Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

สมุทรปราการ-อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีฯ มอบวุฒิบัตรบัณฑิตน้อยทราสำเร็จการศึกษา เผย!! เตรียมขยายพื้นที่การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ห้องประชุมกองการศึกษา ชั้น 2 เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ โดยโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้มีการจัดพิธีมอบวุฒิบัตรแก่บัณฑิตน้อยที่สำเร็จการศึกษา ระดับชั้นอนุบาล ปีการศึกษา 2567 ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมดจำนวน 222 คน และมีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 73 คน

โดยได้รับเกียรติจากนายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีมอบวุฒิบัตรบัณฑิตน้อย ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีคณะผู้บริหาร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะครู บุคลากรทางการศึกษาตลอดจนผู้ปกครองเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

โดยทางด้าน นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวว่า เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กประถมวัย โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนจึงได้จัดตั้งโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ขึ้น เพื่อพัฒนาเด็กประถมวัยให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญาเสริมสร้างเด็กประถมวัยให้มีพัฒนาการอย่างสมดุลเป็นคนเก่ง คนดี มีความเจริญเติบโตเป็นพลเมืองที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่เข้ารับการศึกษาต่อในระดับขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษามาโดยตลอด และพัฒนาศักยภาพของเด็กประถมวัยมีการอบรมเลี้ยงดูส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละบุคคลตามศักยภาพ ทั้งนี้ ต้องขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับบัณฑิตน้อยทุกคนที่สำเร็จการศึกษาในระดับประถมวัย ขอให้เด็กทุกคนเป็นลูกที่ดีของผู้ปกครองและเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป

สืบ ตม. และ ตม.ภูเก็ต รวบหนุ่มฝรั่งเศส แก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ชิงนักโทษ ฆ่าผู้คุม

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ 

หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว, พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หน.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้   

สืบ ตม. และ ตม.ภูเก็ต รวบหนุ่มฝรั่งเศส แก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ชิงนักโทษ ฆ่าผู้คุม

ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตรวจสอบพฤติกรรมกลุ่มคนต่างด้าวที่มีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดจนมีลักษณะที่กระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศ บก.สส.สตม. เนื่องด้วย นายอาโดนิส (Adonis)(นามสมมติ) บุคคลตามหมายจับฝรั่งเศสและหมายแดงตำรวจสากล ข้อหาหลายข้อหาที่สำคัญคือร่วมองค์กรอาญากรรมเพื่อก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรงในการมีส่วนร่วมในการชิงนักโทษในเรือนจำที่ชื่อ Mohamed (นามสมมติ) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เรือนจำเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสฝ่ายกิจการตำรวจและความมั่นคง สอท.ฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการค้นหา จับกุม และเพิกถอนการอนุญาต ส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศฝรั่งเศส

พฤติการณ์การกระทำผิดกล่าวคือ นาย Mohamed (นามสมมติ) เป็นผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญ ระหว่างการ ส่งตัวจากศาลไปที่เรือนจำ มีกลุ่มคนพกอาวุธสงครามจำนวน 6 คน มี 3 คนที่พกอาวุธบุกเข้าไปปล้นตัวนักโทษ และเป็นเหตุให้ผู้คุมเสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บ 3 คน เหตุเกิดวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 

หลังจากเหตุการณ์นี้ตำรวจจำนวน 120 นาย ทำคดีนี้ และเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติของฝรั่งเศสที่สำคัญ เพราะผู้ต้องหาและผู้สมรู้ร่วมคิดบางส่วน รวมถึงตัวนักโทษหนีไปที่โรมาเนีย ตำรวจฝรั่งเศสได้จับผู้ต้องหา Mohamed (นามสมมติ) ถูกจับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่โรมาเนีย ส่วนผู้ต้องหารายอื่น ๆ ถูกจับแล้ว ทั้งนี้ ADONIS (นามสมมติ) ได้เดินทางมาที่ไทยในช่วงเวลาก่อนฝรั่งเศส ออกหมายจับ และก่อนที่ตำรวจสากลจะออกหมายแดง บก.สส.สตม. ได้ตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นายอาโดนิส (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยครั้งล่าสุด ทางด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสารมากับเที่ยวบิน WK50 ประเภทการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จว.ภูเก็ต สืบสวนพบว่า MR.ADONIS (นามสมมติ) หลบซ่อนตัวที่พื้นที่ ต.กมลา และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต จึงได้ลงพื้นที่ติดตามตัว จนกระทั่งวันที่ 26 มีนาคม 2568 สามารถจับกุมตัวได้ จึงควบคุมตัวไว้ที่ กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่  อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วยประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 เยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่ถูกรถจักรยานยนต์พุ่งชนขณะตั้งด่านตรวจ และตำรวจ สภ.พรหมบุรี ที่เกิดอาการอ่อนแรงและวูบหมดสติหลังถูกผู้ไลฟ์เฟซบุ๊กกดดัน

