Thursday, 5 June 2025
ค้นหา พบ 48587 ที่เกี่ยวข้อง

นางรำ-กองยาว สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับ 160 นทท.จีน เที่ยวบินปฐมฤกษ์คึกคัก

เแห่เที่ยวไทย สนามบินอู่ตะเภา ต้อนรับท่องเที่ยวจีน 160 ชีวิต พร้อมพัฒนาเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค สร้างรายได้ให้กับธุรกิจการบินของไทย และธุรกิจการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน

วันที่ 9 มีนาคม 2566 พลเรือเอก ระพีพงษ์ โสวรรณ ผู้อำนวยการ การท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา มอบหมายให้ พลเรือตรี เกียรติกูล สุวรรณ รองผู้อำนวยการฯ เป็นผู้แทน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน จำนวน 160 คน บินลัดฟ้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ช่วง HIGH SEASON ด้วยเที่ยวบินที่ GJ8973 เครื่อง Airbus A320 มีเส้นทางการบินจาก ท่าอากาศยานนานาชาติ ซีอานเสียนหยาง ถือเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ของสายการบิน LOONG AIR สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยเครื่องหลังลงแตะรันเวย์ ได้เคลื่อนตัวผ่านอุโมงค์น้ำ เข้าเทียบจอดยังจุดจอดที่ Apron C5 ก่อนนักท่องเที่ยว ผู้โดยสารจะลงจากเครื่องผ่านประตูทางเข้าอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ที่มีคณะนางรำ-กองยาว จากสวนนงนุชพัทยา รอให้การต้อนรับ พร้อมคล้องพวงมาลัย และมอบของที่ระลึก ให้กับเหล่านักท่องเที่ยว ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข และความครึกครื้น

'เมียนมา' ส่งตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด รายสำคัญ กลับไทยสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2

(9 มี.ค.66) ที่ผ่านมา พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค5 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมรอรับตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจากทางเจ้าหน้าที่เมียนมาบริเวณด่านชายแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่2อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการของเมียนมาสามารถจับกุมตัวนายเจษฎา(สงวนนามสกุล)ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ

ที่ทางการไทยต้องการตัวมาดำเนินคดีซึ่งได้หลบหนีหมายจับหลบซ่อนตัวตามแนวชายแดนฝั่งประเทศเมียนมาโดยสำนักงาน ป.ป.ส.ได้ตั้งรางวัลนำจับนายเจษฎาเอาไว้กว่าล้านบาทตามหมายจับของศาลจังหวัดแพร่ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจ่ายในกลุ่มประชาชนสำหรับคดีนี้เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่20กรกฎาคม2566เวลาประมาณ19.00นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ สภ.ห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ได้

ม.แม่โจ้ จัดพิธีลงนาม อนุญาตให้ใช้สิทธิผลงานวิจัย พร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์เตรียมสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตรและอาหาร (MAP) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดให้มีพิธีลงนามอนุญาตให้ใช้สิทธิในผลงานวิจัย ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้  กับ บริษัท อุตสาหกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ ศรีเงินยวง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานและกล่าวต้อนรับ โดยมี รองศาสตราจารย์จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รักษาการรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวรายงาน ณ Co-Working Space สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยแม่โจ้

รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ ศรีเงินยวง รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “การลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในผลงานวิจัย ภายใต้แนวคิดโดยการนำนวัตกรรมไปใช้ในเชิงธุรกิจ โดยการเชื่อมโยงองค์ความรู้และภูมิปัญญาจากผลงานวิจัยให้สามารถนำไปต่อยอดและขยายผลให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นการประกาศเกียรติคุณสำหรับนักวิจัยและผู้ประกอบการที่มีส่วนส่งเสริมสนับสนุนให้มีนำผลงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยไปสู่ภาคธุรกิจอย่างมีศักยภาพ  ขอขอบคุณ บริษัท อุตสาหกรรม เทคโนโลยีซีวภาพ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เห็นถึงคุณค่าของผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนักวิจัยที่ร่วมทุ่มเทสร้างงานวิจัยคุณภาพ จนได้เข้าร่วมลงนามในสัญญาอนุญาตใช้สิทธิ ที่ภาคเอกชนนำไปต่อ

ยอดใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม และการแสดงผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากบริษัทที่จะถูกผลิตและจำหน่ายออกสู่ตลาดต่อไปในอนาคต  ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาคเอกชนและประชาชนในรูปแบบอื่นอีก หลากหลายช่องทางเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชนให้มีความเข้มแข็งต่อไป”

