Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

‘อี้ แทนคุณ’ ชี้ ก้าวไกล ตัดหาง ‘หยก’  ปัดให้พ้นตัว ไร้สามัญสำนึกทางสิทธิมนุษยชน

ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ  ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี  พรรคก้าวไกลแถลงข่าวไม่เกี่ยวทั้งที่กรณี "หยก"  สาเหตุมาจากนโยบายพรรคก้าวไกลที่พยายามปลุกปั่นให้ยกเลิก ชุดนักเรียน เลิกวัฒนธรรมการเคารพครูบาอาจารย์ เลิกเคารพกฎกติกาที่ตนไม่ชอบ จน"หยก" จากเยาวชนบริสุทธิ์กลายเป็น"เหยื่อ"ของความเชื่ออย่างก้าวร้าวสุดโต่งและเมื่อหยกพยายามทำตามสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้ปลุกปั่นไว้โดยมีว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทั้งการไปถือป้ายที่หน้าโรงเรียนดังกล่าวรวมทั้งการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนอย่างเต็มที่แต่พอสังคมสนับสนุนโรงเรียนให้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียมกันโดยตนได้ฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองในเรื่องการคงให้ใส่ชุดนักเรียนขึ้นกับความพร้อมแต่ละครอบครัว บางคนห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะเด็กไทยชอบถูกเปรียบเทียบ อวดแข่งกันเรื่องยี่ห้อ เรื่องแบรนด์เนม (เห็นและได้ยินกับตัวเองเรื่องการแข่งกันเรื่องยี่ห้อรองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ)   บางคนห่วงเรื่องความปลอดภัย จะแยกแยะอย่างไรคนไหนนักเรียนคนไหนคนนอกโรงเรียนที่เข้ามาปะปนหรือตอนออกนอกโรงเรียน บางคนห่วงเรื่องโฟกัส สมาธิต้องมาคิดทุกวันจะแต่งตัวยังไง.ชุดจะซ้ำกันไหมจะมีรสนิยมไหม ตลกไหม สวยไหม  อายเพื่อนไหม แมชกันไหม เพื่อนล้อไหม

พอหยก โดนสังคมตำหนิมากเข้าเรียกว่า "กระแสตีกลับ" จึงต้องกลับมาดูสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำคือ การแถลงการณ์ว่าพรรคตนไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องของ "หยก" เหมือนกับคนมีความสัมพันธ์กันจนมีลูก พอมีลูก ลูกทำผิดตามที่พ่อแม่สอนมา  คนเป็นพ่อแม่กลับตัดห้างทิ้ง และประกาศไม่ใช่ลูกตนเอง

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในช่วงเลือกตั้งพรรคก้าวไกลรณรงค์เรื่องนี้และกำหนดเป็นนโยบายพรรคอย่างจริงจังและมีการสนับสนุนแกนนำผู้ชุมนุมจนต่อเนื่องมาถึง การกระทำของ "หยก"  ดังนั้นการกระทำของพรรคก้าวไกลจึงถือเป็นการกระทำที่ไร้สามัญสำนึกไร้ความรับผิดชอบต่อเยาวชนและสังคม สะท้อนถึงการกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพอย่างแท้จริง กล่าวคือ มีการปลุกปั่นหลอกลวง ให้หลงเชื่อ และเมื่อเกิดผลกระทบต่อชีวิตเยาวชนที่หลงเชื่อจเป็นเหตุให้ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองในหลายเรื่อง  ทั้งมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ  อันจะกลายเป็นสาเหตุที่บ้านเมืองวุ่นวาย ครอบครัวแตกแยก  เยาวชนก้าวร้าวรุนแรงสุดโต่ง โดยถือว่าสิ่งเหล่านี้คือส่วนขยายของลัทธิคลั่งเสรีภาพที่ก้าวร้าวแบบสุดโต่งนั่นเอง
 

ทหารเรือบุกจับเรือบรรทุกน้ำมันหนีภาษี เกือบ 3 แสนลิตร ใกล้เกาะสีชัง ศรีราชา

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 66 เวลา 20.30 น. กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) บูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันกลางทะเล 2 ลำ พบน้ำมันดีเซลไม่ผ่านการเสียภาษี จำนวน 290,000 ลิตร 

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 18 มิ.ย.66 ที่ ท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เดินทางมาแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 

โดยได้เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติด้านการข่าวของ ทรภ.1/ศรชล.ภาค 1 นำไปสู่การมอบหมายภารกิจให้ เรือ ต.115 เข้าดำเนินการตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันต้องสงสัย ที่มีลักษณะพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษี ชื่อ เรือ MMM 8 มีไต๋เรือ พร้อมลูกเรือ รวม 6 นาย พบน้ำมันดีเซล จำนวน 230,000 ลิตร และเรือ NPK แสนสุข 33 มีไต๋เรือ พร้อมลูกเรือ รวม 7 นาย น้ำมันดีเซล จำนวน 60,000 ลิตร รวม 290,000 ลิตร ที่บริเวณ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 

ก่อนที่ เรือ ต.115 จะได้ดำเนินการควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลหลบเลี่ยงภาษีดังกล่าว มายังท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ทั้งนี้ การปฏิบัติดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเลอย่างจริงจัง

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือร่วมประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 142 และ Annual General Meeting ครั้งที่ 31 ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อความร่วมมือในการบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่พัฒนาร่วมอย่างยั่งยืน

