Sunday, 8 June 2025
ค้นหา พบ 48649 ที่เกี่ยวข้อง

9 มีนาคม พ.ศ. 2413 รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสสิงคโปร์ เป็นการเสด็จต่างประเทศครั้งแรก

วันนี้เมื่อ 153 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสสิงคโปร์ เป็นการเสด็จต่างประเทศครั้งแรก นับเป็นวันที่สำคัญมากทางประวัติศาสตร์ของประเทศสยาม เพราะมีความหมายถึงการอยู่รอดของประเทศก็ว่าได้

การเสด็จประพาสต่างประเทศครั้งแรก ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2413 ถึงวันที่ 15 เม.ย. พ.ศ.2413 โดยเสด็จทางเรือพระที่นั่ง 'พิทธยัมรณยุทธ'

และประเทศที่เสด็จฯเยือน หาใช่ยุโรปตามความเข้าใจของคนไทยอีกหลายคนไม่ แต่เป็นเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ปัตตาเวีย หรือปัจจุบันคือกรุงจาการ์ตา และสมารัง เมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญตั้งอยู่ทางด้านเหนือเกาะชวากลาง นั่นเอง

ทั้งนี้ หากศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่า ในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสวยราชสมบัติ ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมขุนพินิจประชานาถ ขณะพระชนมายุได้ 15 พรรษา แต่เนื่องจากพระองค์ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ อำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารราชการแผ่นดินขณะนั้นอยู่กับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ และกลุ่มขุนนางตระกูลบุนนาค

แต่ในช่วงเวลานั้นเอง บ้านเมืองยังมีภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ใช้เวลาที่ยังไม่ทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดนี้ ในการทรงเตรียมพระองค์อย่างเปี่ยมไปด้วยสายพระเนตรยาวไกล และพระปรีชาสามารถ

โดยทรงตระหนักถึงปัญหาภัยคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคมของตะวันตกและได้ทรงเตรียมการอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งทรงยึดแนวทางสืบเนื่องจากสมเด็จพระราชบิดา นั่นคือ ทรงปรับปรุงขนบธรรมเนียมประเพณี ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชาวสยาม มิให้ต่างชาติมาดูหมิ่น ดูแคลน

อีกทั้งยังสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ และ ทรงเดินทางไปยังประเทศซึ่งเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก เพื่อให้ข้าราชบริพารมีโอกาสศึกษาสภาพบ้านเมือง และรูปแบบการปกครองของเมืองเหล่านั้น ซึ่งจัดระเบียบแบบแผนเช่นเดียวกับเมืองเจ้าอาณานิคม

อย่างในปี พ.ศ. 2413 (บางแหล่งระบุว่าเป็นปี 2414) ทรงเสด็จไป สิงคโปร์ ปัตตาเวียและเกาะชวา โดยเรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธ เพื่อทอดพระเนตรกิจการบ้านเมือง ตลอดจนขนบธรรมเนียม และประเพณีของต่างชาติ และต่อมายังเสด็จไป พม่าและอินเดีย อีกด้วย

ภายหลังการเสด็จครั้งนี้ บ้านเมืองเรามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น โปรดฯ ให้ยกเลิกการไว้ผมทรงมหาดไทย หลังจากนั้นปี 2415 ยังทรงปรับปรุงการทหารครั้งใหญ่, โปรดให้ใช้เสื้อราชปะแตน, โปรดให้สร้างโรงเรียนหลวงสอนภาษาอังกฤษแห่งแรกขึ้นในพระบรมมหาราชวัง

10 มีนาคม พ.ศ.2539 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

วันนี้เมื่อ 27 ปีก่อน วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ ‘สมเด็จย่า’ ของปวงชนชาวไทย ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 มีพระนามเดิมว่า สังวาล ตะละภัฏ ทรงเป็นพระชายาในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

ตลอดพระชนม์ชีพ สมเด็จย่า ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างมากมาย อาทิ ทรงให้การอุปถัมภ์ราษฎรชาวไทยภูเขาที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้มีอาชีพ ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จนเป็นที่มาของ ‘มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง’ นอกจากนี้ยังทรงเป็นแบบอย่างของความพอเพียง ทรงสอนพระโอรสและพระธิดา ให้รู้จัก ‘การให้’ มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์

กก.2 บก.สส.สตม. รวบหนุ่มจีนหนีหมายจับคดีข่มขืนกระทำชำเราในพื้นที่จังหวัดระยอง

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัญญรัต บัวทองจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.ต.ภูริศ คำหมื่น สว.กก.2 บก.สส.สตม. พร้อม เจ้าหน้าที่ ชป.3 กก.2 บก.สส.สตม., ตม.จว.ระยอง, สน.ประเวศ

ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว MR.YAO KEQUAN (นายเหยา เค่อฉวน) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.66 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ”

