Wednesday, 21 May 2025
ค้นหา พบ 48259 ที่เกี่ยวข้อง

ปฏิบัติตามหน้าที่ ‘ตร.ราชบุรี’ แจง ‘ป้านา’ เข้าพื้นที่หวงห้าม-กัด จนท.ผู้หญิง แจ้ง 3 ข้อหา ยันปฏิบัติต่อทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

ตำรวจราชบุรีแจง ‘ป้านา’ ฝ่าฝืนคำสั่ง เข้าพื้นที่หวงห้าม กัด จนท.ผู้หญิง ตำรวจชายต้องช่วย แจ้ง 3 ข้อหา ยืนยันปฏิบัติต่อทุกกลุ่มเท่าเทียม

จากกรณีหญิงสูงวัยรายหนึ่งยืนดักขบวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างลงตรวจราชการที่ อ.บ้างโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อแสดงออก พร้อมตะโกนด่าและตำหนิการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่กระชาก ลากตัว และปิดปาก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา “ป้านา” หรือ นางวันทนา โอทอง หญิงคนดังกล่าว ประกอบด้วย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานฯ, ส่งเสียงดังอื้ออึงในที่สาธารณะ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ตำรวจให้ประกันชั้นสอบสวนด้วยหลักทรัพย์ 10,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

นอกจากนี้ นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เผยว่า วันที่ 14 มีนาคม ป้านาจะเดินทางจากราชบุรีมาแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยจะเดินทางมาแจ้งความที่กองปราบฯ ถนนพหลโยธิน (ติดแดนเนรมิตเดิม) เวลา 13.00 น.

เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ออกเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจงว่า พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตามภาพข่าวและคลิปวิดีโอที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลนั้น เป็นการกระทำของบุคคลในภาพเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม โดยมีพฤติการณ์ที่จะวิ่งเข้าไปภายในเส้นทางเดินรถเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้เส้นทางนั้น และได้ส่งเสียงก่อกวนอื้ออึงในพื้นที่หวงห้าม

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามชั้นตอนของกฎหมาย ชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคคลดังกล่าวและห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ แต่บุคคลดังกล่าวยังคงฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หญิงเข้าไปทำการควบคุม แต่บุคคลดังกล่าวได้ต่อสู้ขัดขืน ยื้อชุดกระชาก ใช้ปากกัดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชายเห็นเหตุการณ์จึงได้เข้าช่วยควบคุมนำตัวออกจากพื้นที่ และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ดังต่อไปนี้

1.ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุ หรือข้อแก้ตัวอันควร
2.ส่งเสียงทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึงในที่สาธารณะ
3.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าหนักงานตามกฎหมายในการ ปฏิบัติการตามหน้าที่

และควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)เสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำระดับลุ่มน้ำ "ลุ่มน้ำบางปะกง" ทั้ง11จังหวัด

วันจันทร์ที่ 13 มีค. 66 ณ.โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อ.เมือง ฉะเชิงเทรา 
นายจักรกฤษ พุ่มสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำบางปะกง กรรมการลุ่มน้ำและเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำบางปะกง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 2 สำนักนายกรัฐมนตรี (สทนช.)
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนโครงการ เสริมสร้างความเข้มแข็ง และความยั่งยืนขององค์กรผู้ใช้น้ำระดับลุ่มน้ำบางปะกง ทั้ง 11จังหวัดเข้าร่วมประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำจากภาคเกษตรกรรม 235 องค์กร ,ภาคอุตสาหกรรม 46 องค์กร, ภาคพาณิชยกรรม 16 องค์กร  


ได้ร่วมหารือ สภาพปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้แทนองค์กรต่างๆเพื่อกำหนดแนวทางเพื่อพัฒนาความยั่งยืนต่อไป

ผบ.ตร.เอาจริง สั่งตำรวจคุมเข้มยกระดับแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เร่งบังคับใช้กฎหมาย รถควันดำ ลักลอบเผา โรงงาน การก่อสร้าง ที่ก่อเกิดมลพิษ เน้นบูรณาการร่วมทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหาทุกมิติ ตามนโยบายรัฐบาล

