Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48194 ที่เกี่ยวข้อง

ดีใจลูกช้างเกิดใหม่ จัดรับขวัญอย่างยิ่งใหญ่ นับเป็นเชือกที่ 106 ของสวนนงนุชพัทยา

เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค.66 ที่สวนนงนุชพัทยา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วยพระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต ร่วมเป็นประธานในพิธีเสริมสิริมงคล คล้องพวงมาลัยรับขวัญลูกช้างสมาชิกใหม่ ที่ตกลูกเป็นเชือกที่ 3  ของปี 2566  และเชือกที่ 106 ของปางช้างสวนนงนุชพัทยา โดยมีการจัดขบวนนางรำรับขวัญช้างน้อย พร้อมนำโขลงช้างกว่า 50 เชือก เข้าร่วมในพิธีต้อนรับสมาชิกใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย พร้อมตั้งชื่อว่า  พลายมะนาว  

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่า พลายมะนาว ได้ตกลูกเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เวลา 23.00 น. ที่เกิดจากแม่ช้าง พังเลม่อน อายุ 9 ปี และพ่อช้างพลายไม้เมือง อายุ 21 ปี ยังเป็นลูกช้างตัวแรกของแม่เลม่อนอีกด้วย โดยได้ตั้งชื่อลูกช้างว่า พลายมะนาว เบื้องต้นลูกช้างและแม่ช้างมีสุขภาพแข็งแรงดี หลังตกลูกทางสวนนงนุชพัทยา ได้จัดทีมสัตวแพทย์และควาญช้างดูแลอย่างดี สำหรับ ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง จากกรมปศุสัตว์และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เป็นแห่งแรกของประเทศไทย

พิธีรับขวัญช้างที่กำเนิดใหม่ของปางช้างสวนนงนุชพัทยา ถือเป็นประเพณีที่ดีงามที่ต้องจัดขึ้นเมื่อมีช้างคลอดใหม่ทุกเชือก เพื่อเป็นการเรียกให้ขวัญช้างที่อยู่ใกล้ไกลได้มาอยู่กับเนื้อกับตัวช้าง และเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล ให้อายุมั่นขวัญยืนปราศจากโรคภัยทั้งหลายทั้งปวง มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ โดยคนไทยถือว่าช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย มาตั้งแต่สมัยบรรพชน

“แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ” ทัพเรือภาคที่ 1 ปลดประจำการทหาร ผลัดที่ 1/64

ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดพิธีปลดประจำการทหาร ผลัด 1/64 ซึ่งประจำการ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 รวม 16 นาย โดยมี พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งได้ให้โอวาทและแนวทางในการปฏิบัติตนภายหลังจากการปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน นอกจากนั้นได้มอบของที่ระลึก และพลทหารทุกนายได้กล่าวคำปฏิญาณตน เพื่อเป็นคนดีของสังคมต่อไป

ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ ขอขอบคุณ และแสดงความยินดีกับน้องๆ พลทหารทุกนาย ซึ่งเปรียบเสมือนน้องคนเล็ก ที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ ในการรับใช้ชาติและประชาชนจนครบวาระในวันนี้ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของลูกผู้ชาย ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นการสร้างอนาคตของตัวเราเอง ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตต่อไป

‘มดดำ คชาภา’ ตอบชัดความสัมพันธ์ ‘แอฟ ทักษอร-พิธา’ หลังกระแสจิ้นมาแรง ลั่น!! “เขาเป็นเพื่อนและรู้จักกันมานานแล้ว”

(12 ก.ค. 66) เรียกว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เนื้อหอมที่สุดในตอนนี้สำหรับ ‘แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ’ ที่กระแสมาแรงไม่แพ้กันในตอนนี้แถมโดนจับตามองเป็นพิเศษ นั่นก็คือ ‘ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 

แถมวันก่อน พิธา ได้ไปออกรายการโหนกระแส และโดน ‘หนุ่ม กรรชัย’ ได้ถามขยี้เรื่อง แอฟ ทักษอร จนพิธาเขินเสียอาการไปหลายช็อต และในรายการ 3 แซ่บ หนุ่ม กรรชัย ได้ถามว่าตอนนี้ข่าวลือแรงมากเลย ซึ่ง แอฟ ทักษอร ก็ตอบว่า “อันนั้นก็ข่าวค่ะ” แล้วความสัมพันธ์กับ ‘นนกุล’ แอฟได้ตอบเพิ่มเติมว่า “อันนั้นพระเอกอีกเรื่อง” ทางด้าน หนุ่ม กรรชัย ยังถามต่อว่า โสด 100%ไหมตอนนี้ ซึ่ง แอฟ ก็เลิ่กลั่กตอบโสดเต็ม 100 บ้าง ไม่ 100 บ้าง เป็นอันชัดว่าตอนนี้แอฟโสดไม่เต็ม 100% นั่นเอง ส่วนหนุ่มคนไหนจะได้หัวใจแม่ไปครองเป็นใครนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไปจ้า

