Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48843 ที่เกี่ยวข้อง

'พิพัฒน์ รัชกิจประการ' รมต. Low Profile แต่ High Profit พลิก 'กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา' เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจประเทศ

ก่อนปี 2562 ชื่อของ 'พิพัฒน์  รัชกิจประการ' เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมัน และกิจการเรือประมงขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้

แต่ในทางการเมือง หลังเลือกตั้ง 62 เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ชื่อเดียวกันนี้ กลับแทบไม่มีใครรู้จัก เมื่อเขาเข้ามารับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในโควต้าของพรรคภูมิใจไทย 

'พิพัฒน์' เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเปิดเผยตัวเอง จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก ขนาดที่ว่าพอได้รับการประกาศชื่อเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี สื่อต่างๆ พยายามหาข้อมูลและถึงกับลงรูปของเขาผิด เรียกว่านักข่าวก็ยังงง ว่าเขาเป็นใครในห้วงเวลานั้น 

ถ้าดูในประเด็นการเมือง 'พิพัฒน์' ดูจะมีบทบาท และพื้นที่น้อยกว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ  แต่ในประเด็นของการทำงาน เดินหน้านโยบายการท่องเที่ยวและกีฬา ฟื้นเศรษฐกิจในช่วงที่ไทยเริ่มกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด 19 ขณะเดียวกันก็เห็นเนื้อเห็นหนังในการยกระดับ มาตรฐานทางด้านการกีฬาอยู่ไม่น้อย ลองย้อนไปดู 'ผลงาน' แบบตึงๆ ของ รมต.คนนี้กัน

#ไอเดียเปิดผับตีสี่ - ทุ่ม 200 ล้านดึง 'ลิซ่า' เคาท์ดาวน์ภูเก็ต  

หลังเข้ารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวไม่นาน เดือนสิงหาคม ปี 2562 เจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ คนนี้ ก็ผุดไอเดีย ขยายเวลาเปิดผับถึงตี 4 ออกมาโยนหินถามสังคม โดยแนวคิดเบื้องต้นเกิดจากความต้องการช่วยพยุงรายได้ด้านการท่องเที่ยวในช่วงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัว

ทันทีที่ไอเดียนี้ถูกสื่อสารออกไป ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก เจ้าตัวใช้คำว่า 'โดนอัดกลับมาเยอะ' โดยเฉพาะจากภาคประชาชนอย่างเครือข่ายต้านน้ำเมา ที่เข้ายื่นหนังสือคัดค้าน  

แม้ว่า 'รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ' จะอธิบายว่าแนวคิดขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจาก ตี 2 ไป ตี 4 นั้น แค่ต้องการจัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ แต่เขายังรับฟัง ทำความเข้าใจ และ 'ยอมถอย' เพื่อกลับมาพิจารณาศึกษาทบทวนให้ถี่ถ้วนขึ้น

หลังจากกลับไปทำการบ้านอยู่เป็นปี ๆ จนเมื่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ศึกษาข้อมูลแล้วพบว่า การขยายเวลาปิดสถานบันเทิงไปถึงตี 4 จะช่วยเพื่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 25% ล่าสุด 'พิพัฒน์' นำแนวคิดนี้กลับมาอีกครั้ง ชงเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ โดยเสนอนำร่องที่ถนนบางลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่งเดียวก่อน เพื่อศึกษาผลกระทบ และประเมินมาตรการอีกครั้ง พร้อมเสนอเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผลักดันการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นประเทศ เป็นวาระแห่งชาติด้วย

ส่วนอีกกรณี ที่ชิงพื้นที่พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน คือการวางแผนจัดงาน 'เคาท์ดาวน์ 2565' ที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ออกมาประกาศลั่น ว่ากำลังจะทุ่มงบฯ 200 ล้าน ดึง 'ลิซ่า แบล็กพิงค์' มาร่วมฉลองปีใหม่ที่สะพานสารสิน จ.ภูเก็ต และเชิญ 'อันเดรอา โบเซลลี' นักร้องโอเปร่าระดับโลกขาวอิตาลี มาฉลองคืนข้ามปีที่ท้องสนามหลวง ซึ่งมีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการดึง 'บิ๊กอีเว้นท์' กลับมา ในช่วงที่บ้านเรากำลังจะเริ่มเดินหน้าเปิดประเทศหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ยาวนานกว่า 2 ปีเริ่มคลี่คลาย 

ทันทีที่ประกาศ นอกจากจะถูกวิจารณ์หนักสุด ๆ เรื่องการทุ่มงบประมาณมหาศาล ไปกับการจัดงานคืนเดียวแล้ว ไม่กี่วันถัดมาหลังมีการประกาศยืนยัน ว่า 'ลิซ่า' ตอบรับมาร่วมงานแล้ว รัฐมนตรี 'พิพัฒน์' ก็ออกมากล่าวขอโทษ แอ่นอกรับแบบตรงๆ ว่า ลิซ่า 'ติดคิว' มาร่วมงานไม่ได้ ซึ่งเกิดความผิดพลาดในด้านการประสานงานของทางกระทรวงเอง อย่างไรก็ตาม มีการปรับแผนในการจัดงานโดยใช้ความเป็นท้องถิ่น ในการจัดงานฉลองปีใหม่กันแบบไทยๆ แทน เป็นอันจบดราม่า ทั้งเรื่องการใช้งบประมาณ และรอลุ้นว่าศิลปินระดับโลกจะมาเคาท์ดาวน์ในบ้านเราหรือไม่

