Friday, 23 May 2025
ค้นหา พบ 48304 ที่เกี่ยวข้อง

‘เกาะกระดาน’ สุดฮอต!! ช่วงสงกรานต์ที่พักเต็มทุกห้อง หลังถูกจัดให้เป็น ‘ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก’

(9 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ภายหลังจากที่เว็บไซต์ World Beach Guide ซึ่งเป็นเว็บค้นหาและเก็บข้อมูลชายหาดต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักกับชายหาดที่สวยงามจากมุมต่าง ๆ ของโลก ได้จัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (Top 100 beaches on Earth 2023) โดยได้จัดให้ชายหาดที่เกาะกระดาน จังหวัดตรัง เป็นชายหาดที่สวยงามอันดับ 1 ของโลก ปี 2023 จากการเผยแพร่ภาพของชายหาดเกาะกระดานที่สวยงามนั้น ทำให้ชายหาดที่เกาะกระดานได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมได้ขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ในการรักษาความสะอาดทั้งบนบกและในทะเล พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะกระดาน เพื่อให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้มีนักท่องเที่ยวจองห้องพักบนเกาะกระดานตามรีสอร์ทเต็มจนหมด เนื่องจากต้องการชื่นชมความงดงามของหาดทรายขาวละเอียด ปะการังใต้ท้องทะเลตรัง ฝูงปลานานาชนิดที่เกาะกระดาน ในส่วนของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมนั้นได้เตรียมเจ้าหน้าที่เอาไว้คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดตรังว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

ด้าน นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จังหวัดตรัง กล่าวว่า ชายหาดเกาะกระดาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยเกาะกระดาน ถือเป็นสถานที่ที่มีเกาะที่สวยงามที่สุดและส่วนใหญ่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ทั้งนี้ จุดเด่นของเกาะกระดาน เป็นเกาะที่มีความกว้างมาก มีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด ชายหาดกว้างใหญ่สวยงามน่าเล่นน้ำ น้ำทะเลใสจนมองเห็น แนวปะการัง น้ำตื้น ตลอดจนฝูงปลาหลากหลายพันธุ์

‘จุรินทร์’ นำทีม ‘ปชป.’  อ้อนชาวพิษณุโลก กาเบอร์ 26 ย้ำจุดยืนประชาธิปไตยไม่โกง ไม่เอาระบอบประธานาธิบดี

‘จุรินทร์’ นำทัพปชป. บุกพิษณุโลก ขอเสียงกาเบอร์ 26 ย้ำจุดยืนประชาธิปไตยไม่โกง เป็นระบบ ‘รัฐสภา’ ไม่ใช่ ‘ระบอบประธานาธิบดี’ โนคอมเมนท์ปม ‘บิ๊กตู่’ ถ้าเป็นนายกฯ ก็อีก2ปี ชี้เป็นไปตามข้อเท็จจริง-ศาลวินิจฉัยแล้ว สุดท้าย ‘พรรคยั่งยืน’  คือทางรอดประเทศ

