Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48843 ที่เกี่ยวข้อง

สองนักแสดงนำจาก 'The White Lotus ซีซั่น 3' โดนตกไปอีกคู่ หลังแวะไปเยี่ยมชม 'หมูเด้ง' ฮิปโปแคระที่โด่งดังที่สุดในโลก

ใครจะแบนก็แบนไป แต่สำหรับสองนักแสดงนำจาก The White Lotus ขอแวะไปกรี๊ด 'หมูเด้ง' ก่อน

เมื่อวันที่ (25 ก.พ. 68) ที่ผ่านมา ช่องยูทูป HBO Max ปล่อยคลิปสุดน่ารักของนักแสดงนำในซีรีส์ดัง 'The White Lotus ซีซั่น3' นั่นคือ แซม นิโวล่า (Sam Nivola) กับ ซาร่าห์ แคทเธอรีน ฮุค (Sarah Catherine Hook) เดินทางไปเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียว ที่จังหวัดชลบุรี

แน่นอนว่า เป้าหมายของสองนักแสดงดังก็คือ การแวะไปชม 'หมูเด้ง' ซุปตาร์สาว ฮิปโปแคระที่โด่งดังที่สุดในโลก โดยทั้ง แซม และ ซาร่าห์ ต่างหลงใหลความน่ารักของหมูเด้ง โดนตกไปทั้งคู่ และยังได้รับเสื้อหมูเด้งกลับไปเป็นที่ระลึก

ทั้งนี้ ซีรีส์ดังระดับโลก The White Lotus Season 3 ยกกองมาถ่ายทำในเกาะสมุย กับภูเก็ต ของประเทศไทย เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา และกำลังออกฉายทางช่อง HBO Max

'หวัง ซิงซิง' แห่ง Unitree กับเส้นทางสู่เจ้าพ่อหุ่นยนต์จีน

คณะหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากยูนิทรี โรโบติกส์ (Unitree Robotics) เพิ่งสร้างกระแสฮือฮาด้วยการแสดงเต้นระบำพื้นบ้านในงานฉลองเทศกาลตรุษจีนที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CCTV กลายเป็นจุดสนใจของงานไปโดยปริยาย และไม่นานหลังจากนั้น ชื่อของ "หวัง ซิงซิง" (王兴兴) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท ก็ถูกกล่าวถึงอีกครั้งในเวทีใหญ่ระดับประเทศ

เมื่อวันที่ (17 ก.พ. 68) หวัง ซิงซิง กลายเป็นผู้บริหารอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเกียรติให้นั่งแถวหน้าในที่ประชุมสัมมนาผู้ประกอบการภาคเอกชนจีน ร่วมกับบุคคลสำคัญระดับแถวหน้า อาทิ เหริน เจิ้งเฟย (Huawei), แจ็ก หม่า (Alibaba) และ โพนี หม่า (Tencent) ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นับเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของเขาในฐานะผู้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของจีน

หวัง ซิงซิง เกิดที่เมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง ในปี 2533 เขาไม่ใช่นักเรียนที่โดดเด่นด้านวิชาการ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เขาไม่ได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ อย่างไรก็ตาม ความหลงใหลในเทคโนโลยีหุ่นยนต์ตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้เขาเลือกเส้นทางของตัวเอง

ตั้งแต่วัยเด็ก หวังชื่นชอบการสร้างแบบจำลองเครื่องบินและทดลองทางกลศาสตร์ เมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยม เขาสามารถประกอบเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดเล็กได้ด้วยตัวเอง แม้ครูจะมองว่าเขาเป็นนักเรียนธรรมดา แต่ไฟแห่งความทะเยอทะยานกลับลุกโชนอยู่ในตัวของเขา

ในปี 2552 หวังเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเจ้อเจียง สาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง เขาสร้างหุ่นยนต์สองเท้าตัวแรกขึ้นมาด้วยงบเพียง 200 หยวน (ประมาณ 924 บาท) ความสามารถในการบริหารต้นทุนกลายเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของ Unitree ในเวลาต่อมา

