Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

'ปคบ.-อย.' บุกโกดังลอบผลิตเครื่องสำอาง - ยาสีฟันปลอม ยึดของกลางเกือบ 70,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 14 ล้าน!!

(13 ก.พ. 66) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงการตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพื่อทลายเครือข่ายลอบนำเข้าเครื่องสำอางแบรนด์ไทยปลอมหลากยี่ห้อ ของกลางกว่า 70 รายการ มูลค่ากว่า 14 ล้าน

พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดและอายัดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และยาสีฟันไทยยี่ห้อดังปลอม และแบรนด์อื่น ๆ กว่า 67,430 ชิ้น 70 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 14 ล้านบาท พร้อมจับกุมนายจง (Mr.Zhong) สัญชาติจีน ซึ่งทำหน้าที่ดูแลสถานที่ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ รับแค่ว่ามีหน้าที่แพ็คสินค้าและส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ โดยมีนายทุนจีนเป็นคนสั่งการ และทำมาแล้วกว่า 3 เดือน

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ผู้ต้องหาให้การซัดทอดไปยังกลุ่มทุนจีน ว่า เป็นผู้ส่งสินค้ามาให้จากประเทศจีน ตนเป็นคนแพ็คของส่งของ ซื้อขายผ่านร้านแพลตฟอร์มออนไลน์ (ช้อปปี้, ลาซาด้า) กว่า 18 ร้านค้า โดยเปลี่ยนชื่อบัญชีผู้รับโอนเงิน รวมทั้งเปลี่ยนที่จัดส่งหลายครั้ง โดยใช้รถขนส่งของเอกชนเพื่ออำพรางจนยากที่จะตรวจสอบ

'อนุชา' ปัด 'พปชร.' ล็อบบี้พรรคร่วมฯ ล้มอภิปราย ม.152 ชี้ ที่บรรยากาศเงียบเหงา เพราะทุกคนโฟกัสการหาเสียง

(13 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 09.30 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาและคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ลงชื่อเข้าร่วมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ว่า ขอรับประกันว่าไม่มีเรื่องนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่กลัวการตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเรื่องการเมืองตามปกติ ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสภาฯ แต่ตนเองก็พยายามที่จะดูแลอยู่แล้ว ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง แต่ก็ยอมรับว่า ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้สภาฯ ไม่ครบองค์ประชุม และต่างฝ่ายต่างโยนปัญหากันไปมา ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สภาฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

'ชาติพัฒนากล้า' ลุยสำรวจปทุมธานี - อยุธยาฯ ผลักดัน 'ศก.สายมู' ดึงดูด นทท. สร้างรายได้ให้ประเทศ

(13 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ นายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และนางสาวกชพร คีรีโชติ ทีมนโยบายพรรค เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสายมู ณ วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี, วัดไชยวัฒนาราม และอุทยานหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยวัดโบสถ์นั้น มีการสร้างหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดย นายกอุ๊ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว จากวัดเล็ก ๆ ขยายเติบโตเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ประชาชนจากทั่วประเทศ เข้ามาสักการะไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่นำของมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน

ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม ก็เป็นแลนด์มาร์กสำหรับแหล่งเช็กอินของชาวไทยและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับร้านค้า เช่าชุดไทย ที่นักท่องเที่ยวนิยมใส่ถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่อุทยานหลวงปู่ทวด ซึ่งนายกอุ๊ ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ จากพื้นที่นาโล่ง ๆ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 – 350,000 บาท

นางสาวยศยา หรือ นุ่น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจสายมู กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาในศาสตร์การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่คนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาล การกราบไหว้และบูชาในศาสตร์ต่าง ๆ เปรียบดั่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงปลุกขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างเสถียรภาพและมีคุณภาพ มีบทวิจัยจากนักวิจัยหลายประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่าศาสตร์ของการมูเตลูและการนั่งสมาธิสามารถเยียวยาจิตใจ รักษาโรคภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษย์ได้

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ในการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสตร์การบูชาองค์เทพสายขาวทุกแขนง เริ่มต้นจากผู้ศรัทธากลายมาเป็นผู้บูชา จนมาถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ one stop services เกี่ยวกับการมูเตลู นุ่นเป็นทั้งผู้ซื้อสินค้าและบริการ จนกลายมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านสินค้าและบริการทางศาสตร์มูเตลู เป็นเครื่องยืนยันได้จากประสบการณ์จริงว่า ความศรัทธา สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงิน และต่อยอดทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้อย่างไม่รู้จบ

ผบช.ภาค 5 แถลงผลการจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญ ตรวจยึดของกลางยาบ้า 4,600,000 เม็ด และไอซ์ 133 กก.

ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม 

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต. พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.พิทักษ์ นาสมวาส รอง ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.สงกรานต์ สันติวงค์ ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง ,พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ.จว.เชียงราย ,นายอนุเทพ ธาระณะ ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ปปส.ภ.5,พ.อ.ยอดชาย พวงวรินทร์ รอง เสธ ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดตามหมายจับ 1 คน ตรวจยึด ยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 133 กิโลกรัม ขยายผลตรวจยึดรถยนต์ของกลางรวม 4 คัน ซึ่งเป็นผลการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย 

เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบเส้นทางตามแนวชายแดน และตั้งจุดสกัดยาเสพติดบริเวณที่เกิดเหตุ ได้พบรถยนต์กระบะ ขับมาจากบ้านห้วยปู ม.11ต.แม่ฟ้าหลงวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เข้ามายังบริเวณจุดสกัด เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รถคันดังกล่าวได้ขับถอยหลังหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถยนต์ ไล่ติดตาม ไปพบรถคันดังได้ตกลงอยู่ข้างทาง ลักษณะประตู ด้านคนขับเปิดและดับเครื่องยนต์ไว้ แต่กุญแจรถเสียบคาอยู่ ไม่พบผู้ใด จึงได้เข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบกระสอบฟางอยู่ในที่นั่งตอนในกับกระบะท้ายเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า เป็นยาบ้าบรรจุอยู่ในกระสอบฟางจำนวน 23 กระสอบ ประมาณ 4.6 ล้านเม็ด และพบยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว อีกจำนวน133 ถุง ประมาณ 133 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ชุดตำรวจจึงได้ตรวจยึดและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน

ต่อมาสามารถขยายผลออกหมายจับและทำการจับกุมตัวนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ31 ปี ซึ่งเป็นชาว อ.แม่จัน จว.เชียงราย ได้

ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันอาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน”

'การบินไทย' พร้อมปรับปรุง เมนูมะระผัดไข่-แกงล้นถ้วย หลังโซเชียลวิจารณ์ ‘ไม่น่ากิน’

(13 ก.พ. 66) หลังจากที่เฟซบุ๊กเพจหนึ่ง โพสต์ภาพเมนูอาหารที่เสิร์ฟบนเที่ยวบินของสายการบินไทย ชั้นธุรกิจ เส้นทางโตเกียว-กรุงเทพฯ ระบุว่า...

“มีพี่ส่งเมนูอาหารไทยมาให้ดู ซึ่งดูแล้วขัดใจมะระผัดไข่กับแกงล้นถ้วย และเมื่อเทียบกับอาหารไทยที่เคยทานบนสายการบินยักษ์ใหญ่ในตะวันออกกลางดูน่ากินกว่านี้”

ล่าสุดเพจ THAI Corporate Communications ได้โพสต์ระบุว่า ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการลงภาพการจัดวางอาหารไทยบนจาน ในการบริการชั้นธุรกิจ ของการบินไทย เส้นทางโตเกียว - กรุงเทพฯ นั้น

บริษัทฯ ขอน้อมรับคำติชมและขอขอบคุณสำหรับข้อแนะนำของท่านผู้โดยสาร เพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการแก่ผู้โดยสาร ทั้งในเรื่องของอาหาร และการจัดวางอาหารบนภาชนะ (Plating) สำหรับให้บริการ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความพึงพอใจต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมที่จะพัฒนาปรับปรุงการให้บริการแก่ผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารทุกท่านได้รับความพึงพอใจสูงสุด และขอขอบคุณท่านผู้โดยสารที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการบริการของการบินไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top