Friday, 6 June 2025
ค้นหา พบ 48606 ที่เกี่ยวข้อง

‘T-Online’ เผยผลสำรวจ!! ชาวเยอรมัน ไม่พอใจ ‘อีลอน มัสก์’ แบนไม่ซื้อ Tesla เหตุ!! แทรกแซงทางการเมือง แสดงความเคารพแบบ ‘นาซี’ ส่งเสริม ‘ฟาสซิส’

(15 มี.ค. 68) การสำรวจชาวเยอรมันบน T-Online กว่า 100,000 คน เผยว่า 94% จะไม่ซื้อรถ Tesla ซึ่งตอกย้ำปัญหายอดขายตกต่ำในยุโรปลงไปอีก

ในปี 2024 Tesla มียอดขายลดลง 41% ในเยอรมนีเมื่อเทียบกับปี 2023 แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2024 ก็ตาม

นอกจากนี้ ยอดขายของ Tesla ลดลง 70% ในสองเดือนแรกของปี 2025 ซึ่งรุนแรงกว่ายอดขายที่ตกต่ำอยู่แล้วในปี 2024 เสียอีก

สำหรับสาเหตุที่ยอดขายลดลง นอกจากการแข่งขันในตลาด EV ที่ดุเดือดขึ้นและการปรับโฉม Model Y แล้ว ยังเป็นเพราะชาวเยอรมันที่ไม่พอใจกับการแทรกแซงทางการเมืองของ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ในการเลือกตั้งท้องถิ่น และการสนับสนุนพรรค AfD ฝ่ายขวาจัด

นอกจากนี้ ชื่อเสียงของ Musk ก็พังทลายในเยอรมนีหลังจากแสดงความเคารพแบบนๅซีหลายครั้งในพิธีเปิด และโพสต์ที่น่าสงสัยหลายครั้งที่ส่งเสริมอุดมการณ์ฟาสซิส

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ทาง AfD ที่ Musk สนับสนุนก็ยังต่อต้าน Tesla อย่างแข็งขัน และออกโฆษณาที่เชิญชวนให้คนไม่ซื้อรถ Tesla

ทั้งนี้ ยอดขาย Model 3 ของ Tesla ก็กำลังร่วงลงในเยอรมนีเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่า Model Y ไม่ใช่ปัญหาเดียว

‘เซฟ กระทะฮ้าง’ โพสเฟซ!! สู้ชีวิต มาพร้อม ‘ลูก-เมีย’ ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่เมื่อมีรายได้ กลับต้องตามจ่ายภาษี พ้อ!! ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ไหน

(15 มี.ค. 68) เซฟ กระทะฮ้าง โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ทำคลิปแบบบ้านๆ สู้มากับลูกเมียพอวันนึงมีรายได้ ก็ต้องจ่ายภาษีตามรายได้ที่มี 

อันนี้ไม่ติดใจ

(ที่ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ไหนมา)

รูบิโอ โดนจีนขึ้นบัญชีดำ ปม!! อุยกูร์ ตั้งแต่ปี 2020 ก็เลยระบายความคับแค้น ผ่านการลงโทษ ไทยแลนด์ แบบที่ตัวเองก็โดน

(15 มี.ค. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …
.
 “ รัฐบาล #จีน ขึ้นบัญชีดำ คุณ #รูบิโอ รมว กต ของรัฐบาลทรัมป์คนนี้เรื่อง #อุยกูร์ มานานแล้วตั้งแต่ปี 2020 (พ.ศ. 2563) ตอนที่ แกเป็นวุฒิสมาชิกจากฟลอริดาแล้วนะคะ เอิ่ม.. แกก็เลยถือโอกาสนี้ระบายความคับแค้นด้วยการกระทำแบบที่คล้ายกันนี้กับ #ไทยแลนด์ บ้าง ใช่มั้ยหนอ?

‘มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย’ เดือด!! รัฐบาลสหรัฐฯ ลั่นคำขาด จัดการ!! ประท้วงต่อต้าน ‘ชาวยิว’ ไม่งั้น ตัดงบไม่เหลือ

(15 มี.ค. 68) มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเผชิญแรงกดดันหนักจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังเกิดกระแสประท้วงที่ลุกลามเป็นความขัดแย้งด้านเชื้อชาติและศาสนา โดยเฉพาะกรณีการต่อต้านชาวยิว (Antisemitism) ที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ ตัดสินใจออกมาตรการบีบให้โคลัมเบียต้องรับผิดชอบ และกำหนดเส้นตายให้ปฏิบัติตามก่อนวันที่ 20 มีนาคม 2025 มิเช่นนั้นมหาวิทยาลัยอาจต้องสูญเสียเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างถาวร