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย คุณณัฐวดี เอี่ยมวงศ์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 และคณะ เดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยม สร้างขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1  ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยได้มอบกระเช้าดอกไม้และเงินช่วยเหลือให้แก่ข้าราชการตำรวจ จำนวน 2 นาย พร้อมให้กำลังใจ ขอบคุณในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้อาการดีขึ้นโดยเร็ว

1. ด.ต.ทวีศักดิ์ ศรีเมือง ผบ.หมู่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ภ.จว.ปทุมธานี 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดชั่วคราวบริเวณถนนกลางซอยรังสิต-นครนายก 30 จ.ปทุมธานี ได้มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามายังจุดสกัดด้วยความเร็ว และพุ่งชน ด.ต.ทวีศักดิ์ ศรีเมือง บริเวณจุดสกัดดังกล่าว ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา (กระดูกเข่าขวาแตก) และมีแผลที่ฝ่ามือขวา จึงได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ล่าสุดอาการโดยทั่วไปดีขึ้น อยู่ระหว่างรอผ่าตัดกระดูกเข่าขวา

2. ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่ (จร.) สภ.พรหมบุรี ภ.จว.สิงห์บุรี
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งกล้องจับความเร็วบริเวณถนนสายเอเชีย ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการเกร็ง แขนขาอ่อนแรง และวูบหมดสติ ได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอาการโดยทั่วไปดีขึ้น ขณะนี้ทำกายภาพอย่างต่อเนื่องและสามารถพูดโต้ตอบสื่อสารได้

ทั้งนี้ การเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เป็นหนึ่งในนโยบายที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และทางด้านสมาคมแม่บ้านตำรวจ คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มีนโยบายในการสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของครอบครัวตำรวจ โดยได้จัดทำโครงการหลายโครงการที่มุ่งเน้นช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัว เช่น โครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” ที่จะดูแลช่วยเหลือ บำรุงขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ หรือทุพพลภาพ จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยมอบหมายให้ผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจลงพื้นที่เยี่ยมบำรุงขวัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังใจและแสดงความขอบคุณที่ข้าราชการตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน

สงขลา-ประธานวุฒิสภา และกลุ่ม สว.สงขลา นำทีมพบประชาชนและองค์กรทุกภาคส่วน เปิดเวทีรับฟังปัญหา และความเดือดร้อน เพื่อนำไปแก้ไข และผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค. 68) คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคใต้ (ตอนล่าง) นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ประกอบด้วย นายกมล รอดคล้าย ประธานกรรมการ , นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล รองประธานกรรมการ คนที่สาม , นายยะโก๊ป หีมละ , นายโสภณ มะโนมะยา และ นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ กรรมการ เดินทางลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อรับฟังทุกเสียงของพี่น้องประชาชน และองค์กรทุกภาคส่วนใน จ.สงขลา ในการสะท้อนปัญหาสู่การแก้ไขผ่านกลไกวุฒิสภา ระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค. และมีการลงพื้นที่ทั้งใน อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา จ.สงขลา

ซึ่งโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคใต้ (ตอนล่าง) กิจกรรมแรกจัดขึ้นที่ห้องประชุม Blue Ocean อาคารบริหารธุรกิจ (HBS) มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเป็นการเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนและความคิดเห็นจากปัญหาที่เกิดขึ้นใน จ.สงขลา ทั้งจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยวเที่ยว และเอกชน เช่น หอการค้าจังหวัดสงขลา สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา และประชาชนจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ รวมกว่า 100 คน โดยทาง นายวิทยา จันทร์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

