Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

นราธิวาส-นายกฯ ประทับใจการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวนราธิวาส ย้ำรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหา หวังให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขโดยเร็ว

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 11.30 น. ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน
 
โดยนายกฯ ได้แวะทักทายชาวบ้าน ที่สวมใส่ชุดไทยชุดพื้นบ้านรำให้การต้อนรับ และเยี่ยมชมกิจกรรม “นวัต .. วัฒนธรรม” ภายในแนวคิด Culture, Creative and Innovation โดยอำเภอสุไหงปาดี นำการแสดงพื้นบ้าน กลองบานอ กรือโต๊ะ ซึ่งจะเป็นการละเล่นตีกลองเพื่อต้อนรับบุคคลในโอกาสสำคัญ การรำซิละ ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรวมถึงชมผลิตภัณฑ์ของชุมชน อาทิ กระเป๋ากระฉูด กาแฟ ริต้ายี่งอ โดยใช้น้ำผึ้งชาญณรงค์
 
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหารือยกระดับการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยว ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
นายกฯ กล่าวมอบนโยบายด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ประทับใจ ซึ่งดูได้จากแววตาของประชาชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับ มองเห็นโอกาสที่รัฐบาลนำมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานที่รัฐบาลจะพยายามทำ ไม่ว่าเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม รวมถึงของดี ๆ และอาหารภาคใต้ ที่ยังไม่ได้การมีการเผยแพร่และนำเสนอให้คนจังหวัดอื่นรู้ รวมถึงต่างประเทศยังรับรู้ไม่ทั่วถึง
 
นายกฯ กล่าวว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มีปัญหาเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตมาอย่างยาวนาน รัฐบาลชุดนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องของด่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านศุลกากร ด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ได้มีการสั่งการให้เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างทันที รวมถึงเรื่องของถนนทางหลวง ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ได้มีการหารือกันตลอด โดยจะเริ่มทำภายในสิ้นปีนี้ ในส่วนเรื่องของสนามบินขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย  ถ้าเกิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดี ๆ มีสิ่งดี ๆ ตนเองเชื่อว่าจะเกิดดีมานด์ มีความต้องการที่จะมาลงทุนสนามบินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงถึงการใช้สนามบินร่วมกันแล้ว
 
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า  หลาย ๆ เรื่องตนเองเชื่อว่ารัฐบาลเข้าใจถึงปัญหาการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลนำคณะมาครบทุกกระทรวง รวมถึงฝ่ายความมั่นคง และ สส.ในพื้นที่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้พูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ ด้วยแล้ว ถือว่าการลงพื้นที่สามวันนี้ เป็นสามวันที่มีคุณค่า ซึ่งรัฐบาลจะมามาเยี่ยมเยียนอีกในปีหน้า เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาในพื้นที่ พร้อมกล่าวย้ำว่า หน้าที่ของรัฐบาลจะพยายามทำและแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขในระยะเวลาใกล้นี้

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมานุ จ.นราธิวาส

'คุณพ่อ' เผย!! 'แพทย์หญิง' ลุยฟ้องฝรั่งคู่กรณี ทวงศักดิ์ศรีให้คนไทย  ลั่น!! ถ้าแค่สะดุดล้มจริง จะด่า 'ลูกสาวตน-เพื่อน' เพื่ออะไร

(29 ก.พ.67) ความคืบหน้ากรณี แพทย์หญิงแจ้งความชาวต่างชาติ ทำร้ายร่างกายที่บันไดวิลลาหรู บริเวณหาดยามู ต.ป่าคลอก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ได้นัดผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้

ล่าสุด คุณพ่อของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ทางตำรวจรับเป็นคดีแล้ว ลูกสาวยืนยันว่า จะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ต เจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน

ทั้งที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย เหตุที่ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะคำพูดของชาวต่างชาติคู่กรณี ที่พูดว่า คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด

ส่วนกรณีที่คู่กรณี ออกมาบอกว่าไม่ได้เตะ แต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้ อยากตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโต น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว หากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวของตน และเพื่อนที่ไปด้วยกัน แม้ลูกสาวจะมีความระแวงและกังวล แต่ลูกก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจ

สำหรับการตรวจสอบเรื่องการก่อสร้างบันไดนั้น ทางอำเภอถลางและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบแล้ว

นครพนม -แม่ทัพน้อยที่ 2 ลงพื้นที่ลุยอีสาน ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จังหวัดนครพนม พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นผู้แทน พลโท อดุลย์บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตันและเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครพนม  เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบาย แก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเป็นปัญหาที่ต้องดำเนินการลดความรุนแรงอย่างเร่งด่วนเพื่อประชาชน และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เร่งขับเคลื่อนให้การแก้ไขปัญหาต้องเห็นผลรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งมาตรการที่ต้องเริ่มอย่างเร่งด่วนคือการสกัดกั้นยาเสพคิดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้น เพราะจากสถิติการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้าไทยเกือบทั้งหมดมาจากเส้นทางนี้  หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดเร่งด่วนให้ลดลงภายใน 10 เดือน 

โดยมุ่งเป้าไปที่การสกัดกั้นตามแนวชายแดน จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)  โดยมีแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้บัญชาการฯ  ซึ่งจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่พิเศษ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5(10) กำหนดให้ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน-เมืองนครพนม-ธาตุพนม และอำเภอบ้านแพง เป็นพื้นที่พิเศษเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยเป็นการบูรณาการกำลังทั้งทหาร  ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 (ปปส.ภาค 4)  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนม  เสริมความเข้มแข็งตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน  หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวนมาก 

ในการนี้ แม่ทัพน้อยที่ 2 ได้เดินทางเข้าพบนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อหารือข้อราชการบูรณาการร่วมปรึกษาแนวทางการปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามภารกิจการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศในพื้นที่จังหวัดนครพนม ให้เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สถานการณ์ยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  ขณะนี้ว่ามีการผลิตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากปัญหาภายในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับเคมีภัณฑ์ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดมีราคาถูกและหาง่าย  ทำให้มีปริมาณยาเสพติดเข้ามาพักคอยตามแนวชายแดนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเพิ่มขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นในพื้นที่ ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกับชุมชนช่วยกันสร้างชุมชนที่เข้มแข็งเป็นเกราะป้องกันยาเสพติด และที่สำคัญคือ 

การแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยยึดหลักการ "เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย", การปิดล้อมตรวจค้น ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย อย่างต่อเนื่อง,การตรวจสถานบริการ ที่เปิดฝ่าฝืนกฎหมาย และปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด  โดยใช้กลไกในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อจับกุมผู้มีหมายจับที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ การสกัดกั้นดังกล่าวต้องดำเนินมาตรการต่างประเทศในการประสานงานข้อมูลการข่าว นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการร่วมกับชุมชน ในการเฝ้าระวัง ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่และชุมชนที่สำคัญคือต้องมีความต่อเนื่อง การสร้างพลังการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องช่วยกันออกไปสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โดยการแก้ไขปัญหายาเสพติด เราดำเนินการปราบปราม สกัดกั้น บำบัด แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา หากครอบครัวและชุมชนช่วยกันความต้องการยาเสพติดจะลดลง เพราะยาเสพติดกลัวครอบครัวที่อบอุ่นและชุมชนที่เข้มแข็ง ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

'วิทิตนันท์ โรจนพานิช' คนไทยคนแรกผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ปลื้ม!! 'ศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ' เชิดชูเกียรติในฐานะผู้มีคุณูปการ-นิสิตเก่าดีเด่น

(1 มี.ค.67) นายวิทิตนันท์ โรจนพานิช คนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดใน 7 ทวีป และเป็นคนที่ 179 ของโลก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 พร้อมทั้งเป็นนิสิตเก่าดีเด่น ภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณทางคณะฯ ที่ได้จัดงาน 'พิธียกย่องเชิดชูเกียรติผู้มีคุณูปการและนิสิตเก่าดีเด่น' โดยระบุว่า...

