Tuesday, 3 June 2025
ค้นหา พบ 48558 ที่เกี่ยวข้อง

วาระแห่งชาติ ‘บิ๊กตู่’ สั่งเข้ม!! ทุกหน่วยงาน แก้ไขปัญหา PM 2.5 แนะปชช. เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง-สวมหน้ากากอนามัย

นายกฯ กระตุ้น ทุกหน่วยงาน เข้ม แก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ขอประชาชนดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง 

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั่วทั้งประเทศ โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ภายใต้ 3 มาตรการสำคัญ คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ เพื่อให้การแก้ไขปัญฝุ่นละอองตามบทบาทของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

นายอนุชา กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดของศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 10-16 มี.ค. 66 ระบุว่า วันที่ 10 มี.ค. 66 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ โดยหลังวันที่ 11 มี.ค. 66 เป็นต้นไป สถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากลมทางใต้ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตามช่วงระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. 66 ยังเป็นช่วงที่ควรเฝ้าระวังของพื้นที่ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองข้ามพื้นที่ได้ ขณะที่พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงในพื้นที่ภาคเหนือทั้งตอนบนและล่างระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 66 ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน สถานการณ์ฝุ่นจะค่อย ๆ ลดลง คาดว่าจะยังมีปัญหาอยู่อีก 1-2 สัปดาห์ 

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ในทุก ๆ มาตรการ เน้นแจ้งเตือนแนะนำข้อปฏิบัติตนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย กำหนดสถานที่พักชั่วคราว หรือ Safety Zone ระบบแจ้งเตือนสถานการณ์และบริการสาธารณสุข เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ เร่งระบายการจราจรไม่ให้ติดขัด ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจสภาพ/บำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาในที่โล่ง/พื้นที่เกษตรอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบและควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกันและลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง 

นายอนุชา กล่าวว่า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน สร้างการรับรู้ถึงข้อมูลและสถานการณ์ที่ถูกต้องแก่ประชาชน จัดระเบียบการเผาตามลักษณะพื้นที่ แบ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมให้สอดคล้องตามหลักวิชาการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมความตระหนัก และปรับพฤติกรรมประชาชนในการลดการเผาในที่โล่ง พื้นที่การเกษตร และการเผาขยะในชุมชนหรือเมือง อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองมาจากพวกเราทุกคน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน

รักชาติผิดตรงไหน? ตัดชื่อพระเอก 'ยิปมัน' ออกจากผู้ประกาศออสการ์ เหตุ 'รักชาติ-หนุนรัฐบาลจีน' แบบออกนอกหน้า

รักชาติ ผิดตรงไหน? ผิด!! ถ้าชาตินั้น คือ ชาติจีน

ไม่นานมานี้ ได้มีเหตุการณ์การระดมรายชื่อ 8.4 หมื่นคน เพื่อร้องเรียน 'ออสการ์' (Oscars) ให้ถอด 'เจินจื่อตัน' (ชื่อฝรั่ง 'ดอนนี่ เยน') ผู้โด่งดังจากบท 'ยิปมัน' อาจารย์บรู๊ซ ลี (ภาษาฮ่องกง เรียก 'หยิบหมั่น' / จีนกลางเรียก 'เยี่ยเวิ่น') ว่า...

ช้าก่อน อย่าเพิ่งนึกว่าเป็นฝรั่ง ตัวตั้งตัวตี คือ คนฮ่องกง!!

โดยปกติแล้ว งานออสการ์จะมีการประกาศรายชื่อพรีเซนเตอร์ออกมาล่วงหน้า ซึ่งพวกเขาจะมีหน้าที่ตั้งแต่ประกาศรางวัล แนะนำการแสดงต่าง ๆ ไปจนถึงแนะนำผลงานของตัวเอง และในปีนี้ก็มีมากมายหลายคน อาทิ ฮัลลี เบลีย์, อลิซาเบธ แบงค์, แอนดรูว การ์ฟิลด์, ฟลอเรนซ์ พิวจ์ และ ฮิวจ์ แกรนด์

แต่ปัญหาคือ หนึ่งในนั้นกลับมีชื่อ 'ดอนนี่ เยน' ที่เคยแสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลจีนจากคำพูดของเขาที่เอ่ยถึงการประท้วงในฮ่องกงเมื่อปี 2019 ว่า เป็นการ “ละเมิดเจตนารมณ์ของเสรีภาพในการพูด” จนทำให้มีการแห่ลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้มีการถอดเขาออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์หลายหมื่นคน