โดยช่วงแรกทาง นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งบทบาทหน้าที่ต่างๆ และยังกล่าวว่า การรับฟังเสียงของประชาชนก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการนำมาใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่ขัดข้อง และช่วยผลักดัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งประชาชนและประเทศชาติในส่วนที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะสามารถทำได้

จากนั้นทางสมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ทั้ง 5 ท่าน ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุภภาคส่วน ซึ่งกลุ่มแรกที่ออกมาสะท้อนปัญหาคือ กลุ่มของธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมใน อ.หาดใหญ่ ทั้งจาก นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ใน จ.สงขลา ที่ได้เสนอขอให้มีการทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับล่าสุด

เนื่องจากมองว่า ประเทศเพิ่งผ่านพ้นจากช่วงโควิด 19 มาได้ไม่นาน อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวก็กำลังอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรูปแบบใหม่นั้น จะสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการมากขึ้นไปอีก แทนที่จะเก็บในลักษณะของการประเมินจากรายได้แบบของกรมสรรพากร เช่น โรงแรมไหนมีลูกค้ามาก ก็สามารถจ่ายภาษีได้มาก แต่กลับกันการเก็บภาษีรูปแบบใหม่ที่ต้องเสียเท่ากันหมด หากโรงแรมในขนาดเดียวกัน ทำเลเดียวกัน โรงแรมที่มีลูกค้าน้อย และมีรายได้น้อย ก็จะต้องแบกรับภาระในการจ่ายภาษีที่หนักกว่า และจะโยงไปถึงการครอบครองที่ดินของบุคคลต่างๆด้วย ซึ่งหากเป็นที่ดินว่างเปล่า ก็จะพยายามหาอะไรมาปลูก มาทำ ไม่ให้เข้าข่ายการเป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นแค่ทำบังหน้าเลี่ยงข้อกฎหมาย อีกทั้งชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากมาย หรือได้ที่ดินสิ่งปลูกสร้างมาจากมรดกตกทอด ก็จะต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงขึ้นไปอีก และเสี่ยงที่จะต้องขายที่ดินให้กับคนอื่นหรือนายทุน หากไม่สามารถจ่ายภาษีได้ไหว ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของการจัดเก็บภาษีใหม่ทั้งในแง่ของการต้องการที่จะอนุรักษ์ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งต้องการลดการครอบครองที่ดินของนายทุน

นอกจากนี้ทางกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมใน อ.หาดใหญ่ ยังได้เสนอให้มีการจัดระเบียบของโรงแรมที่และพักต่างๆ ทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้มีทั้งที่อยู่ในระบบ และนอกระบบ โดยต้องการในพวกโรงแรมที่พักที่อยู่นอกระบบ ทั้งในรูปแบบของการเข้ามาเช่า และทำประโยชน์ของชาวต่างชาติ และบางส่วนที่ทำในลักษณะเป็นบ้านหรือที่พัก แล้วเปิดให้เข้าไปใช้บริการ เช่น พูลวิลล่า ก็ต้องตรวจสอบ และนำข้าระบบ เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน และการจัดเก็บภาษี

โดยนอกจากเรื่องธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้ว ยังมีตัวแทนในการนำเสนอที่จะให้ทางรัฐบาลผลักดันโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งเป็นโครงการมูลค่ากว่า 1 แสนล้าน บนเนื้อที่กว่า 11,800 ไร่ ใน 4 ตำบล ของ อ.จะนะ และ อ.เทพา ซึ่งมีความพยามที่จะผลักดันให้เป็นอุตสาหกรรมที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศและคนในพื้นที่ และพื้นที่ดังกล่าวยังเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความพยามยามในทำโครงการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคมาตั้งแต่ปี 2532 แล้วด้วย แต่ยังไม่สำเร็จ พร้อมกันนี้ได้มีการยื่นหนังสือให้ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกลักดันเรื่องนี้ด้วย โดยมอบผ่านทาง นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา

