Tuesday, 3 June 2025
ค้นหา พบ 48542 ที่เกี่ยวข้อง

“จีน ตั้งกองทุน 1 ล้านล้านหยวน พัฒนาเทคฯ + สอนวิชา AI ระดับประถม/มัธยม ส่วนไทย จะสร้างคาสิโน + แจกเงินคนรุ่นใหม่ ไปชอปปิ้ง!”

(11 มี.ค. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า จีน ตั้งกองทุน 1 ล้านล้านหยวนพัฒนาเทคฯ + สอนวิชา AI ระดับประถม/มัธยม ส่วนไทย จะสร้างคาสิโน + แจกเงินคนรุ่นใหม่ไปชอปปิ้ง

พร้อมระบุด้วยว่า เวียดนาม ข้างบ้านไทยแลนด์ก็เร่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ รองรับอุตสาหกรรมเทคฯ และบุคลากรด้าน IT และนศ.ที่จบด้านเทคฯ มากกว่าไทย มาหลายปีแล้ว

โดยยกข้อมูลเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างเวียดนามกับไทยว่า บุคลากร IT ของเวียดนามอยู่ที่ 500,000 คน ส่วนไทยอยู่ที่ 170,000 คน ในขณะที่เด็กวิศวกรคอมพิวเตอร์จบใหม่ต่อปี เวียดนาม 50,000 คน ไทย 5,000 คน ในส่วนของเงินเดือนเริ่มต้มของวิศวกรซอฟต์แวร์ เวียดนาม 22,000 บาทต่อเดือน ไทย 40,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคนเวียดนามมีบุคลากร IT มากกว่า อายุเฉลี่ยต่ำกว่า แต่เงินเดือนคนเวียดนามถูกกว่าเกือบเป็นเท่าตัว

'ท่าอากาศยานเจิ้งโจว' แหล่งลงทุนแห่งอนาคต พร้อมเชื่อมต่อเศรษฐกิจโลก เสริมศักยภาพศูนย์กลางโลจิสติกส์ครบวงจร

(11 มี.ค. 68) เขตนำร่องทดลองเศรษฐกิจท่าอากาศยานเจิ้งโจว (Zhengzhou Airport Economic Comprehensive Experimental Zone) ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอหนาน กำลังก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางธุรกิจและโลจิสติกส์ระดับโลก พร้อมต้อนรับพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เครือข่ายคมนาคมที่ครอบคลุม และคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

เขตเศรษฐกิจแห่งนี้โดดเด่นด้วยระบบ 'การเชื่อมโยงท่าทั้ง 4' ได้แก่ ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ ศูนย์ขนส่งทางถนน และท่าเรือบก ทำให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์กับเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ปัจจุบันสนามบินนานาชาติเจิ้งโจวซินเจิ้ง อยู่ที่ 40 อันดับแรกของโลกด้านปริมาณการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ และมีเส้นทางขนส่งสินค้าเชื่อมโยง 28 ประเทศ และ 62 เมืองทั่วโลก

นอกจากนี้ ศูนย์ท่าเรือบกนานาชาติเจิ้งโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปแห่งเดียวในภาคกลางของจีน คาดว่าจะสามารถรองรับ รถไฟ 10,000 ขบวน และสินค้ากว่า 10 ล้านตัน ภายในปี 2578

โดยเขตนำร่องเศรษฐกิจแห่งนี้กำลังกลายเป็น ศูนย์กลางการผลิตระดับสูง โดยมีอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย Foxconn, xFusion และ Loongson, อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ ขับเคลื่อนโดย BYD, Skyworth และ Geely, อุตสาหกรรมชีวการแพทย์ มีศูนย์กลางที่ Zhongyuan Medical Science City

อีกทั้งโรงงานของ Foxconn ในเจิ้งโจวได้ผลิตสมาร์ตโฟนไปแล้วกว่า 1.2 พันล้านเครื่อง ทำให้กลายเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่ BYD ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ได้ถึง 545,000 คันในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 169.8%

ส่งผลให้เขตเศรษฐกิจแห่งนี้ยังพัฒนาไปสู่ เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมใหม่ เช่น ดาวเทียมอวกาศ การกักเก็บพลังงาน และปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยศูนย์การคำนวณอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในจีนตอนกลางกำลังจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบภายในไตรมาสแรกของปีนี้

