไรก็ไม่มีใครตอบ นักข่าวคิดว่าการประชุมจบแล้ว

แต่ในห้องประชุมเราเห็น นายฬำ เจีย ยังถกเครียดกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ซึ่งไม่นาน มีเจ้าหน้าที่กัมพูชา มาขอคุยกับนักข่าวไทยว่า การประชุมยังไม่เสร็จ แค่พักการประชุม และไทยไปแถลงข่าวที่ไม่ตรงกัน และต่อมา นายฬำ เจีย ก็มาให้สัมภาษณ์ที่ไทยแถลงนั้นเป็นเพียงฝ่ายเดียว !!

นักข่าวไทยก็พยายามประสานบอกว่า ฝ่ายกัมพูชา อาจเอาเรื่องนี้มาชิงความได้เปรียบทางการสื่อสาร ขอให้ข้อมูลกับเราบ้าง

และก็จริงพอการประชุมวันนี้ ตั้งแต่เช้า นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ชิงแถลงส่งหนังสือไปฟ้องศาลโลก ก่อนการประชุม JBC วันที่ 2 จะเริ่มขึ้น และยังไม่ตกลงกันเรื่องบันทึกการประชุม Agreement Minutes ซึ่งเรื่อง 4 ข้อพิพาท ก็กลายเป็นประเด็นที่โต้แย้งกัน จนใช้เวลาตกลงกันเกือบ 6 ชั่วโมง และกว่าจะมาแถลงลงนามกันก็บ่ายสองแล้ว !!

การลงนาม จับมือ ถ่ายภาพกันชื่นมื่นจริง แต่ไม่มีแถลงการณ์ร่วม ไม่มีการเปิดเผยอะไร ก่อนที่ 2 ฝ่ายแยกย้าย นักข่าวไปรุมสัมภาษณ์ นายฬำ เจีย ตอบสั้นๆว่าบรรยากาศดี ให้รอ press แถลงข่าว ส่วนท่านทูตประศาสน์ ไม่ตอบอะไร

ซึ่งจากนั้นไม่ถึง 10 นาที ในเวลา 14.45 น.กัมพูชาก็ออก press ข่าวผลการประชุม อย่างที่ปรากฏว่า แจ้งฝ่ายไทยว่าจะส่ง 4 ข้อพิพาทไปศาลโลก แต่ฝ่ายไทยไม่ยอมรับ และไม่นำ 4 เรื่องนี้หารือใน JBC อีกต่อไป รวมถึงยึดตามแผนที่ 1:200,000 ไม่ยึดแผนที่ที่ไทยทำขึ้นเอง

https://www.facebook.com/share/p/16kp61dy4k/?mibextid=wwXIfr

ส่วนของไทย กระทรวงการต่างประเทศออกข่าวแจงสั้นๆว่า บรรยากาศประชุมดี สองฝ่ายจะใช้กลไก JBC คุยเรื่องปักปันเขตแดนต่อไป ฯ และต้องมาออกเอกสารชี้แจงภายหลัง โดยล่าสุดออกแถลงการณ์ชี้แจงเมื่อ 22.30 น.ที่ผ่านมา แสดงความผิดหวังที่กัมพูชาขาดความจริงใจที่จะนำ 4 ข้อพิพาทหารือตามกลไกทวิภาคี

https://www.facebook.com/share/p/1BZ7Bc2MtH/?mibextid=wwXIfr

แค่เรื่องการให้ข่าวไทยก็พ่ายแพ้กัมพูชาไปแล้วจากการประชุม JBC ซึ่งที่สะท้อนมานี้ หวังแค่ว่าฝ่ายไทยจะปรับปรุง เพราะปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา กำลังจะเดินทางไปถึงศาลโลกและ UN ในขณะที่พื้นที่ชายแดนก็เปราะบาง กำลังลุกลามเป็นสงครามเศรษฐกิจ

นักข่าวไทยก็รักชาติ อยากรายงานข่าวที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติค่ะ ด้วยความเคารพค่ะ

‘เนทันยาฮู’ โผล่จากบังเกอร์ เยือนจุดโดนถล่ม ลั่นพร้อมโค่นระบอบอิหร่าน เตรียมเอาคืนหนักกว่าเดิม

(16 มิ.ย. 68) นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า “จะทำในสิ่งที่จำเป็น” ต่อผู้นำอิหร่าน พร้อมเปรยว่าการเปลี่ยนแปลงระบอบในกรุงเตหะราน อาจเป็นผลลัพธ์จากปฏิบัติการของอิสราเอล โดยกล่าวหาว่าผู้นำอิหร่านอ่อนแอ และประชาชนส่วนใหญ่ต้องการปลดอำนาจ

เนทันยาฮูได้ออกจากบังเกอร์ใต้ดินเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดฉากโจมตีอิหร่านเมื่อ 13 มิ.ย. เพื่อไปตรวจสอบความเสียหายที่เมืองบัต ยัม ชายฝั่งใกล้กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกขีปนาวุธของอิหร่านถล่มคืนก่อน ผู้นำอิสราเอลมีสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมประกาศว่า “อิหร่านจะต้องจ่ายราคาที่แพงมาก สำหรับการสังหารพลเรือน ผู้หญิง และเด็กโดยเจตนา”

สงครามระหว่างสองประเทศยังทวีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศกว่า 80 จุดทั่วอิหร่าน ครอบคลุมกระทรวงกลาโหม โรงไฟฟ้า โครงการนิวเคลียร์ และย่านชุมชนในกรุงเตหะราน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 224 ราย ขณะเดียวกัน อิหร่านยิงตอบโต้ด้วยขีปนาวุธหลายระลอก ทำให้อิสราเอลมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และบาดเจ็บอีกนับร้อย

