Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

"ผู้การจ้อ" เรียก ผกก. 23 โรงพักทั่วชลบุรี ประชุมมอบนโยบายปราบอาชญากรรมทุกรูปแบบ

"ผู้การจ้อ" เรียก ผกก. 23 โรงพักทั่วชลบุรี ประชุมมอบนโยบายปราบอาชญากรรมทุกรูปแบบ
วันที่ 19 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต. ธนาวุฒิ จงจิระ ที่ได้รับคำสั่งให้มารักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 จุด ประกอบด้วย ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองชลบุรี ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และลานพระบรมรูปเสด็จพ่อ ร.5 หน้าศาลเมืองชลบุรี เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในการเข้ารับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นวันแรก

เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พล.ต.ต.ธนาวุฒิ จงจิระ รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เรียกผู้บริหารสถานีตำรวจ รวม 23 แห่ง ตั้งแต่ระดับผู้กำกับหัวหน้าสถานี และรองผู้กำกับการทุกสายงาน รวมถึงหัวหน้างานสอบสวน เพื่อมอบนโยบาย และแนวทางการปฎิบัติ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เฝ้าเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยในที่ประชุม พล.ต.ต.ธนาวุฒิ จงจิระ รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้มอบหมายงานให้หัวหน้าหน่วยทุกสถานีตำรวจ 23 แห่ง ให้เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ ส่วนเรื่องเก้าอี้อาถรรพ์นั้น ทางตัวรักษาราชการแทนผู้การชลบุรี ไม่มีความกังวลใจแต่อย่างใด ก่อนจะเดินทางไปพบผู้บังคับบัญชาระดับสูง ด้วยรถยนต์เก๋งส่วนตัว ในสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645
 

‘ปากีฯ’ จ่ายเงินค่าน้ำมันดิบรัสเซียเป็น ‘เงินหยวน’ จากเดิมที่ทำธุรกรรมเป็น ‘เงินดอลลาร์’ ส่วนใหญ่

ปากีสถานชำระเงินค่าน้ำมันดิบที่ได้รับการส่งมอบชุดแรกจากรัสเซีย ด้วยสกุลเงินหยวนของจีน ตามรายงานของรอยเตอร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ อ้างอิงคำกล่าวของ มูซาดิค มาลิก รัฐมนตรีการปิโตรเลียมของปากีสถาน ส่วนหนึ่งในความพยายามลดพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ

น้ำมันดิบดังกล่าวถูกลำเลียงมาถึงนครการาจีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ทางรัสเซียและปากีสถานบรรรลุกันเมื่อเดือนมกราคม และคำสั่งแรกภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนเมษายน

มาลิก ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดด้านราคาหรือส่วนลดในการจัดซื้อครั้งนี้ แต่รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า มันเป็นการชำระด้วยสกุลเงินหยวน ซึ่งการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินของจีน ถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของปากีสถาน ในด้านนโยบายการชำระเงินขาออก จากเดิมที่ทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่

รัสเซียลงนามในข้อตกลงน้ำมันกับปากีสถาน ส่วนหนึ่งในความพยายามกระจายลู่ทางการส่งออกของพวกเขา หลังจากถูกอียู จี7 และบรรดาชาติพันธมิตรกำหนดมาตรการคว่ำบาตรร่วมกันในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกับมาตรการควบคุมเพดานราคาไว้ไม่เกิน 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

มอสโกปรับเปลี่ยนกระแสน้ำมันมุ่งหน้าสู่ประเทศต่าง ๆ อย่างเช่นอินเดีย และจีน และตกลงชำระเงินด้วยสกุลเงินอื่น ๆ แทนดอลลาร์ สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรที่ตัดขาดมอสโกจากระบบการเงินของตะวันตก

อ้างอิงจากรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ปากีสถานตกลงซื้อน้ำมันดิบรัสเซียในราคาราว 50 ถึง 52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อปีที่แล้ว ประเทศแห่งนี้นำเข้าน้ำมันดิบ 154,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ในนั้น 80% เป็นการนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอื่น ๆ ในอ่าวอาหรับ