(9 เม.ย.66) ที่ ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาพาณิชยการ จ.พิษณุโลก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต  และ นายอรัญ วงศ์อนันต์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 26 เดินทางมาปราศรัยย่อยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อแนะนำผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกอบด้วย เขต 1 นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร เบอร์ 5 เขต 2 น.ส. ปุญชรัสมิ์ ศิริสวัสดิ์ เบอร์ 7 เขต 3 นายวิมล สารมะโน เบอร์ 1 เขต 4 น.ส.มุธิตา ทองคำนุช เบอร์ 6 เขต 5 นายพริ้ง บุญแสงสวัสดิ์ เบอร์ 4 และนำเสนอนโยบายที่มาพร้อมด้วยความรับผิดชอบ ตั้งแต่นโยบาย “ประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง” “ชาวนารับ 30,000 ต่อครัวเรือน” “โฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี” “กรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ” “เรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ” “Startup – SME ต้องมีแต้มต่อ” “ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” “ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาทต่อชมรม” “ธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชนแห่งละ 2 ล้านบาท” เป็นต้น โดยมีพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย สนใจเข้ารับฟังการปราศรัยเต็มห้องประชุม และร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอบคุณผู้สมัครทุกคนที่ยืนหยัดหนักแน่น มั่นคงกับประชาธิปัตย์ ไม่เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ ซึ่งปัจจัยนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่คนพิษณุโลกจะพิจารณาตัวผู้สมัคร และตัวผู้สมัครทุกคนของเราก็มีความตั้งใจ มุ่งมั่นในการเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน พร้อมกับหวังว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาธิปัตย์จะปักธงที่จังหวัดพิษณุโลกได้ นอกจากนี้ตนมีความเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถอยู่ในใจของประชาชนได้ เพราะนอกจากอุดมการณ์ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของพรรคแล้ว ยังมีผลงาน และนโยบายที่โดนใจ ซึ่งเป็นทั้งจุดเด่น และจุดแข็งของประชาธิปัตย์ รวมถึงแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งสมประสบการณ์มา ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร พร้อมเข้าไปทำหน้าที่ได้ จึงเชื่อมั่นว่าขณะนี้ประชาธิปัตย์มีเสียงสนับสนุนจากทั่วประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ

เมื่อถามว่า จากการที่ภาคเหนือกำลังผจญกับฝุ่นพิษ PM 2.5 พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางในเรื่องนี้อย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า การแก้ปัญหามลพิษนั้น ต้องแก้ไขที่จุดนั้น หากเป็นมลพิษที่เกิดจากรถยนต์ก็ต้องแก้ที่ควันรถ รวมทั้งเร่งส่งเสริมการใช้รถ EV ให้มากขึ้น และส่งเสริมการใช้รถสาธารณะเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถ EV ให้มากขึ้น รวมถึงการเป็นฮับในการผลิตรถยนต์ EV ในภูมิภาคได้ต่อไป ส่วน PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาป่าหรือเผาไร่ ในแต่ละพื้นที่ก็ต้องเคร่งครัดการใช้กฎหมายมากขึ้น รวมทั้งต้องเดินหน้าในการเจรจาระหว่างประเทศ เพราะปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดเฉพาะที่บ้านเรา รวมทั้งการที่จะต้องไปเจรจาร่วมกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้แก้ไขปัญหามลพิษ และ ปัญหา PM 2.5 แบบครบวงจร

เมื่อถามถึงกำหนดการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้ในช่วงบ่าย ตนจะนำจุรินทร์ออนทัวร์ ไปจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน รวมทั้งเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ 4 ปี ประกันรายได้ของประชาธิปัตย์ เกษตรกรได้อะไร” ส่วนในวันพรุ่งนี้(10เม.ย.) ทีมเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์ จะได้เปิดนโยบายการอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้าน เข้าสู่ระบบ ขณะที่ทัพหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีกำหนดการไปอีกหลายพื้นที่

เมื่อถามว่าขณะนี้มีหลายพรรคการเมืองหาเสียงด้วยการชูเรื่องประชาธิปไตย นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มีความชัดเจน ตนได้ประกาศไปแล้วว่า จุดยืนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นทางรอดให้กับประเทศก็คือ ประเทศไทยหนีไม่พ้นที่จะต้องเดินหน้าการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะหลายปีที่ผ่านมาประชาธิปไตยครึ่งใบ ต้องประสบแรงเสียดทาน ประสบปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด

“ทางเดียวที่จะต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยประชาธิปไตยเต็มใบ ระบบรัฐสภา ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี และเท่านั้นยังไม่พอ จะต้องเป็น ประชาธิปไตยไม่โกงด้วย เพราะถ้าโกงเมื่อไหร่ เราก็สูญเสียประชาธิปไตยเมื่อนั้น จากหลายยุคที่เกิดการยึดอำนาจ รัฐประหาร ก็เพราะรัฐบาลก่อนหน้านั้นทุจริต คอร์รัปชัน ดังนั้นเราต้องนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียน” นายจุรินทร์ กล่าว

