Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

‘อลงกรณ์’ นำทีมไทยเยือนจีน ขยายส่งออก กุ้งและผลไม้ พร้อมสำรวจท่าเรือจ้านเจียง เปิดเส้นทางขนส่งสินค้าไปจีน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่าได้นำคณะผู้แทนไทยประกอบด้วยนายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ นายกฤษ อุตตมะเวทิน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายปรัตถกร แท่นมณี กงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว นายกลศ หิรัญบูรณะ นายกสมาคมและคณะที่ปรึกษาสมาคมการค้าเพื่อความยั่งยืนของเกษตรกร (Commercial Association for Sustainability of Agriculture: CASA)เดินทางเยือนเมืองจ้านเจียงซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่ใต้สุดของมณฑลกวางตุ้งโดยเข้าเยี่ยมชมท่าเรือจ้านเจียงและประชุมหารือกับผู้บริหารของท่าเรือจ้านเจียงเกี่ยวกับการเปิดเส้นทางการขนส่งทางเรือจากไทยมายังท่าเรือจ้านเจียงและยังได้สำรวจตลาดสินค้าเกษตรเชียงหนานเสียซานซึ่งเป็นสาขาของตลาดเชียงหนาน-กวางโจวเป็นตลาดค้าขายผลไม้ใหญ่ที่สุดในจีน

นายอลงกรณ์กล่าวว่า การเปิดเมืองท่าค้าขายให้มากที่สุดเป็นการสร้างโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ท่าเรือจ้านเจียงจึงเป็นอีกทางเลือกของการขนส่งสินค้าทางเรือตอนใต้สุด
ของมลฑลกวางตุ้งโดยใช้เวลาขนส่งจากแหลมฉบังไปท่าเรือจ้านเจียงไม่เกิน3วันรวมทั้งเป็นการรองรับการส่งออกทุเรียนและผลไม้อื่นๆกรณีที่เกิดปัญหาติดขัดบริเวณด่านทางบกเช่นด่านโหย่วอี้กวน ตงชิงและโมฮ่านที่อยู่พรมแดนเวียดนาม-จีนและลาว-จีนเช่นกรณีโควิดหรือกรณีช่วงพีคของผลไม้ไทยและเวียดนามออกพร้อมกัน ยิ่งกว่านั้นยังสามารถส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆรวมทั้งสินค้าของไทยทุกประเภท ประการสำคัญคือ เมืองจ้านเจียงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมกุ้งของจีนทำให้มีโอกาสที่ไทยจะส่งออกกุ้งมาจ้านเจียงเพิ่มขึ้น

“เมืองจ้านเจียงมีความพร้อมทางด้านระบบห่วงโซ่ความเย็น(Cold chain system) ห้องเย็นอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำและตลาดในมณฑลกวางตุ้ง และมณฑลภาคจะวันตก 13 มณฑล เช่น เสฉวน กุ้ยโจว มหานครฉงชิง ฯลฯ.จะเป็นอีกเส้นทางการขนส่งทางน้ำนอกเหนือจากท่าเรือในเขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วง”นายอลงกรณ์กล่าว

สำหรับท่าเรือจ้านเจียง (Zhanjiang Port)
เป็นท่าเรือน้ำลึกทางตอนใต้ที่สําคัญของจีน เปิดให้บริการตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปี 2499 มีท่าเทียบเรือ และจุดจอดเรือ 162 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพสามารถรองรับปริมาณสินค้าได้รวม 346.93 ล้านตัน โดยเป็นศักยภาพ ที่สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์รวม 800,00 ตู้ TEU/น้ำหนักรวม 9.6 ล้านตัน รองรับการขนถ่ายรถยนต์ 6.275 ล้านคัน/น้ำหนักรวม 124.5 ล้านตัน ผู้โดยสาร 31.78 ล้านคน มีแนวเดินเรือน้ำลึกที่สุดทางภาคใต้ ของจีนรองรับเรือระวาง 400,000 ตันได้ ปัจจุบันมีเส้นทางเดินเรือขนส่งตู้คอนเทเนอร์ 23 เส้นทาง เป็นเส้นทางระหว่างประเทศ 10 เส้นทาง และเส้นทางในประเทศ 13 เส้นทาง รวมถึงเปิดให้บริการการเชื่อมต่อ การขนส่งทางรถไฟเชื่อมกับทางเรือ จํานวน 22 เส้นทาง ในจีน เชื่อมโยงไปมณฑลยูนนาน กุ้ยโจว และหูหนาน เป็นต้น