การนำเข้าพลังงานมีสัดส่วนมากที่สุดในการชำระเงินขาออกของปากีสถาน พวกเขาหวังว่าน้ำมันดิบลดราคาของรัสเซียจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งกำลังเผชิญหนี้ภายนอกระดับสูง ค่าเงินอ่อนค่า และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับต่ำมาก

‘Mastercard’ จัดอันดับ ‘ไทย’ ติด 1 ใน 10  ปลายทางยอดฮิตในเอเชียแปซิฟิก ปี 66

(19 มิ.ย. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานของสถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์มาสเตอร์การ์ด (Mastercard Economics Institute) ถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวทั่วโลกประจำปี 2566 จากรายงาน Travel Industry Trends 2023 พร้อมยินดีที่ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยม ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์มาสเตอร์การ์ด (Mastercard Economics Institute) ระบุในปี 2566 ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยม Travel Industry Trends 2023 Mastercard Data & Services เพราะเสน่ห์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยจัดอันดับจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ปลายปี 2565 นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวที่ต้องการกลับมาสัมผัสกับเสน่ห์ของประเทศไทยที่คุ้นเคยเป็นจำนวนมาก ไทยจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการใช้จ่ายด้านประสบการณ์การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 40.5% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อซื้อสิ่งของเพิ่มขึ้น 24%

นายอนุชา กล่าวว่า รายงานของมาสเตอร์การ์ดระบุข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้แก่ 

1.) การท่องเที่ยวพักผ่อนและการเดินทางเชิงธุรกิจมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคมมีอัตราการจองเที่ยวบินเพิ่มสูงขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปี 2562 และยังพบว่าช่วงต้นปี 2566 อัตราการจองเที่ยวบินขององค์กรมีการเติบโตเทียบเท่ากับการจองเที่ยวบินเพื่อการพักผ่อนส่วนบุคคล

2.) การเปิดประเทศของจีนมีผลดีต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกจะได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากการเปิดประเทศของจีน เพราะเป็นประเทศที่มีความเชื่อมโยงอย่างมากกับการค้า การท่องเที่ยว และการเชื่อมต่อทางภูมิศาสตร์กับประเทศอื่น ๆ ของโลก

3.) นักท่องเที่ยวออกท่องโลกไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ซึ่งเสน่ห์ที่โดดเด่นและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ไทยติดอันดับหนึ่งในสิบของจุดหมายปลายทางยอดนิยม ซึ่งจัดอันดับจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

4.) นักท่องเที่ยวยังต้องการเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ โดยเดือนมีนาคม 2566 ยอดการใช้จ่ายต่อการท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์ทั่วโลกสูงขึ้นถึง 65% ในขณะที่การใช้จ่ายในสิ่งของเพิ่มขึ้นเพียง 12% เมื่อเทียบกับปี  2562 

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวประจำปี 2566 จะสร้างประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมมั่นใจในศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทย ทั้งด้านสถานที่ และการจัดการ รวมทั้ง เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนติดตามกระแสการท่องเที่ยว สกัดเอกลักษณ์ความเป็นไทย วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และศิลปวัฒนธรรม มาประกอบกับแนวทางการท่องเที่ยวสมัยใหม่ ปรับตัวและออกแบบบริการการท่องเที่ยวให้สอดคล้อง และตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลง

เปิด 3 เหตุผลดัน ‘อีสาน’ ศูนย์กลาง BCG อาเซียน ทรัพยากรสมบูรณ์-พร้อมต่อยอดการวิจัย-เชื่อมโยงเพื่อนบ้าน

(19 มิ.ย. 66) นโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวม โดยการขับเคลื่อน ‘ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค’ จะเป็นหนึ่งในกลไกที่จะช่วยกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมทั้ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) หรือ Northeastern Economic Corridor (NeEC) กำหนดพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุดรธานี หนองคาย และขอนแก่น ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและโอกาสที่จะพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bioeconomy) แห่งใหม่ของประเทศและเป็นผู้นำในระดับอาเซียน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ที่สนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG ทำให้มียอดการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค.) ของปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท โดยการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร

