Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48202 ที่เกี่ยวข้อง

'เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป' เตรียมเร่งขยายตัวต่อเนื่อง หลังผุดโรงแรมในไทยไปแล้ว 7 แห่ง ในช่วง 12 เดือน

(11 ก.ค. 66) นายเอลลี่ ยูเนส รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาระดับสากล เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดเป้าหมายหลักในแผนกลยุทธ์การตลาดของเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เพราะเป็นประเทศที่มีทรัพยากรในประเทศที่มั่งคั่ง และยังที่ได้รับความนิยมอย่างยั่งยืนในหมู่นักเดินทางต่างชาติมาโดยตลอด ซึ่งเห็นได้จากการที่กรุงเทพฯ ติดอันดับเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของโลกตั้งแต่ปี 2559 - 2562 อีกทั้งจากสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 11.15 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 30 ล้านคนในปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ยังคงแข็งแกร่งและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การขยายธุรกิจของ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างโดดเด่น เห็นได้ชัดจากการลงนามสัญญาในโรงแรมใหม่ถึง 7 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมกว่า 1,300 ห้อง รวมถึงโรงแรมที่เปิดตัวไปล่าสุดได้แก่ เรดิสัน รีสอร์ต แอนด์ สวิท ภูเก็ต, เรดิสัน รีสอร์ต แอนด์ สปา หัวหิน และ เลอวิท โฮเทล พัทยา

ล่าสุดบริษัทเปิดตัวของ พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน แบรนด์โรงแรมระดับมิดสเกลถึงระดับอัพเปอร์มิดสเกลที่กรุงเทพฯ ที่นับว่าตลาดยังมีศักยภาพ เป็นการเปิดตัวโรงแรมแบรนด์ที่ 6 ตามแผนกลยุทธ์ขยายการเติบโตของเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ในประเทศไทย โดยมีหน่วยงานธุรกิจประจำประเทศไทยคอยให้การสนับสนุน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดย โรงแรม พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน ดอนเมือง จะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 มีห้องพักสไตล์ร่วมสมัยจำนวน 89 ห้อง ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เพียง 10 นาที จากโรงแรมถึงจากสนามบินนานาชาติดอนเมืองซึ่งรองรับทั้งการเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอีกด้วย

สำหรับแนวทางการขยายธุรกิจโรงแรมในไทย จะเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่งภายใน 12 เดือนข้างหน้า ได้แก่ เรดิสัน เรด ภูเก็ต ป่าตอง บีช มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ตั้งอยู่บนหาดป่าตอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม, เรดิสัน รีสอร์ท ภูเก็ต ไม้ขาว บีช มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ทำเลที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะภูเก็ตและเดินทางต่อไปยังหาดไม้ขาวได้อย่างสะดวกสบาย เป็นรีสอร์ทระดับอัพสเกลขนาด 222 ห้อง และเรดิสัน โฮเทล เพลินจิต กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแฟล็กชิพแห่งใหม่ภายใต้แบรนด์ Radisson ในใจกลางเมืองย่านธุรกิจที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 โรงแรมระดับอัพสเกลแบบร่วมสมัยขนาด 133 ห้อง ตั้งอยู่ย่านเพลินจิต ที่รวมความเจริญรุ่งเรืองและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย

‘ครูหยุย’ เช็ก!! ตัวเลข ส.ว.โหวตเลือกพิธา  ปั่นข่าวกระพือ 20 แต่ตัวเลขแท้จริงคือ 10 

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘วัลลภ ครูหยุย ตังคณานุรักษ์’ ของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ภาพอินโฟกราฟิกของสำนักข่าวออนไลน์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เปิดรายชื่อ 20 ส.ว. โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ตามเสียงข้างมาก ส.ส. โดยได้กากบาทคนที่ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ พร้อมระบุว่า เพื่อความชัดเจน ตามนี้เลยครับ สอบถามทุกคนในภาพมาแล้ว ตัวเลขปั่นจนข่าวเอาไปลงคือ 20 ตัวเลขแท้จริงคือ 10 ครับ"