บริษัทท่าเรือจ้านเจียง กรุ๊ป จํากัด (Zhanjiang Port (Group) Co., Ltd.) รับผิดชอบบริหารพื้นที่ เขตท่าเรือ 4 เขต ได้แก่ เขตท่าเรือเสียซาน เป๋าหม่าน เตี้ยวซุ่นต่าว และตงไหต่าว โดยมีท่าเทียบเรือและจุดเทียบเรือ รวม 36 แห่ง ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือบรรทุกน้ำมันดิบ 300,000 ตัน ท่าเทียบเรือแร่เหล็ก 250,000 ตัน ท่าเทียบเรือถ่านหิน 150,000 ตัน ท่าเทียบเรือระวาง 150,000 ตัน และท่าเทียบเรือตู้คอนเทเนเนอร์ระวาง 150,000 ตัน ในปี 2565 เขตท่าเรือในการบริหารของบริษัทฯ มีการขนถ่ายสินค้ารวม 101.39 ล้านตัน โดยเป็น การขนถ่ายตู้คอนเทเนอร์รวม 1.301 ล้านตู้ TEU เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ส่วนตลาดค้าส่งผักผลไม้เจียงหนานเสียซาน เป็นตลาดค้าผักและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตก ของมณฑลกวางตุ้ง เป็นสาขาของตชาดเชียงหนานกวางโจวมีพื้นที่กว่า 150,000 ตร.ม. เปิดให้บริการในปี 2559

ตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเสียซาน
ตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเสียซาน (Xiashan Sea Food Wholesale Market) เป็นตลาดค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ น้ำที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเป๋าหม่าน เขตเสียซาน มีพื้นที่ก่อสร้างรวม 408,473 ตร.ม. เป็นศูนย์กลางค้าขายผลิตภัณฑ์กุ้งลําดับต้น ๆ ของโลก (พื้นที่สําหรับ ตลาดซื้อขายกุ้งประมาณ 50,000 ตร.ม.) มีความจุของโกดังห้องเย็นรวม 100,000 ตัน (ห้องละ 5,000 ตัน จํานวน 20 ห้อง) มีโรงงานผลิตน้ำแข็ง 300 ตัน โรงเก็บน้ําแข็ง 1,500 ตัน และมีส่วนของโรงงานแปรรูปกุ้งด้วย เริ่มเปิดดําเนินการเมื่อปี 2555 
สินค้าที่นํามาจําหน่ายในตลาดส่วนใหญ่เป็นกุ้งขาววานาไมสดแช่เย็น มีผู้ประกอบการกุ้ง ในตลาดประมาณ 70-80 ราย การซื้อขายจะคึกคักในช่วงเวลา 18.00-21.00 น.

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเมืองจ้านเจียงมีความประสงค์ที่จะผลักดันให้มีการนําเข้า ผลไม้ไทยผ่านท่าเรือจ้านเจียง เนื่องจากเห็นว่าเมืองจ้านเจียงมีการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ห่วงโซ่ความเย็นสามารถรองรับและกระจายสินค้าสดได้ดีขึ้นกว่าในอดีต กอรปกับระยะเวลาในการเดินเรือไม่นาน และสามารถกระจายผลไม้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของจีนได้โดยสะดวกโดยเฉพาะทางตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง”

รู้จัก ‘บุ้ง เนติพร’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ‘กลุ่มทะลุวัง’ เติบโตในครอบครัวของนักกฎหมาย แต่สุดท้ายต้องเข้าไปอยู่ใน ‘คุก’

‘บุ้ง เนติพร’ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง  สมาชิกกลุ่มทะลุวัง วัย 27 ปี ผู้ที่ทำหน้าที่เป็น “ผู้ปกครอง” ของหยก เริ่มเป็นที่รู้จักของสังคมเมื่อตอนที่ได้ทำ 
“โพลสติกเกอร์สำรวจความคิดเห็น” เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมักจะหยิบยกคำถามที่ไม่เหมาะสม ไม่บังควรเช่น คำถามเกี่ยวกับขบวนเสด็จ หรือคำถามเกี่ยวกับงบประมาณสถาบันฯ มาเป็นตั้งโพลสอบถามในที่สาธารณะ โดยเคยทำโพลถามว่า "ขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่?" และไปส่งโพลไปที่วังสระปทุมเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565

ในวัยเด็กนั้น บุ้งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของนักกฎหมาย มีพ่อเป็นผู้พิพากษา พี่สาวเป็นทนายความ มี “ศาล” เป็นสนามเด็กเล่น ตัวบุ้งเอง ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกคาดหวังว่าให้เรียนกฎหมายเหมือนกับพ่อและพี่สาว เพื่อจะได้เข้าไปนั่งทำงานในศาล แต่ภาพฝันของทางครอบครัวคงจะไม่มีวันเป็นความจริง เพราะปัจจุบันเขาเลือกเส้นทางชีวิตที่ตรงกันข้าม
เขาเลือกที่จะเป็นแกนนำของกลุ่มทะลุวัง และเคลื่อนไหวเพื่อทำลายสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทั้งชาติ   