กราบขอบพระคุณท่านคณาจารย์ผู้ก่อตั้งสถาปนา อาจารย์ผู้พร่ำสอนสรรพวิทยา เจ้าหน้าที่ทุกๆ ท่านที่ร่วมกันเดินทางมาจนถึงปีที่ ๔๐ ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันนี้กระผมได้รับเกียรติอันสูง จึงขอกราบแสดงความคารวะและกราบขอบพระคุณทุกท่านด้วยหัวใจครับ กระผมคงเป็นศิลปกรรมหนึ่งเดียว (ในตอนนี้) ที่เรียนจบภาควิชาทัศนศิลป์ เอกปีนเขา ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า มันเป็นศิลปะ ! สิ่งนี้คืองาน Happening Art ที่โหดที่สุดในชีวิตครับ ดีใจมากกว่าการได้รับการเชิดชูคือ ได้ทำประโยชน์และทำตามความฝัน และสิ่งที่ได้เพิ่มเติมคือชื่อ ที่คนศิลปกรรมเค้าเรียกกระผมว่า 'หนึ่งบ้า'

'สส.เต้-ก้าวไกล' หน้าชา!! หลังฟังคำชี้ชัด 'นายกเทศบาลอยุธยา' "มติเอกฉันท์สภาเทศบาลหนุนสร้างรถไฟความเร็วสูงในจุดพื้นที่เดิม"

เมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 67) มีประเด็นให้ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคก้าวไกล ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง สถานีอยุธยา อ้างว่ากระทบมรดกโลก พร้อมเสนอให้สร้างเป็นสถานีใต้ดินแทน แบบรถไฟ้าสายสีน้ำเงิน จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ต่อมา พบว่าเมื่อวันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายทวิวงศ์พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ในเขตตัวเอง เพื่อแจกใบปลิวเชิญชวนประชาชน ให้ร่วมประชุมรับฟังผลกระทบการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่เทศบาลเมืองอโยธยา ซึ่งปรากฏว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายทวิวงศ์ ได้ให้ทีมงานถือป้ายทำโพลถามประชาชนด้วย โดยตั้งหัวข้อว่า ชาวอยุธยาต้องการสถานีรถไฟความเร็วสูงในรูปแบบใด ระหว่างสถานีลอยฟ้า กับสถานีใต้ดิน ทั้งนี้ การทำโพลในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการถอดแบบมาจากกลุ่มทะลุวัง ที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ เพื่อโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำโดยว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้ลงมติสนับสนุนการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง ณ สถานที่เดิม ตามสัญญาของรัฐบาล โดยสภาชิกสภาเทศบาลทุกคนที่อยู่ในห้อง ต่างยกมือสนับสนุนทั้งหมด เพื่อให้พี่น้องชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดข้างเคียง ได้รับประโยชน์จากการสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง

นอกจากนี้ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการประชุมเสวนาเรื่อง ปัญหาการสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงอยุธยา ซึ่งมีประชาชนชาวอยุธยา และนายทวิวงศ์ รวมถึงคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมเสวนา ปรากฏว่าหลังการเสวนา ว่าที่ร้อยตรีสมทรง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับนายทวิวงศ์ โดยแนะนำนายทวิวงศ์ ว่า "มาช่วยกันเร่งพัฒนาตลาดหัวรอ แทนที่จะไปมุ่งแต่คัดค้านรถไฟความเร็วสูง เพราะยิ่งค้านก็ยิ่งแย่ ตอนนี้คนหัวหงอกเค้าออกมาแสดงจุดยืนกันหมดแล้ว และสิ่งที่คิดให้สร้างเป็นสถานีใต้ดิน ขุดไปก็เจอแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้เราเสียโอกาสไปเยอะ แนะนำให้ สส.เต้ รีบพลิกเกมซะ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top