สำหรับในอนาคต เขตนำร่องเศรษฐกิจท่าอากาศยานเจิ้งโจวตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางใน 5 ด้าน ได้แก่ ศูนย์การผลิตขั้นสูง, ศูนย์โลจิสติกส์เพื่อธุรกิจ, ศูนย์นวัตกรรมและการประกอบการ, ศูนย์แฟชั่นเชิงสร้างสรรค์ และศูนย์พัฒนาทรัพยากรบุคคล ด้วยศักยภาพและนโยบายสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เขตเศรษฐกิจแห่งนี้จึงพร้อมเปิดรับ นักธุรกิจและนักลงทุนจากทั่วโลก ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ

‘เกาหลีใต้’ ประเทศที่เศรษฐกิจดีแต่คนไม่มีความสุข เหตุ ความมั่งคั่งอยู่ในมือไม่กี่ตระกูลใหญ่ - คนรุ่นใหม่ไม่สร้างครอบครัว

(11 มี.ค. 68) เพจ Business Backpacker by K-SME โพสต์ข้อความว่า เกาหลี = ประเทศที่ความสุขต่ำสุดในโลก

โดยระบุว่า มา Seoul ครั้งนี้, นี่คือสิ่งที่ได้ยินบ่อยๆ ทั้งจากข่าวจากคน 

แรกๆ ก็งงว่าเป็นไปได้อย่างไร, โดยเฉพาะกลุ่มเด็กรุ่นใหม่วัย 30 ปีลงมาที่เรียกบ้านเมืองตัวเองว่านรกบนดิน
ทั้งที่เกาหลีเป็นชาติพัฒนา, gpd ต่อหัวเกือบ 40000 usd [ต่อคนประมาณ 1.2 ล้านต่อปีหรือเดือนละแสนบาทไทย]

แต่ดูเหมือนว่าประชากรจะไม่มีความสุขเท่าไร 
หลักฐานแสดงออกมาใน Stat อื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน

เช่น 
- อัตราการเกิดของเด็กที่ต่ำสุดในโลก [ตกใจที่ต่ำกว่า Ukraine ด้วยซ้ำจาก Stat ปี 2024]
- การหย่าร้างที่ติดอันดับบนๆ 
- เดินถนนมีแต่คนแก่
- แต่ประเทศดันอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา [แถมยิ่งวันทั้ง Kim ทั้ง Trump ก็ดูบ้าๆ พยากรณ์อะไรไม่ได้...]
- ประชาชนทุกคนต้องเป็นทหาร 
- แต่ "ประชาชนทุกคน" ที่ว่าฯ ดันมีจำนวนเกิดใหม่น้อยลงๆ
- จากเดิมที่เคยทำนายว่าในเวลา 50 ปี, ถ้าเกาหลีใต้ยังคงเดินหน้าแบบนี้จะ "สิ้นชาติ" อาจเห็นผลในไม่ถึง 30 ปีหรือ 25 ปี
- เมื่อเมืองอื่นๆ ในเกาหลีมีเด็กเกิดใหม่น้อยลง, ธุรกิจในพื้นที่นั้นก็เริ่มตาย
- ยิ่งผลักให้เด็กจบใหม่มีทางเลือกเดียวคือเข้า Seoul 
- ต่างจังหวัดก็ยิ่งร้าง
- แต่เด็กจบใหม่เหล่านั้นเมื่อผ่านไปสี่ห้าปีก็เริ่มพบว่าต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ Own อะไรเลยในประเทศนี้
- ตึกสวยๆ สูงๆ ใน Seoul ที่ตนเคยใช้ภูมิใจอวดใส่คนต่างชาติ, ความจริงเจ้าของทั้งหมดก็คือสี่ห้านามสกุลที่แบ่งประเทศกัน
- ส่วนตัวเองทำได้แค่เลิกงานแล้วเดินทางกลับห้องเช่ารูหนูใต้ดินชายขอบของ Seoul [บ้านสมัยก่อนมักมีห้องใต้ดินเผื่อไว้เป็น Shelter หากเกิดสงคราม]
- ผ่านไปสิบปีเริ่มแก่ลงทุกทีๆ 
- ไม่มีปัญญาแม้จะ Own ห้อง Own ตึก Own บ้าน, ไม่มีปัญญาจะสร้างครอบครัวหรือมีเด็กเกิดใหม่ที่รัฐ [และไอ้สี่ห้าตระกูลนั้น] เคี่ยวเข็ญทุกวันว่าคนรุ่นใหม่ทำไมไม่มี ๆ ๆ
- ที่เห็นหนุ่มสาวชาว Seoul เดินหล่อๆ สวยๆ กัน, เป็นแค่ฝันที่ครั้งหนึ่งเกาหลีสร้างไว้ ก่อนสมัย Pandemic 

