Thursday, 29 May 2025
ค้นหา พบ 48439 ที่เกี่ยวข้อง

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา จัดงาน “วันสตรีสากล” แข่งทำอาหารใช้วัตถุดิบปลาสลิดของดีสมุทรปราการ

(12 มี.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษาโดย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2568 

โดยมี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจากชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติเป็นผู้ร่วมตัดสินรสชาติอาหารในกิจกรรมการแข่งขันการประกวดทำอาหารในครั้งนี้อีกด้วย

 จากนั้น นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม

สำหรับกิจกรรมการประกวดทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากปลาสลิด เป็นการสนับสนุนของดีเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากภูมิปัญญาชาวสมุทรปราการ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้า ให้เครือข่ายด้านสตรีได้รวมพลังแสดงถึงความสามัคคีของสตรีตำบลแพรกษา 

อีกทั้งสนับสนุนและร่วมกันจัดกิจกรรมให้เป็นที่รู้จักและกว้างขวางมากขึ้น ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ พิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณรางวัลสตรีดีเด่น 5 ด้าน การบรรเลงดนตรีไทยจากนักเรียนโรงเรียน PWS แพรกษาวิเทศศึกษา และการประกวดทำอาหารของคนในชุมชน

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรสตรีได้มีโอกาสทบทวนบทบาทสถานภาพ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานที่เหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมสร้างสรรค

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ผอ.ศปนม.ตร. เสริมศักยภาพปราบปรามอาชญากรรมด้านน้ำมันเชื้อเพลิง 

(12 มี.ค. 68) ที่ The COP Seminar & Resort อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปนม.ตร. เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเสริมทักษะการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง รุ่นที่ 1 โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมรับการฝึกอบรม 

โดยเป้าหมายของการอบรม เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งเรียนรู้เทคนิคการตรวจสอบ ป้องกัน และดำเนินคดี ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพในการปราบปรามอาชญากรรมด้านพลังงาน

การฝึกอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานร่วมสนับสนุน ตอกย้ำความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

‘ครูเงาะ’ แชร์เรื่องราวสุดประทับใจหลังได้สอนการแสดง ‘ลิซ่า’ ยกเป็นต้นแบบให้เด็กรุ่นใหม่ มีสัมมาคารวะ - อ่อนน้อมถ่อมตน - กตัญญู

(13 มี.ค.68) 'ครูเงาะ - รสสุคนธ์ กองเกตุ' ครูสอนการแสดงชื่อดัง เปิดเผยเรื่องราวสุดประทับใจหลังได้มีโอกาสสอนการแสดงเพิ่มเติมให้กับ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ศิลปินสาวไทย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า

เคยคิดอยู่เสมอว่าจะทำยังไงที่จะได้เจอลิซ่า แล้วได้พูดคำว่าขอบคุณในสิ่งที่น้องทำ ขอบคุณที่เป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็กรุ่นใหม่ ขอบคุณที่เป็นพลังให้กับประเทศ

แล้วบุญเก่าก็ส่งผลทันทีตอนที่ ผู้จัดการของน้องติดต่อเข้ามาเพื่อที่จะให้น้องมาเรียนการแสดงในเรื่อง White Lotus

พูดได้คำเดียวว่าพอได้เจอน้องแล้ว  นอกจากคำว่าเป็นเด็กมีความสามารถแล้ว น้องมีมายด์เซ็ทของคนที่ประสบความสำเร็จอยู่ในตัวครบทุกข้อ 

1. ไม่กลัวที่จะเริ่มต้นในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
2. ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้สุดๆ ไม่ว่าตัวเองจะงานเยอะแค่ไหนก็จะหาเวลามาเรียน
3. ทำงานเพื่องาน ส่วนชื่อเสียงเป็นเพียงผล เพราะไม่ว่าบทจะมากน้อยแค่ไหน เธอก็ทุ่มเทเต็มที่ 
4. น้องสามารถหัวเราะได้กับทุกความผิดพลาดของตัวเอง อันนี้คือมายด์เซ็ทคนที่รู้อยู่ในใจว่า ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะฉันเรียนรู้จากมันได้ เค้าเลยไม่ซีเรียสถ้าตัวเองผิด แต่จริงจังในการเรียนรู้
5. และที่สำคัญที่สุดเป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน และกตัญญูเป็นที่สุด 

วันนี้ครูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องถึงพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่สู่ระดับโลกอย่างในทุกวันนี้

