Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48838 ที่เกี่ยวข้อง

แนะเพิ่มช่องทางหาเงินเข้ารัฐ ภาษีลาภลอย ช่วยรัฐบาลได้

(29 ต.ค. 67) ไม่แปลกนักที่ในห้วงระยะเวลานี้จะมีข่าวการเตรียมจัดเก็บค่าธรรมเนียม ภาษี หรือรายได้อื่น ๆ จากทางภาครัฐ เนื่องจากการทำรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

แต่มีอีก 1 ช่องทางในการสร้างรายได้อีก 1 ช่องทาง ที่เหมือนจะหลงลืมกันไป นั่นก็คือ ‘ภาษีลาภลอย’

ภาษีลาภลอย คือ ภาษีที่จะจัดเก็บจากผู้ได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ทางด่วน รถไฟฟ้า สนามบิน หรืออื่น ๆ

เหตุผลที่มีแนวคิดในการจัดเก็บ เนื่องจากบรรดาที่ดินที่ได้รับประโยชน์เหล่านี้ อยู่ดี ๆ ก็มีมูลค่าสูงขึ้นจากการลงทุนของทางภาครัฐ 

ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีการเตรียมเสนอกฎหมายที่มีแนวคิดคล้าย ๆ กันมาแล้ว ร่างพระราชบัญญัติภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐพ.ศ. …

โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1.ผู้มีหน้าที่เสียภาษี ได้แก่ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือครอบครองที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของรัฐหรือเป็นเจ้าของห้องชุดที่ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาทและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเจ้าของห้องชุดรอการจำหน่ายซึ่งอยู่รอบพื้นที่ที่มีโครงการฯ

2.โครงการฯ ที่จัดเก็บภาษี คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ท่าเรือ สนามบิน โครงการทางด่วนพิเศษ และโครงการอื่น ๆ ที่กำหนดในกระทรวง

3.การจัดเก็บภาษีแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
3.1 ในระหว่างการดำเนินการจัดทำโครงการฯ จะจัดเก็บภาษีจากการขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือห้องชุดซึ่งตั้งอยู่รอบพื้นที่โครงการฯ ในรัศมีที่กำหนด
3.2 เมื่อการก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ จะจัดเก็บภาษีเพียงครั้งเดียวจาก
1) ที่ดินหรือห้องชุดเฉพาะส่วนที่ใช้ประชาชนในเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาท (ยกเว้นภาษีให้แก่ที่ดินหรือห้องชุดที่ใช้เพื่อพักอาศัยและที่ดินที่ใช้ประกอบเกษตรกรรม)
2) ห้องชุดของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รอจำหน่าย ซึ่งอยู่รอบพื้นที่ที่มีโครงการฯ

4.พื้นที่จัดเก็บภาษี กำหนดขอบเขตไว้ไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตร รอบพื้นที่โครงการฯ ทั้งนี้ กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดพื้นที่จัดเก็บภาษี ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นกรรมการและเลขานุการออกประกาศกำหนดพื้นที่ที่จะจัดเก็บภาษีในแต่ละโครงการฯ

5.หน่วยงานจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมที่ดินและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีโครงการฯตั้งอยู่

6.ฐานภาษีเพื่อการคำนวณภาษี ให้จำนวนจากส่วนต่างของมูลค่าที่ดินหรือที่ขึ้นระหว่างวันที่รัฐเริ่มก่อสร้างโครงการฯ และมูลค่าในวันที่การก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ

7.การคำนวณภาษีให้ใช้ฐานภาษีของที่ดินหรือท้องที่ชุดคำนวณได้คุมด้วยอัตราภาภาษี

8.อัตราภาษี กำหนดเพดานอัตราสูงสุดของภาษีที่กรมที่ดินและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บได้ ไม่เกินร้อยละ 5 ของฐานภาษี ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจริงจะกำหนดในพระราชกฤษฎีกา

9.ภาษีที่จัดเก็บได้ให้นำส่งเงินภาษีเข้าคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน

จะเห็นได้ว่าการเอาภาษีตัวนี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เนื่องจากหลายโครงการโครงสร้างพื้นฐานอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นด้านอื่น ๆ ของประเทศได้อีกด้วย

จีนเปิดตัวทีมนักบินอวกาศ 'เสินโจว-19' เตรียมปล่อยยานสู่ห้วงอวกาศพรุ่งนี้

(29 ต.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า องค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน ประกาศว่าทีมนักบินอวกาศของจีน ได้แก่ ไช่ซวี่เจ๋อ ซ่งลิ่งตง และหวังเฮ่าเจ๋อ จะเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจการบินในอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมเสินโจว-19 (Shenzhou-19) โดยจะทำหน้าที่ผู้บัญชาการ