ล่าสุด ‘มดดำ คชาภา’ ออกมาเผยชัดความสัมพันธ์ ‘แอฟ ทักษอร-ทิม พิธา’ ซึ่งมีเอี่ยว ‘สงกรานต์ เตชะณรงค์’ อดีตสามีของแอฟ ผ่านรายการแฉว่า “เขาเป็นเพื่อนรู้จักกันกันมานานมากแล้ว เมื่อก่อนทิมกับสงกรานต์เป็นเพื่อนรักกัน ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว”

ทรภ.1 ส่งหมู่เรือปฏิบัติราชการชายแดน ไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

นาวาเอก ศรยุทธ พุ่มสุวรรณ์ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1 ) ในฐานะผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน เป็นประธานในพิธี ส่งหมู่เรือไปปฏิบัติราชการในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 เพื่อรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล บริเวณพื้นที่ชายแดนทางทะเลไทย - กัมพูชา ประกอบด้วย เรือหลวงกันตัง เรือต.82 เรือต.261 และ เรือต.263

พร้อมให้โอวาทและมอบกระเช้า เพื่อให้กำลังพลมีขวัญและกำลังใจที่ดี ในการเดินทางไปปฏิบัติราชการชายแดนในครั้งนี้ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

‘ดร.เอ้’ ชี้!! ต้องเร่งหาเหตุสะพานลาดกระบังถล่มด่วน แนะ!! ชะลอโครงการไว้ ก่อนเกิดเหตุสลดอีกในอนาคต

(12 ก.ค. 66) จากรายการ Meet THE STATES TIMES ประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 เผยแพร่ทาง THE STATES TIMES ได้มีการพูดถึงประเด็นเหตุการณ์สะพานข้ามแยกลาดกระบังถล่ม โดยเชิญ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ อดีตนายกสภาวิศวกรรม, อดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย มาร่วมพูดคุย มีสาระสำคัญ ดังนี้…

จากเหตุการณ์โครงการสะพานข้ามแยกลาดกระบังถล่ม เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ ที่ 10 ก.ค.66 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น ทาง THE STATES TIME ได้สัมภาษณ์ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ อดีตนายกสภาวิศวกรรม, อดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ผ่านรายการ MEET THE STATES TIME ข่าวคุยเพลิน ถึงสาเหตุที่ทำให้ ดร.เอ้ ต้องโพสต์เตือนผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับความน่าห่วงของโครงการดังกล่าว เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ระบุว่า…

“ด้วยความที่ผมเป็นวิศวกรและประสบการณ์เกี่ยวกับการวิบัติโครงสร้าง อีกทั้งยังมีฐานะเป็นนายกสภาวิศวกรรม, นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และเคยได้เข้าไปช่วยเหลือเรื่องวิบัติโครงสร้างมามากมาย รวมถึงเป็นประชาชนที่ต้องขับรถผ่านถนนเส้นทางนี้อยู่เป็นประจำนั้น ในวันที่ 9 สิงหาคม 2565 เป็นวันที่ผมได้มองเห็นโครงสร้างของไซด์งานนี้อยู่ในระหว่างหล่อเสาตอหม้อ ซึ่งปกติการหล่อเสาสูงๆ แบบนี้ จะต้องต่อนั่งร้านขึ้นไป แต่เมื่อผมมองไปเห็นนั่งร้านของคนงานแล้วยังคงไม่เป็นไปตามมาตรฐานก็ห่วง

“เท่านั้นยังไม่พอ ขั้นตอนการหล่อเสาตอม่อที่เห็นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น และจากประสบการณ์ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จะเป็นว่าคนงานก่อสร้างจะเสียชีวิตจากนั่งร้านพังระหว่างเทคอนกรีตเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้นผมยังเห็นในส่วนของเครื่องจักรต่างๆ ไม่ค่อยเรียบร้อย แหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นตัวเครนที่ล้ำเข้ามาในพื้นที่ถนนที่มีการจราจรแออัด นั่นจึงทำให้ผมตัดสินใจเขียนเตือนผ่านเฟซบุ๊กในฐานะประชาชนและวิศวกรอาวุโส  แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“จนเมื่อวันที่ 10 ก.ค.66 ช่วงเที่ยงก่อนเกิดเหตุนิดเดียว ผมยังชี้ให้เพื่อนของผมดูเลยว่า มันน่ากลัวนะ เพราะสัญชาตญาณวิศวกรบอกตนว่า ไซด์งานแบบนี้ดูไม่เรียบร้อย ไม่ปลอดภัย อันตราย พอตกตอนเย็นเกิดเหตุโครงสร้างได้พังถล่มลงมาตนรู้สึกเสียใจมาก ตนมองว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยทำโครงการแบบนี้มามากมาย ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ของวิศวกรไทยหรือผู้รับผิดชอบ มันควรมีความปลอดภัย 100% ด้วยซ้ำไป เพราะเป็นสิ่งที่เราทำกันมาอยู่ตลอด”