ด้าน รองศาสตราจารย์จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รักษาการแทนรองอธิการบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “พิธีลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในผลงานวิจัยครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer)ระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคธุรกิจ โดยความรู้และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต อย่างมีเสถียรภาพ ยั่งยืน มีการกระจายรายได้ไปสู่สังคมการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างและต่อยอดองค์ความรู้ให้มีความเท่าทันต่อโลกสมัยใหม่ ซึ่งการลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้กับบริษัท อุตสาหกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 3 สัญญา เป็นการต่อยอดงานวิจัยเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสู่ตลาดต่อไป  เวทีนี้จึงเป็นการสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงกันระหว่างภาครัฐภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”

 ผลงานวิจัยที่จะเข้าร่วมลงนามอนุญาตใช้สิทธิในผลงานครั้งนี้มี จำนวน 3 สัญญา ได้แก่ เรื่อง กระบวนการผลิตถั่วเหลืองหมักด้วยหัวเชื้อ

ผลงานโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ วงศ์พุทธิสิน และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยะนุช  เนียมทรัพย์  สังกัด คณะวิทยาศาสตร์

มูลนิธิรักษ์ไทยและมูลนิธิเพื่อนหญิง ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล (International Women’s Day)

มูลนิธิรักษ์ไทย มูลนิธิเพื่อนหญิง จับมือร่วมกับกรุงเทพมหานคร ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม และพันธมิตรภาคธุรกิจเป็นภาคีในการจัดงานวันสตรีสากล (International Women’s Day 2023) โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การเสริมสร้างพลังผู้หญิงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Women Empowerment and Sustainable Development) การสร้างความเท่าเทียม และ ยุติความรุนแรง (Gender Equality and Stop Violence) ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ลานควอเทียร์อเวนิว ในวันที่ 8 มีนาคม 2566  เวลา 10:00-20:00 น. 
ในการนี้มูลนิธิฯ ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิด ร่วมกับ คุณอรธิรา  ภาคสุวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์  คุณสุพรทิพย์ ช่วงรังษี กรรมการมูลนิธิรักษ์ไทย พร้อมทั้งร่วมพูดคุยกับแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ ได้แก่ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์, คุณแอนนา เสืองามเอี่ยม (Miss Universe Thailand 2022), 

คุณแอนชิลี สก๊อต-เคมมิส (Miss Universe Thailand 2021), คุณญดา นริลญา (เจ้าของรางวัล Thailand National Film Association 2021), การสาธิตสอนศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่า โดย พ.ต.อ.หญิง กัญญา แดนมะตา, ทพญ. กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ กรรมการและผู้ก่อตั้ง Ooca application ที่เป็น platform สำหรับปรึกษานักจิตวิทยาและจิตแพทย์แห่งแรกในไทย และปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังของไทย นำโดย คุณพรีน รวิสรารัตน์ และ คุณที วง Jetset’er โดยมีพิธีกรมากความสามารถอย่างคุณนาขวัญ รายนานนท์ มาสร้างสีสันบนเวทีตลอดทั้งงาน

นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมยังได้รับความรู้และความสนุกสนานจากนิทรรศการ SHE IS ME ในการสร้างแรงบันดาลใจจากพลังผู้หญิง 

รวมถึงการมีส่วนร่วมในการรณรงค์ลดการเลือกปฏิบัติ และสร้างความเท่าเทียม ยุติความรุนแรง เสริมสร้างพลังผู้หญิงเพื่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ในสังคมไทย พร้อมทั้งสามารถสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนผู้หญิง ที่มูลนิธิรักษ์ไทย และ มูลนิธิเพื่อนหญิงร่วมสนับสนุน พัฒนา และเคียงข้าง สร้างสังคมเท่าเทียมมาตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี 

ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมยังได้เพลิดเพลินกับจับจ่ายซื้อของ และ ได้รับผลิตภัณฑ์จากกิจกรรมในบูธอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น บูธจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร แบรนด์กระเป๋าไทยชื่อดังอย่าง NaRaYa แบรนด์ชุดชั้นใน Wacoal  บริษัท ทิพยประกันภัย สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล ที่มูลนิธิฯได้ทำการสนับสนุนและช่วยเหลือ และอื่นๆอีกมากมาย พร้อมด้วยกิจกรรมเวิร์คช็อปจากชุมชนและครอบครัวหญิงสาวชาวบ้านที่มูลนิธิรักษ์ไทยร่วมเคียงข้าง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผ้าเขียนเทียน ต.ป่ากลาง อ.ปัว / กลุ่มวิสาหกิจชมชน บ้านดอนมูล ต.คู่ใต้ อ.เมืองน่าน การทำใบไม้ยัดนุ่น / กลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านกูยิ ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่ง้อ จ.บุราธิวาส

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ฯ จัดพิธีประกาศผลและมอบรางวัล โครงการประกวดทำคลิป 'สัญจรดี วิถีไทย' ปีที่ ๓ มอบโล่เกียรติยศ-เงินรางวัลรวมกว่า 8 แสน บาท แก่เยาวชน