แม้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เรียกร้องให้เกิดการเจรจา แต่สถานการณ์ยังไร้แนวโน้มยุติลง รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลขู่จะทำลายกรุงเตหะรานเหมือนที่เคยถล่มเบรุต ส่วนผู้นำอิหร่านตอบโต้ด้วยคำขู่ว่า หากอิสราเอลยังเดินหน้าบุก จะได้รับ “การตอบแทนที่เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม”

ศาลล้มละลายกลาง ให้ ‘การบินไทย’ พ้นแผนฟื้นฟู เตรียมขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นสิงหาคมนี้

ศาลล้มละลายกลาง ให้ การบินไทย ออกแผนฟื้นฟู เตรียมกลับสู่ตลาดหุ้น ส.ค.นี้

(16 มิ.ย. 68) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังรับฟังการไต่สวนของศาลล้มละลายกลางในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ว่า ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

สืบเนื่องมาจากการบินไทยปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการครบทั้งหมด 4 ข้อ โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าขออนุญาตหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568

นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จากมูลหนี้ที่เจ้าหนี้จำนวนกว่าหนึ่งหมื่นรายยื่นขอรับชำระหนี้ ณ วันที่บริษัทฯ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีมูลหนี้รวมกว่าสี่แสนล้านบาทนั้น ปัจจุบัน การบินไทยมีภาระหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ ประมาณ 189,578 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ทยอยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้รับคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2568 บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 94,080ล้าน บาทโดยมีมูลหนี้คงเหลือที่ยังต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่า ผู้บริหารแผนได้ดำเนินการปฏิบัติตามเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนที่ ระบุไว้ครบถ้วนแล้ว เห็นควรที่ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้

อนึ่ง ศาลล้มละลายกลาง พิเคราะห์คำร้องของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานของเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ และพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว เห็นว่า แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดผลสำเร็จของแผนว่าการ ดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ให้ถือว่าเป็นผลสำเร็จตามแผนเมื่อ (1) จดทะเบียนเพิ่มทุนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ (2) ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยไม่มีเหตุผิดนัด (3) มีกำไร ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานตามจำนวนที่แผนกำหนด และมีส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินเป็นบวก และ (4) มีการแต่งตั้งกรรมการใหม่ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในแผน ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏจากคำร้องของลูกหนี้และรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ว่าลูกหนี้ได้ปฏิบัติครบถ้วนทุกข้อที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าลูกหนี้มีการผิดนัดชำระหนี้แต่อย่าง ใด กรณีจึงรับฟังได้ว่า ผู้บริหารแผนได้ดำเนินการตามแผนอันจะถือว่าการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ ตามแผนแล้ว ต้องด้วยเงื่อนไขแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/70 วรรคหนึ่ง ที่ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้

ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/70 วรรคหนึ่ง โดยผู้บริหารแผนหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ ทรัพย์ ยังคงมีอำนาจจัดการกิจการและทรัพย์สินเพื่อรักษาประโยชน์ของลูกหนี้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ จนกว่าผู้บริหารของลูกหนี้จะเข้าจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไป

ธงชาติกลางภาพพังพินาศ สะดุดตาเกินบังเอิญ ตั้งข้อสังเกต ‘อิสราเอล’ สร้างภาพเป็นฝ่ายถูกกระทำ

(16 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก Anucha Somnas ตั้งข้อสังเกตถึงภาพข่าวความเสียหายจากการโจมตีที่เกิดขึ้นในอิสราเอลว่า แทบทุกภาพล้วนมีธงชาติอิสราเอลหรือสัญลักษณ์ประจำชาติ ปรากฏอยู่ในเฟรมอย่างชัดเจน สร้างคำถามถึงความตั้งใจหรือเบื้องหลังของการเผยแพร่ภาพเหล่านี้ต่อสังคมโลก โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลเนทันยาฮูกำลังเผชิญแรงกดดันด้านสิทธิมนุษยชนจากกรณีถล่มฉนวนกาซา

ผู้โพสต์วิเคราะห์ว่า ความเสียหายที่เกิดจากจรวดซึ่งตกลงกลางเมือง อาจไม่ใช่ความบังเอิญ แต่คือการจัดฉากเพื่อสร้างภาพจำ สื่อสารกับนานาชาติว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายถูกกระทำ พร้อมใช้ภาพเหล่านี้เป็น “แฟ้มสะสมผลงาน” หรือเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ เบี่ยงเบนประเด็นเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ที่ยังดำเนินต่อไป

นอกจากนี้ยังชี้ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงยึดแนวทางเดิมในการใช้พลเรือนของตนเองเป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ ไม่ต่างจากกรณีตัวประกันชาวอิสราเอลในฉนวนกาซา ที่ไม่เคยได้รับความสำคัญเท่ากับเป้าหมายทางทหาร รัฐบาลเลือกเดินหน้าถล่มทุกพื้นที่ของกาซา โดยไม่สนใจว่าตัวประกันจะเสียชีวิตจากการโจมตีของตนเองหรือไม่

ข้อสังเกตเหล่านี้สะท้อนคำถามถึง เจตนาของรัฐบาลอิสราเอลในการจัดการสงคราม และความโปร่งใสของการสื่อสารข้อมูลกับสาธารณะ ทั้งยังสะท้อนว่าความสูญเสียอาจไม่ใช่เพียงผลข้างเคียงของสงคราม หากแต่เป็นกลไกที่รัฐเลือกใช้ เพื่อเป้าหมายทางการเมืองในระดับที่ลึกซึ้งกว่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top