Thursday, 8 May 2025
ค้นหา พบ 47927 ที่เกี่ยวข้อง

‘กรณ์’ งัดหลักฐาน จวก ‘รัฐฯ’ เข้าข้างนายทุน เอาเปรียบ ปชช. ขึ้นค่าไฟแพงมหาโหด ในช่วงที่อากาศร้อนจัดที่สุดของปี

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ รัชดาภิเษก นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตเศรษฐกิจชั้นใน ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน เขตสาทร ปทุมวัน-ราชเทวี, นายปรัชญา อึ้งรังษี เขตยานนาวา-บางคอแหลม และ นายปรินต์ ทองปุสสะ เขตวัฒนา-คลองเตย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีจะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงหน้าร้อนคนไทยใช้ไฟเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ค่าไฟโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นพีคทุกครัวเรือน แต่รัฐฯ ยังประกาศจะขึ้นค่าไฟ ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งหนึ่งในต้นตอสำคัญทำให้สินค้าราคาสูงขึ้นคือ ต้นทุนพลังงาน เราเสนอแนวนโยบายที่ชัดเจนที่จะแก้ปัญหา คือต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน แต่ล่าสุดสิ่งที่ทำให้เราตกใจมาก กับการประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งพิจารณาภายใต้นโยบายที่ส่งต่อมาจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือนจากหน่วยละ 4.72 บาท เพิ่มเป็นหน่วยละ 4.77 บาท แต่กลับลดราคาให้ภาคอุตสาหกรรมจากหน่วยละ 5.33 บาท ลดลง เหลือ 4.77 บาท

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้คือ การปรับค่าเอฟที โดยภาคประชาชนมีการปรับค่าเอฟทีขึ้น 5% แต่กลับลดให้ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 30กว่า% จากตัวเลขดังกล่าว พวกเราเห็นแล้วถึงกับอึ้งกับแนวนโยบายการกำหนดค่าไฟแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับลำเอียงเข้าข้างภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป

นอกจากนี้ เรายังไม่เห็นตรรกะความจำเป็น ที่ต้องปรับค่าไฟแบบนี้ เพราะหากดูตามข้อเท็จจริง ต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า คือ ราคาก๊าซ LNG ในอดีต เราไม่เดือดร้อนมากเพราะสามารถใช้ก๊าซจากอ่าวไทยได้ แต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง เราจึงต้องนำเข้าก๊าซ LNG  ซึ่งราคาก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ จากที่พีคสุด 70 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ลดลงเหลือ 11 เหรียญ ต่อล้านบีทียู หรืออย่างมากไม่เกิน 30 เหรียญต่อล้านบีทียู

คำถามคือ แล้วทำไมต้องปรับเพิ่ม หรือถ้ามองในมิติของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งท่านก็ทราบว่าการนำเข้า บาทยิ่งแข็งยิ่งทำให้สามารถนำเข้าในอัตราที่ถูกลง และปัจจุบันค่าเงินบาทก็แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 34 บาท ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของต้นทุนก๊าซ หรืออัตราแลกเปลี่ยน ก็ล้วนแต่มีภาระลดลง

‘กัมพูชา’ โวย ‘ไทย’ ก๊อปท่ามวย ‘หนุมานข้ามลงกา’ งัดหลักฐานโชว์ ลั่น!! นครวัดมีมาเป็น 1,000 ปีแล้ว

(25 มี.ค. 66) เริ่มต้นจากการที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘Thai Fight : King Of Muay Thai’ โพสต์ภาพ ‘หนุมานข้ามลงกา’ โดยเป็นงานประติมากรรมมวยไทยคาดเชือกของ นายสุริศักดิ์ พ้นภัยพาล ภายใต้แนวคิด มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติไทย มาตั้งแต่โบราณนานนม เดือดร้อนถึงเฟซบุ๊กแฟนเพจกัมพูชาที่ชื่อว่า ‘WORLD KUN KHMER Promotion’ ได้นำภาพดังกล่าว มาเปรียบเทียบกับประติมากรรมบนกำแพงวัด พร้อมกล่าวว่า ‘หนุมานกุนขแมร์’ นั้นมีมานานกว่า 1,000 ปี เท่ากับจะบอกว่า ไทยนั้นไปขโมยของพวกเขามา