นอกจากนี้ครูเงาะยังได้เผยความในใจลงในอินสตาแกรมอีกว่า "วันที่ได้รับการติดต่อมาว่าน้องลิซ่า @lalalalisa_m จะมาเรียน ดีใจมากกก เพราะชอบน้องมากกกก ในทุกตรง ทั้งความสามารถ ความคิด จิตใจของน้อง ตอนมาเจอขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังเลย

ลิซ่าเป็นเด็กที่สดใสน่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน หัวไวมาก มาตอนแรกด้วยความกังวลว่าไม่เคยเล่น ไม่รู้จะวางตัวยังไง พอลองให้เล่นดู ตอนแรกน้องก็ติดออกไปทาง show มากกว่า act ด้วยความที่มีจังหวะที่คมของการเป็นนักเต้น การเป็นศิลปิน

ครูเลยปรับด้วย exercise repetition ที่จะช่วยให้น้อง Connect กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า รับส่งจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่ง exercise นี้ กว่าคนจะทำได้จะใช้เวลา แต่น้องทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก

สิ่งที่ท้าทายต่อมาคือการทำให้ซุปเปอร์สตาร์เป็นพนักงานธรรมดาที่มีเสน่ห์ ซึ่งพอได้สอนเรื่องการตีความและที่มาที่ไปของตัวละคร พอน้องเข้าใจเท่านั้นแหละ คราวนี้เสน่ห์ในแบบสาวชาวบ้านของมุกก็แพรวพราว ขนาดเราเล่นรับส่งกับน้อง ยังเผลอยิ้มกับลูกตาระยิบระยับของเธอ

ถ้าจะให้สาธยายตรงนี้คงไม่หมดกับสิ่งที่ครูประทับใจในตัวน้อง อยากให้ทุกคนลองไปดูใน White Lotus แล้วคุณจะเห็นเอง 

Luckin Coffee บริษัทกาแฟจากจีน พลิกกลับมาชนะคดีเครื่องหมายการค้าในไทย ศาลฯ สั่งคู่กรณีชดใช้ 10 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าเสียหายต่อเนื่องวันละ 100,000 บาท

(13 มี.ค. 68) Luckin Coffee บริษัทกาแฟชื่อดังจากประเทศจีน ได้รับชัยชนะในคดีเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย โดยศาลสั่งให้คู่กรณีชดเชยความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท

Luckin Coffee เป็นบริษัทกาแฟจากประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Starbucks ในตลาดจีน ด้วยกลยุทธ์การขายที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เน้นการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน และมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ Luckin Coffee ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เพราะในปี 2020 บริษัทถูกเปิดโปงว่ามีการ ตกแต่งบัญชี โดยอ้างว่ายอดขายสูงกว่าความเป็นจริงถึง 2,200 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) ส่งผลให้หุ้นของบริษัทในตลาด NASDAQ ร่วงลงอย่างรุนแรง จนต้องถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด

อีกทั้งในปีเดียวกัน Luckin Coffee ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) สอบสวนเรื่องการตกแต่งบัญชี ส่งผลให้บริษัทต้องจ่ายค่าปรับ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 ล้านบาท) เพื่อระงับข้อพิพาท และถูกหน่วยงานกำกับดูแลของจีนยังสั่งปรับบริษัท 61 ล้านหยวน (ประมาณ 282 ล้านบาท)

กระทั่งในปี 2023 Luckin Coffee สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้ โดยบริษัททำรายได้กว่า 24.9 พันล้านหยวน (ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีร้านกาแฟมากกว่า 20,000 สาขาทั่วประเทศจีน
ส่งผลให้ Luckin Coffee เข้ามาเปิดตลาดในไทย แต่ถูกบริษัท R50 ยื่นฟ้องว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า Luckin Coffee ในประเทศ 

ต่อมาศาลชั้นต้นตัดสินให้ Luckin Coffee ชนะคดี แต่ในชั้นอุทธรณ์ ศาลกลับตัดสินให้ R50 เป็นฝ่ายถูกต้อง ทำให้ Luckin Coffee ต้องเผชิญกับข้อพิพาททางกฎหมาย ทำให้ต้องว่าจ้างสำนักงานกฎหมาย Tilleke & Gibbins เพื่อหาทางแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าว 