โดยมี ทงไวฮุง นักกิจกรรมชาวฮ่องกงผู้สร้างแคมเปญดังกล่าวอ้างว่า การที่อคาเดมีเชิญเยนให้รับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์งานออสการ์ปีนี้ เป็นการ “ดูหมิ่นชาวฮ่องกง” และการปรากฏตัวของเขาในงานจะเป็นการ “ทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์”

ทงยังบอกอีกว่า “เยนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อที่บอกเล่าเรื่องราวเชิงบวกของจีนและฮ่องกง เขากำลังฟอกขาวให้กับระบอบการปกครองของจีน" และจากการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ จึงทำให้มีผู้ลงชื่อสนับสนุนบน Change.org มากกว่า 8 หมื่นคนแล้ว

สรุปแล้ว นักเคลื่อนไหวฮ่องกงและสาวก ตั้งข้อหาว่า เยน หลู่เกียรติชาวฮ่องกง และการเฉิดฉายของเขาบนเวทีออสการ์ จะทำลายภาพลักษณ์ รวมถึงชื่อเสียงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทำให้ออสการ์เสื่อมสี แปดเปื้อนมลทิน ทำนองนั้น

แต่โดยแท้จริงแล้ว เพราะเขาเห็นว่า เยน มักมีความเห็นแย้งกับผู้ประท้วงฮ่องกง และมีการแสดงออกชัดเจน อีกทั้งเขามีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งต้นเดือนนี้ ก็เพิ่งปรากฏกายในงานประชุมใหญ่ประจำปีของพรรค
 

คิดให้ดีก่อนพูด!! ‘พล.ท.นันทเดช’ ท้า!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดชื่อผู้ต้องหา ‘ม.112’ ลั่น!! เป็นนักการเมือง อย่าพูดให้ตนเองเดือดร้อน

ท้า‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดชื่อผู้ต้องหา‘ม.112’โดนกลั่นแกล้ง สอนมวย ‘คิดก่อนพูด’

(10 มี.ค.66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) แชร์โพสต์ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยสถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตำหนิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พูดส่งเดชเกี่ยวกับมาตรา 112

ไม่ดูก็ไม่ตาย!! ‘ชาวโซเชียล’ ความเห็นตรงกัน!! เรียกร้อง ‘กกท.’ ไม่ต้องซื้อลิขสิทธิ์ซีเกมส์ ถ้าต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อนบ้าน

หลังจากมีประเด็นลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายจัดการแข่งขันออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกับไทย สูงถึง 800,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28 ล้านบาท

โดย “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท. ออกมาเปิดเผยว่าตัวเลขที่เจ้าภาพกัมพูชาเสนอเข้ามานั้นแม้จะไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ถือเป็นยอดที่สูงจนเกินไป และใกล้เคียงกับยอดที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นชาติที่ต้องจ่ายแพงที่สุดในอาเซียนเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเวียดนามเสียอีก

ล่าสุดมีกระแสจากชาวเน็ตในโลกออนไลน์ที่เข้าไปคอมเมนต์ในเพจ ‘กองประชาสัมพันธ์ กกท.’ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าถ้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์ 2023 แพงหูฉี่ขนาดนี้ แฟนกีฬาชาวไทยก็พร้อมที่จะไม่ดู และประเทศไทยก็ไม่ควรจ่ายค่าลิขสิทธิ์ดังกล่าวแพงขนาดนั้นตามที่เป็นข่าว ซึ่งหลายคนบอกว่า "ไม่ดูก็ไม่ตาย"

9 ขั้นตอนธุรกิจสตาร์ทอัพ ปั้นสินค้าออกสู่ตลาด

>> PRELAUNCH เตรียมพร้อมก่อนนำสินค้าออกสู่ตลาด
-ตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง
-ทำความเข้าใจลูกค้าและึุณค่าของสินค้า
-เริ่มต้นในตลาดที่เหมาะสม
.
>> PRODUCT LAUNCH STRATEGY กลยุทธ์การนำสินค้าออกสู่ตลาด
-ใช้เครื่องมือและช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
-สื่อสารถึงลูกค้าด้วย STORYTELLING
-ทำให้กลุ่มเป้าหมานสนใจทดลองสินค้า
.
>> AFTER LAUNCH PRODUCT WITH GROWTH MARKETING เร่งการเติบโตด้วยตลาด
-เก็บ FEEDBACK เพื่อนำมาปรับปรุง
- สินค้าเริ่มตอบโจทย์ตลาด วัดจาก ORGANIC GROWTH 
-เร่งการเติบโตด้วย GROWTH MARKETING


ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top