Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

'เสรีพิศุทธ์' เปรย!! จับมือ 'ป้อม' ได้ แต่ไม่เอา ‘ตู่' พร้อมเผยเตรียมจีบ ‘ชูวิทย์’ เข้าก๊วนร่วมปราบโกง

(18 ก.พ.66) ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ เขตบางพลัด กทม. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งของพรรคเสรีรวมไทยว่า จะพยายามส่งผู้สมัครให้ครบทุกเขต รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้ไม่ได้มาจากเฒ่าสารพัดพิษ เละเทะมาก ผู้สมัครบางคนตอบรับมาอยู่พรรคเสรีรวมไทยแล้ว แต่เจอพรรคใหญ่แย่งไป ต้องหาใหม่ ผู้สมัครบางคน พรรคเพิ่งได้ตัวมาเมื่อคืนเอง หรือส.ส.บางคนจะย้ายไปพรรคอื่นก็ห้ามไม่ได้ เช่น ส.ส.ลำปาง ตนไปช่วยหาเสียงเต็มที่อยู่เป็นเดือน ยังถูกทรยศหักหลัง ซื้อตัวไป แต่พรรคเสรีรวมไทยไม่มีส.ส.ย้ายมา เพราะไม่มีเงินให้ ถึงมีก็ไม่ให้ อย่าไปเลือกพรรคเหล่านี้ ให้มาเลือกพรรคเสรีรวมไทย 

ส่วนเรื่องการเตรียมตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ครบตามกฎหมายเลือกตั้งนั้น คาดว่าสิ้นเดือนก.พ.จะเตรียมได้ครบทั้งหมด ส่วนพื้นที่เป้าหมายพรรคเสรีรวมไทยนั้น คือ กทม. และต่างจังหวัดบางพื้นที่ แต่การหาเสียงขณะนี้ กกต.ไม่ทำหน้าที่ บางพรรคเอาคนมาฟังการปราศรัย ไม่รู้มีการจ่ายเงินให้หรือไม่ กกต.ต้องไปตรวจสอบ หลายนโยบายพรรคเสรีรวมไทยก็ถูกลอกไป ทั้งที่คิดมาก่อน แต่พรรคใหญ่เสียงดังกว่า เช่น บำนาญประชาชน เบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ

เมื่อถามว่า หากหลังเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล พรรคเสรีรวมไทยพร้อมร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เกษียณมาหลายปี ไม่มีปัญญาทำรัฐประหารแน่นอน ต้องให้คนคุมกำลัง มีอาวุธเท่านั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนพล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แค่มาช่วย

“จุดยืนผมจะต่อต้านเฉพาะตัวหลักการทำรัฐประหาร แต่พล.อ.ประวิตรไม่ใช่ตัวหลัก ถ้าจะร่วมกันทำงานก็ทำได้ แต่ไม่ร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ถ้าเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐก็ร่วมกันได้” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าว

'นิพนธ์' ชู!! ศก.พอเพียง แก้ปัญหา ศก.ชายแดนใต้ แนะ!! สร้างความมั่นคงทางอาหาร รับตลาด 'ซาอุฯ-มาเลย์'

(18 ก.พ.66) นายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานคณะทำงานและคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานกำหนดแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงพาณิชย์ โดยมีคณะทำงานอาทิ นายอรัญ วงศ์อนันต์ รองประธานคณะทำงาน, นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต., ผศ.ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ มฟน., ดร.ศิดดิก ลาลีวัน รองผู้จัดการใหญ่สหกรณ์อิบนุเอาฟ์, นายอธิพงศ์ ยาชะรัคน์ เลขานุการเครือข่ายสหกรณ์อิสลามแห่งประเทศไทย, นายอาฟันดี หะชั้น อ.ประจำสาขาวิขายริหารธุรกิจ มฟน., นายอัดนัน อัลฟารีฏีร์ อ.ประจำสาขาเศรษฐศาสตร์การเงินฯ มฟน. ณ ห้องประชุมสะบารัง โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี จังหวัดปัตตานี  

โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) กำหนดแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงติดตามและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของพื้นที่ ให้เกิดการยกระดับการค้าและการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และรวดเร็วทันเหตุการณ์

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "เราต้องมาดูกระบวนการผลิตว่าจะมาปรับทำอย่างไร และเมื่อประตูการค้าเปิดการค้าขายแล้วเราจะทำอย่างไร ซึ่งประเทศซาอุดีอาระเบียถือเป็นตลาดใหญ่ของตะวันออกกลาง วันนี้ก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการที่จะส่งเสริมการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง เราคิดกันไว้ว่าอย่างไร 