ขณะที่ทางภาคเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ คือ อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.กระแสสินธุ์ และ อ.ระโนด ได้เสนอแนะให้มีการพลิกโฉมการเกษตร โดยมองว่า หากปลูกพืชแล้วขายผลผลิตแบบเดิมเหมือนในอดีต อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรลองปรับเปลี่ยนวิธีคิด หารูปแบบวิธีการใหม่ๆ แปรรูปผลผลิต หรือหาช่องทางส่งออกที่มากขึ้น เพื่อให้มีรายได้ และมีความมั่นคงขึ้นมากกว่านี้

ซึ่งทางกลุ่ม สว.สงขลา ได้รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะต่างๆจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ และจะมีการนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยกันแก้ไข และผลักดันให้การการพัฒนาที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติต่อไป

ทั้งหลังเสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ทางคณะฯ ยังได้เดินทางไปยังด่านศุลการกรสะเดา และด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย เพื่อศึกษาการดำเนินงานของด่านศุลกากร รวมทั้งโครงการสำคัญของรัฐ และในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ทางคณะฯ ยังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดสงขลา และพบปะกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในย่านตลาดกิมหยง เมืองหาดใหญ่ เพื่อติดตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
 

29 มีนาคม พ.ศ.2493 วันถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

29 มีนาคม พ.ศ. 2493 วันถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง 
2

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 ณ เมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมัน พระองค์เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะที่มีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา

และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของ 73 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2493 คือวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 

คนไทยผ่านน้ำตาแห่งการสูญเสียอันยิ่งใหญ่มานับหลายครั้งหลายครา เช่นเดียวกับครั้งที่หัวใจปวงชนชาวไทยต้องแหลกสลาย เมื่อรับทราบข่าวร้ายเรื่องการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล แบบปัจจุบันทันด่วน

ไม่มีใครได้เตรียมตัวเตรียมใจ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลในพระชนมายุเพียง 20 ย่าง 21 พระชันษา ได้เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืนในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ณ ห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง

ทั้ง ๆ ที่ทรงตั้งพระทัยเสด็จนิวัตพระนครเป็นการถาวร และจะทรงรับการบรมราชาภิเษก หลังจากที่ทรงศึกษาปริญญาเอก สาขานิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

โดยการสิ้นพระชนม์นั้น เกิดขึ้นก่อนกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพียง 4 วันเท่านั้น

ทั้งนี้ หลังจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันเดียวกันนั้นเอง รัฐสภาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (พระยศในขณะนั้น) ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป

จากนั้น ก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมศพมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง จากนั้นมีกำหนดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในระหว่างวันที่ 28 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2493 ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง

ระหว่างนั้น ในวันที่ 19 สิงหาคม 2489 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อ ณ กรุงโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันที่ 5 มีนาคม 2493 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จนิวัตประเทศไทย เพื่อประกอบพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพ, พระราชพิธีอภิเษกสมรส, และบรมราชาภิเษก (จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง)

โดยเฉพาะวันพระถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้นตรงกับวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2493 น้ำตาของคนไทยได้ท่วมแผ่นดิน!

เมื่อทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อยสมบูรณ์ วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเก็บพระบรมอัฐิ และอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานที่บุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้าทองภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มุขตะวันตก และจัดให้มีการพระราชกุศลพระบรมอัฐิขึ้น

หลังจากนั้น ได้อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานทองกลาง ชั้นบนสุดของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

กระทั่งวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ไปยังวัดสุทัศน์เทพวราราม และอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารบรรจุลงในหีบ พร้อมทั้งเคลื่อนหีบพระบรมราชสรีรางคารเข้าสู่พระพุทธบัลลังก์ พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศน์เทพวราราม 

สำหรับ พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร หรือ ล้นเกล้า ร.8 นั้น มีดังนี้

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงประสูติกาลเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (ภายหลังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และหม่อมสังวาลย์ (ภายหลังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี)

พระองค์มีพระเชษฐภคินี และพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีอีก 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (ภายหลังทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช)

พระองค์เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะที่มีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา และทรงประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้น จึงมีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ

พระองค์เสด็จนิวัตพระนครครั้งแรกภายหลังทรงราชย์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2488

แต่ก่อนกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพียง 4 วัน พระองค์ก็ได้เสด็จสวรรคตด้วยทรงต้องพระแสงปืนเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ณ ห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น 12 ปี

สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้..


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top