พฤติกาณ์การจับกุม กล่าวคือ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 นายเหยาฯได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมามายไม่ได้สติ นายเหยาฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ และศาลอาญาพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

กสทช. จัดกิจกรรมปั้นแม่ไก่สร้างเด็กและเยาวชน 'ฅนทันสื่อ'

ชัยภูมิ - เมื่อเร็วๆ นี้ ที่หอประชุมโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ” ให้กับโรงเรียนมัธยมศึกษาของจังหวัดชัยภูมิ โดยเชิญวิทยาการผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความรู้และป้องภัยอันตรายจากสื่อโซเซียล

นายทรงกลด หิรัญเกิด ผู้อำนวยการโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา กล่าวว่า นักเรียนโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา ได้รับโอกาสจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ให้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ”เป็นจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่ง ที่จะได้นำความรู้จากวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถมาให้ความรู้ แก่เยาวชนเพื่อให้มีทักษะในการเข้าถึงสื่อ และสามารถ วิเคราะห์ ประเมินสื่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับ เยาวชน และเป็นการปกป้องเยาวชนจากภัยร้ายที่แฝงมากับสื่อและเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การบรรยายให้ความรู้จาก นายชาตรี ทวีนาท ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ และ พ.ต.ท.สุอารีย์ สาแก้ว รอง ผกก.สืบสวน สภ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น และการกิจกรรมกลุ่มการเข้าฐานความรู้ เกมการศึกษาการเสวนาและอภิปรายจากผู้เข้าร่วม โดยมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 100 คน  

ผศ.นารีนารถ ปานบุญ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา หัวหน้าทีมกิจกรรม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุน จาก กสทช. และ มรภ.สวนสุนันทา เราได้คัดเลือกมหาวิทยาทั่วทุกภูมิภาค จำนวน 9 แห่ง เพื่อมาอบรมที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแม่ไก่ขยายผลสู่เครือข่ายของแต่ละมหาวิทยาลัยฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือสถานศึกษาที่ได้รับการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยแม่ไก่ ทั่วทั้งประเทศสถานศึกษาจะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมจัดกิจกรรมรวม 18 โรงเรียน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆก็คือ ต้องการให้นักเรียนได้มีความรู้ความเข้าใจเข้าใจด้านสื่อ ไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อ และที่สำคัญน้องๆที่เข้าร่วมกิจกรรม จะสามารถนำความรู้ไปขยายผลสู่เพื่อน สถาบันของตนเอง พร้อมทั้งครอบครัว และชุมชน ขยายผลต่อไปเรื่อยๆ 

ส่วน ผศ.ดร.สุนันท์ สีพาย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้มีโอกาสขับเคลื่อนร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนสุนันทา ในการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ” ในครั้งนี้ เป็นโรงเรียนที่ 2 (แห่งที่โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา) เราได้ปั้นทีมแม่ไก่ โดยมีคณาจารย์และนักศึกษา เข้ารวมเป็นพี่เลี้ยงให้ความรู้แก่น้องๆ โดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และที่สำคัญโรงเรียนที่ผ่านกิจกรรมทั้ง 2 โรงเรียน จะต้องไปขยายผลให้กับโรงเรียนอีกโรงเรียนละ 100 คน นำความรู้ไปขยายผลสู่เพื่อน ครอบครัว และชุมชนต่อไป

ด้านตัวแทนนักเรียนโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา ที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้แสดงความรู้สึกจากการเข้าร่วมกิจกรรมโดยภาคเช้าได้รับรับรู้ถึงช่องทางสื่อและข้อกฏหมายที่พึงระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิชฉาชีพ ส่วนภาคบ่ายได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสนุกสนาน ได้ข้อคิด ได้ความรู้ พร้อมที่จะนำไปขยายผลสู่เพื่อนๆ ครอบครัว ชุมชนให้พึงระวังและไม่เปิดโอกาสให้กับสื่อและมิชฉาชีพที่จะมาหลอกลวงเราได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เสริมศักยภาพปราบปรามแรงงานบังคับ-ค้ามนุษย์

(8 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์ การอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว และการป้องกันการละเมิดสิทธิตามกฎหมายแรงงาน อันจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งจัดอบรมในช่วงระหว่างวันที่ 5-10 มี.ค.66 ณ โรงแรมแคนทารี่ ฮิลส์ เชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

การอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความรู้เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับ วิธีการปฏิบัติต่อผู้เสียหาย รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบังคับใช้กฎหมายและการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงาน โดยมีผู้ร่วมรับการอบรมเป็นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมจำนวน 100 คน ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 นี้มีการจับอบรมทั้งหมด 5 รุ่น กระจายใน 5 จังหวัดครอบคลุมทุกภาค เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการบูรณาการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top