ในปี 2554 หวังได้รับสิทธิบัตรฉบับแรกจากการพัฒนา "อุปกรณ์ป้อนกลับแบบหลายแรงสำหรับนิ้วมือ" (Multi-force Feedback Device for Fingers) และมุ่งมั่นศึกษาด้านตัวควบคุมมอเตอร์กระแสตรงแบบไม่มีแปรงถ่านเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ เขายังแบ่งปันรายการหนังสือกว่า 100 เล่มที่เคยอ่านบนแพลตฟอร์มโซเชียล "เสี่ยวหงซู" (Red Note) โดยเฉพาะหนังสือด้านฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และ AI หนึ่งในเล่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขาคือ AI Techniques for Game Programming ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเข้าสู่โลกของปัญญาประดิษฐ์อย่างจริงจัง

ในปี 2558 หวังพัฒนาหุ่นยนต์สี่ขาต้นแบบ "XDog" ด้วยงบประมาณ 20,000 หยวน (ราว 92,400 บาท) โดยเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนระบบไฮดรอลิกเช่นที่ Boston Dynamics ใช้ การตัดสินใจนี้ช่วยให้ต้นทุนลดลงอย่างมาก และทำให้เขาชนะการแข่งขันระดับประเทศ คว้าเงินรางวัล 80,000 หยวน (ราว 369,600 บาท)

หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทในปี 2559 หวังเข้าทำงานกับ DJI บริษัทผู้ผลิตโดรนชั้นนำของจีน แต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจลาออกเพื่อก่อตั้ง Unitree Robotics โดยได้รับเงินทุนสนับสนุน 2 ล้านหยวน (ราว 9,240,000 บาท) จากนักลงทุนอิสระ

ชื่อ "Unitree" มาจากการผสมคำว่า "Universe" (จักรวาล) กับ "Tree" (ต้นไม้) ซึ่งสื่อถึงแนวคิด "จุดประกายต้นไม้เทคโนโลยี" บริษัทของเขากลายเป็นเจ้าแรกในโลกที่จำหน่ายหุ่นยนต์สี่ขาและหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ประสิทธิภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วไป ผลิตภัณฑ์ของ Unitree ได้รับการนำเสนอในงานสำคัญหลายแห่ง เช่น เอเชียนเกมส์หังโจว 2023

ขณะที่บริษัทในสหรัฐฯ อย่าง Tesla และ Nvidia เร่งพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ รัฐบาลจีนเองก็ให้การสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมนี้อย่างเต็มที่ ผ่านนโยบายและกองทุนวิจัยเพื่อกระตุ้นการแข่งขันกับตะวันตก

ปัจจุบัน Unitree ตั้งอยู่ใน Startup Park เขตปินเจียง เมืองหังโจว มีพนักงานเกือบ 500 คน และกำลังขยายสาขาไปยังเซี่ยงไฮ้เพื่อรองรับการเติบโต

ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หวังได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีต้อนรับนักศึกษาใหม่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เขาทิ้งท้ายข้อคิดที่สะท้อนตัวตนและเส้นทางความสำเร็จของเขาไว้ว่า

"จงค้นหาสิ่งที่คุณรัก ทำงานหนัก มุ่งมั่นเรียนรู้ และอย่าหยุดพัฒนา"

"ตั้งแต่เด็ก ผมอยากใช้เทคโนโลยีสร้างบางสิ่งที่มีคุณค่า เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และเปลี่ยนแปลงโลก นั่นคือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมเสมอมา" 

เส้นทางของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แม้จะไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล ก็สามารถสร้างอิทธิพลต่อวงการเทคโนโลยีหุ่นยนต์ระดับโลกได้เช่นกัน

สส. ภูมิใจไทย - ประชาธิปัตย์ รุมจี้ถาม ‘ธนดล’ ปมสอบที่ดินปากช่อง มองเป็นการกลั่นแกล้งการเมือง

‘กมธ.ปกครอง’ เดือด สส.ภท.-ปชป. จี้ถาม ‘ธนดล’ เหตุตรวจสอบที่ดินปากช่อง มองเป็นการกลั่นแกล้งการเมือง ไม่ห่วงแรนโช ชาญวีร์-ทอสคาน่า-โบนันซ่า แต่ห่วงประชาชนที่ได้ที่ดินมาถูกต้อง

(26 ก.พ. 68) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหา การทับซ้อนที่ดินของรัฐ กรณีศึกษาพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีการเชิญ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล โดยมี นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน

นายกรวีร์ กล่าวว่า เราได้ติดตามและเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการในเรื่องของปัญหาที่ดินทับซ้อน ซึ่งมีการลงพื้นที่ของนายธนดล ในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จึงนำมาเป็นกรณีศึกษา อย่างแรกก็ขอชื่นชมและขอบคุณคณะทำงานหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาและลงพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้กรรมาธิการเองก็ได้ศึกษาปัญหาที่ดินทับซ้อนมาก่อนแล้วพบว่าที่ดินของ ส.ป.ก.หลายแห่งมีทั้งการถูกบุกรุก และใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงได้ขอสอบถามเบื้องต้นถึงขอบเขตและอำนาจในการตรวจสอบ

ด้านนายธนดลชี้แจงว่า ตนเป็นคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นประธานตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ทั้งหมด 72 จังหวัด จากการที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตนตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินปี 2534 และใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินปี พ.ศ.2518 ลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งตนต้องประสานงานกับ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดก่อนจะลงพื้นที่ และต้องยอมรับข้อเท็จจริงจากการที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่า แทบจะไม่มีผู้ที่ได้รับจัดสรรเป็นที่ ส.ป.ก.และใช้พื้นที่จริง กลายเป็นว่ามีผู้อื่นมาใช้พื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ตรวจพบเป็นรีสอร์ต ร้านกาแฟ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ทางปฏิรูปที่ดิน ก็จะทำหนังสือเรียกมาชี้แจง สุดท้ายก็จะเป็นดุลพินิจของปฏิรูปที่ดินในจังหวัดนั้นๆ ว่าจะเพิกถอนหรือไม่

“ก่อนที่เราจะทำอะไรต่างๆ ต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบ ไม่งั้นเราไม่กล้าที่จะทำเวลาเราไปตรวจสอบแต่ละพื้นที่ ก็จะมีผู้มีอิทธิพล อดีตนักการเมืองหรือนักการเมืองท้องถิ่น พร้อมที่จะฟ้องกลับเรามาได้ตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำคือสิ่งที่น้อยคนจะทำจริงๆ เพราะต้องไปเจอผู้มีอิทธิพลผู้มีอำนาจพิเศษ” นายธนดลกล่าว

นายธนดลระบุว่า ได้ลงพื้นที่และไปตรวจสอบพยานหลักฐานให้ครบถ้วน จึงมาแถลงข่าว แต่ตอนแถลงอยู่ในช่วงการเมืองร้อนแรงก็อาจจะเข้าใจได้ว่าเป็นประเด็นกลั่นแกล้งกันหรือไม่ แต่ยืนยันว่าทำตามหน้าที่และกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาใดๆ ทั้งสิ้น

ขณะที่ นายกรวีร์ระบุว่า เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่านายธนดลไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง แต่เป็นจังหวะการเมืองจึงอยากทราบว่าที่ตรวจสอบที่ดินปากช่องมีหลักเกณฑ์อย่างไร ไม่เช่นนั้น ส.ป.ก.อาจถูกกล่าวหาว่า ทำให้เป็นประเด็นการเมือง

นายธนดลยังยืนยันว่า ที่ไปตรวจสอบที่ดินปากช่อง เพราะเป็นที่ดินกลุ่มที่ 3 ตามที่มีการจัดทำวันแมป ซึ่งตนไปมาหลายที่แต่ไม่เป็นข่าว ซึ่งที่ดินปากช่องมีประชาชนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่ได้นำไปทำการเกษตร แต่นำที่ดินที่ได้รับจัดสรรไปขายทำให้ผิดวัตถุประสงค์ ผิดกฎหมาย แต่การที่ชุดตรวจสอบลงพื้นที่ตรวจสอบ ยอมรับว่าไม่ได้เจอทำผิดทั้งหมด แต่เป็นการทำเพื่อป้องกันและปราบปรามไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนที่ดินที่มีปัญหาทับซ้อนจะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือให้เอกชนเข้ามาใช้พื้นที่ก็ต้องแก้กฎหมาย ซึ่งตนพร้อมทำตามกฎหมาย