รวมเรื่องน่ารู้ 'พรรคพลังประชารัฐ'

ศึกเลือกตั้งใหญ่ 2566 กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หนึ่งในพรรคการเมืองที่ถูกจับจ้องมากไม่แพ้ใคร ๆ คงต้องยกให้กับ 'พรรคพลังประชารัฐ' ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน เมื่อคราวเลือกตั้งใหญ่ 2562 นี่คือพรรคการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานั้น แม้อายุของพรรคจะไม่มากมาย แต่สมาชิกภายในพรรค ล้วนเต็มไปด้วยเหล่าคนทำงานทางการเมืองที่มากไปด้วยประสบการณ์ของแท้

กับการเลือกตั้งใหญ่หนล่าสุดนี้ พรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดยหัวเรือใหญ่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเต็มไปด้วยพลังของความมุ่งมั่นสร้าง 'ประเทศ' ให้เป็นปึกแผ่น ตามสโลแกน 'พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย' แถมยังพร้อมเดินหน้า 'สานต่อ' ภารกิจที่ลงมือทำเอาไว้ในสมัยเป็นรัฐบาลที่ผ่านมา อาทิ สวัสดิการประชารัฐ, เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ

‘อนุสรณ์’ อัด ‘ประยุทธ์’ ไม่รับผิดชอบ ‘ทุนจีนสีเทา’ ซ้ำยังพูดตัดตอนความจริง - สร้างวาทกรรมบิดเบือน

(20 ก.พ. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุยปราบมาเฟีย ดำเนินคดีทุนจีนสีเทา ขอ พท.อย่าละเว้นตรวจสอบปมซุกทรัพย์สินเป็นโครงการบ้านหรูว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่การตอบโต้แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่เกิดประโยชน์ ขว้างงูไม่พ้นคอ จนเหมือนทำให้ไม่เหลือความจริงแม้แต่นิดเดียว ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปตั้งนานแล้ว บอกว่าจะไม่รัฐประหาร ก็รัฐประหาร บอกว่าขอเวลาอยู่ไม่นาน ก็ปาเข้าไป 10 ปี บอกว่าไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองถึง 2 พรรค พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความน่าเชื่อถือในสภา จึงอาจใช้วิชามารลอกการเมืองแบบเก่า ตัดตอนความจริง สร้างวาทกรรมบิดเบือนว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงไปมาก

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า 1.) รัฐบาลประยุทธ์สารภาพกลางสภาว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้เซ็นอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย พล.อ.อนุพงษ์ไม่ใช่พนักงานส่งเอกสาร หากการดำเนินการในขั้นตอนก่อนหน้าไม่ถูกต้องย่อมสามารถระงับยับยั้งได้ แต่ทำไมรัฐบาลประยุทธ์ไม่ยับยั้ง

‘บิ๊กตู่’ ยกระดับ Soft Power ไทย ดัน ‘16 เทศกาลไทย’ สู่เวทีสากล ดึงดูด นทท. สร้างรายได้ให้ชุมชน

(20 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งส่งเสริมฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน สร้างรายได้แก่ประชาชน ผ่านการคัดเลือกเทศกาลประเพณีทั่วประเทศที่โดดเด่น เพื่อยกระดับเทศกาลประเพณีไทย (Festival) ไปสู่ระดับชาติและนานาชาติ 

กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินตามนโยบายรัฐบาล ขับเคลื่อน Soft Power ของไทยที่มีศักยภาพ 5F (Food, Fight, Film, Fashion, Festival) โดยแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการคัดเลือกเทศกาลประเพณีของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 16 ประเภท ซึ่งทั้ง 16 เทศกาลประเพณีที่ได้รับการคัดเลือก ล้วนมีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ แสดงออกถึงวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถนำมาพัฒนาต่อยอด ส่งเสริมการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเผยแพร่ประเพณีของไทยให้เป็นที่รู้จัก ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้แก่ชุมชนและประเทศชาติ

TIME TO CHANGE เมื่อประเทศเปลี่ยนไป

หากใครเคยผ่านไปบริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร คงคุ้นเคยกันดีว่า ยังมีอีกหนึ่งสะพานที่ตั้งอยู่คู่ขนานกัน นั่นคือ สะพานพระปกเกล้า หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า สะพานพระปก 

บริเวณสะพานพระปกเกล้า ยังมีสะพานที่ถูกสร้างมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2527 เพื่อรองรับโครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน แต่ต่อมาเมื่อโครงการถูกระงับ สะพานจึงไม่ถูกสร้างต่อ ไม่มีทางขึ้นและทางลง และถูกปล่อยร้างไม่ได้ใช้งานมากว่า 30 ปี จนถูกเรียกขานว่าเป็น 'สะพานด้วน'

ต่อมากรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ทางสัญจรบนโครงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเหตุให้บริเวณช่องกลางสะพานพระปกเกล้า หรือที่เรียกว่า สะพานด้วน ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ กระทั่งกลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่เชื่อมการสัญจรฝั่งธนบุรีเข้ากับฝั่งพระนคร

และถูกเรียกขานกันภายใต้ชื่อว่า 'พระปกเกล้าสกายปาร์ค' หรือสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ซึ่งเหมือนเป็นการ 'ชุบชีวิต' สะพานร้างที่ไร้ประโยชน์ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แถมยังกลายเป็นแลนด์มาร์คของคนกรุงเทพอีกแห่งหนึ่ง ให้ได้มาใช้ประโยชน์ ทั้งการสัญจร การออกกำลังกาย หรือแม้แต่ได้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top