Tilleke & Gibbins เข้ามาจัดการคดีด้วยกลยุทธ์ทางกฎหมายใหม่ โดยอ้างอิงกฎหมายสากลและหลักการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าระดับนานาชาติ ส่งผลให้ Luckin Coffee พลิกกลับมาชนะคดี และได้รับคำตัดสินให้เป็นเจ้าของสิทธิ์เครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้องในประเทศไทย

โดยในปี 2025 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางของประเทศไทยได้ตัดสินให้ Luckin Coffee บริษัทกาแฟรายใหญ่จากประเทศจีน ชนะคดีเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย และสั่งให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท (ประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่เคยได้รับในคดีละเมิดเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย 

นอกจากนี้ ศาลยังกำหนดให้จำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายต่อเนื่องเป็นรายวันวันละ 100,000 บาท นับจากวันที่ยื่นฟ้อง (4 มีนาคม 2567) จนกว่าจำเลยจะยุติกิจกรรมละเมิดลิขสิทธิ์ และสั่งให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าทนายความของโจทก์

ในการตัดสินครั้งนี้ ศาลได้สั่งให้ยกเลิกการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยในประเทศไทย รวมถึงสั่งให้จำเลยเปลี่ยนชื่อบริษัทและห้ามใช้หรือแสดงคำว่า “Luckin Coffee” ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในชื่อบริษัท นอกจากนี้ จำเลยยังถูกห้ามใช้คำว่า “Luckin Coffee”, “瑞幸咖啡” และโลโก้รูปกวางในการดำเนินธุรกิจกาแฟ

กรณีของ Luckin Coffee ถือเป็นบทเรียนสำคัญของธุรกิจสตาร์ตอัปที่เติบโตเร็ว แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านกฎหมายและการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง บริษัทยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดกาแฟโลกต่อไป

‘พีระพันธุ์’ ยันทำตามหน้าที่ ปมเบรกประมูลขุด-ขนถ่านหินแม่เมาะ ชี้ชัด เพิกเฉยไม่ได้หลังมีผู้ร้องให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่หละหลวม

‘พีระพันธุ์’ สั่ง กฟผ.เคลียร์ประมูลขนถ่านหินเหมืองแม่เมาะให้ถูกต้อง ชี้จัดซื้อจัดจ้างหละหลวม ไม่มีความจำเป็นต้องประมูลด้วยวิธีการพิเศษ 

(13 มี.ค. 68) นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทำหนังสือถึงผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ้ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงวันที่ 7 มี.ค.2568 เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาชุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของ กฟผ.พร้อมกับส่งสรุปรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาชุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของ กฟผ.เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามความถูกต้องเหมาะสมและตามอำนาจหน้าที่ต่อไป 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะกำกับดูแลการไฟฟ้าฝ้ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาชุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของ กฟผ.เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2567 นั้น บัดนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว 

รวมทั้งในหนังสือดังกล่าวได้ขอให้ผู้ว่า กฟผ.พิจารณาดำเนินการตามความถูกต้องเหมาะสมและตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ตรวจสอบรายงานของคณะกรรมการฯ ประกอบข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ว เห็นว่ามีประเด็นที่เป็นข้อสังเกตโดยสรุป ดังนี้

1.กรณีความจำเป็นเร่งด่วนของการจัดจ้าง ปรากฏสาเหตุที่ กฟผ.อ้างว่าต้องดำเนินการจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะตามสัญญาโดยเร่งด่วน เพราะมติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2567 ซึ่งเมื่อตรวจสอบมติ กพช.ดังกล่าว พบว่ามีสาเหตุมาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2565 พิจารณาการเลื่อนแผนการปลดเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะ เครื่องที่ 8-11 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 เนื่องจากคาดการณ์ราคาก๊าชธรรมชาติเหลว (LNG) มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงจนถึงปี 2568 หรือปี 2569 เพราะเหตุสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่ข้อยุติ รวมทั้งหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย โดยอุปทานเพิ่มเติมจากโครงการผลิต LNG ยังคงจำกัด เพราะการลงทุนก่อสร้างโครงการผลิตใหม่ลดลง 

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามมติ กพช.ดังกล่าวจะส่งผลให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 2 ล้านตัน ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 จากเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ กฟผ.จึงเสนอให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างชุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะโดยวิธีพิเศษ เป็นสัญญาที่ 8/1 แต่มีข้อขัดข้องหลายประการจึงทำให้ล่าช้า