วันนี้ (14 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “ ตามข้อสั่งการความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อประชาชนกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินมาตรฐานที่เกิดขึ้น โดยให้ทุกหน่วยบูรณาการยกระดับร่วมกันแก้ไขปัญหาทุกมิติ


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขานรับนโยบาย สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด ตร.ยกระดับเพิ่มมาตรการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินมาตรฐาน ที่มีมาจากหลายสาเหตุทั้ง การคมนาคมขนส่ง การเผาในที่โล่งแจ้ง การเกิดไฟป่า ภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และหมอกควันต่างๆ  
ผบ.ตร.ได้มีวิทยุสั่งการ ไปยังทุกหน่วยให้ดำเนินการดังนี้

1) เพิ่มความเข้มตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดกับผู้ที่นำรถยนต์ที่มีลักษณะปล่อยพิษควันดำมาใช้บนถนน  ออกคำสั่งห้ามใช้รถที่ก่อให้เกิดมลพิษ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับขนส่ง หน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน สนับสนุนด้านเครื่องมืออุปกรณ์ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

2) เพิ่มมาตรการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมไม่ให้ปล่อยมลพิษทางอากาศ และการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่น


3) ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผาพืชไร่และพื้นที่เพาะปลูก การเผาในที่โล่งแจ้ง และกิจการที่ก่อให้เกิดอันตราย 

แค่ทุบทำร้าย!! ‘เพจดัง’ เผยคลิปไม่ใช่เหตุ ‘สุ่มแทง’ ชี้!!ไม่มีการแทง มีแค่ทุบกับต่อย

เพจ "Drama-addict" เผยอีกมุมในเหตุการณ์ "สุ่มแทงคน" ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมนำคลิปจากกล้องวงจรปิดมาให้ดู พบอาจเป็นเพียงหญิงสติไม่ดีไล่ทำร้ายร่างกายคนอื่น อีกทั้งชื่นชมกล้องวงจรปิดชัดแจ๋วจริงๆ

จากกรณีเพจ "ที่นี่เที่ยว ญี่ปุ่น" โพสต์เตือนหลังตนเองพบเหตุการณ์สุ่มแทงคนในประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะมีเพจเกี่ยวกับเที่ยวญี่ปุ่นเพจอื่น ๆ แย้งว่าไม่จริงไม่มีเหตการณ์นั้น สุดท้ายเพจต้นทางได้ทำการลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป พร้อมกับยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์จริง ๆ

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (14 มี.ค.) เพจ "Drama-addict" ได้ออกมาโพสต์คลิปวันเกิดเหตุลงในเพจ ก่อนจะพบความจริงว่าเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายอาจไม่ได้หนักถึงขั้นใช้อาวุธแทงแต่อาจเพียงแต่ไล่ทุบตีเฉยๆ ทั้งนี้ "Drama-addict" ได้ระบุข้อความว่า

‘เตนล์’ เผยมุมมองส่วนตัวและเรื่องราวในชีวิตบนเส้นทางอาชีพศิลปิน K-POP ภายใต้สังกัด SM Ent.

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเทรนด์ทวิตเตอร์ #TENxWOODYFM มาแรงมาก ๆ นั่นเป็นเพราะหนุ่ม ‘เตนล์’ หรือ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล สมาชิกวงบอยแบนด์จากค่ายยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ อย่าง SM Ent. ที่ได้ให้สัมภาษณ์เดี่ยวครั้งแรก ผ่านรายการ WOODY FM โดยมีพิธีกรชื่อดังอย่าง วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งออนแอร์ทางออนไลน์ไปเมื่อวานที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยในรายการเตนล์ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของตนเอง ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกเดินทางในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ อาการบาดเจ็บ รวมถึงคติ แนวคิดของตัวเอง

>> อุปสรรคที่ยากที่สุดในชีวิต คือ ‘การผ่าตัดขา’ 
เตนล์: “ถ้าขาไม่หาย จะเต้นได้มั้ย แต่ก็โชคดีที่ขาหายเป็นปกติ ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่พลิกของเตนล์มากเหมือนกัน เพราะก่อนที่จะผ่าตัดขาซ้อมเต้นอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซ้อมร้องเพลง แต่หลังจากมีการผ่าตัดที่ขา อยู่ดี ๆ ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเลยเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าเต้นไม่ได้งั้นเราต้องร้องให้ได้ เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดแต่เป็นช่วงที่ได้อะไรมาเยอะที่สุด”