"แต่ก่อนที่จะไปถึงการค้าระหว่างประเทศเราต้องถือว่าทำอย่างไรการผลิตในพื้นที่จะต้องเพียงพอกับการบริโภคภายใน ตามหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงคือ ผลิตเพื่อบริโภค และเหลือไปจำหน่าย นี่คือหลักคิดที่รัชกาลที่ 9 ท่านได้ทรงวางไว้ให้กับปวงชนชาวไทย เพื่อเดินตามยุทธศาสตร์และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่ ซึ่งนอกจากซาอุฯ แล้ว วันนี้ยังคิดว่าที่จะจับคู่การค้ากับมาเลเซีย เพราะตลาดต้มยำกุ้งเป็นตลาดที่ใหญ่อีกตลาดหนึ่ง ถ้าสิ่งใดที่ปรับฐานการผลิตของเรา ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางได้ เราก็ยังเชื่อได้ว่าการส่งออกยังมีช่องทางอีกมากในการที่จะจับคู่การค้ากับมาเลเซีย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรจากบ้านเรายังเป็นที่ต้องการของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย 

"ผมเคยเดินทางไปดูที่มาเลเซียมาแล้วพบว่ายังมีช่องทางการค้า การลงทุนไม่ว่าจะเป็นสินค้าประมงที่เราเลี้ยง สัตว์น้ำทั้งกุ้ง ปลายังนำไปเป็นวัตถุดิบต้มยำกุ้ง ก็ต้องไปจากประเทศไทยทั้งนั้น นอกจากนั้นยังมีพืชผักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้ มะกรูด คะน้ารวมถึงหอม กระเทียม พริก เป็นต้น ผมจึงคิดว่ายังมีช่องทางอีกมาก ดังนั้นทำอย่างไรที่จะส่งเสริมส่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นี่คือที่มาที่บอกว่า ทำให้เป็นพื้นที่ที่มีความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยสภาพแวดล้อมโดยภูมิศาสตร์แล้ว ทางนี้เหมาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเลี้ยง การประมง การปศุสัตว์ ซึ่งกระทรวงเกษตรได้ส่งเสริมอยู่ในขณะนี้ ทั้งในเรื่องของโครงการโคบาลชายแดนใต้ หรือโครงการโคเนื้อ หรือโคเนื้อลังกาสุกะก็ดี นี่คือสิ่งที่จะทำรายได้ให้กับเกษตรกร เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ ในเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริงนั่นคือความยากจน"

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พบปะกับผู้สมัครในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พบปะกับผู้สมัครในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูลและสงขลาเพื่อแถลงนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อใช้ในการหาเสียง และสอบถามถึงปัญหาในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงในเร็วๆ นี้

ที่ ห้องประชุมย่อย ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พบปะกับผู้สมัครในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูลและสงขลาเพื่อแถลงนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อใช้ในการหาเสียง และสอบถามถึงปัญหาในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งที่จะถึงในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้น นายนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ถึงความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคปชป.ชายแดนใต้ ตั้งแต่สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ซึ่งหลังจากประชุมที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว วันนี้ก็ประชุมเตรียมความพร้อมทุกอย่าง และที่ประชุมก็ได้รับการยืนยันว่าทุกเขตมีความพร้อมในการเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนใต้ ประชาธิปัตย์ได้ชูนโยบาย สันติภาพสู่สันติสุข ดังนั้นจึงคิดว่าเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ ถ้าไม่สามารถแก้เรื่องความเห็นต่างหรือความขัดแย้งไม่ได้ก็ยากที่จะนำสันติสุขมาสู่ชายแดนใต้ วันนี้ประชาธิปัตย์จึงได้นำเสนอยุทธศาสตร์สำคัญนั่นคือ การทำให้เกิดสันติภาพ และนำไปสู่สันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้นเราสนับสนุนการที่จะพูดคุยในความเห็นที่ต่างกันอยู่ในพื้นที่ ทุกฝ่ายจึงต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้ 

ตลอดเวลาที่เราใช้ความมั่นคงหรือการแก้ปัญหาด้วยอาวุธมันไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใจ้ได้ วันนี้เราใช้งบประมาณไปเกือบ 5 แสนล้าน ในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีเหตุปล้นปืน ดังนั้นถ้าจะแก้ปัญหาโครงสร้างซึ่งได้มีความพยายามแก้กันมาตั้งแต่เรื่องของการศึกษาก็ดี เรื่องความยุติธรรมหรือเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็ดี วันนี้ได้แก้ปัญหาเหล่านี้ไปเยอะเหลืออีกหนึ่งปัญหาทีาราต้องเร่งรัดในการแก้ไขคือในเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื่นที่ที่จังหวัดชายแดนใต้ ฉะนั้นการที่จะแก้ปัญหาความยากจนได้ก็คือ การสร้างงานให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และยุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์ที่สำคัญคือ ทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทสงด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นดารปนะมง การเพาะเลร้ยงแลาในกะชัง หรือแศุสัตว์ต่างๆ ซึ่งกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเสริมเรื่องนี้มาตลอด โดยการส่งเสริมให้แนะชาชนรวมกลุ่มเลี้ยงโค ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเลี้ยงโคอาลังสึกะก็ดี หรือหาแหล่งทุนต่างๆมอบให้กลุ่มเกษตรกรทำการเลี้ยงปลาหรือโค ฉะนั้นนี่คือรูปแบบการส่งเสริมอาชีพ ตลอดจนถึงการทำการเกษตรพืชสวน ทำนาร้างให้เป็นนาข้าว สิ่งเหล่านี้จะเป็นการทำรายได้ให้กับประชาชน คือการสร้างงานในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่ และจะเชื่อได้ว่าจังหวัดชายแดนใต้จะคืนสู่สันติสุขอย่างแท้จริง 