ด้านนายพลพีร์ สุวรรณฉวี สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ได้จี้ถามว่า เมื่อวันแมปยังไม่เสร็จ ก็ไม่ค่อยสบายใจ การไปตรวจสอบเป็นสิ่งที่ถูก แต่เมื่อวันแมปยังไม่เสร็จ ไปตรวจสอบก็ต้องรอวันแมปอยู่ดี เมื่อให้เกียรติโคราชและปากช่องในการตรวจสอบ ในฐานะที่ตนเป็นคนโคราช ขอถามอธิบดีกรมที่ดิน รวมถึงผู้ชี้แจงทุกคนว่าในพื้นที่โคราชที่ถูกตรวจ และคาดว่าจะมีธุรกิจที่คาดว่าอยู่ในที่บุกรุกเท่าไหร่

“ที่ถามเพราะเขาใหญ่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่มากของจังหวัดนครราชสีมา มีทั้งคนทำธุรกิจและเป็นลูกจ้างจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไปตรวจแล้วยังไม่สิ้นสุดกระบวนความ มันทำลายปากช่องไปแล้ว วันนี้คนที่จะมาลงทุนก็ไม่อยากมา จริงๆ คนที่ถือโฉนดที่ปากช่อง ก็กลัวขาสั่นกันหมด ปวดหัวว่าสิ่งที่ได้ซื้อมา หรือที่ถืออยู่มันถูกต้องหรือไม่ และมองไม่เห็นแสงไฟปลายอุโมงค์ว่าที่ดินของเราจะโดนหรือไม่ และพอวันแมปมา ก็มายื่นคัดค้านกันอีก” นายพลพีร์กล่าว

นอกจากนี้ นายพลพีร์ยังกล่าวว่า วันแมปจะเสร็จในปีนี้หรือไม่ ก็ไม่รู้ ตอนนี้ภาคเหนือก็มีทั้งคาเฟ่ สวนน้ำ ที่พักต่างๆ แต่ก็ไม่เห็นมีตรวจสอบ จึงมองเป็นมิติอื่นไม่ได้จริงๆ และอยากได้คำตอบว่าควรจะบอกกับคนโคราชอย่างไร ว่าโฉนดที่ถือมา 30-40 ปี เป็นโฉนดปลอมหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับพื้นที่โคราช จะไปฟื้นให้เขาอย่างไร 22 ที่ ที่ไปไม่ดังเท่าที่นี่ทีเดียว ไม่ต้องถามว่าทำไมที่นี่ถึงดัง มันมองมิติอื่นไม่ได้

ยังมองไม่เห็นว่าประชาชนได้ผลประโยชน์อะไรแต่ที่เห็นคือประชาชนที่เป็นหนี้เป็นสินได้โฉนดมากะว่าจะเอาที่ไปขายเพื่อเอาเงินเลี้ยงดูครอบครัวหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจแต่ทำไม่ได้แล้วจะทำได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นที่ไม่ว่าจะกี่หมื่นไร่ที่คิดว่ามันบวมหรือทับซ้อน ก็บอกมาเลยว่า ธุรกิจที่ไปตรวจมา มันบวม มันมีกี่ธุรกิจ ประชาชนที่ถูกผลกระทบมีเท่าไหร่ สำคัญที่สุดพื้นที่ราชการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นข้อพิพาททับซ้อน มีพื้นที่ราชการที่ไหนบ้าง เพราะหากที่ราชการบุกรุก ใครโดน การให้บริการประชาชนในพื้นที่จะทำอย่างไรต่อ ยกตัวอย่าง ถ้า อบต.ตั้งผิดที่ แล้วไปรื้อ จะให้ อบต.ไปอยู่ไหน วันนี้ก่อนที่ท่านจะไปตรวจ มันควรต้องประชุมให้เสร็จก่อน ยื่นหนังสือให้ประชาชนที่ครอบครองโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ต่างๆ ได้เข้ามาชี้แจงว่าได้มาอย่างไร รวมไปถึงหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน มาคุยกันเมื่อวันแมปของประเทศยังไม่เสร็จ ก็ขอให้ทำวันแมปของปากช่องก่อน

“ผมไม่ได้เป็นห่วงแรนโช ชาญวีร์ เมื่อเพิกถอนเมื่อไหร่กรมที่ดินก็ต้องชดเชย ไม่ได้ห่วงทอสคาน่า โบนันซ่า แต่เป็นห่วงนาย ก. นาย ข. ที่มีที่ดิน 200 วา หรือ 1 ไร่ จะเดินกันต่ออย่างไร” นายพลพีร์กล่าว