โดยมี 3 เหตุผลที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ได้แก่

1.) ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ภาคอีสานมีพื้นที่มากที่สุด คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ หรือกว่า 160,000 ตารางกิโลเมตร และมีขนาดประชากรคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ กว่า 22 ล้านคน ทั้งยังเป็นพื้นที่เพาะปลูกสูงถึง 43% ของประเทศ โดยมีการปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว และยางพารา ซึ่งวัสดุเหลือใช้จากพืชเหล่านี้ จะกลายเป็นวัตถุดิบล้ำค่าในการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ

2.) มีความพร้อมพัฒนาต่อยอดงานวิจัย ภาคอีสานเป็นถิ่นกำเนิดของศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาที่มีขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และหน่วยงานวิจัยจำนวนมาก 

3.) ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ภาคอีสานอยู่ในจุดที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเป็นประตูเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีศักยภาพการเติบโตสูงได้อย่างดี 

จุดแข็งและสินทรัพย์เหล่านี้ ทำให้ภาคอีสานจะเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญในการดึงดูดการลงทุน และมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูปอุตสาหกรรมชีวภาพ 

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงบทบาทของภาคเอกชนในการร่วมขับเคลื่อนการลงทุน 

“ด้วยศักยภาพอันโดดเด่นของพื้นที่ NeEC ผนวกกับสิทธิประโยชน์บีโอไอที่มุ่งเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม” 

โดยบีโอไอมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำโดยเฉพาะวัตถุดิบการเกษตรท้องถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมูลค่าสูง จะส่งผลให้ NeEC สามารถสร้างฐานการลงทุนอุตสาหกรรมชีวภาพแบบครบวงจร หรือไบโอคอมเพล็กซ์ และก้าวไปสู่การเป็นเมืองหลวง BCG (Bio-Circular-Green Industry) ของภูมิภาคอาเซียนได้ในที่สุด

‘นาตาชา’ นักเรียนไทย-อเมริกัน ชนะรางวัลงานวิจัยยอดเยี่ยม สามารถวิเคราะห์กลไกสมองเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายได้

‘นาตาชา กุลวิวัฒน์’ ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 16 ปี ที่กำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายในสหรัฐอเมริกา แต่ความสามารถเกินอายุ สร้างผลงานวิจัยยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวดโครงการวิจัยในงาน Regeneron International Science and Engineering Fair ได้สำเร็จ พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 50,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.74 ล้านบาท)

กว่าจะได้งานวิจัยที่ประสบความสำเร็จนี้ นาตาชาใช้เวลาศึกษาค้นคว้าข้อมูลเนื้อเยื่อสมองในห้องแล็บของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นานถึง 6 เดือน โดยเธอได้เปรียบเทียบตัวอย่างเนื้อเยื่อสมองของผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ซึ่งบริจาคโดยญาติของพวกเขา 10 ตัวอย่าง เปรียบเทียบกับเนื้อเยื่อสมองของผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่นๆ และพบว่า เนื้อเยื้อสมองของผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมี ‘ไซโตไคน์’ หรือกลุ่มโปรตีนขนาดเล็กที่อักเสบอยู่เป็นจำนวนมาก

โดยทั่วไปแล้ว ‘ไซโตไคน์’ อาจเกิดการอักเสบได้ตามปกติจากการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค แต่ร่างกายก็สามารถปลดปล่อยไซโตไคน์ได้แม้ไม่มีภัยคุกคาม เช่น ในช่วงที่มีความเครียดเรื้อรัง และนั่นอาจทำให้เกิดการอักเสบที่มากเกินไป จนส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายกรณี อาทิ โรคหัวใจ มะเร็ง และโรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งในงานศึกษาของ นาตาชา กุลวิวัฒน์ บ่งชี้ว่าการอักเสบเหล่านี้ส่งผลต่อโปรตีนในสมองชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า ‘claudin-5’