วันที่ 17 มิ.ย. 66 พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะสมาชิกองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA:Malaysia-Thai Joint Authority Members) เข้าร่วมการประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 142 และ Annual General Meeting ครั้งที่ 31 โดยมี YBHG. TAN SRI DR. RAHAMAT BIVI BINTI YUSOFF ประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ประธานร่วมฝ่ายไทย และสมาชิกองค์กรร่วมฯ จากทั้งสองประเทศเข้าร่วมการประชุม ณ โรงแรม Shangri La Rasa Sayang Resort & Spa ปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยที่ประชุมมีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการด้านต่างๆ ของไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2023 ประกอบด้วย การพัฒนาและผลิตปิโตรเลียม , การเงิน , การจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพิจารณาเรื่องสำคัญอื่นๆ ของ MTJA ซึ่งมีผลการดำเนินการเป็นไปตามแผนงาน

นับว่าเป็นบทบาทหนึ่งของกองทัพเรือซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการแสวงประโยชน์ทรัพยากรใต้พื้นท้องทะเลโดยเฉพาะพลังงานปิโตเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม (JDA:Joint Development Area) ที่เท่าเทียมกันของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน

‘ดร.หิมาลัย’ โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็น ‘เป็นห่วง’ เรื่องเว็บพนันออนไลน์ และการจ่ายสินบน

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กด้วยความเป็นห่วง ในประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เรื่องเว็บพนันออนไลน์และการจ่ายสินบน โดยได้ให้ความเห็นไว้ว่า ...

น่าเป็นห่วง...ผมอ่านข่าวผู้การชลบุรีเรียกรับเงินสินบนจากผู้ต้องหาคดีการพนันออนไลน์ กว่า 140 ล้าน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือทางคดี ขณะนี้ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจมองไปที่มุมด้านของตำรวจที่เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์แต่เพียงด้านเดียว ซึ่งแน่นอนตำรวจที่ทำอย่างนั้นก็ต้องรับผิดไปตามกฎหมาย แต่ก็ไม่อยากให้ลืมกลุ่มผู้เสียหายในคดีที่ตำรวจเรียกเงินนั้น ว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าถ้าตำรวจชุดที่ทำคดีมีการเรียกเงินจริงตามข่าว

แล้วในคดีการพนันนั้นจะมีการสอบสวนสืบสวนอย่างจริงจังแค่ไหน คงต้องมีการแตะเบรคแน่ๆ และตามที่ปรากฏเป็นข่าวผู้เสียหายในคดีตำรวจเรียกเงิน หรือผู้ต้องหาในคดีการพนัน มีความสามารถสั่งให้คนเอาเงินมาให้ในคืนเดียวกว่า 60-70 ล้านบาท กลุ่มคนที่เอาเงินมาให้เอาเงินมาจากไหน เกี่ยวกับเงินการพนันออนไลน์หรือไม่ ก็ควรต้องไปตรวจสอบ

จากที่พวกเราได้รับรู้ข่าวพวกการพนันออนไลน์ที่ได้เงินมาจากการทำบ่อนออนไลน์จำนวนมาก จนสามารถใช้เงินเบิกทางไปสู่ตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือสร้างภาพทางสังคม ทำให้ผมเห็นถึงความน่ากลัวของการใช้เงินของพวกนี้แล้วครับว่า จะใช้เงินซื้ออะไรอีก…
 

ธงชาติ ปักคู่ กระเป๋าเป้สะพายหลัง ทำแบบนี้มีความหมายบางอย่าง ในประเทศเนเธอร์แลนด์

ผู้ใช้ TikTok ที่ชื่อว่า movedtoamsterdam ได้โพสต์คลิปสั้น อธิบายความหมายที่ซ่อนอยู่ กับการนำธงชาติ มาปักคู่ กับกระเป๋าเป้สะพายหลัง โดยมีใจความว่า ...

รู้หรือไม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้าเห็นธงชาติปักอยู่กับกระเป๋า backpack (กระเป๋าเป้สะพายหลัง) มันมีความหมายซ่อนอยู่ ในวัฒนธรรมของประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้าบ้านไหนมีลูกที่กำลังจะเรียนจบม.6 หรือว่า High School เขาก็จะทำแบบนี้เพื่อบอกเพื่อนบ้าน และเพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับเด็กคนนั้นที่เรียนจบ แสดงความยินดี ที่ว่าการเรียนการศึกษาที่เรียนมาตลอดมันกำลังจะจบแล้วนะ เพราะว่าในประเทศเนเธอร์แลนด์ การเรียนจบในระดับชั้น ม.6 หรือว่า High School นั้นก็ถือว่าพอแล้ว เขาจะไม่บังคับว่าจะต้องเรียนในมหาลัยต่อ ก็เลยถือว่าการศึกษาที่จะต้องแบกกระเป๋า backpack ไปเรียนนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เป็นการแสดงความยินดีแบบน่ารักๆ

แต่จริง ๆ แล้ว ก่อนที่การแสดงสัญลักษณ์แบบนี้จะเป็นที่ยอมรับในวงกว้างนั้น มันก็เคยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะว่ามันคือการนำธงชาติมาใช้ หลายคนก็จะมองว่ามันเหมาะสมหรือไม่ แต่สุดท้ายคนในสังคมก็ทำกัน ซึ่งรัฐบาลก็ปล่อยไป ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นการกระทำที่ไม่ได้ร้ายแรง ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรต่อสังคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top