เมื่อถามถึงสาเหตุที่โครงสร้างสะพานถล่มครั้งนี้เกิดจากอะไร? ดร.เอ้ กล่าวว่า “ไม่สามารถตอบได้ ไม่มีใครจะรู้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด จนกว่าจะได้พิสูจน์ตามหลักวิศวกรรม แต่วิศวกรที่มีประสบการณ์จะต้องตั้งคำถามเพื่อไปแสวงหาคำตอบข้อเท็จจริง ดังนั้นตนจึงขอตั้งคำถาม 3 ข้อ เพื่อที่จะช่วยคนรับผิดชอบ…

1. คานร่วงหล่นมาได้อย่างไร เป็นเพราะโครงสร้างตัวเคนที่หิ้วคานไหม ? อุปกรณ์พร้อมหรือไม่ หรือกระบวนการทำงานถูกต้องหรือไม่
2. เหล็กเสริมถูกต้องได้มาตรฐานหรือไม่ คอนกรีตรับกำลังได้หรือไม่ เสาตอหมอถึงหักขาดสะบั้น
3. เสาเข็มสมบูรณ์หรือไม่

“ดังนั้นการวิเคราะห์ ต้องจากล่างขึ้นบนด้วย ไม่ใช่แค่บนลงล่างเท่านั้น ต้องไปหาคำตอบจาก 3 ข้อนี้ ถึงจะได้คำตอบที่แท้จริงแล้วว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากสิ่งใดกันแน่”

เมื่อถามถึงหลักการทางวิศวกรรม ว่าจะต้องทำอย่างไรกับซากและโครงการที่ยังรันอยู่? ดร.เอ้ ตอบว่า “หลังจากนี้เราต้องไปสำรวจตอหม้อที่เหลืออยู่ทั้งหมดว่ามีปัญหาหรือไม่ รวมถึงเสาเข็มใต้ตอหม้อว่ามีปัญหาแค่ไหน แต่ถ้าเกิดว่าตอหม้อที่เหลือมีปัญหาจริง ก็ยังไม่ต้องเป็นกังวลไปครับ เพราะโดยทางเทคนิคสามารถเสริมเสาเข็มใต้ตอหม้อได้ แต่ต้องรู้ก่อนนะ ไม่ใช่ว่าก่อสร้างต่อ เพราะนั่นจะทำให้เราไม่สามารถทราบได้ว่าสะพานแห่งนี้มีจุดอ่อนตรงจุดไหน แล้วถ้าเกิดสะพานได้รับแรงสั่นสะเทือนมากๆ เช่น จากรถสิบล้อ หรือเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในกรุงเทพฯ มั่นใจได้ว่าคงมีผลกระทบตามมาอีกแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่อยากจะจินตนาการเลยถ้าถึงวันนั้นจะเกิดผลกระทบเสียหายอีกมากน้อยแค่ไหน 

“ดังนั้นสิ่งแรกที่อยากแนะนำ คือ ต้องยุติการก่อสร้างชั่วคราว แล้วไปดูองค์ประกอบต่างๆ ของโครงการอย่างละเอียด โดยทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดู ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น”

ดร.เอ้ กล่าวเสริมอีกด้วยว่า “สำหรับประเทศไทยผู้ที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องนี้ ก็คือ เจ้าของโครงการที่ต้องเข้ามาดูแล แต่ถ้าในต่างประเทศจะมีหน่วยงานกลางที่เข้ามาดูแลและหาสาเหตุของปัญหานี้ และนี่คือ สิ่งที่ประเทศไทยขาดหรือไม่มี

“ฉะนั้นนั้นถึงเวลาหรือยังที่เราจะมี ‘หน่วยงานกลาง’ ที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้ามาดูแล ซึ่งผมอยากจะขอฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอให้เข้ามาผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม เราจึงควรทอดบทเรียนอย่างละเอียดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนอยากจะเห็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และพร้อมที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ถ้าเกิดรัฐบาลชุดใหม่ต้องการจะทำในเรื่องนี้”

สุดท้ายในฐานะอดีตนายกสภาวิศวกรรม, นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ขอฝากถึงเจ้าของโครงการต่าง ๆ ดังนี้…

1. ต้องคิดถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้งสำคัญที่สุด
2. ยึดมั่นมาตรฐานความปลอดภัย
3. ต้องจริงใจ จริงจัง ในการถอดบทเรียน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top