Sunday, 1 June 2025
ค้นหา พบ 48513 ที่เกี่ยวข้อง

‘กรวิน’ จับมือ ‘MASTER’ ทุ่ม 250 ล้าน เปิด “KRM Plastic Surgery Hospital” รพ.ศัลยกรรมความงามใหญ่สุดแห่งแรกในอีสานตอนกลาง

‘กรวิน คลินิก’ จับมือ ‘MASTER’ ทุ่มลงทุน 250 ล้านบาท เปิดตัว “KRM Plastic Surgery Hospital” โรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งใหญ่สุดแห่งแรกในภาคอีสานตอนกลางอย่างเป็นทางการ เน้นศัลยกรรมความงามครบวงจร ชูจุดเด่นทำเลดีใกล้สนามบิน รองรับกลุ่มลูกค้าขอนแก่น-พื้นที่ใกล้เคียงและต่างประเทศ เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน พร้อมส่องเทรนด์ความงามปี 2568 ยังโตดี ตอบโจทย์ดีมานด์เน้นความปลอดภัย มาตรฐานโรงพยาบาล และแพทย์ชำนาญการเป็นหลัก ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 15-20% 

เมื่อวันที่ (11 มี.ค. 68) นายแพทย์กรวิน ศิริโรจนทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เค เมดิคอล (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบการสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงาม ภายใต้แบรนด์ ‘กรวิน คลินิก’ ‘รณภีร์ คลินิก’ และ ‘KRM Plastic Surgery Hospital’ เปิดเผยว่า บริษัทร่วมทุนกับ บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ในฐานะพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เปิดตัว “KRM Plastic Surgery Hospital” โรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งเคอาร์เอ็ม ขอนแก่น โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรใหญ่สุดแห่งแรกในภาคอีสานตอนกลางอย่างเป็นทางการ ด้วยเงินลงทุน 250 ล้านบาท เพื่อให้บริการด้านศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิคปิด และขยายเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น ดึงหน้า ยกคิ้ว เสริมหน้าอก ตัดหนังหน้าท้อง ดูดไขมัน ปลูกผม บริการด้านผิวพรรณ และตรวจสุขภาพ เป็นต้น รองรับกลุ่มลูกค้าในขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น นครราชสีมา อุดรธานี มหาสารคาม หนองคาย ชัยภูมิ บุรีรัมย์ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เป็นต้น 

KRM Plastic Surgery Hospital ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ขนาดพื้นที่กว่า 3,500 ตร.ม. ประกอบด้วย ห้องผ่าตัด (OR) จำนวน 7 ห้อง ห้องพักฟื้น 8 เตียง ห้อง IPD  6 เตียง ห้องเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ (CSSD) พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ประจำโรงพยาบาล เช่น 
•นายแพทย์ศิรพล ประชากุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ศัลยแพทย์เฉพาะทางตกแต่งใบหน้า (Facial Plastic Surgery) ชำนาญหัตถการเสริมจมูก ดึงหน้า และยกคิ้วส่องกล้อง 
•นายแพทย์กวีศักดิ์ เสาทองหลาง ศัลยแพทย์เฉพาะทางตกแต่ง (Plastic Surgery) ชำนาญหัตถการเสริมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก ตัดหน้าอก ดึงหน้า ตัดหนังหน้าท้อง ยกคิ้วส่องกล้อง และดูดไขมัน 
•นายแพทย์พิจักษณ์ สิริรัตนากุล ศัลยแพทย์ทั่วไป (General Surgery) ชำนาญการหัตถการเสริมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก ดูดไขมัน และตัดเหนียง
•นายแพทย์อภิชิต วิรัชพงศานนท์ ศัลยแพทย์ทั่วไป (General Surgery) ชำนาญหัตถการเสริมหน้าอก  ตา 2 ชั้น ปากกระจับ เสริมจมูก และเสริมคาง 
•นายแพทย์อธิกร เทียบพา ศัลยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมประสาทและสมอง (Neuro Surgery) ชำนาญการหัตถการดึงหน้า ยกคิ้ว ส่องกล้อง เสริมหน้าผาก เสริมขมับ เสริมร่องแก้ม ตา 2 ชั้น ปากกระจับ เสริมจมูก และเสริมคาง 
•นายแพทย์ชนัตถ์ มาลัยกนก ศัลยแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวช (OB /GYN Surgery) ชำนาญการหัตถการตกแต่งเลเบีย 
ยกกระชับช่องคลอด และฟิลเลอร์เติมเต็มน้องสาว 
•แพทย์หญิงปิยทิพย์ ปิยอรรถกิจ แพทย์หญิงณัฐวรรณ ครุธามาศ และ แพทย์หญิงดรรชนี สิงห์ไธสง แพทย์ประจำศูนย์ความงาม และ Wellness 