ดังนั้นยืนยันได้ว่าวันนี้ พวกเราในจังหวัดชายแดนใต้พร้อมเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้ง และนำเอายุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่การแก้ปัญหา นำสันติภาพมาสู่จังหวัดชายแดนใต้ นำสันติภาพมาสู่พื้นที่อย่างแท้จริง และเชื่อว่าเราจะเกิดความสันติสุขอย่างแท้จริง ดังนั้นในนามของผู้สมัครในนามพรรคปชป.ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า การที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ต้องพูดถึงเรื่องสันติภาพ ให้เข้าใจตรงกัน บทเรียนในอดีตที่เรามีปัญหาในช่วงความเห็นต่างมันจบลงได้ด้วยการพูดคุยกัน จบลงได้ด้วยนโยบายการเมืองที่ชัดเจน 

กองทัพภาคที่ 3 จัดแข่งเพาะกายและฟิตเนส กีฬาภายในกองทัพบก ครั้งที่ 70 

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กองทัพบก ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาภายกองทัพบกนั้น โดยพลตรีทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 ได้รับมอบหมายจากกองทัพภาคที่ 3 ให้เป็นหน่วยรับผิดชอบในการจัดการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนส ที่บริเวณลานชั้นล่างศูนย์การค้าเช็นทรัลพิษณุโลก มีพลตรีประสาน แสงศิริรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน พร้อมด้วยพล.ตรีกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ร่วมพิธี โดยมี พันเอกสกล เพชรทอง รองผบ.พลพัฒนาที่ 3 เป็นผู้กล่าวรายงาน 

สำหรับการจัดการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายและเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารบก เพื่อสร้างความสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีในหน่วยงานต่างๆของกองทัพบก ตลอดทั้งให้กำลังพลรู้หน้าที่ความรับผิดชอบ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีสุขภาพที่แข็งแรง และได้แสดงออกในความสามารถด้านกีฬา  

ทั้งนี้ มีการแบ่งประเภทการแข่งขัน แอธเลติคฟิสิค จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย 1.รุ่นความสูงไม่เกิน 165 เซนติเมตร 2.รุ่นความสูงไม่เกิน 170 เซนติเมตร 3.รุ่นความสูงไม่เกิน 175 เซนติเมตร และ 4. รุ่นความสูงเกิน 175 เซนติเมตร โดยมีการส่งนักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสเข้าแข่งขัน จำนวน 4 ทีม ประกอบด้วย ทีม ARMY A , ARMY B , ARMY C และ ARMY D ซึ่งมีนักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสเข้าร่วมแข่งขัน ทั้งสิ้น 64 นาย โดยคณะกรรมการจากสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนส แห่งประเทศไทย เป็นผู้ตัดสินในการแข่งขันครั้งนี้ 


ที่มา: ปรีชา นุตจรัส

ผบ.ตร. มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ เเก่หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 กว่า 31 รางวัล ระดับภาค ภ.3, บช.น ,ภ.4 และ 6 คว้ารางวัล ส่วนระดับจังหวัดตำรวจภูธร ชลบุรี สุรินทร์ ชัยภูมิ ลดคนเจ็บตายมากสุด

เมื่อวาน (17 ก.พ.66) เวลา 13.30 น. ที่ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้กับหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นด้านงานจราจร ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 ในด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน การอำนวยการจราจร และด้านการบังคับใช้กฎหมายจราจร โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วม 

มีรางวัลทั้งระดับกองบัญชาการ (หรือตำรวจภูธรภาค)  และระดับกองบังคับการ (หรือตำรวจภูธรจังหวัด) รวมทั้งสิ้น 31 รางวัล  

สำหรับการมอบรางวัลในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ตร. ได้กำหนดมาตรการสำหรับการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งกำหนดเกณฑ์ในการประเมินผลงานหน่วยในแต่ละระดับ ผลปรากฏว่าในภาพรวมระดับประเทศนั้น ตร. สามารถบังคับใช้กฎหมายและป้องกันอุบัติเหตุได้ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด สามารถลดจำนวนอุบัติเหตุจากค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังลงได้ถึง 713 ครั้ง (คิดเป็น - 22.61 %) ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังได้ถึง 49 ราย (คิดเป็น -13.39 %) และลดจำนวนผู้บาดเจ็บ จากค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังได้ถึง 728 คน (คิดเป็น -23.00 %) มีการบังคับใช้กฎหมายข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ได้จำนวน 22,439 ราย มากกว่าค่าเฉลี่ยเทศกาลปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง 21.31 % การบังคับใช้กฎหมาย 9 ข้อหาหลักด้านความปลอดภัยทางถนน รวมจำนวน 495,928 ราย มากกว่าค่าเฉลี่ยของเทศกาลปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง 91.75 %


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top