ด้าน นายธนดลกล่าวว่า ที่ดินโคราชทำวันแมปแล้วแต่ยังไม่ได้โอน ยืนยันว่าการลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินโคราชของตนไม่ผิด ถ้าไม่มั่นใจจะไม่ลงพื้นที่ให้เป็นที่ครหา และยอมรับว่า ที่ดิน ส.ป.ก.มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพไปแล้ว และจากการตรวจสอบพื้นที่บวมงอกมาจากนิคมทับที่ ส.ป.ก. จึงเป็นปัจจัยหลักในการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เอกสารซึ่งตนเห็นด้วยกับกรมที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิ์ที่ได้จากนิคม คือแต่ประเด็นที่ตนไม่เห็นด้วย คือที่ดินบวมออกไปทับที่ ส.ป.ก.เรื่อย ๆ หากวันหน้า ที่ดินของรัฐกลายเป็นที่ที่ดินของเอกชน จะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย นี่เป็นสิ่งที่ออกมาต่อสู้

ด้าน นายราชิต สุดพุ่ม สส.ประชาธิปัตย์ ได้จี้ถามนายธนดล ถึงเหตุผลของการไปตรวจสอบที่ดินปากช่อง ว่าเพราะอะไรเพราะปกติส.ป.ก.ก็งานเยอะอยู่แล้ว จึงอยากทราบที่มาของการไปตรวจสอบเพราะหากไม่มีคนร้องก็คงไม่ไป ตนไม่ได้เกี่ยวกับใครตนอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่แค่อยากทราบที่มา

ขณะที่นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ สส.สระบุรี พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานและโฆษก กมธ. กล่าวว่า ที่ผ่านมามีโอกาสไปตรวจในพื้นที่สระบุรี ก็ต้องขอบคุณที่ไปตรวจสอบบางที่ที่เป็นประเด็น โดยเฉพาะการออกโฉนดทับที่ ส.ป.ก. ซึ่งตนเห็นด้วยที่ท่านต้องนำกลับมาเป็นสมบัติของชาติ แต่ตนไปเห็นในรายการหนึ่งเปิดประเด็นว่า ป.ป.ช. ได้เปิดสัญญาจัดการหุ้นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบธุรกิจโรงแรมหรูเขาใหญ่ ก็เป็นที่สนใจว่า นายธนดลมีแนวคิดหรือมีโครงการที่จะไปตรวจสอบหลายโรงแรมที่อยู่พื้นที่เขาติดเขาใหญ่หรือไม่ ตนอยากให้ไปตรวจสอบหลายๆ โรงแรมที่เป็นประเด็นข้อสงสัย เพื่อทำให้ชัดเจนต่อประชาชน

ทำให้นายธนดลกล่าวว่า เห็นตามข่าวคือโรงแรมเทมส์วัลลีย์เขาใหญ่ ซึ่งอยู่ก่อนถึงทางเข้าเขาใหญ่ประมาณ 5 นาที ถ้าให้ตรวจสอบก็พร้อมที่จะตรวจสอบ หากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการอนุญาต แต่ตนมีอำนาจตรวจสอบเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก. ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบนิคม

ด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่า กรมที่ดินได้แถลงข่าวชัดเจนไปแล้วว่าปัญหาทับซ้อน ไม่เกี่ยวกับกรมที่ดิน กรมที่ดินน่าจะเป็นปลายทาง เพราะเป็นการทับซ้อนระหว่างที่ดิน ส.ป.ก.และที่ดินนิคม ถ้าผลตรวจสอบเป็นอย่างไรกรมที่ดิน เป็นปลายทางก็พอซึ่งเป็นปลายทางก็พร้อมจะทำตาม แต่ในชั้นดังกล่าวเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว อีกทั้งพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่ยกเว้นเนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมแผนที่ทหาร

บริษัทจีนประกาศยกเลิกคำสั่งโหด 'คนโสดแต่งงานหรือถูกไล่ออก' หลังขัดกฎหมายแรงงานและเจอแรงต้านจากชาวเน็ต