“จังหวัดขอนแก่นจัดเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ตามกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยว ในฐานะเป็น MICE City 1 ใน 5 พื้นที่ของประเทศ ด้วยศักยภาพความพร้อม ทั้งศูนย์กลางทางการแพทย์ การลงทุน การค้า เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การคมนาคม การศึกษา และศูนย์ราชการ ทำให้มีผู้คนสัญจรและเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าจังหวัดจำนวนมากและต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของ KRM Plastic Surgery Hospital และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการศัลยกรรมความงามของภาคอีสานตอนกลาง ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลสู่ระดับสากลและความปลอดภัยสูงสุด” นายแพทย์กรวินกล่าว  

ทั้งนี้ ประเมินว่าปี 2568 อุตสาหกรรมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าและรูปร่างอยู่ในช่วงขาขึ้นและเติบโตต่อเนื่อง ตามตลาดความงามที่มีความต้องการซื้อสูง ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด และได้รับการดูแลจากแพทย์ที่ชำนาญการสูงสุดด้านการศัลยกรรม ผสมผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่จะเน้นความละเอียดอ่อน และผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงการเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีแพทย์ชำนาญการเฉพาะทาง

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 นี้ เน้นสร้างความเชื่อมั่นให้ KRM Plastic Surgery Hospital เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และนำเสนอบริการต่าง ๆ ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการที่ MASTER เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจ นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบสารสนเทศโรงพยาบาล Hospital Information Systems (HIS) รวมถึงระบบงานบริหารจัดการความพึงพอใจของลูกค้า Customer Relationship Management (CRM) อีกด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบ Online Marketing มากขึ้น แนะนำบริการด้านศัลยกรรมความงามกับกลุ่มเป้าหมายในทุกระดับ ซึ่งต่อจากนี้บริษัทจะทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของศูนย์ดูแลผิวพรรณ ได้นำนวัตกรรมเครื่องยกกระชับรุ่นใหม่ “Ulthera Prime” (อัลเทอร่าไพร์ม) ที่ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นลึก ลดริ้วรอย รอยใต้ตา ยกหางตา-หางคิ้ว ร่องแก้ม ช่วยเก็บกรอบหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวหน้าเรียบเนียน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อย ผิวไม่ค่อยกระชับ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เพื่อเพิ่มรายได้ของการดูแลผิวพรรณอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 560 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 15-20%

นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัว “KRM Plastic Surgery Hospital” ยังแต่งแต้มสีสันกับทัพเหล่าดารา คนดัง และ อินฟลูเอนเซอร์ เช่น คุณแม่นกน้อยอุไรพร, เฮียหน่อย หมอลำไอดอล, บอสโจ และ น้องอุ๋งอิ๋ง สาวน้อยเพชรบ้านแพง, ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ และคุณโกกิ โตเกียวมิวสิค, คุณใหม่ พัชรี, คุณบิว จิตรฉรีญา, คุณป๊ายปาย โอริโอ, คุณดิว ธีรภัทร, ธัญญ่า อาร์สยาม, กิ๊ก รุ่งนภา, นะนุ่น & Collarich, Team Mister Khonkaen 2024, นางสาวไทยสกลนคร 2568  มาร่วมแสดงความยินดีกับงานเปิดตัวโรงพยาบาล  