สำหรับ ส.ว.ที่นายวัลลภระบุว่าสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 
1. นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ 
2. นพ.อำพล จินดาวัฒนะ 
3. นายทรงเดช เสนอคำ 
4. นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
5. นายวันชัย สอนศิริ 
6. นายมณเทียร บุญตัน 
7. นางประภาศรี สุฉันทบุตร 
8. นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ 
9. นายพิศาล มาณวพัฒน์ 
และ 10. นายพีระศักดิ์ พอจิต

'เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่' นำจิตอาสากว่า 200 คน จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ 'เราทำความดี ด้วยหัวใจ' ทำความสะอาดวัดในเขตพื้นที่

นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดโครงการจิตอาสาพัฒนา เราทำความดี ด้วยหัวใจ เนื่องในวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายในวัดน้อยสุวรรณาราม (วัดคลองเก้า) ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมในพิธี

โดยมี นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ นางสาวมณิฐกานต์ บุญริ้ว สมาชิก อบจ. สมุทรปราการ คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนจิตอาสา ตลอดจนคณะครู และนักเรียนโรงเรียนวัดคลองเก้า จำนวนกว่า 200 คน ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ ภายในวัดน้อยสุวรรณาราม ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยภายในพิธี นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวคำน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อให้มีความรักความผูกพันใน 4 สถาบันหลักของชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน

จากนั้น ได้นำประชาชนจิตอาสา จำนวนกว่า 200 คน ร่วมทำกิจกรรม เราทำความดี ด้วยหัวใจ เนื่องในวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้วยการฉีดน้ำกวาดทำความสะอาดพื้นภายในบริเวณวัด และการทำความสะอาดห้องสุขาสาธารณะ ภายในวัดน้อยสุวรรณาราม การขุดลอกท่อและกำจัดลูกน้ำยุงลายบริเวณโรงเรียน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ 

อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมในการรักษาดูแลทำความสะอาดภายในศาสนสถาน จุดบริการห้องน้ำสาธารณะที่ประชาชนมาใช้บริการ รวมถึงบริเวณพื้นที่ต่างๆ ภายในวัด ซึ่งถือเป็นการทำนุบำรุงศาสนสถานให้พระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติศาสนกิจด้วยความสะดวก และพุทธศาสนิกชนที่เข้ามาทำบุญปฏิบัติธรรมหรือร่วมกิจกรรมประเพณีทางศาสนาในวัดได้อย่างสบายใจและมีสุขภาพอนามัยที่ดี 

‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ คงอันดับเครดิตไทยที่ BBB+  มุมมองความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

(11 ก.ค. 66) นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.) บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีรายละเอียดดังนี้…

1) ฟิทช์ฯ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.6 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.7 และร้อยละ 3.8 ในปี 2566 และปี 2567 ตามลำดับ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และคาดว่าปี 2566 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 29 ล้านคน จาก 11.2 ล้านคน ในปี 2565 ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการฟื้นตัวของตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรการสนับสนุนต่างๆ และมีสัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP ลดลง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการลดลงหรือชะลอตัวของอุปสงค์และเศรษฐกิจโลก และการใช้นโยบายการเงินแบบหดตัวของประเทศที่พัฒนาแล้ว

2) ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) ฟิทช์ฯ คาดว่าการขาดดุลการคลังของไทยจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 4.4 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.4 ในปี 2566 และคาดว่าปี 2567 จะขาดดุลที่ร้อยละ 3.2 ซึ่งการขาดดุลที่ลดลงสะท้อนถึงรายได้ภาษีที่แข็งแกร่งขึ้นและการสิ้นสุดของมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างไรก็ดี ภายในปี 2567 คาดว่า สัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อ GDP จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 55.9 แต่ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (BBB Peers) และจะทยอยลดลงเนื่องจากมีการปรับภาวะทางการคลังให้เข้าสู่สมดุล

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังคงสามารถระดมทุนในประเทศได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์ ส่งผลให้ หนี้สาธารณะคงค้างส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาทและมีอายุคงเหลือที่ค่อนข้างยาว จึงช่วยลดความเสี่ยงด้านการคลัง

3) ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ยังคงแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แม้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการเงินโลกและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยฟิทช์ฯ คาดว่า ปี 2566 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลที่ร้อยละ 2.0 ของ GDP และจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.9 ในปี 2567 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและสถานการณ์ราคาน้ำมันที่คลี่คลาย อีกทั้งปี 2566 คาดว่าประเทศไทยจะมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงมาก คือ 7.3 เดือน ขณะที่คาดว่า BBB Peers และ A Peers จะมีค่ากลางอยู่ที่ 4.2 เดือน

4) ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิทช์ฯ ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย คือ การลดลงของสัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อ GDP (General Government Debt to GDP) การลดการขาดดุลตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีศักยภาพในระยะปานกลาง ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ฟิทช์ฯ มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ คือ การไม่สามารถรักษาเสถียรภาพทางการคลัง ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและส่งผลต่อการเติบโตหรือการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญต่อการปรับมุมมองในระยะปานกลาง (Medium-term growth outlook) คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่จะส่งผลต่อแผนการปรับภาวะทางการคลังให้เข้าสู่สมดุล (Fiscal Consolidation) เป็นต้น 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ทางยกระดับลาดกระบังถล่ม เชื่อเป็นความประมาทและละเลยมาตรฐานทางวิศวกรรม

(11 ก.ค.66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ดำรงค์ นาวิกไพบูลย์’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีสะพานข้ามแยก ย่านลาดกระบัง ถล่ม โดยระบุว่า…

ส่วนที่มีการโจมตีว่า เพราะทีมชัชชาติไปสั่งแก้แบบ เลยทำให้สะพานถล่ม
อันนี้ ผมเองก็เป็นวิศวกร และผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก
ชัชชาติเคยลงพื้นที่ตรงนั้นเมื่อหลายเดือนก่อนจริง
แต่ที่แกสั่งคือ เร่งรัดการก่อสร้าง เพราะผู้รับเหมา (ผรม.) ทำงานช้ากว่ากำหนด แถมทำพื้นที่ส่วนรวมเลอะเทอะ ชาวบ้านเดือดร้อน

ส่วนแบบที่ กทม. เสนอแก้อ่ะ คือจากแบบเดิมที่ ‘หล่อหน้างาน’ (girder box segment) มาเป็นแบบ ‘หล่อจากโรงงาน’ (precast box segment) แล้วยกมาประกอบหน้างาน

โครงการสะพานใหญ่ ๆ ในบ้านเรา ใช้เทคนิค precast กันก็เยอะ โครงการรถไฟฟ้าก็ใช้

Precast มันดีตรงที่หล่อในโรงงาน จึงควบคุมคุณภาพได้แม่นยำกว่าแบบหล่อหน้างาน แต่ข้อเสียคือขนส่งลำบาก มึงต้องมีรถนำขบวน แถมต้องขนตอนดึก เวลาที่คนนอนกันหมดแล้ว

แต่จะเปลี่ยนเทคนิคกันยังไงก็ช่าง
แบบก่อสร้าง ต้องมีวิศวกรระดับสามัญ - วุฒิวิศวกรเซ็นรับรอง ซึ่งกว่ามึงจะได้ใบอนุญาตมานะ เลือดตาแทบกระเด็น 

ระดับสามัญ อย่างเร็วคือ 7 ปี แต่บางคนทำมาเป็น 10 ปียังสอบไม่ได้เลย
แถมพลาดมา ติดคุก คำเดียว
ทำงานช้าแค่โดนด่า แต่ทำงานพลาดมึงติดคุก
อาชีพวิศวกรที่มีใบอนุญาตฯ มันเป็นแบบนี้

ที่สำคัญนะ
งานก่อสร้างอ่ะ ที่แบบไม่ค่อยพลาดกันหรอก
มันมีคู่มือให้เดินตาม มีมาตรฐานประกบหมด โอกาสพลาดต่ำมาก

ส่วนใหญ่จะพลาดกันที่การก่อสร้าง ทำงานไม่ได้มาตรฐาน
อันนี้ มึงไปดูโพสต์พี่เอ้ สุชัชวีร์ อดีตศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรม
แกเคยเตือนเอาไว้เมื่อปีที่แล้วว่าไซต์นี้เสี่ยง เนื่องจากทำงานไม่ได้มาตรฐานทางวิศวกรรม
ซึ่งมาตรฐานทางวิศวกรรมที่ว่า แกหมายถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงานวิศวกรรมนั่นแหละ

เรื่องนี้ ทีมชัชชาติไม่เกี่ยว
ส่วนตัวผมคิดว่า เป็นความประมาท และละเลยมาตรฐานทางวิศวกรรมเสียมากกว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top