หลินซีเฉียง โฆษกองค์การฯ กล่าวว่ายานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมเสินโจว-19 มีกำหนดปล่อยสู่ห้วงอวกาศจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ตอน 04.27 น. ของวันพุธ (30 ต.ค.) ตามเวลาปักกิ่ง

สำหรับ "ไช่ซวี่เจ๋อ" เคยร่วมปฏิบัติภารกิจเสินโจว-14 ในปี 2022 ส่วน "ซ่งลิ่งตง" และ "หวังเฮ่าเจ๋อ" ซึ่งทั้งสองเป็นนักบินอวกาศของจีน ชุดที่ 3 และเกิดในทศวรรษ 1990 จะเดินทางสู่อวกาศเป็นครั้งแรก

ซ่งเป็นอดีตนักบินของกองทัพอากาศก่อนได้รับคัดเลือกเป็นนักบินอวกาศ และหวังเคยเป็นวิศวกรอาวุโสประจำสถาบันเทคโนโลยีขับเคลื่อนการบินและอวกาศ สังกัดบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศแห่งประเทศจีน (CASC)

ปัจจุบันหวังเป็นวิศวกรหญิงด้านการบินในอวกาศเพียงคนเดียวของจีน และจะเป็นผู้หญิงจีนคนที่ 3 ที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจการบินในอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม

เจ๊ไฝ ยันไม่แขวนตะหลิวร้านประตูผี เดินหน้าขาย ‘ไข่เจียวปู’ ในตำนานต่อ

(30 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเป็นข่าวมากขึ้น มีสื่อมวลชนจำนวนมากแห่ไปสัมภาษณ์ เจ๊ไฝ กันไม่ขาดสาย ล่าสุด เจ๊ไฝ ออกมาเปิดว่า ไม่เป็นความจริง ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากที่ตนไปช่วยยูเอ็น หาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่ มีทูต นักข่าวต่างประเทศมามาก ซึ่งสิ่งแรกที่ถามตนว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ เลยตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ แค่นั้น แต่กลับกลายเป็นเรื่องบานปลายดังกล่าว

เจ๊ไฝ เผยอีกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า ยังขายต่อยังไม่เลิก อีกทั้งยังรับงานต่างประเทศอีกหลายงาน เช่นฝรั่งเศส ต้องไปทำอาหาร แล้วจะเลิกได้ยังไง เลิกไม่ได้ ยังติดพันอยู่ ยังแข็งแรงอยู่ อายุ 81 ปีแล้วปีนี้ ยังยืนทำอาหารได้สบาย วันหนึ่งยืนทำอาหารประมาณ 15 ชั่วโมง ส่วนลูกสาวคงไม่สืบทอดต่อ แต่มีโครงการอย่างอื่นอยู่ในใจ เพราะคุยกันตลอด

เจ๊ไฝ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันร้านหยุด 3 วันต่อสัปดาห์ เปิดขาย 4 วัน วันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และ เสาร์ ถือว่าหยุดมากแล้ว นอกจากนี้ตนก็อยากให้รัฐบาลทำจริงจัง ทำเกี่ยวกับถนนคนเดินสัก 1 สาย ที่จัดให้มีการขายอาหารให้ชาวต่างชาติมาเดินเที่ยวกัน ส่วนที่ นายกฯอิ๊งค์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเสียดายหากร้านจะปิดนั้น ตนยินดีให้นายกฯอิ๊งค์ มาชิมอาหารที่ร้าน ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะเป็นร้านเล็ก

จดหมายจาก ‘ขนุน-สิรภพ’ ผู้ต้องขังคดี 112 บรรยายถึง ‘ฤดูหนาวที่แสนร้อน’ ในโลกหลังกำแพง

(29 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กบัญชี Sirapob Phumphengphut ของ ขนุน สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หนึ่งในแกนนำม๊อบเมื่อช่วงปี 2563 ซึ่งปัจจุบันถูกจำคุกจากการกระทำความผิดตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ได้โพสต์ว่า..