บุ้ง ถูกตั้งข้อหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และได้เข้ารายงานตัวที่ สน.ปทุมวันเมื่อ 10 มีนาคม 2565 ศาลได้มีคำสั่งให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์รายละ 200,000 บาท พร้อมคำสั่งติดกำไล EM ศาลยังกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวคือ
1) ห้ามทำกิจกรรมหรือการกระทำใดที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
2) ห้ามโพสต์เชิญชวน ปลุกปั่น ยั่วยุ ชักจูงประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือร่วมชุมนุมที่อาจก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
3) ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล

แต่บุ้งก็ยังไม่หยุดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อมาศาลจึงมีคำสั่งให้ ควบคุมตัว บุ้ง 
ไปที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา รวมระยะเวลาที่บุ้งต้องใช้ชีวิตในสถานที่แห่งนั้นเป็นเวลาทั้งสิ้น 94 วัน

‘ดร.วินัย’ เล่าถึงความรู้สึก เป็นตัวแทนคนไทย  ไปเข้าร่วมฮัจญฺกษัตริย์ และได้บรรยายให้ชาวมุสลิมทั่วโลก  

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน นักวิชาการ กรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา และกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าถึงความรู้สึกดีใจที่จะได้ไปเข้าร่วมฮัจญฺกษัตริย์  นอกจากนี้ ดร.วินัย ก็ยังได้รับเกียรติเป็นองค์บรรยายในการประชุมวิชาการ Grand Hajj Symposium 1444 AH อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของคนไทยไปทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนทางวิชาการจากประเทศไทย ไปให้ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลแก่นักวิชาการที่มาจากทั่วโลกทั้งประเทศมุสลิมและมิใช่มุสลิม 

‘ซ้งกี้ วีร่า’ โพสต์ความประทับใจใน ‘ชุดนักเรียน’ ย้ำ การอยู่ในกฎระเบียบ ทำให้เข้าใจ การอยู่ร่วมกันในสังคม

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ซ้งกี้ วีร่า’ ได้โพสต์ข้อความบรรยายความรู้สึกประทับใจ ในการสวมใส่ชุดนักเรียน โดยได้ระบุว่า ...

เล่าเรื่องจริงของตนเองสมัยเรียนนิดนึง 
ตอนผมม.1(ปี40) พ่อถูกโกง ล้มละลาย ไม่มีเงินใช้ ก่อนล้ม ผมมีชุดนักเรียนใหม่ๆ โคร่งๆเพื่อให้ใช้ได้นานที่สุดอยู่ 2 ชุด ใส่สลับ ซักผึ่งอยู่เกือบเทอม จนอ.ที่ปรึกษา อ.เสริมศรี เปลี่ยนบางยาง เขาไม่รู้สังเกตุเห็นอะไร สงสัยเสื้อมันเลอะมีรอย เขาเลยเรียกเข้าไปคุย
 “อึ้งเอ้ย มีชุดนักเรียนกี่ชุด ครูมีของรุ่นพี่ๆเขาบริจาคไว้ ชุดไหนเธอใส่ได้ เธอเอาไปนะ … รองเท้าก็มีเอาไปด้วย” 

ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ได้ซื้อชุดนักเรียนอิกเลย ใส่เก่าๆมาเรื่อย สิ่งที่ผมโดนล้อประจำคือ เสื้อเหลือง รองเท้าขาด แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะผมรู้ว่ามันไม่จำเป็น บ้านจน ก็ทนเอา แม่ผมสอนมาทั้งเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ถ้าโรงเรียนเขามีระเบียบยังไง เราไหว เราก็ทำตาม เพราะ “อั๊วส่งลื้อไปเปงนักเรียง ในโรงเรียนที่ดีที่สุดแล้ว ลื้อก็แค่เรียนก็พอ ผมก็ตัดให้ตามระเบียบ ชุดก็แต่งให้เรียบร้อย ครูเห็น ใครเห็นก็รักลื้อ”