สถานการณ์บานปลาย จุดเดือดของมหาวิทยาลัยชั้นนำ

ตลอดช่วงต้นปี 2025 การประท้วงและความขัดแย้งทางอุดมการณ์เกี่ยวกับปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์ลุกลามไปทั่วแคมปัสของโคลัมเบีย โดยเฉพาะกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรออกมาเคลื่อนไหวโจมตีชาวยิวและสนับสนุนแนวคิดต่อต้านไซออนิสต์ ทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยละเลยการปกป้องสิทธิของนักศึกษาชาวยิว

รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าการปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิพลเมืองปี 1964 (Civil Rights Act of 1964) มาตรา VI และ VII ซึ่งครอบคลุมถึงการป้องกันการเลือกปฏิบัติในสถานศึกษา ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานของรัฐตัดสินใจออกคำสั่งถึงคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัย ให้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อระงับความขัดแย้ง

มาตรการตอบโต้ของรัฐบาลกลาง: คำขาดที่โคลัมเบียต้องทำภายใน 20 มีนาคม 2025

1️⃣ ลงโทษนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วง – นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการยึดพื้นที่ Hamilton Hall และการตั้งแคมป์ต้องถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด โดยรัฐบาลเน้นว่าการลงโทษต้องมีความหมายจริงจัง เช่น ไล่ออก หรือพักการเรียนเป็นเวลาหลายปี

2️⃣ อำนาจวินัยต้องรวมศูนย์ที่ประธานมหาวิทยาลัย – ให้ยกเลิก University Judicial Board (UJB) และให้ประธานมหาวิทยาลัยมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการลงโทษนักศึกษา

3️⃣ ออกกฎควบคุมพื้นที่ชุมนุมถาวร – มหาวิทยาลัยต้องกำหนดกฎถาวรเกี่ยวกับ เวลา-สถานที่-วิธีการประท้วง เพื่อไม่ให้กระทบการเรียน การวิจัย และชีวิตประจำวันของแคมปัส

4️⃣ แบนหน้ากาก ห้ามปกปิดตัวตน – ห้ามนักศึกษาสวมหน้ากากเพื่อปิดบังตัวตนหรือข่มขู่ผู้อื่น ยกเว้นเหตุผลทางศาสนาและสุขภาพ ผู้ที่ยังต้องใส่หน้ากากต้องติด บัตรประจำตัวนักศึกษาด้านนอกเสื้อผ้า

5️⃣ คุมเข้มทุกกลุ่มนักศึกษา – ทั้งกลุ่มที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยและกลุ่มที่ไม่ได้รับการรับรอง หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดนโยบายของมหาวิทยาลัย ต้องถูกสอบสวนและลงโทษ

6️⃣ กำหนดนิยามการต่อต้านชาวยิวอย่างเป็นทางการ – ให้ใช้แนวทางจากคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ (Executive Order 13899) ที่ระบุว่า การเลือกปฏิบัติต่อชาวยิวภายใต้แนวคิดต่อต้านไซออนิสต์ต้องถูกลงโทษ แม้จะเกิดในบริบทที่ไม่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลหรือปัญหาตะวันออกกลาง

7️⃣ เสริมอำนาจหน่วยรักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัย – ต้องให้สิทธิ์เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสามารถจับกุมและขับไล่นักศึกษาหรือบุคคลที่สร้างความไม่ปลอดภัยหรือขัดขวางการเรียนการสอน

8️⃣ ควบคุมแผนกตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกาศึกษา – โคลัมเบียต้องให้แผนกนี้เข้าสู่ ‘ภาวะควบคุมทางวิชาการ’ อย่างน้อย 5 ปี และต้องเสนอแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม

9️⃣ ปฏิรูปกระบวนการรับนักศึกษา – ต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การรับนักศึกษา ปรับระบบคัดเลือกทั้งระดับปริญญาตรี นักศึกษาต่างชาติ และระดับบัณฑิตศึกษาให้เป็นไปตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง

โคลัมเบียอยู่ในจุดเปลี่ยน: ทำตามหรือถูกตัดงบ?