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนาม โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมด้านความงามในไทยและเอเชีย ในฐานะ Regional Company กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าถือหุ้น 40% ใน กรวิน คลินิก การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ทำให้สามารถเพิ่มรายได้และยังสร้างประโยชน์ทางธุรกิจให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต 

โดย MASTER พร้อมให้การสนับสนุน กรวิน คลินิก ในทุกมิติ ด้วยการส่งทีมแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เช่น หมอกาย- นพ.ณัฐดนัย ชาวชายโขง แพทย์ชำนาญการหัตถการดูดไขมัน, หมอเป็ด-นายแพทย์ชิดพงศ์ ทองกุม แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และหมอฟรี-นายแพทย์วรดร สกลพรวศิน แพทย์ชำนาญการด้านสุขภาพเพศชาย มาร่วมเสริมทัพที่ KRM Plastic Surgery Hospital ด้วย และในโอกาสนี้ร่วมยินดีกับ กรวิน คลินิก ที่สามารถเปิดตัวโรงพยาบาลได้สำเร็จตามแผนที่ตั้งไว้  

“เรียกได้ว่า กรวิน คลินิก เป็นหนึ่งในผู้นำด้านศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิคปิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้เริ่มทำศัลยกรรม ถือเป็นตลาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของตลาดเสริมจมูกเทคนิคปิด ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 16 ปี มีจุดเด่น คือ แพทย์เป็นเจ้าของเองและมีความชำนาญการด้านการเสริมจมูกเทคนิคปิดโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาปัญหาความงามทั้งใบหน้าและผิวหน้าแบบครบวงจร โดยออกแบบใบหน้าเคสต่อเคส ดูแลทุกขั้นตอนด้วยแพทย์ พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันนาน 12 เดือน ถือเป็นแต้มต่อทางธุรกิจที่สำคัญ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มสร้างผลกำไรให้ MASTER เข้าเต็มปี 2569 เป็นปีแรก” นางสาวลภัสรดากล่าว

MASTER พร้อมรับโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต ทั้งด้าน Organic และ Inorganic พร้อมด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ทั้ง Cross Border - Cross Selling และ Cross Synergy ซึ่งที่ผ่านมา MASTER ขยายการลงทุนเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 36-40% ของบริษัทชั้นนำในวงการศัลยกรรมความงาม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 15 บริษัท ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้เป็นแรงสนับสนุนการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันของกลุ่มบริษัท และส่งเสริมให้ MASTER ครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดศัลยกรรมความงามและแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น อย่างไรก็ตามปี 2568 MASTER ยังมั่นใจผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดหวังลูกค้าต่างประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 40%   

อดีตเสนาธิการทหารสมัย ปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช ออกมาแฉ CIA เคยยุยงชาวอุยกูร์ในซินเจียง เพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพจีน

(12 มี.ค. 68) พ.อ.ลอว์เรนซ์ วิลเกอร์สัน (Lawrence Wilkerson) อดีตหัวหน้าเสนาธิการทหารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในยุคอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดเผยว่า CIA เคยได้รับคำสั่งให้เข้าไปปลุกปั่นชาว อุยกูร์ ที่ไม่พอใจรัฐบาลจีนในมณฑล ซินเจียง เพื่อทำให้เกิดความไม่สงบและสั่นคลอนเสถียรภาพของจีน

คำกล่าวของวิลเกอร์สันเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน ในงานสัมมนาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยเขาระบุว่า เป้าหมายของปฏิบัติการดังกล่าวคือการกดดันจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ เช่น มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นบ้านของชาวอุยกูร์ที่มีวัฒนธรรม ศาสนา และภาษาแตกต่างจากชาวฮั่นที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของจีน

“หากเราต้องการทำให้จีนหวั่นไหว เราควรใช้ CIA เข้าไปกระตุ้นให้ชาวอุยกูร์ที่ไม่พอใจลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลปักกิ่ง” วิลเกอร์สัน กล่าวในเวลานั้นพร้อมเสริมว่า “การสร้างความไม่สงบในซินเจียงจะช่วยกดดันจีนในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ ใช้ในการรับมือกับอิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวถูกนำกลับมาจนกลายเป็นที่สนใจอีกครั้งในปัจจุบัน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ซึ่งจีนกล่าวหาสหรัฐฯ มาตลอดว่าพยายามใช้ประเด็นอุยกูร์เพื่อแทรกแซงกิจการภายในของตน