(26 ก.พ. 68) บริษัทในจีนยกเลิกคำสั่งที่ต้องการให้พนักงานโสดแต่งงานภายในปีนี้ หลังการวิจารณ์จากชาวเน็ตและหน่วยงานรัฐ เนื่องจากคำสั่งนี้ขัดต่อกฎหมายแรงงานของจีน สะท้อนถึงการต่อสู้ของจีนในการส่งเสริมการแต่งงานและการมีลูกท่ามกลางปัญหาประชากรลดลง

บริษัท ซานตง ซุนเถียน เคมิคอล กรุ๊ป (Shandong Shuntian Chemical Group) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมตะวันออกของมณฑลซานตง ได้ประกาศให้พนักงานโสดอายุ 28-58 ปี รวมถึงผู้ที่เคยหย่าร้าง ต้องแต่งงานภายในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หากไม่ทำตามจะมีการยกเลิกสัญญาจ้างงาน โดยบริษัทชี้แจงว่า คำสั่งนี้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้พนักงานโสดที่อายุมากขึ้นให้ความสำคัญกับการสร้างครอบครัวและการตัดสินใจในชีวิตที่สำคัญ

ทว่า ข้อกำหนดนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะขัดต่อกฎหมายแรงงานของจีน ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องยกเลิกคำสั่งดังกล่าว โดยสื่อของรัฐอย่างโกลบอลไทมส์ระบุว่า ประกาศของบริษัทมีเจตนาที่จะส่งเสริมค่านิยมทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับความขยันหมั่นเพียรและการสร้างครอบครัว แต่กฎหมายแรงงานจีนไม่ได้รองรับการกำหนดให้พนักงานต้องแต่งงาน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังเผชิญกับการลดลงของจำนวนการแต่งงานที่ทำลายสถิติ โดยในปี 2567 จำนวนการแต่งงานลดลงถึง 20% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกัน ประชากรจีนที่มีจำนวนถึง 1.4 พันล้านคน กำลังเข้าสู่ภาวะชราอย่างรวดเร็ว และการลดลงของอัตราการเกิดยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเร่งหาทางแก้ไข

รัฐบาลจีนได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยสนับสนุนการเปิดหลักสูตร "การศึกษาด้านความรัก" ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมทัศนคติที่ดีต่อการแต่งงานและการมีลูก

ในระยะยาว คาดว่าในอีกสิบปีข้างหน้า ประชากรจีนราว 300 ล้านคนจะเข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งท้าทายทั้งเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

สมุทรปราการ-EEP Group จำลองเหตุการณ์ซ้อมดับเพลิงไฟใหม้บ่อขยะและการอพยพผู้ได้รับผลกระทบแบบบูรณาการระดับจังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์บริหารจัดการขยะชุมชนแบบครบวงจรแพรกษาใหม่ โดยกลุ่มบริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด (EEP Group) ร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัดสมุทรปราการ จัดโครงการชักข้อมดับเพลิงไฟไหม้บ่อขยะขั้นรุนแรง และการอพยพผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับเหตุการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

โดยได้รับเกียรติจากนาย อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายวัฒนา สาคร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดสมุทรปราการ คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ข้าราชการตำรวจ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสังเกตการณ์และร่วมในกิจกรรมซักซ้อมแผนดับเพลิงไฟไหม้บ่อขยะในครั้งนี้

ซึ่งมีการบูรณาการระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร กิจกรรมซักซ้อมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อฝึกทักษะและเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เจ้าหน้าที่ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะขั้นรุนแรง รวมถึงการอพยพผู้ได้รับผลกระทบอย่างปลอดภัย โดยการซักซ้อมในครั้งนี้เป็นการจำลองสถานการณ์จริงในระดับความรุนแรงขั้นสูง 

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และ บริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด โดย บริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด เป็นศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุการณ์ และกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ เป็นศูนย์อำนวยการเหตุฉุกเฉิน กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น 

โดยเฉพาะการซักซ้อมไฟไหม้บ่อขยะซึ่งเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่มีความเสี่ยงสูง การเตรียมความพร้อมและการฝึกซ้อมในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โครงการนี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด (EEP Group) ในการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือในระดับจังหวัดในการเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินในอนาคต หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ :
ฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด
โทรศัพท์ : 061-656-2489
อีเมล์:[email protected]

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top