รัฐบาลกลางให้เส้นตาย 20 มีนาคม 2025 เป็นวันสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยต้องดำเนินการให้ครบทุกข้อ มิเช่นนั้น ทุนรัฐบาลกลางที่สนับสนุนมหาวิทยาลัยอาจถูกระงับอย่างถาวร นี่เป็นแรงกดดันครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะของโคลัมเบียในฐานะมหาวิทยาลัยระดับโลก

ด้านนักศึกษาและคณาจารย์บางส่วนเริ่มออกมาแสดงจุดยืนที่แตกต่างกัน บ้างสนับสนุนการแทรกแซงของรัฐบาล โดยเฉพาะนักศึกษาชาวยิวที่มองว่ามาตรการนี้ช่วยปกป้องพวกเขา ในขณะที่กลุ่มต่อต้านมองว่านี่เป็นการแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการและการแสดงออกของนักศึกษา

โคลัมเบียจะเลือกเส้นทางไหน? ปรับตัวหรือเผชิญผลลัพธ์ที่ใหญ่หลวงกว่านี้? เส้นตายใกล้เข้ามาทุกที ติดตามกันต่อไปว่า มหาวิทยาลัยระดับตำนานแห่งนี้จะเดินหมากต่อไปอย่างไร

‘สื่อเดนมาร์ก’ พลาดจริง หรือ IO เหตุขึ้นจอ ‘ปูติน’ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดกระแส!! ให้โลกเชื่อว่า ‘สหรัฐฯ-รัสเซีย’ กำลังมีความร่วมมือกันในเชิงลึก

(15 มี.ค. 68) การเผยแพร่กราฟิกผิดพลาดโดยสถานีโทรทัศน์ 19 News ของเดนมาร์ก ที่ระบุว่า "Vladimir Putin – President, USA" หรือ "วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา" ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศ โดยหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่เป็นเพียงข้อผิดพลาดทางเทคนิค หรือเป็นปฏิบัติการทางข้อมูล (Information Operation – IO) ที่มุ่งสร้างภาพให้ประชาคมโลกเชื่อว่าสหรัฐฯ และรัสเซียกำลังมีความร่วมมือเชิงลึก

ความผิดพลาดธรรมดา หรือแผนการแฝง?

แม้ในเบื้องต้น สังคมอาจมองว่านี่เป็นเพียงความผิดพลาดของทีมกราฟิก แต่หากพิจารณาจากบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน คำถามที่ตามมาคือ "นี่คืออุบัติเหตุ หรือเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง?" โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยุโรปและพันธมิตรตะวันตกกำลังพยายามกดดันรัสเซียทางเศรษฐกิจและการทหาร

สหรัฐฯ และรัสเซีย: เป็นพันธมิตรกันจริงหรือ??

สื่อกระแสหลักของยุโรปมักเน้นภาพลักษณ์ของรัสเซียในฐานะภัยคุกคามต่อระเบียบโลกเสรี อย่างไรก็ตาม การเกิดข้อผิดพลาดในระดับนี้อาจทำให้เกิดความคลางแคลงใจว่า มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงสหรัฐฯ กับรัสเซียในฐานะพันธมิตรกันหรือไม่

ปฏิบัติการ IO เพื่อลดความเชื่อมั่นต่อสหรัฐฯ??

หากพิจารณาจากมุมของสงครามข้อมูล การเผยแพร่ภาพนี้อาจเป็นกลยุทธ์ของฝั่งยุโรปในการบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ด้วยการทำให้โลกเสรีตั้งคำถามว่า "อเมริกายังยืนหยัดต่อต้านรัสเซียจริงหรือไม่?" หรือวอชิงตันกำลังเล่นบทบาทสองหน้า

ยุโรปหวั่นไหวกับท่าทีของสหรัฐฯ??

หลังจากหลายปีของการสนับสนุนยูเครน สหรัฐฯ เริ่มเผชิญแรงกดดันภายในประเทศ ทำให้หลายฝ่ายมองว่านโยบายต่อต้านรัสเซียของวอชิงตันอาจอ่อนลง ส่งผลให้ยุโรปเกิดความกังวลและอาจพยายามใช้ปฏิบัติการข่าวสารเพื่อสร้างความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลสหรัฐฯ

ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต

แม้ว่าทาง 19 News จะยังไม่ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ข่าวนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อทัศนคติของประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดจริง หรือเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ ประเด็นที่ต้องติดตามคือ สหรัฐฯ จะออกมาตอบสนองต่อข้อผิดพลาดนี้อย่างไร? และจะมีปฏิบัติการ IO อื่นตามมาอีกหรือไม่?

ในยุคที่ข่าวสารกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทุกข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาอาจไม่ใช่เพียงความผิดพลาด แต่เป็นเกมเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องมองให้ลึกกว่าที่เห็น… หรือว่าสงครามข้อมูลระหว่างตะวันตกเองกำลังเริ่มขึ้นแล้ว??


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top