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การเปิดเผยของวิลเกอร์สันสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของสหรัฐฯ ในการใช้ปฏิบัติการลับเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศคู่แข่ง ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนมองว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางศาสนาในจีน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อคำกล่าวนี้อย่างเป็นทางการ แต่ก่อนหน้านี้ ปักกิ่งเคยกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในซินเจียง และใช้ประเด็นอุยกูร์เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด

ส่วนเรื่องการเปิดเผยดังกล่าวจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างไร ยังต้องจับตาดูกันต่อไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งในหลายประเด็น ตั้งแต่เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ไปจนถึงภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ ยังไม่พบแหล่งข้อมูลจากสำนักข่าวต่างประเทศที่ยืนยันข้อมูลดังกล่าว ดังนั้นควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลและตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เพิ่มเติม

ยูเครนตอบรับข้อเสนอจากสหรัฐฯ ยอมหยุดยิง 30 วัน กลายเป็นก้าวแรกในการยุติสงครามกับรัสเซีย

(12 มี.ค. 68 ) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ยูเครน ยอมรับข้อเสนอจากสหรัฐอเมริกาในการหยุดยิง เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาสันติภาพกับ รัสเซีย หลังจากมีการพูดคุยระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป โดยข้อเสนอนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามในการบรรเทาความรุนแรงและสร้างพื้นที่สำหรับการเจรจาทางการเมืองที่ยั่งยืนในภูมิภาคที่เกิดความขัดแย้งมายาวนาน

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนได้ออกมาประกาศว่าฝ่ายรัฐบาลยินดีที่จะรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อเปิดโอกาสในการพิจารณาทางเลือกในการยุติสงคราม ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครน และช่วยลดการสูญเสียชีวิตของพลเรือนรวมถึงทหารของทั้งสองฝ่าย

แถลงการณ์จากทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนการหยุดยิงนี้อย่างเต็มที่ และย้ำว่า การหยุดยิงเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความตึงเครียด และเปิดทางให้การเจรจาสันติภาพดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข โดยขอให้ยึดความสำคัญของการยุติการใช้ความรุนแรง

“วันนี้เราได้เสนอข้อตกลงที่ยูเครนยอมรับแล้ว ซึ่งก็คือการหยุดยิงและจะเริ่มเจรจากันทันที” มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว “ตอนนี้เราจะนำข้อเสนอนี้ไปให้รัสเซีย และเราหวังว่าพวกเขาจะบอกว่าใช่ เพื่อสันติภาพ และตอนนี้ลูกบอลอยู่ในสนามของพวกเขาแล้ว” 

แม้ว่าการหยุดยิงจะมีระยะเวลาจำกัดเพียง 30 วัน แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศของความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียยังคงเงียบต่อข้อเสนอและยังคงยืนยันจุดยืนที่เกี่ยวข้องกับการขยายอำนาจในภูมิภาค

นักวิเคราะห์ระบุว่า การหยุดยิงนี้จะเป็นเครื่องมือในการลดความรุนแรงและเป็นช่องทางให้ประเทศต่าง ๆ สามารถเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนสำหรับสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมานาน

สำหรับกระแสความคิดเห็นในยูเครน มีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้านการหยุดยิง โดยฝ่ายที่คัดค้านยืนยันว่าไม่สามารถยอมรับการหยุดยิงที่อาจทำให้ยูเครนเสียพื้นที่ที่ได้ต่อสู้มา แต่ฝ่ายที่สนับสนุนเห็นว่า การเจรจาสันติภาพมีความสำคัญต่อการยุติสงครามและการฟื้นฟูประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และพันธมิตรจะติดตามผลการหยุดยิงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อกำหนดและสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการเจรจาสันติภาพในอนาคต

‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ ยืนหนึ่ง ‘ธนาคารกลางแห่งปี 2025’ จาก ‘Central Banking Publications’ สื่อชั้นนำด้านการเงินของโลก

(12 มี.ค. 68) ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับรางวัลธนาคารกลางแห่งปี 2025 (Central Bank of The Year 2025) จากการมอบรางวัล Central Banking Awards ในปีนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับรางวัลธนาคารกลางแห่งปี 2025 (Central Bank of The Year 2025) จาก Central Banking Publications ที่เป็นสื่อชั้นนำด้านการเงินและการธนาคารกลางของโลก เพื่อยกย่ององค์กรและบุคคลในแวดวงธนาคารกลางที่มีผลงานโดดเด่นด้านการดำเนินนโยบายการเงิน การกำกับดูแลทางการเงิน และการบริหารจัดการองค์กรในระดับสากล

รางวัล Central Banking Awards แบ่งออกเป็น 16 สาขา มีรางวัลธนาคารกลางแห่งปีเป็นรางวัลสูงสุด โดย ธปท. ถือเป็นธนาคารกลางแห่งที่ 12 จากธนาคารกลางทั่วโลกที่ได้รับรางวัลนี้ นับแต่เริ่มการมอบรางวัลในปี 2014 เป็นต้นมา

Central Banking Publications ระบุว่า รางวัลธนาคารกลางแห่งปี 2025 นี้ สะท้อนการทำงานของ ธปท. ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจการเงินระยะยาว ด้วยการรักษาสมดุลของการดูแลเศรษฐกิจและการมุ่งรักษาเสถียรภาพราคาและเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งผสมผสานนโยบายเพื่อดูแลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญกับการวางรากฐานทางการเงินของประเทศให้พร้อมสำหรับอนาคต

อีกทั้ง ธนาคารกลางประเทศไทย ยังมีผลงานที่โดดเด่นด้านการบริหารจัดการเพื่อฝ่าฟันสถานการณ์ความผันผวน และความไม่แม่นอนของโลกที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งเหมือนกับบรรดาธนาคารกลางทั่วไป แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศไทย และเผชิญกับแรงกดดันตากการเมืองครั้งสำคัญด้วย

ธนาคารกลาง ประเทศไทย ยังได้แสดงออก และรักษาความเป็นอิสระขององค์กรท่ามกลางการปฏิรูปด้านภาคการเงินหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ ยังแสดงความมุ่งมั่นในการยึดหลักความมีเสถียรภาพด้านราคา หรือภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายการเงิน

เกี่ยวกับรางวัล Central Banking Awards

รางวัล Central Banking Awards จัดขึ้นโดย Central Banking Publications ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำด้านธนาคารกลางระดับโลก เพื่อยกย่ององค์กรและบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นในการดำเนินนโยบายการเงิน การกำกับดูแลทางการเงิน และการบริหารจัดการองค์กรในระดับสากล

โดยรางวัล Central Bank of The Year เป็นหนึ่งในรางวัลสำคัญของเวทีนี้ ที่มอบให้แก่ธนาคารกลางที่มีผลงานโดดเด่นในด้านความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบาย ความโปร่งใส และการสื่อสารกับสาธารณะ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพและการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว

ประชาธิปไตยแบบจีน ขยับแซงหน้า สหรัฐฯ แถมเหนือกว่า ทั้งเศรษฐกิจ – สวัสดิการ - ความเป็นอยู่

เมื่อวันที่ (11 มี.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ สื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมจากรัฐของจีน โพสต์ข้อความว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบจีนแซงหน้าประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา

ตอนที่เพิ่งสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือที่เรียกสั้นๆว่าจีนใหม่ นายปา จินนักเขียนชื่อดังชาวจีนกล่าวว่า “ผมไม่กล้าฝัน เพราะโดยรอบมีแต่คนยากจนหิวโหย ผมเพียงแต่หวังว่าสักวันชาวจีนจะสามารถทำงานด้วยสองมือ เพื่อมีเงินมาซื้ออาหารกินให้อิ่ม”

วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2025 'การประชุม 2 สภา' ได้แก่ การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติและการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนสิ้นสุดลง ซึ่งนับวันเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลกมากยิ่งขึ้น เพราะระบอบประชาธิปไตยแบบจีนประสบความสำเร็จ กระทั่งแซงหน้าระบอบประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา 

ประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา มีขึ้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนายทุน เน้นการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้นำประเทศแบบ 1 คน 1 เสียง ชาวบ้านมีอำนาจเฉพาะช่วงเวลาโหวต หลังจากนั้นก็คงไม่มีอีกแล้ว 

ประชาธิปไตยแบบจีนเน้น 'ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นพื้นฐาน' “ประชาชนเป็นตัวตั้ง” และเป็น “ประชาธิปไตยตลอดเวลา” (全过程民主) โดยประชาชนมีสิทธิ์ตรวจสอบการทำงานของพรรครัฐบาลตลอดเวลา ผู้นำประเทศต้องคัดเลือกและเลือกจากผู้ที่มีประสบการณ์บริหารบ้านเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ 

ปัจจุบัน ชาวจีนมิเพียงแต่กินอิ่มเท่านั้น แต่ยังได้เข้าสู่ยุครถไฟความเร็วสูง รถยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะ และเป็นสังคมไร้เงินสดเพียงประเทศเดียวในโลก ชาวจีนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสงบปลอดภัย 

ที่สหรัฐอเมริกา แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงประมาณ 4-5 หมื่นคน ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากเหตุกราดยิงรวมประมาณ 1 ล้านคน แต่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ 

หลายปีก่อน นายเฉิน ผิงนักวิชาการจีนที่เคยใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “ปัจจุบัน ชาวจีนที่มีรายได้ 2,000 หยวนจะใช้ชีวิตดีกว่าชาวอเมริกันที่มีรายได้ 3,000 เหรียญสหรัฐ” เวลานั้น ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ 

ต้นปี 2025 จากเหตุติ๊กต๊อก มีชาวเน็ตอเมริกันนับล้านคนทยอยเข้า “เสี่ยวหงซู” (小红书:rednote)ที่เป็น APP โซเชียลมีเดียของจีน ชาวบ้านสองประเทศคุยกันอย่างเสรีและเปิดเผย แล้วชาวจีนเริ่มสงสารชาวบ้านอเมริกัน ส่วนชาวบ้านอเมริกันเริ่มอิจฉาชาวจีนกับวิถีชีวิตที่สุขสบายล้ำสมัย 

อย่างเช่น ชาวจีนเรียกรถโรงพยาบาลครั้งละหลายร้อยหยวน ที่สหรัฐอเมริกา เรียกครั้งละหลายพันกระทั่งหมื่นเหรียญสหรัฐ ซึ่งครอบครัวธรรมดาส่วนหนึ่งอาจจะจ่ายไม่ไหว 

สตรีจีนที่อยู่ในช่วงคลอดลูกจะมีวันหยุดรวมแล้ว 3-4 เดือน สตรีชาวอเมริกัน ไม่มีสวัสดิการแบบนี้ ค่าคลอดลูกในจีนแค่หลักหลายพันหยวน ราคาคลอดลูกในสหรัฐอเมริกาเริ่มจากหลายพันจนถึง 5-6 หมื่นเหรียญสหรัฐ 

ชาวจีนคงมีรายได้ต่ำกว่าชาวอเมริกัน แต่ส่วนใหญ่เพียงต้องทำงานหนึ่งอย่าง แต่ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยจะต้องขยันทำงาน 2-3 อย่างจึงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะค่าครองชีพสูง ค่าน้ำค่าไฟสูง 

ชาวนิวยอร์กคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมต้องทำงานสามอย่างตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน หลังจากหักค่าเช่าบ้าน ค่าประกันการรักษาพยาบาลและค่าน้ำค่าไฟแล้ว เหลือประมาณ 500 เหรียญ” 