คำพูดดังกล่าวทำเอาแฟนคลับทั้งนอกด้อมในด้อมต่างปล่อยโฮ เพราะได้เห็นถึงความอดทน และความพยายามอย่างหนักกว่าจะมาเป็นเตนล์ที่ทุกคนรู้จัก

หากใครได้ติดตามเตนล์จะเห็นได้ถึงความโดดเด่นด้านการเต้น ที่ถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับในหมู่แฟนคลับ แล้วก็ยังได้รับการยอมรับจากพี่ ๆ ในวงการและนักเต้นมืออาชีพอีกด้วย 

>> ชอบการเต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เตนล์: “ประมาณอายุ 13 ครับ ตอนเด็ก ๆ จะเป็นคนที่ไม่ชอบร้อง ไม่ชอบเต้น ไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่ในโทรทัศน์ แต่อยู่ดี ๆ ก็ดูเรื่อง Step Up ดูเสร็จอาม่าก็ถามว่าอยากลองเต้นไหมก็เลยลองไปเรียนเต้น ร้องเพลงตอนนั้นก็ยังขี้อายอยู่ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ชอบการเต้นการร้องมากเลย”

>> จุดเริ่มต้นที่รู้สึกว่าอยากเป็นศิลปิน
เตนล์: “ความรู้สึกมันสะสมไปเรื่อยๆ ครับ สมัยเด็กๆ ทุกคนอยากจะเป็นคนที่เท่ห์อยู่ในโรงเรียนคุณอยากที่จะโดดเด่น เพราะตอนเด็ก ๆ ชอบเข้าสังคมมาก การเต้นเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้จักคนมากขึ้นครับ”

>> ชีวิตหลังจากตัดสินใจไปเป็นเด็กฝึกที่เกาหลีใต้
เตนล์: “หลังจากตัดสินใจไปเกาหลีทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะ อาจจะเป็นนิสัยที่ก่อนหน้านี้เหมือนทุกอย่างสบาย ๆ อิสระ แต่หลังจากที่ไปเกาหลีไม่ใช่ว่าไม่อิสระ แต่ด้วยตารางการซ้อม ต้องตรงต่อเวลา ซึ่งทุกอย่างไม่ต้องสมบูรณ์แบบแต่ต้องมีความพยายาม”

>> ความรู้สึกช่วงเวลาในการเป็นเด็กฝึกภายใต้ค่ายใหญ่ SM Ent.
เตนล์: “จะไม่พูดว่าเหนื่อย เพราะเราเป็นคนเลือกที่จะมา และตอนนั้นก็อุทิศตนว่าเราจะต้องเดบิวต์ ถ้าตัดสินใจไปแล้ว เหนื่อยไม่เหนื่อยต้องพุ่งไปอย่างเดียว มองไปข้างหน้าอย่างเดียว เตนล์จะไม่มองย้อนกลับไป แต่คิดว่าเป็นข้อที่ไม่ดีเพราะบางครั้งเราตัดสินใจไปข้างหน้าแล้วก็ต้องย้อนกลับมามองบ้าง ครึ่ง ๆ”

>> มีความสำเร็จในทุก ๆ วัน ได้ตื่นมาและทำสิ่งเหล่านี้ มีความสุขกับมันไหม?
เตนล์: “เตนล์มีความสุขครับ ดีใจที่ได้ทำ เพราะเป็นสิ่งที่เตนล์อยากจะทำอยู่แล้ว แต่ผมจะเป็นคนที่สนุกมากในช่วงเตรียมงาน ตอนซ้อม ถ่ายมิวสิควิดีโอ อัดเสียง เป็นช่วงที่เตนล์สนุกที่สุดเหมือนเราได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ได้ท้าทายตัวเองกับอะไรที่เราไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีหรือไม่ดี พยายามเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะว่าชีวิตมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาตลอดเวลา”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top