20 นาทีในทุกวันกับ จดหมาย 1 ฉบับที่มีค่าทางจิตใจ

ฤดูหนาวที่แสนร้อนนนนนนนนน

28/10/2024
สวัสดีครับแม่ เมื่อคืนที่ผ่านมาอากาศร้อนมากจนทำให้ การนอนนั้นยากมาก จากเหงื่อ ไอร้อน ทั้งสัญญาณที่บอกว่าฤดูหนาวกำลังจะมาเยือน (แม้จะเย็นแค่วันสองวันก็ตาม) อย่างพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว ฝนที่ค่อย ๆ จากไป ท้องฟ้าที่ค่อนข้างโปร่ง (จากบทสนทนาพี่อานนท์กับพี่หนุ่ม) แต่สิ่งหนึ่งที่หายไปคือ ความหนาวเย็น  นอนไม่หลับ ร้อน!!!!!!

รูปที่เห็นคือภาพที่หนุนวาดหลังพี่อานนท์ชี้ท้องฟ้าที่ค่อยๆมืด ไม่รู้สิถ้าหนุนได้อยู่บ้านคงดีกว่านี้ "ถึงจะร้อนก็มีแอร์เย็น ๆ" "ถึงจะร้อนก็มีน้ำเย็น ๆ ให้ดื่ม" "ถึงจะร้อนก็ได้ออกไปห้างฯ หอสมุด ร้านกาแฟเพื่อหลบร้อน" แต่พอหนุนถูก พรากสิทธิการประกัน สิ่งทั่วไปพวกนี้กลับดูราวเป็นเพียงความฝันที่ทำได้เพียง ระลึกถึง "ไม่มีที่ใดสุขเท่าบ้าน"

หนุนหวังว่า กระบวนการอำนวยความยุติธรรม จะเกิด/ ปฏิบัติกับ ผู้ต้องขังทางการเมือง ในเร็ววัน การประกัน คือหัวใจสำคัญที่จะสามารถ พาหนุนกลับบ้านได้ สุดท้ายหนุนไม่อยากอยู่ในสภาพอากาศร้อน ๆ แบบนี้ เพราะผื่นร้อนขึ้นง่ายมาก ทั้งการอ่านหนังสือก็ทำได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร หนุนอยากกลับบ้าน จะได้กลับไปทำตามความฝันดังที่ควรจะเป็นซักที

"คิดถึงแม่ ป๊า นะครับ"
ปล. เวลาร้อนชวนคิดอะไรไม่ออก

18.00 น. 27/10/2024
สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ
ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

‘เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ’ ยังคึกคัก พร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง แม้เผชิญโควิด-เศรษฐกิจซบ

(30 ต.ค.67) เพจ Biz Laos ได้รายงานความเคลื่อนไหว เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ล่าสุด โดยระบุว่า โครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ดังกล่าวยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2023 - 2024 

การก่อสร้างและพัฒนาโครงการ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญปัญหาทั้งสถานการณ์โควิด ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จนประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ส่วนของโครงการ อาทิ 

- โครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานและซ่อมแซมถนนภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แล้วเสร็จ 90%

- โครงการก่อสร้างโรงแรมดอกงิ้วคำ, สนามกอล์ฟ รีสอร์ท พูกิ่วลม, สนามบินนานาชาติบ่อแก้ว, โรงเรียนประถมศึกษาดอกงิ้วคำ (อนุบาล-ทั่วไป), ท่าเรือน้ำลึกสามเหลี่ยมทองคำ เสร็จสมบูรณ์ 100% 

- ท่าเรือขนส่งสินค้า บ้านมอม อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

- โครงการก่อสร้างตลาดน้ำวัฒนธรรมนานาชาติ แล้วเสร็จ 70%

- โครงการก่อสร้างด่านตรวจสากลเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สร้าง และ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงโรงแรมดอกงิ้วคำ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% 

- การก่อสร้างศูนย์บำบัดน้ำเสีย 80%

- โครงการก่อสร้างสวนสาธารณะแคมของ แล้วเสร็จ 80%, การก่อสร้างสำนักงานรักษาความปลอดภัย

- โครงการก่อสร้างโรงน้ำประปาใหม่ เสร็จสมบูรณ์ 100%

- โครงการก่อสร้างบ้าน และอื่น ๆ 

ปัจจุบันโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วเสร็จและบางโครงการยังอยู่ในช่วงดำเนินการทั้งการตกแต่งภายในและภายนอก ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด เพื่อเตรียมเปิดทดลองอย่างเป็นทางการ

สำหรับบางโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะดำเนินการต่อเนื่อง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% ภายในสิ้นปี 2567 ตรงตามแผน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top