โดยเฉพาะประเด็นใช้วิธีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาเดิม (สัญญาที่ 4 และสัญญาที่ 9) หรือต้องดำเนินการจัดจ้างใหม่ รวมทั้งหากต้องจัดจ้างใหม่จะดำเนินการโดยวิธีใด และเป็นกรณีเช่นใด 

อย่างไรก็ตามจากความล่าช้าในการดำเนินการดังกล่าวทำให้ปรากฎข้อเท็จจริงว่าสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับราคาและการขาดแคลนก๊าซที่จะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าตามการคาดการณ์ของ กบง.ในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ มิ.ย.2565 ที่ให้เสนอต่อ กพช.เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2565 นั้น ไม่เกิดขึ้นจริง

ดังนั้น เหตุฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนตามข้อเสนอของ กบง.จึงผ่านพ้นไปแล้ว เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะโดยวิธีพิเศษจึงหมดสิ้นไปแล้ว ซึ่งควรเสนอ กพช.ให้ทราบสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อที่ กพช.จะพิจารณามีมตีในเรื่องนี้ใหม่ แต่กลับไม่มีการดำเนินการเช่นนั้น

อีกทั้งมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า กฟผ.ยังคงมีสต๊อกสำรองถ่านหินปริมาณมากพอสมควร

นอกจากกรณีข้างต้นแล้วปรากฏว่า ในการประชุม กพช.เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565 มีมติเห็นชอบให้ กฟผ.นำโรงไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะ เครื่องที่ 4 กลับมาผลิตไฟฟ้าในช่วงปี 2565-2568 ซึ่งหากนับระยะเวลาที่คณะกรรมการ กฟผ.จะอนุมัติให้ว่าจ้างชุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะเมื่อปลายปี 2567 แล้ว ก็เหลือเวลาเพียง 1 ปี ต้องยกเลิกการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าว

รวมทั้งหากพิจารณาตาม PDP 2018 Revision 1 กำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญามีอัตราสูงกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบอยู่แล้ว ดังนั้น ปริมาณงานที่จะว่าจ้างให้ชุด-ขนถ่านหินตามสัญญาที่ 8/1 ดังกล่าว ย่อมมีปริมาณที่มากเกินความจำเป็นอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการว่าจ้างโดยวิธีพิเศษอีกต่อไป

2.การว่าจ้างชุด-ขนถ่านหินแม่เมาะสามารถดำเนินการได้ โดยการเปิดประมูลตามปกติ กฟผ.มีสายงานที่รับผิดชอบในส่วนเหมืองแม่เมาะเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว จึงอยู่ในวิสัยที่ กฟผ.จะทราบความจำเป็นที่จะต้องว่าจ้างชุด-ขนถ่านหินได้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้วางแผนและเตรียมการเปิดประมูลขุด-ขนถ่านหินแบบกรณีปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษ เพราะตามเงื่อนไขสัญญาที่ 4 จะสิ้นลงช่วงสิ้นปี  2568 

ทั้งนี้ หาก กฟผ.จำเป็นต้องใช้ถ่านหินเพิ่มเติม กฟผ.ก็เตรียมการล่วงหน้าที่จะเปิดประมูลขุด-ขนถ่านหินเพิ่มเติมได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษ แต่กรณีที่ กฟผ.กล่าวอ้างมติ กพช.เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2565 ว่ามีกรณีจำเป็นเร่งด่วนจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงเป็นเหตุที่นำมาใช้ดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ แต่เมื่อสถานการณ์ที่คาดการณ์ไว้ไม่เกิดขึ้นก็อยู่ในวิสัยที่ กฟผ.จะปรับแก้การดำเนินการดังกล่าวให้เหมาะสมและถูกต้องตาม PDP 2018 Revision 1 ได้

3.การพิจารณาการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ กรณีนี้แม้มีข้อโต้แย้งจากผู้เกี่ยวข้องก็ตาม แต่โดยรูปคณะกรรมการฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเห็นว่าเป็นข้อโต้แย้งในด้านการดำเนินการในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งอยู่ในถ้อยความรู้ของคู่กรณีที่ไม่อาจหาข้อยุติได้สืบเนื่องจากกฎระเบียบของ กฟผ.ในกรณีการจัดซื้อจัดจ้างมีความหละหลวมหลายประการ จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีพึงใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการต่อไปเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top