‘เฟอร์รารี่’ เปิดตัว ‘Ferrari Purosangue’ SUV 4 ประตู 4 ที่นั่ง ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 75 ปี เคาะราคาขายที่ 40.5 ล้านบาท

Ferrari Purosangue (พูโรซังกเว้) เป็นรถสปอร์ตแบบ 4 ประตูขนานแท้จากเฟอร์รารี่ โดยถือเป็นรถ 4 ประตู 4 ที่นั่งรุ่นแรกของประวัติศาสตร์ 75 ปี ของม้าลำพอง มาพร้อมเครื่องยนต์แบบวางกลางลำด้านหน้า และติดตั้งชุดเกียร์ไว้ด้านหลัง เพื่อให้ได้มาซึ่งเลย์เอาต์แบบรถสปอร์ต แตกต่างจากรถครอสโอเวอร์และเอสยูวีทั่วไปที่มักติดตั้งเครื่องยนต์เยื้องไปทางด้านหน้าจนเกือบคร่อมเพลาหน้า ส่งผลให้มีการกระจายน้ำหนักไม่เหมาะสม ขณะที่พูโรซังกเว้มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังอยู่ที่ 49:51 ซึ่งวิศวกรแห่งมาราเนลโลเห็นพ้องว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้า

ชื่อ Purasangue ในภาษาอิตาลีแปลว่า ‘พันธุ์แท้’ มาพร้อมแชสซีซ์ที่ถูกออกแบบใหม่หมดจด ติดตั้งหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อช่วยลดน้ำหนักและจุดศูนย์ถ่วงของรถ และการออกแบบตัวถังใหม่ส่งผลให้สามารถติดตั้งประตูแบบบานพับอยู่ด้านหลัง (Welcome Doors) ทำให้สามารถเข้า-ออกรถได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ตัวรถยังมีขนาดกะทัดรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตัวถังภายนอกได้รับการออกแบบและขัดเกลาอย่างประณีตโดย Ferrari Styling Centre เพื่อให้เกิดรูปทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ประกอบด้วยสองส่วนที่แยกออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนล่างของตัวรถเน้นไปทางเทคนิคบริเวณใต้ท้องรถ ขณะที่ตัวถังส่วนบนมีความน่าเกรงขามและสง่างาม โดยจุดนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงส่วนเว้าโค้งที่ดูรายกับลอยตัวอยู่เหนือซุ้มล้อทั้งสี่

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะไฟฟ้าแบบทำความร้อนได้ทั้ง 4 ที่นั่ง สามารถรองรับผู้ใหญ่ 4 คน ได้อย่างสะดวกสบาย ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา และเบาะหลังยังสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ใส่สัมภาระได้ จากรูปแบบตัวตัวรถส่งผลให้ตำแหน่งการขับขี่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถได้เหนือกว่าเฟอร์รารี่รุ่นอื่นๆ แต่การจัดวางยังคงเป็นแบบเดียวกับเฟอร์รารี่ทุกคัน นั่นคือตำแหน่งการขับขี่ที่กระชับและใกล้กับพื้น เพื่อมอบความรู้สึกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับการเคลื่อนไหวของรถ อีกทั้งยังสามารถเลือกออปชันเสริม เช่น เครื่องเสียง Burmester และหนัง Alcantara แบบใหม่ที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล เป็นต้น

Ferrari Purosangue ติดตั้งเครื่องยนต์ 12 สูบ ความจุ 6.5 ลิตร ไร้ระบบช่วยอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 725 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 716 นิวตัน-เมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที โดยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิดมีให้ใช้ที่รอบต่ำเพียง 2,100 รอบต่อนาที อีกทั้งบุคลิกการตอบสนองคันเร่งเป็นแบบเดียวกับรถสปอร์ตขนานแท้ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 10.6 วินาที

ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ 8 จังหวะ F1-DCT คลัตช์น้ำมันคู่ ถูกปรับให้เหมาะสมผ่านการใช้ดรายซัมพ์และชุดคลัตช์ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิม ช่วยลดความสูงได้ 15 มม. ขณะที่ประสิทธิภาพของชุดคลัตช์ใหม่เพิ่มสูงขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ รองรับแรงบิดขณะเปลี่ยนเกียร์ได้สูงถึง 1,200 นิวตัน-เมตร พร้อมชุดควบคุมแรงดันไฮดรอลิกเจเนอเรชันใหม่ช่วยให้เวลาในการปลดและจับคลัตช์เร็วกว่าเดิม ทำให้เวลารวมในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเมื่อเทียบกับเกียร์ DCT 7 จังหวะรุ่นก่อนหน้านี้

‘เดชรัต’ ประกาศกร้าว!! เสนอ 7 ข้อ หยุดวงจรอุบาทว์  แก้วิกฤติฝุ่น ‘PM 2.5’ ลั่น!! ถ้าเป็นรัฐบาลเห็นผลทันที

(9 เม.ย.66) ‘ก้าวไกล’ ประกาศ 7 ข้อแก้วิกฤติฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ถ้าเป็นรัฐบาลเห็นผลทันที 1 มกรา 67 ดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด-งบตำบลละ 3 ล้านป้องกันไฟป่า- ถทุกคันตรวจสภาพฟรี 3 เดือน ด้านผู้สมัครเชียงใหม่ เขต 1 จี้รัฐบาลแก้ปัญหา หลังปล่อยประชาชนรับผลกระทบ รายได้ธุรกิจกลางแจ้งสูญ 30% ใน 3 เดือน

เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) และหนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่กำลังวิกฤติอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือว่า เมื่อวานนี้ (8 เมษายน) ตนเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล เข้าร่วมเวทีดีเบตประเด็น ‘อนาคตของอากาศบริสุทธิ์จะมาอีกเมื่อไร’ ที่จัดโดยภาคประชาสังคมที่จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมตั้งคำถามต่อพรรคการเมืองว่าจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในระยะสั้น ซึ่งหมายถึงรอบฤดูฝุ่น 2567 อย่างไร เนื่องจากหลายครั้ง ผู้กำหนดนโยบายมักกล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในระยะยาว จนประชาชนไม่สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กก็เวียนกลับมาหาประชาชนเป็นประจำทุกปี และหนักขึ้นในปี 2566 นี้

เดชรัตกล่าวว่า ดังนั้น เพื่อทำลายวงจรอุบาทว์นี้ พรรคก้าวไกล ขอประกาศความเปลี่ยนแปลง 7 ข้อ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2567 หรือวันเริ่มต้นฤดูที่อาจจะเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กรอบหน้า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล

1. ประเทศไทยจะมี ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด และร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือ PRTR เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อาจผ่านวาระ 1-2 แล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของพรรคการเมืองอื่นๆ แต่พรรคก้าวไกลเราจะยื่นร่างกฏหมายนี้เข้าสู่สภาฯ ภายใน 1 เดือนแรกอย่างแน่นอน

2. จะมีงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่าลงสู่พื้นที่ระดับตำบล ตำบลละ 3 ล้านบาท เพื่อการป้องกันไฟป่า การจัดการเชื้อเพลิง การเตรียมทีมอาสา พร้อมทั้งสวัสดิการของทีมอาสา และการปรับระบบการเกษตรแบบไม่เผา พร้อมดำเนินการได้ทันที

3. รัฐบาลไทย จะประกาศใช้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (หรือ GAP) เพื่อไม่ให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีที่มาจากการเผาทุกประเภท เข้าสู่ประเทศไทย ทำลายวงจรธุรกิจการเผาเพื่อการเกษตร แบบเดียวกับมาตรการที่ประเทศสิงคโปร์ทำ