นักศึกษาอเมริกันคนหนึ่งที่เรียนนิติศาสตร์ร้องไห้ยกใหญ่หลังคุยกับเพื่อนชาวเน็ตจีนที่เรียนนิติศาสตร์ เธอกล่าวว่า “ ค่าเล่าเรียนวิชานิติศาสตร์ในจีนปีละ 800 เหรียญสหรัฐไม่ถึง 6,000 หยวน แต่ฉันเรียนวิชาเดียวกันในสหรัฐอเมริกา ต้องติดหนี้เงินกู้ 450,000 เหรียญสหรัฐ เมื่อรวมดอกเบี้ยด้วยแล้วปาเข้าไป 3,300,000 หยวน ฉันไม่รู้ว่าชาตินี้จะคืนเงินกู้ได้หมดหรือไม่” 

ปัจจุบัน นักศึกษาอเมริกัน ส่วนใหญ่จะต้องขอกู้เงินไปจ่ายค่าเล่าเรียน และผู้ที่สามารถจ่ายคืนให้หมดก่อนอายุ 40 ปีนั้นมีเป็นจำนวนน้อย นักเรียนจำนวนหนึ่งในโรงเรียนสหรัฐอเมริกา ต้องกู้เงินเพื่อซื้ออาหารมื้อเที่ยงในโรงเรียน 

ชาวเน็ตอเมริกัน อิจฉาชาวจีนที่มีอาหารใส่เต็มตู้เย็น อิจฉาชาวจีนที่ซื้อของใช้ชีวิตประจำวันด้วยรูปแบบที่จ่ายเงินครั้งเดียวจบ ไม่ต้องขอจ่ายแบบผ่อน และอิจฉาสังคมจีนที่ทันสมัยยิ่งกว่าสหรัฐอเมริกา

ช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา รายได้ของชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่รายได้ของชาวอเมริกัน เพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า ระดับการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันส่วนใหญ่เหมือน 20 ปีก่อน ในสหรัฐอเมริกากำไรที่เพิ่มขึ้นใหม่ ส่วนใหญ่ไหลเข้ากระเป๋าของนายทุน 

นายสี จิ้นผิงประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า “ความใฝ่ฝันของประชาชนในการมีชีวิตที่ดีงาม ก็คือเป้าหมายในการทำงานของเรา ประชาชนสนใจปัญหาอะไรมากที่สุด เราก็จะหารือปัญหานั้น และต้องแก้ไขปัญหานั้นให้ได้” 

ความมุ่งมั่นของผู้นำจีนทำให้เกิดตัวเลขที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 
ในช่วงปี 2000-2023 GDP ของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 6.7% ต่อปี สัดส่วนอุตสาหกรรมการผลิตต่อทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 32% ขณะที่สัดส่วนอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐอเมริกาลดลงจาก 20.1% เหลือ 10.8% และ สหภาพยุโรปหรืออียู จาก 18.9% เหลือ 13.2%

‌อัตราการครอบคลุมของการประกันสังคมและการรักษาพยาบาลของจีนเกินกว่า 95% ประกันชราภาพครอบคลุมประชากร 1,040 ล้านคน สร้างเครือข่ายสวัสดิการสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

ความก้าวหน้าทางนวัตกรรมเทคโนโลยีจีน:จำนวนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาตติดอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องกัน 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนฐาน 5G เกินกว่า 60% ของโลก‌ ผลิตยานยนต์พลังงานใหม่กว่า 60% ของโลก และผลิตแผงโซลาร์เซลล์กว่า 80% ของโลก‌ 

จีนก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงของรวมแล้วกว่า 48,000 กิโลเมตร ครองสัดส่วน 70% ของทั่วโลก

ประสิทธิภาพการปฏิบัติตามนโยบาย: โครงการสำคัญ 102 โครงการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ของจีนนั้น เริ่มดำเนินการแล้วกว่า 96% ขณะที่กฎหมายโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาแล้ว 2 ปีนั้น ดำเนินการเพียง 12%‌ เท่านั้น

ต้นปี 2025 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ “Deepseek” และหนัง “นาจา-2” เผยแพร่สู่ทั่วโลก เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีและวัฒนธรรมจีนกำลังเข้าสู่ช่วงการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง แถมแรงเร็วแบบระเบิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top