จนขึ้น ม.4 แม่ซื้อให้ใหม่ 2 ชุด และก็ยังเอาตัวเก่าๆที่ยังไหวมาปักเสมาเพิ่ม ใช้ไป ไม่คิดอะไร แต่พอม.4 นี่สิ เริ่มมีเรียนพิเศษละ ผมก็ชุดไปรเวทไปเรียนปกติ แต่สิ่งที่ผมเจอคือเพื่อนๆถามว่า “ซ้ง มึงไม่มีเสื้อผ้าใส่หรอ เห็นใส่ซ้ำๆ เดิมๆ เก่าๆ” เราแม่งทั้งเจ็บทั้งอาย ด้วยวัยตอนนั้น รู้อยู่แล้วครับขอป๊าม้าซื้อใหม่ ไม่ได้แน่นอน แว่นที่ใส่ยังรับต่อจากพี่ๆเลย5555 

ผมเริ่มเลยครับ รับจ้างทุกออย่าง ขายน้ำเต้าหู้ ส่งปาท่องโก๋ รับหิ้วสินค้า รับซื้อของ อดอาหารกลางวัน เพื่อ? ใช่ครับ เก็บเงินซื้อยีนสักสองตัว เสื้อสัก 3-4 ตัว เพื่อใส่สลับไปเรียนพิเศษ ไม่ให้เพื่อนแซว ส่วนวันธรรมดาถ้ามีเรียน ผมจะแต่งแต่ชุดนักเรียนไปครับ ไม่เปลี่ยนชุด เหม็นก็ช่างมัน 5555
มานึกย้อน ไอ้ชุดพวกนั้น แม่งไม่มีผลต่อการเรียนเลยครับ แต่สิ่งที่ผมคิดเสมอคือ
1. ผมภูมิใจในชุดสถาบันการศึกษาและทรงผมที่แสนจะรักษาความสะอาดง่ายของผม
2. เมื่ออยู่ในชุดนักเรียนผมเท่ากับเพื่อนที่รวยมากๆหลายๆคน แม้มันจะเก่า มันก็เท่ากันครับ
3. การอยู่ในกฎระเบียบของสถาบัน มันทำให้ผมและพวกผม เข้าใจการอยู่ร่วมในสังคมที่มีกติกาครับ
ผมไม่ทราบว่าโรงเรียนอื่นสอนหรือบังคับอะไรบ้าง แต่โรงเรียนผมสอนให้พวกผมเคารพกติกาสังคม เรียนรู้การมีอิสระมากมายภายใต้กรอบระเบียบ เพื่อความสงบสุขในการใช้ชีวิต ครับ
สวนกุหลาบฯ

รักเพื่อน เคารพพี่ ดูแลน้อง เคารพครู กตัญญูพ่อแม่ สนองคุณแผ่นดินครับ

 

‘ดร.หิมาลัย’ โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็น ‘เป็นห่วง’ เรื่องเว็บพนันออนไลน์ และการจ่ายสินบน

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กด้วยความเป็นห่วง ในประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เรื่องเว็บพนันออนไลน์และการจ่ายสินบน โดยได้ให้ความเห็นไว้ว่า ...

น่าเป็นห่วง...ผมอ่านข่าวผู้การชลบุรีเรียกรับเงินสินบนจากผู้ต้องหาคดีการพนันออนไลน์ กว่า 140 ล้าน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือทางคดี ขณะนี้ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจมองไปที่มุมด้านของตำรวจที่เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์แต่เพียงด้านเดียว ซึ่งแน่นอนตำรวจที่ทำอย่างนั้นก็ต้องรับผิดไปตามกฎหมาย แต่ก็ไม่อยากให้ลืมกลุ่มผู้เสียหายในคดีที่ตำรวจเรียกเงินนั้น ว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าถ้าตำรวจชุดที่ทำคดีมีการเรียกเงินจริงตามข่าว แล้วในคดีการพนันนั้นจะมีการสอบสวนสืบสวนอย่างจริงจังแค่ไหน คงต้องมีการแตะเบรคแน่ๆ และตามที่ปรากฏเป็นข่าวผู้เสียหายในคดีตำรวจเรียกเงิน หรือผู้ต้องหาในคดีการพนัน มีความสามารถสั่งให้คนเอาเงินมาให้ในคืนเดียวกว่า 60-70 ล้านบาท กลุ่มคนที่เอาเงินมาให้เอาเงินมาจากไหน เกี่ยวกับเงินการพนันออนไลน์หรือไม่ ก็ควรต้องไปตรวจสอบ จากที่พวกเราได้รับรู้ข่าวพวกการพนันออนไลน์ที่ได้เงินมาจากการทำบ่อนออนไลน์จำนวนมาก จนสามารถใช้เงินเบิกทางไปสู่ตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือสร้างภาพทางสังคม ทำให้ผมเห็นถึงความน่ากลัวของการใช้เงินของพวกนี้แล้วครับว่า จะใช้เงินซื้ออะไรอีก…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top