‘Claudin-5’ มักพบในเซลล์ที่สร้างสิ่งกีดขวางระหว่างเลือดและสมอง หรือ ‘BBB’ ​​ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารที่สามารถผ่านจากเลือดไปยังเซลล์สมอง โดย นาตาชา กุลวิวัฒน์พบว่า มี claudin-5 แทรกซึมอยู่ในสมองส่วนอื่นๆ เช่นในเซลล์ประสาทนิวรอน และเส้นเลือดฝอยในสมองของผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย บ่งชี้ว่า ‘ระบบ BBB ในสมองของผู้ตายเกิดอาการบกพร่อง’

จึงเป็นสาเหตุให้มีสารแปลกปลอมในเลือดไหลเข้าสู่พื้นที่การทำงานในสมอง จนเป็นพิษต่อระบบประสาท และผลการวิจัยของเธอทำให้เห็นว่า ‘ระดับ Claudin-5 ในสมองสูงขึ้นอาจทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายได้’

และผลงานวิจัยชิ้นนี้ของเธอ ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจนไดรับรางวัล Gordon E. Moore Award for Positive Outcomes for Future Generations พร้อมเงินรางวัล 50,000 ดอลลาร์ จากงาน Regeneron International Science and Engineering Fair ซึ่งถือเป็นงานแข่งขันด้านวิชาการในระดับสากลของนักเรียนระดับชั้นเตรียมอุดมศึกษา ที่จัดโดยองค์กร Society for Science

นาตาชา กุลวิวัฒน์ ลูกครึ่งสาวไทย-อเมริกัน อัจฉริยะผู้นี้ ปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่าว่า เธอเริ่มศึกษาสาเหตุที่ทำให้คนตัดสินใจฆ่าตัวตาย จากปัจจัยด้านจิตวิทยามาก่อน เช่นอารมณ์ที่หุนหันพลันแล่น หรือความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ลดลง แต่ต่อมาก็ลองหันมาศึกษาจากมุมมองทางชีววิทยาของระบบประสาท เพราะไม่ค่อยมีงานวิจัยที่นำเสนอในมุมนี้

สาเหตุที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยการฆ่าตัวตาย มีแรงบันดาลใจมาจากการเป็นอาสาสมัครให้กับ American Foundation for Suicide Prevention และ กลุ่ม Out of the Darkness Walks ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้และสนับสนุนทางใจ แก่ผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากการฆ่าตัวตายนั่นเอง

และงานวิจัยในขั้นต่อไปของ นาตาชา กุลวิวัฒน์ คือการศึกษาผลลัพธ์จากการรักษาด้วยยาต้านอาการอักเสบต่างๆ ว่าจะมีปฏิปฏิกิริยาอย่างไรกับ claudin-5 ในกลุ่มสัตว์ทดลอง ซึ่งเธอหวังว่างานวิจัยนี้อาจให้เบาะแสในการพัฒนาวิธีการรักษาทางเลือกในกรณีที่ระบบ BBB บกพร่องที่เสี่ยงต่อการตัดสินใจการฆ่าตัวตายของมนุษย์ได้ในอนาคต

นับเป็นผลงานวิจัยที่น่าภูมิใจของเด็กนักเรียนเชื้อสายไทย ที่ฉายแววรุ่งในสหรัฐ และนอกเหนือจากความสามารถด้านวิทยาศาสตร์แล้ว เธอยังมีผลงานหนังสือภาพ My Dreams: A Trilingual Drawing Book: English, Thai, and Chinese ที่บอกเล่าประสบการณ์ของการเติบโตมาในครอบครัว 2 ภาษา (ไทย - อังกฤษ) และยังสนใจเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมอีกด้วย

และด้วยความรักในด้านการวาดภาพ และภาษา เธอได้รวบรวมภาพเขียนตั้งแต่สมัยเด็ก พร้อมคำบรรยายถึง 3 ภาษา (อังกฤษ, ไทย, จีน) เพื่อสนับสนุนทักษะด้านจินตนาการ และ พัฒนาภาษาไปควบคู่กันด้วย นับเป็นเยาวชนที่เก่งรอบด้านจริงๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top