ฉันมาธุระรอบนี้, ออกมาดูพื้นที่รอบนอกของ Seoul ถัดออกมาอีกที 
มีต่างชาติส่งข่าวอันหนึ่งมาให้ดู
ว่าด้วย Older Se x Workers ในเกาหลี

คนชราหญิงวัย 6x - 7x ปีที่ออกมาเดินเร่ขายตัวกลางดึกเพื่อหาเงินกินข้าววันต่อวัน
ทั้งที่บางคนมีลูกหลาน
แต่ความจริงคือลูกหลานเหล่านั้นแค่เอาตัวเองให้รอดไปวันๆ ก็แทบจะไม่ไหว
ไม่มีความหวัง
ไม่มีความภูมิใจ
ไม่มีอนาคต

ตัวเลข gdp ที่เกิดจากสี่ตระกูลใหญ่อาจจะปั่นขึ้นไปๆ
แต่คนรุ่นจากนี้อาจจะเริ่มสงสัย
ว่าฉันยังควรจะภูมิใจที่เกิดเป็นคนเกาหลีไหม
ในเมื่อไม่มีสิทธิ Own อะไรในประเทศนี้เลย 

‘เซเลนสกี’ เยือนซาอุฯ เข้าเฝ้าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หารือความร่วมมือทวิภาคีท่ามกลางสงครามยูเครน-รัสเซีย

(11 มี.ค. 68) สื่อซาอุดีอาระเบียรายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ได้พบปะกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ที่พระราชวังอัล-ซาลาม ในเมืองเจดดาห์ เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (10 มี.ค.) โดยมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญระดับทวิภาคีและระดับนานาชาติ

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย ขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังคงรักษาบทบาทเป็นมหาอำนาจในตะวันออกกลางที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจในระดับโลก

สำนักข่าวของทางการซาอุดีอาระเบียระบุว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้หารือถึงแนวทางการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และพลังงานระหว่างสองประเทศ รวมถึงการสนับสนุนยูเครนในด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบของสงคราม

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมถึงความพยายามในการหาทางออกทางการทูตสำหรับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่

แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบีย มีบทบาทสำคัญในเวทีโลกด้านพลังงาน และการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง โดยได้แสดงท่าทีสนับสนุนแนวทางสันติภาพ รวมถึงการแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการทางการทูตมาโดยตลอด

การพบปะครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของทั้งสองประเทศในการกระชับความสัมพันธ์และร่วมมือกันในหลายมิติ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของหลายประเทศ

‘โรดริโก ดูเตอร์เต’ ถูกจับกุมที่สนามบินนานาชาติมะนิลา ตามหมายจับศาล ICC จากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด และการใช้ความรุนแรงเกินขอบเขต

(11 มี.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกจับกุมที่สนามบินนานาชาติมะนิลา ขณะเดินทางกลับจากฮ่องกง ตามหมายจับที่ออกโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการสอบสวนของ ICC ที่ดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายสงครามปราบปรามยาเสพติดของดูเตอร์เตในช่วงดำรงตำแหน่ง ซึ่งได้มีการกล่าวหาว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์การสังหารผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดโดยไม่มีการพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรม

เมื่อเดือนกันยายน 2564 ศาลอาญาระหว่างประเทศ ได้เริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว หลังจากที่มีการกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก ในช่วงที่ดูเตอร์เตดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2559-2564 โดยเขาได้ให้คำมั่นว่าจะปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด 

หนึ่งในนโยบายของดูเตอร์เตคือการให้รางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมหรือสังหารผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด กลายเป็นก่อให้เกิด “สงครามยาเสพติด” นำไปสู่การเสียชีวิตของ 6,200 ราย ที่ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปราม

โดยก่อนหน้านี้ดูเตอร์เตจะประกาศถอนฟิลิปปินส์ออกจากการเป็นสมาชิกของ ICC ในปี 2560 แต่หลังจากที่ศาลเริ่มตรวจสอบนโยบายของเขา นำมาสู่การหมายจับที่ออกมาในครั้งที่นี้ยังคงมีผลบังคับใช้ และทางการฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการตามกระบวนการจับกุมอย่างเคร่งครัด

หลังการจับกุม ดูเตอร์เตถูกส่งตัวไปยังสถานที่คุมขังภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่คณะทนายความของเขากล่าวว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์ในเร็วๆ นี้ โดยยืนยันว่าอดีตประธานาธิบดีไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว และจะต่อสู้กับข้อกล่าวหานี้อย่างเต็มที่

การจับกุมดูเตอร์เตในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งการเมืองภายในประเทศฟิลิปปินส์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและการดำเนินการของศาลฯ ICC


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top