4. ประกาศทางเลือกให้พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด อ้อย และข้าว ว่า (1) สามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้ เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นข้าวโพด มาขายในราคา 1,000 บาท/ตัน โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณผ่านผู้ประกอบการหรือผู้รวบรวมรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตร (2) สามารถซื้อเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว (สำหรับผู้ปลูกอ้อย) และเตรียมดิน (สำหรับผู้ปลูกข้าวและข้าวโพด) โดยขอรับสินเชื่อที่ดอกเบี้ย 0% พร้อมการดูแลหลังการขาย โดยรัฐบาลมีหน้าที่เจรจากับธุรกิจเครื่องจักรทางการเกษตร และทำโครงการร่วมกัน และ (3) สามารถเปลี่ยนไปปลูกพืชอาหารอื่นๆ หรือไม้ยืนต้น โดยรับประกันผลตอบแทนที่ 500-1,000 บาท/เดือน

5. รถยนต์ทุกคันได้รับการตรวจสภาพรถยนต์และควันดำ โดยจะเปิดให้ตรวจสภาพรถยนต์ฟรีในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) จากนั้น รถทุกคันต้องติดสติ๊กเกอร์การตรวจสภาพรถที่เห็นได้ชัดเจน หากคันใดยังไม่ติด ต้องไปตรวจสภาพรถทันที เพื่อจบปัญหารถควันดำที่วิ่งทั่วประเทศไทย ซ้ำเติมปัญหา PM 2.5

6. เปิดตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจสำหรับประชาชนในภาคเหนือตอนบนฟรี พร้อมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับผู้เข้าตรวจ เพื่อให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการติดตามเฝ้าระวังโรคในระยะยาว

7. เตรียมพื้นที่ปลอดภัยที่มีเครื่องกรองอากาศ โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ห้องสมุดประชาชน ในทุกๆ อำเภอ โดยสนับสนุนงบประมาณผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาล และโรงเรียน โดยตรง รวมถึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับให้พื้นที่ของตน เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เช่น co-working space โดยรัฐบาลจะสนับสนุนผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กฟรี หากมีฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน

‘สิริอร’ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาพ่อค้า-แม่ขาย ชูนโยบายพักหนี้ 3 ปี เชื่อ!! ตัดวงจรหนี้นอกระบบ เพื่อให้ปชช. สร้างตัวได้อย่างยั่งยืน

ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ‘สิริอร’ ภูมิใจไทย ขอรับอาสาช่วยปลดหนี้พ่อค้า-แม่ขาย ทุนจมหนี้บานจากโควิด-19 ชู นโยบายพักหนี้ 3 ปี เปิดกู้ฉุกเฉิน 5 หมื่นบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย-คนค้ำ เชื่อ ตัดวงจรหนี้นอกระบบได้

(9 เม.ย.66) น.ส.สิริอร ม้ามณี ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 6 เขต 1 พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต (ยกเว้นแขวงนครไชยศรี) บางรัก พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชน ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน ทั้งหนี้ในระบบ และนอกระบบ ซึ่งหนี้สินเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงโควิด - 19 ระบาดหนัก คนส่วนใหญ่ในพื้นที่มีอาชีพค้าขาย แต่เมื่อประสบกับปัญหาโควิด - 19 มาหลายปี รายได้จากค้าขายหดหายไป เงินทุนจม ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ เพราะไม่มีหลักทรัพย์ ไม่มีคนค้ำ ถูกคิดดอกเบี้ยโหด เมื่อกลับมาค้าขายได้แต่หนี้ก็ยังไม่ลด เพราะดอกเบี้ยเดินไม่มีวันหมด บางรายที่เป็น SME ถึงกับต้องปิดกิจการ เพราะไม่มีรายได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top