(วันที่ ๙ มีนาคม ๖๖ เวลา ๑๓.๓๐) นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลโครงการประกวดทำคลิป 'สัญจรดี วิถีไทย ปีที่ ๓ จอดรถให้ถูกที่ ขับขี่ให้ถูกทาง' เพื่อปลุกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไป ตระหนักถึงการใช้มารยาทไทยและรักษาวินัยจราจร สร้างวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนนให้สังคม โดยมีนางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหาร ซึ่งมีผู้ส่งคลิปเข้าประกวดประเภทบุคคลและประเภททีมเข้ารับรางวัลโดยพร้อมเพรียง ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 

นายโกวิท ผกามาศ อธิดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประธานมอบรางวัล กล่าวว่า โครงการประกวดทำคลิป 'สัญจรดีวิถีไทย' นี้ ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ ๓ แล้ว เป็นการทำคลิปวิดีโอในการส่งเสริมให้เกิดวินัยจราจรการขับขี่อย่างปลอดภัย การใช้ความคิดสร้างสรรค์จากการทำคลิปวิดีโอ ถือเป็นอีกปี ที่น้อง ๆ ทั้งในระดับอุดมศึกษา และมัธยมศึกษา ได้ส่งผลงานเข้ามาประกวด ในหัวข้อ “จอดรถให้ถูกที่ ขับขี่ให้ถูกทาง” ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากน้อง ๆ ทั่วประเทศจำนวนถึง ๒๗๔ ผลงาน ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ ความตั้งใจ ในการทำคลิปเพื่อที่จะรณรงค์การขับขี่ให้ปลอดภัย มีสำนึกที่ดีต่อสังคม โดยผลงานคลิปที่ได้รับรางวัล จะได้รับการเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และเครือข่าย  จึงขอชื่นชมทุกคนและทุมทีมที่ส่งผลงานเข้าประกวด และขอแสดงความยินดีกับคลิปที่ได้รางวัล ที่จะสร้างความภาคภูมิใจและเป็นแรงบันดาลใจต่อไปในการศึกษาเรียนรู้ การเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นอนาคตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป

ด้าน นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า โครงการประกวดทำคลิป 'สัญจรดี วิถีไทย' ปีที่ ๓ หัวข้อ 'จอดรถให้ถูกที่ ขับขี่ให้ถูกทาง' ครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนนให้สังคม แก้ไขปัญหา ปลุกจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนน นำความเป็นไทย สร้างวินัยจราจรให้สังคม เร่งจัดทำแนวทางกิจกรรมการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจ ให้ประชาชนตระหนักและเห็นคุณค่าในการใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย มีจิตสำนึก รับผิดชอบ มีน้ำใจ และเอื้ออาทรให้แก่กัน มีมารยาทที่ดีในขับขี่ ควบคู่กับการรักษาวินัยจราจร ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ต้องอาศัยกำลังจากทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จึงจะสำเร็จผลอย่างยั่งยืน สวธ.จึงขอขอบคุณสถาบันการศึกษาที่ได้สนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษาส่งผลงานร่วมประกวด พร้อมทั้งขอบใจเด็ก ๆ ทุกคน ที่สร้างสรรค์ส่งผลงานอันมีคุณค่าเข้าประกวดในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มารยาทไทย สามารถใช้ในการขับขี่ การใช้รถใช้ถนนร่วมกันได้เป็นอย่างดี มารยาททางสังคม เป็นวัฒนธรรมของคนไทยควรยึดมั่นและปฏิบัติ เพื่อให้สังคมไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้น 

รองอธิบดีสวธ. เปิดเผยต่อว่า โครงการประกวดทำคลิป 'สัญจรดี วิถีไทย ปีที่ 3 จอดรถให้ถูกที่ ขับขี่ให้ถูกทาง' มีเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท แบ่งการประกวดเป็น 2 ระดับ เป็นรายบุคคล หรือทีม สมาชิกในทีมไม่เกิน ๓ คน ประกอบด้วย ระดับมัธยมศึกษา ๑ - ๖ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า และระดับอุดมศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า โดยทีมที่ส่งผลงานเข้าร่วมทั้งหมดในปีนี้ มีจำนวน ๒๗๔ ทีม ซึ่งมีการคัดเลือกทีมที่ผ่านเข้ารอบมาทั้งหมด 26 ทีม ซึ่งทั้ง 26 ทีม ได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) จากผู้บริหารของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้กำกับภาพยนตร์ และ Youtuber ชื่อดัง เพื่อให้ผู้ประกวดที่ผ่านเข้ารอบ สามารถต่อยอดความรู้ เพิ่มความสามารถในการผลิตงาน และปรับปรุงพัฒนางานให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยผลงานของผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และอันดับ 2 ทั้ง 2 ระดับ จะได้เผยแพร่ผลงานทางสื่อ Social Media สู่สาธารณะในวงกว้าง ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top