โดยทางเพจ WORLD KUN KHMER Promotion อ้างเหตุผล 4 ข้อ แปลเป็นไทยได้ดังต่อไปนี้

1.) ทั้งหมดมาจากพราหมณ์ ซึ่งนับตั้งแต่เกิดรัฐไทยในปี 1238 ไทยนับถือศาสนาพุทธ ไม่เคยนับถือศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีเพียงกษัตริย์ขอมแห่งอาณาจักรเขมรเท่านั้นที่นับถือศาสนาพราหมณ์ก่อนศาสนาพุทธด้วยซ้ำ
2.) ประเทศไทยไม่เคยมีประติมากรรมหนุมาน ที่แสดงศิลปะการต่อสู้และสงคราม ยกเว้นประติมากรรมวัดในอาณาจักรเขมร
3.) ไทยเคยรุกรานและยึดครองนครวัด ดังนั้น ไทยจึงได้จำลองแบบประติมากรรมในเมืองพระนคร ทั้งหมดมาจากประติมากรรมขอม
4.) ที่ผ่านมามีนักปราชญ์ชาวเขมรจำนวนมากมายังสยาม ชาวเขมรดั้งเดิมที่นั่นได้ฝึกฝนพวกเขาจนพัฒนาศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า ‘มวยไทย’ จนถึงทุกวันนี้


ที่มา : https://www.facebook.com/MGR.SPORT/posts/pfbid066eNRxVLeseCB22QaYE3jRfwog8KrAPxBfkphC373ck6qniubkTvCbwv5UBQFEPtl

จับตา!! แคนดิเดตนายกฯ รทสช. ‘พล.อ.ประยุทธ์’ หรือ ‘พีระพันธุ์’

‘รทสช.’ จัดสัมมนา ชวนผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ ทำความเข้าใจกติกา กกต. ขอระวังถูกกลั่นแกล้ง สั่งจับตาฝ่ายตรงข้ามทำผิดด้วย ‘ไม่สน’ คำปรามาสตั้งพรรค

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารเดอะพอร์ทอล ไลฟ์สไตล์ คอมแพล็กซ์ อิมแพค เมืองทองธานี ในการสัมมนาผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวเปิดสัมนา ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จัดกิจกรรมร่วมกับสมาชิกพรรคที่พร้อมจะลงเลือกตั้ง ซึ่งจะนำชัยชนะมาให้คนไทย ยืนยันว่า ที่ทำพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาตั้งใจให้เป็นพรรคของคนธรรมดา ไม่ใช่เป็นพรรคของคนยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ช่วยกันทำงานแบบเพื่อนพี่น้อง กฎหมายบอกให้มีตำแหน่งก็มีไป แต่ในการทำงานของพวกเราไม่ได้แบ่งว่าใครเป็นหัวหน้าหรือรองหัวหน้า ทุกคนทำงานเป็นเบ้ของพรรคทั้งหมด เราตั้งใจที่จะให้มีพรรคการเมืองแบบใหม่เป็นพรรคของประชาชนที่สามารถลดความหลื่อมล้ำในสังคมและความเป็นอยู่ต่าง ๆ รวมทั้งมีความรักความสามัคคี ถ้าไม่เริ่มต้นจากพรรคของพวกเราก็จะไปทำให้ประเทศเป็นแบบนี้ไม่ได้ 

“ในพรรคครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคที่ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ทุกคนเท่ากันช่วยกันทำงาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานและนำไปสู่ความสำเร็จ เพื่อนำมาช่วยเหลือประเทศไทยให้มีความสุขในการอยู่กับแผ่นดินนี้ ช่วยกันสร้างอนาคตให้กับลูกหลานต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เลขาธิการพรรคกล่าวว่าตนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและอยู่เบื้องหน้าอีกหลายเรื่อง แต่ความสำเร็จที่ตนพยายามผลักดันให้พรรค เติบโตขึ้นมาไม่มีวันจะเป็นไปได้เลยถ้าขาดบุคคลสำคัญอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ อย่างไรตนก็ต้องขอขอบคุณ พรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มต้นจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ใช่เป็นผู้จดทะเบียนตั้งพรรคแต่มีมอตโตขึ้นมาระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญโควิด 19 โดยบอกว่าคนไทยต้องช่วยกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง คนไทยต้องร่วมมือกัน รวมไทยสร้างชาติ พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกปิ๊ง

“ผมเคยคิดว่าจะพักแล้ว แต่พอเห็น พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเลยเกิดความคิดว่าแล้วเราจะทิ้งบ้านเมืองไปได้อย่างไร และชอบคำที่ พล.อ.ประยุทธ์พูด คิดว่าเป็นคำทางการเมืองที่ถูกต้อง รวมไทยสร้างชาติ เพราะไม่ว่าจะประเทศไทยเราหยุดคิดและเดินไม่ได้ เราหยุดการพัฒนาประเทศไม่ได้เราจึงต้องร่วมกันสร้าง คนไทยที่อยู่บนแผ่นดินนี้ไม่ร่วมใจ ไม่ร่วมกันสร้างแล้วเราจะเดินกันไปได้อย่างไร แต่นึกได้ไม่นานนายเสกสกล ก็แอบไปจดทะเบียนพรรค ซึ่งผมรู้จักกับคุณแรมโบ้มานาน ตั้งแต่เป็น ส.ส.สมัยแรก ซึ่งท่านบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปทำพรรคการเมือง แต่ผมชอบคำว่ารวมไทยสร้างชาติ และเชื่อว่าจะมีคนเอาไปจดทะเบียนพรรคจึงชิงจดไว้ก่อน เวลาผ่านไปจนถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ที่จะเดินหน้าทางการเมืองที่ฝันไว้ว่าจะมีพรรคที่ไม่ได้คิดแต่เรื่องการเมืองแต่คิดเพื่อประชาชน และสามารถเป็นที่พึ่งได้ จึงได้หารือกับ นายเอกนัฏ จึงลองทำดู ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ เอาแต่พูด จึงตัดสินใจเดินหน้าตั้งแต่มีกันอยู่แค่ 2 คน จนมีมากขึ้น เมื่อเป็นรูปธรรมจึงกลับไปหานายเสกสกลและขอเอาพรรครวมไทยสร้างชาติไปทำได้หรือไม่ ท่านก็บอกว่าถ้าพี่จะทำเอาไปเลยยกให้ ต้องขอบคุณและนี่คือจุดเริ่มต้นของพรรค” นายพีระพันธุ์ กล่าว

บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอล พูดคุย-รับกำลังใจจาก นศ.ม.สยาม เด็ก ๆ อ้อนอยากเจอตัวจริง ชวนลุงป้อมมาร่วมพิธีเปิดกีฬาสี

(25 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วิดีโอคอลคุยกับตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยสยาม เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยตัวแทนนักศึกษาได้กล่าว สวัสดี พล.อ.ประวิตร และให้กำลังใจในการทำงานทางการเมือง

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “สวัสดีทุกคน สบายดีจ้ะ ขอบคุณนะคะ ที่มาให้กำลังใจ”

ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า ตอนนี้ฝุ่น PM 2.5 และปัญหาสารซีเซียมรั่วไหล ขอให้ พล.อ.ประวิตร รักษาสุขภาพ เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ และทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพื่อจะได้ก้าวไปเป็นนายกฯ ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ และวันที่ 1 เม.ย. 66 จะมีพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีหูกวางเกมส์ ซึ่งเป็นกีฬาภายในของมหาวิทยาลัยสยาม ทั้ง 13 คณะ ซึ่งได้งดจัดการแข่งขันมา 2 ปีจากภาวะโควิด-19 จึงขอเชิญ พล.อ.ประวิตร ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย

“พวกเราอยากเห็นลุงป้อมตัวเป็น ๆ จะได้ไปขอกอด เพราะจากการได้พูดคุยรู้สึกว่าลุงป้อมใจดี และขอเป็นกำลังใจให้ลุงป้อมด้วย” ตัวแทนนักศึกษา ระบุ

พล.อ.ประวิตร กล่าวตอบว่า การจะก้าวความขัดแย้งได้นั้นก็อยู่ที่ลูกหลานด้วย ส่วนตนจะทำให้ดีที่สุด และวันที่ 1 เม.ย.66 ตนรับปากจะไปเป็นประธานเปิดพิธีกีฬาสีของมหาวิทยาลัยให้ และขอให้ทุกคนโชคดี เรียนหนังสือเก่ง ๆ

กรมอุทยานแห่งชาติฯ แถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณาข้ามชาติ หลังติดตามนาน ๒ เดือน

 วันที่ 22 มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา 10.30 น. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณาข้ามชาติ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวจังหวัดชัยภูมิ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 


 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดี
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ทำการจับกุมกลุ่มขบวนการต่างชาติลักลอบทำไม้กฤษณา ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ

ผู้ต้องหาเป็นชายชาวเวียดนามจำนวน 6 คน ประกอบด้วย 1. นาย Dang Hiep 2. นาย Tran Cao Cuong 3. นาย Nguyen Van Binh4. นาย Hoang Van Ba 5. นาย Hoang Van An 6. นาย Hoang Xuan Van ของกลางเป็นชิ้นไม้กฤษณาจำนวน 171 กิโลกรัม รถยนต์ 2 คัน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง ในฐานความผิด 9 ข้อหา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบสวนและขยายผลการจับกุมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดยเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่ ตามที่ได้รับการข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลชาวเวียดนามเข้ามาลักลอบหาไม้กฤษณาในพื้นที่ ซึ่งเป็นการทำลายความมั่นคงทางระบบนิเวศ จากการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกลุ่มชายจำนวน 4 คน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นกลุ่มชายดังกล่าว แต่ผู้ต้องสงสัยได้หลบหนี เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบชิ้นไม้กฤษณาจำนวน 64.8 กิโลกรัม และหนังสือเดินทางของชาวเวียดนาม จากจังหวัดก๋วงบินห์ 1 เล่ม และเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนฯ ได้ลาดตระเวนในพื้นที่พบแคมป์ที่พักและร่องรอยการทำไม้กฤษณา จึงได้ทำการดักซุ่มรอจนพบกับกลุ่มชายจำนวน 4 คน และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 1 คน ที่เหลืออีก 3 คน หลบหนีไปได้ พร้อมชิ้นไม้กฤษณาจำนวน 20 กิโลกรัม และหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นชาวเวียดนามจากจังหวัดก๋วงบินห์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนฯ จึงได้เพิ่มการลาดตระเวนให้ครอบคลุมในพื้นที่มากขึ้น เพื่อติดตามกลุ่มชายดังกล่าว และรายงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชทราบ 


อธิบดีอรรถพล รรท.ออส.กล่าวต่อว่า การจับกุมขบวนการลักลอบค้าไม้กฤษณาในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงมีนโยบายในการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรด้านป่าไม้และสัตว์ป่า โดยตั้งชุดปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่างสำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ) โดยการสนับสนุนจากกรมบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำและสัตว์ป่า สหรัฐอเมริกา (United States Fish and Wildlife Service หรือ FWS) สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (wcs) ประเทศไทย และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top